Beranda / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 12 แมวจับหนู

Share

บทที่ 12 แมวจับหนู

Penulis: 23.19น.
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-22 01:15:24

“เอาไปสิ”

เสียงทุ้มดังขึ้น แล้วยื่นถุงยาส่งให้คนป่วยที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่เบา ๆ เพราะยังไม่หายไข้ดี แม้จะได้ยาฉีดจากหมอไปแล้วก็ตาม แต่ถึงจะดูไม่ค่อยไหวนักเธอก็ยื่นมือออกมารับไปอย่างไม่อิดออด

“ขอบคุณนะคะ”

น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา แฝงไปด้วยความรู้สึกเกรงใจอย่างอดไม่ได้ ทั้งการอยู่ใกล้เขายังรู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ

“ไม่ต้อง… ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

นทีปฏิเสธคำขอบคุณของเจ้าหล่อน น้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ใส่ใจ แต่สายตาของเขาที่มองหญิงสาวกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ความหงุดหงิดในตอนแรกเริ่มลดน้อยลงแล้ว

นึกตำหนิตัวเองเสียด้วยซ้ำที่ปล่อยให้ความรู้สึกสั่นคลอนอารมณ์ตัวเองจนพลั้งปากพูดจาไม่ดีใส่เธอไปเสียขนาดนั้น ทั้งที่เห็นอยู่ว่าอัจฉราไม่ได้ตั้งใจโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครได้เห็น ริมฝีปากหยักได้รูปเผลอเม้มเข้าหากันอย่างแผ่วเบา เขารู้ว่าเขาควรจะขอโทษเธอ... แต่เขาไม่อยากทำ

นทีเมินเฉยความรู้สึกผิดนั้นในใจของเขาออกไปซะ เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพลันนั้น ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะหันให้คนตัวเล็กที่ยังคงนั่งก้มหน้า ไม่พูดไม่จาอะไรอีก

“กลับ” พูดจบเจ้าของขายาวก็ก้าวสามขุมออกไปทันที ไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ที่ตามหลังมาอย่างทันท่วงทีอยู่ดี

อัจฉราลุกพรวดออกจากเก้าอี้ แม้ยังจะสับสนอยู่กับท่าทางที่กะทันหันของร่างสูงที่นำลิ่วอยู่ข้างหน้าแค่ไหนก็ตาม แต่คำว่า ‘กลับ’ คำเดียวสั้น ๆ กลับมีน้ำหนักมหาศาลจนเธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ร่างเล็กเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่หยุดพัก ถึงจะเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทันแล้วก็ตาม

“คุณนที... แฮ่ก... รอด้วยค่ะ”

ในที่สุดกลีบปากอิ่มก็ยอมปริปากพูดบางอย่างออกไป หล่อนหยุดเดินฉับพลัน เหนื่อยจนตามคนตัวสูงไม่ไหว ในที่สุดนทีก็ยอมหยุดลงเสียทีหลังจากที่เคยเดินไม่รอใครเลย

ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ หันกลับมามองคนป่วยที่ยืนหอบตัวโยนอยู่ข้างหลังเขา พวงแก้มอิ่มแดงก่ำ ขณะที่กลีบปากแย้มออกช่วยหายใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความรู้สึกขัดใจในความอ่อนแอของเธอ ของผู้หญิงที่คอยเอาแต่จะวิ่งเข้าหาเขาทุกเมื่อ แต่ตอนกลับเอ่ยปากร้องขอให้เขารอเธอ

นทีขบกรามแน่น ความรู้สึกผิดในตอนแรกเปลี่ยนผันกลายเป็นความรู้สึกขุ่นมัว เขากระชากลมหายใจเข้าปอดเบาแต่ลึก พยายามระงับความรู้สึกคุกรุ่นในอก แต่แล้วเมื่อเห็นว่าสายตาของหล่อนมองมาที่เขา วินาทีที่ดวงตาคู่สวยของอัจฉราสะท้อนแววตาของเขา อารมณ์ของนทีก็ขาดผึงทันที

เขาไม่เคยเป็นแบบนี้... ความรู้สึกที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ดั่งใจ

“สำออย...”

ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้าไปหยุดยืนประจันหน้ากับหญิงสาวทันที นัยน์ตาสีนิลจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่บัดนี้เบิกกว้าง ความตกใจและความหวาดหวั่นของเธอชัดเจนจนรู้สึกขัดใจ

“เดินเองก็ยังไม่ได้แล้ว... จะเงียบปากทำไมวะ”

“คุณนที... ว้าย!”

อัจฉราตาโตด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเป็นคนพูดจาแบบนั้น ปากร้ายยังพอทนแต่เขาขึ้น ‘วะ’ กับเธอ มันเป็นด้านที่อัจฉราไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน ทว่าก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว วงแขนแกร่งก็ช้อนร่างของเธอขึ้นอย่างง่ายดายจนลอยหวือ

“คุณนที! อุ้มเนยทำไมคะ!”

หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น ร่างเล็กสั่นระริกในอ้อมอกของเขา ดวงหน้าหวานซีดเผือด ความหุนหันของชายหนุ่มทำให้คนทั้งโรงพยาบาลต้องมองมาเป็นตาเดียวกัน

“อยากโวยวายให้เสียงแห้งก็ไม่ว่ากัน แต่ที่อุ้มเนี่ยเพราะเห็นว่าเป็นง่อยไง เหนื่อยจนตัวโยนขนาดนั้น”

ดวงตาคู่คมกดต่ำมองเห็นความตื่นตระหนกบนหน้าของอัจฉรา แถมยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวกายของเธอที่แนบชิดกับเขาอีกต่างหาก

“ตัวร้อนขนาดนี้ หมอมันเอาน้ำเปล่าฉีดเข้าเส้นเธอหรือไงวะ”

นทีสบถออกมาอย่างนึกขัดใจ เขามองดวงสวยจัดของคนในอ้อมอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพาเธอออกไปจากโรงพยาบาลทันที โดยไม่สนเสียงซุบซิบและสายตาของใครหน้าไหนทั้งนั้น

รปภ. ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าออกอยู่เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินมาใกล้ ก็ปรี่มาเปิดประตูบริการให้อย่างไม่ช้า ทว่านทีหาได้สนใจไม่ เขาอุ้มร่างของหญิงสาวออกไปสู่ความร้อนอบอ้าวของสภาพอากาศในยามสายจัด แต่พระอาทิตย์ที่ว่าร้อนตอนนี้มันยังไม่เท่ากับความรู้สึกที่โหมอยู่ในอกของเขาเลยสักนิด

เมื่อเดินมาจนถึงรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ในลานโล่ง ร้อนจัด มือใหญ่ข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจรถ โดยยังคงประคองร่างของคนตัวเล็กเอาไว้ นทีแทบไม่ต้องระวังอะไรเลย เพราะตอนนี้อัจฉรากอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกอย่างกับลูกลิง เสียง ‘คลิก’ ดังขึ้นเขาก็เอื้อมไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารออกทันที

“จะเกาะอีกนานไหม แม่คุณ?”

ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเรียบเฉยก้มมอง แต่แววตาวาววับอย่างน่ากลัวจากอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจเขา ทำให้หัวใจของอัจฉราเต้นระรัว... ด้วยความกลัว กลัวจริง ๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“นั่งเฉย ๆ และคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยด้วย”

นทีไม่ใส่ใจเอาคำตอบ เมื่อสัมผัสได้ว่าแรงของแขนเล็กที่คล้องอยู่รอบคอคลายลงแล้ว เขาก็วางร่างที่ยังคงร้อนผ่าวลงบนเบาะทันทีอย่างไม่ออกแรงเท่าไหร่นัก จนเธอคิ้วขมวดแต่ก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา

อัจฉรากลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอ สายตามองตามร่างสูงที่เดินอ้อมรถยนต์ จนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ทันที ดวงตาคู่คมตวัดมองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังนั่งนิ่งไม่ยอมคาดเข็มขัด เขาเตรียมใจจะจัดการเอง ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือทำอย่างที่คิด ดูเหมือนว่าคนข้างกายจะรู้ตัวเองเสียก่อน

อัจฉราคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว มือบางสั่นเล็กน้อย นัยน์ตาที่ฉ่ำคลอไปด้วยพิษไข้รีบหลบสายตา หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดหวั่นที่ยังไม่เจือจาง หล่อนนั่งนิ่ง ๆ เหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต ไม่กล้าต่อปากต่อคำ

“นี่ ดื่มน้ำซะ แล้วก็กินยาลดไข้เข้าไปด้วยล่ะ”

นทียื่นน้ำขวดใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดฝาขวดไปให้คนที่นั่งหันหน้าหนีเขา อัจฉราที่เคยชอบแอบมอง ทว่าตอนนี้กลับไม่คิดที่จะหันมาด้วยซ้ำ มันทำให้เขาหงุดหงิด แต่พอเห็นสีหน้าที่ซีดเผือด และอาการหนาวสั่นของเธอ เขาก็เหมือนจะได้สติกลับมาบ้างเล็กน้อย

ตุ้บ เขาเปลี่ยนจากการยื่นให้เฉย ๆ เป็นการโยนลงบนตักของเธอ ส่งผลให้ร่างบางสะดุ้งเบา ๆ เธอหันกลับมามองเขาแค่แวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หลบตาไปเหมือนเดิม แต่ดวงตาคู่คมยังคงมองอยู่ รอจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอหยิบขวดน้ำขึ้นมาแล้ว เมื่อเห็นมือที่สั่นเทาคู่นั้นยอมเคลื่อนไปกุมรอบขวดเอาไว้แล้ว เขาถึงได้ยอมละสายตาไป

นทีถอนหายใจออกมาผิดไปจากบุคลิกที่สุขุม เยือกเย็นและควบคุมได้ในยามปกติ เขาไม่พูดอะไรอีกแล้วในเมื่อเธอไม่ยอมพูดหรือว่าตอบอะไร เขาก็จะปล่อยให้ความเงียบกดดันเธอด้วยตัวของมันเองไปแบบนั้น สายตาคมกริบตวัดมองออกไปเบื้องหน้า เข้าเกียร์และบังคับพวงมาลัยออกไปจากลานจอดในที่สุด

อัจฉราเหลือบตามองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจเธออีกแล้วเพียงแค่สั้น ๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนเดิม หญิงสาวกลืนน้ำลาย บีบขวดน้ำในมือแน่นขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกกดดัน

บรรยากาศในรถเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ และมันก็ยิ่งทำให้ความคิดตีรวนวุ่นวายไปหมด พอ ๆ กับหัวใจที่ถูกความรู้สึกหลากหลายเข้าเล่นงาน หญิงสาวทั้งสับสน ทั้งกลัว และที่สำคัญคือความไม่แน่ใจ... ไม่แน่ใจอีกแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรู้จักผู้ชายที่เฝ้าหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว อย่าง ‘นที’ ดีพอแล้วหรือยัง

การกระทำและคำพูดของเขาในวันนี้มันเล่นงานเธออย่างจัง ผู้ชายที่เคยมองว่าแสนดี สุภาพ หายไปไหน คนที่อยู่พ่นคำต่อว่าร้ายกาจใส่เธอคือใคร คือนทีตัวจริงหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้ร้ายนักนะ หรือว่าที่ผ่านมาเขารู้อะไร... ถึงได้ร้ายใส่กันขนาดนี้

อัจฉราผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ หล่อนไม่ยอมดื่มน้ำ หรือว่ากินยาลดไข้เลยสักอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัวว่าตัวเองไข้ขึ้นสูงอีกแล้ว การไปหาหมอไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก พอฤทธิ์ยาหมดก็กลับมาเป็นใหม่ ทว่าการจะฝืนตัวเองให้เคลื่อนไหวในพื้นที่คับแคบแห่งนี้ ทำให้เธอรู้ไม่สบายใจเลยสักนิด เหมือนทำอะไรก็ถูกจับจ้องไปหมด

ทุกอย่างมันติดขัดไปหมด นทีเปลี่ยนความชื่นชมของเธอไปแทบไม่มีหลงเหลือ เขาทำให้มันมีตำหนิและมองเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ส่วนนทีเองนั้น เขาก็ไม่สนใจอัจฉราอีกแล้วเช่นกัน ไม่บังคับให้เธอดื่มน้ำหรือว่ากินยา ในเมื่อเธอเลือกที่จะทรมานตัวเองเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างเขาไม่อยากจะเสียความควบคุมที่ตอนนี้เหลือน้อยเต็มที

เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้แสดงอาการออกไปขนาดนั้น ตอนแรกก็แค่คิดว่าเพราะรำคาญ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เขาใช้ความเงียบตกตะกอนความรู้สึกของตัวเอง มันไม่ใช่ความรู้สึกดี ๆ หรือว่าความหวั่นไหวพอที่จะเรียกว่าชอบได้

แต่มันคือความสนใจ... สนใจมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนราชสีห์ที่เห็นหนูอยู่ตรงหน้า สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่ไม่น่าสนใจ ไม่มีอะไรดี แถมยังน่ารำคาญด้วยซ้ำไป

แต่พอเห็นว่ามันเหมือนจะละทิ้งความสนใจไป เพราะคิดว่าตัวเองไม่คู่ควร ยิ่งเห็นความอ่อนแอ ยิ่งเห็นว่าพยายามตีตัวออกห่าง ทั้งที่เคยสนใจยิ่งกว่าสิ่งใด มันทำให้นทีรู้สึกเหมือนโดนดูถูก เขาต้องการให้อัจฉรามองเขาเหมือนที่เคยเป็น ไล่ตามเขาเหมือนที่เคยทำ

ยิ่งกว่านั้นคือเขาอยากตะปบหล่อนเอาไว้ใต้อุ้งมือ... กดและเล่นกับหนูตัวเล็ก ๆ ที่กล้าคิดจะหันหลังให้เขาอย่างหนำใจ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [2/2]

    คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [1/2]

    อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [2/2]

    แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [1/2]

    “คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [2/2]

    เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [1/2]

    “คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status