หนึ่งเดือนผันผ่านดั่งพลิกฝ่ามือ เพราะจบเรื่องงานที่ต้องจัดการในวังแล้วเฉินอิ้งถงจึงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักไท่เฟยต่อ ประการแรกเกรงต่อคำครหา ประการที่สองบ้านช่องก็อยู่ไม่ไกลจะรั้งอยู่ในฐานะใดในวังหลังทั้งที่ยังไม่อภิเษก
ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเฉินอิ้งถงเป็นลูกนอกสมรสของใต้เท้าเหอ นางจึงจำใจต้องย้ายออกมากะทันหัน แม้จินชางหลงค้านหัวชนฝาทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงก่อนเข้าพิธีวิวาห์เช่นกัน
“ถงเอ๋อร์ ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”
เฉินอิ้งถงละมือจากงานปักตรงหน้า ตั้งแต่นางเข้ามายังจวนเหอก็ไม่ได้รับความลำบากใด ข้างกายยังมีสาวใช้นามว่าซูซูคอยปรนนิบัติอีกด้วย
“ที่นี่เป็นจวนของท่าน จะนั่งจะนอนเหตุใดต้องขออนุญาต”
ชายวัยกลางคนหย่อนร่างนั่งลงฝั่งตรงข้าม ซูซูรินชาเรียบร้อยก็ถอยห่างไป
“ท่านมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ”
“ไยไม่เรียกท่านพ่อเล่า หรือเจ้ายังเคืองเรื่องที่ข้าละทิ้งเจ้ากับแม่ หากเป็นเรื่องนั้น…”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
จะให้นางเรียกก็ย่อมได้ ทว่าเฉินอิ้งถงไม่เคยเรียกใครว่าพ่อมานานมากแล้ว อยู่ ๆ ก็มีพ่อกับชาวบ้านเขานางย่อมรู้สึกประดัก
หนึ่งเดือนผันผ่านดั่งพลิกฝ่ามือ เพราะจบเรื่องงานที่ต้องจัดการในวังแล้วเฉินอิ้งถงจึงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักไท่เฟยต่อ ประการแรกเกรงต่อคำครหา ประการที่สองบ้านช่องก็อยู่ไม่ไกลจะรั้งอยู่ในฐานะใดในวังหลังทั้งที่ยังไม่อภิเษกในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเฉินอิ้งถงเป็นลูกนอกสมรสของใต้เท้าเหอ นางจึงจำใจต้องย้ายออกมากะทันหัน แม้จินชางหลงค้านหัวชนฝาทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงก่อนเข้าพิธีวิวาห์เช่นกัน“ถงเอ๋อร์ ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”เฉินอิ้งถงละมือจากงานปักตรงหน้า ตั้งแต่นางเข้ามายังจวนเหอก็ไม่ได้รับความลำบากใด ข้างกายยังมีสาวใช้นามว่าซูซูคอยปรนนิบัติอีกด้วย“ที่นี่เป็นจวนของท่าน จะนั่งจะนอนเหตุใดต้องขออนุญาต”ชายวัยกลางคนหย่อนร่างนั่งลงฝั่งตรงข้าม ซูซูรินชาเรียบร้อยก็ถอยห่างไป“ท่านมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ”“ไยไม่เรียกท่านพ่อเล่า หรือเจ้ายังเคืองเรื่องที่ข้าละทิ้งเจ้ากับแม่ หากเป็นเรื่องนั้น…”“เปล่าเจ้าค่ะ”จะให้นางเรียกก็ย่อมได้ ทว่าเฉินอิ้งถงไม่เคยเรียกใครว่าพ่อมานานมากแล้ว อยู่ ๆ ก็มีพ่อกับชาวบ้านเขานางย่อมรู้สึกประดัก
“มาแล้วหรือ…นั่งสิ” จินเหยียนผายมือเชื้อเชิญ“คารวะท่านอ๋อง”เฉินอิ้งถงยอบกายลง จินชางหลงกุมมือนางเอาไว้เพราะเป็นห่วง จินเหยียนเห็นภาพตรงหน้าก็อดเย้าแหย่เป็นมิได้“น้องชายข้าไม่เห็นหัวพี่ชายคนนี้เสียแล้ว กำลังจะแต่งพระชายาเลยคิดว่าข้าประหนึ่งปีศาจ”เฉินอิ้งถงยิ้มแห้งทว่าจินชางหลงกลับยังคงกุมมือของนางไม่ยอมปล่อย“ท่านพี่ล้อเล่นแล้ว ข้ายังเคารพท่านเช่นเดิม แต่หากท่านจะเอาตัวนางไปคุมขังข้าก็ไม่อาจนิ่งดูดายเช่นเดียวกัน”“เอาล่ะ ๆ ชางหลง เจ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ข้าเรียกมาวันนี้ไม่ได้จะพานางไปคุมขังเสียหน่อย”จินชางหลงผ่อนสีหน้าลง เขาจูงมือเฉินอิ้งถงไปนั่งพร้อมกัน“เช่นนั้นท่านพี่มีเรื่องใดงั้นหรือ”จินเหยียนหยิบหมากตัวสีดำมาวางบนกระดานอย่างใจเย็น “เล่นกันสักตาหรือไม่”จินชางหลงขมวดคิ้ว “ท่านพี่…นางเหนื่อยมามากวันนี้ต้องเร่งไปพัก ท่านมีเรื่องใดก็ว่ามาเถิด”เฉินอิ้งถงที่นั่งฟังสองพี่น้องโต้กันไปมาก็เริ่มสัมผัสถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ความรู้สึกประหลาดนี้หนักหน่วงจนหวาดระแวง จินชางหลงไม่ได้ปล่อยมือที่กุมอย
เรื่องการแต่งงานจินชางหลงไม่ได้นำมาพูดอีก เพราะต้องการให้ผ่านวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของไทเฮาไปอย่างราบรื่นเสียก่อนเฉินอิ้งถงก็ทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี ใต้เท้าเหออยากรับนางกลับไปที่จวนในฐานะของบุตรสาว ทว่าเฉินอิ้งถงกลับรู้สึกว่าการที่ตนอาศัยอยู่ตำหนักไท่เฟยนั้นดีกว่า เพราะหากให้นางโผล่ไปโน่นทีนี่ทีเกรงว่าคงได้อึดอัดแย่“แม่นางเฉินเป็นคนของตำหนักไท่เฟย ได้รับหน้าที่ให้จัดการเครื่องเสวยของงานในวันนี้นางทำได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ข้าได้ยินชื่อเสียงมานาน แต่ไม่มีเวลามาพบ วันนี้ได้ยลโฉมเต็มตา ช่างงดงามสมคำร่ำลือ”“หม่อมฉันมิกล้าขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตาเพคะ”ฮ่องเต้จินข่ายหัวเราะร่วน “ช่างรู้จักถ่อมตน ได้ยินว่าเจ้าเคยช่วยชีวิตไท่เฟยเอาไว้ เรื่องจริงหรือไม่”“เพคะ”“ดียิ่งนัก เห็นแก่คุณงามความดีของเจ้า อีกทั้งยังเป็นถึงบุตรสาวของใต้เท้าเหอ เช่นนั้นงานวันนี้ราบรื่นด้วยดี ข้าจะปูนบำเหน็จให้แก่เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ขุนนางทุกคนต่างตกตะลึงไม่คิดว่าฮ่องเต้จินข่ายพบหน้าเฉินอิ้งถงคราแรกก็ชอบใจอย่างออกนอกหน้า หนำซ้ำยังปูนบำ
เฉินอิ้งถงกลับถึงห้องก็นอนพลิกซ้ายตะแคงขวาใจเต้นระส่ำ ร่องรอยของจุมพิตยังติดตรึงอยู่ตรงริมฝีปาก มือเรียวยกผ้าห่มปิดหน้าพริบตาก็เลิกออก เป็นเช่นนี้อยู่หลายสิบครั้ง“นายท่าน จิตใจของท่านปั่นป่วนแล้ว วันนี้เสี่ยวฮวาไม่ได้ไปด้วยเกิดเรื่องดี ๆ อะไรหรือเจ้าคะ”เฉินอิ้งถงแก้มแดงระเรื่อทำอันใดไม่ถูก หญิงสาวกระแอมกลบเกลื่อน “เรื่องดีที่ไหนกัน”“แต่ความรู้สึกของท่านไม่ได้บอกเช่นนั้นนี่เจ้าคะ”“ช่างเถอะไม่พูดแล้ว นอนดีกว่าพรุ่งนี้ข้ายังต้องเร่งไปเตรียมงานเฉลิมฉลองอีกมาก” เฉินอิ้งถงยกผ้าคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกหน เพียงนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมากระแสร้อนผ่าวก็ลุกวาบไปทั่วร่างจวนจะระเบิด“นายท่านนะนายท่าน ท่านนี่ท่าจะประหลาดขึ้นทุกวัน”“เจ้าเงียบไปเลย มานอนได้แล้ว” เฉินอิ้งถงตำหนิอู้อี้ไม่จริงจัง“เจ้าค่ะ”เสี่ยวฮวาเกาศีรษะแกรกกรากพลางส่ายหน้ากอดอกถอนหายใจแผ่ว ร่างเล็กลอยโฉบเข้าใกล้หัวเตียงแล้วม่อยหลับไปด้วยความคับข้องใจเต็มโซนสมอง“องค์ชาย วันนี้มีเรื่องน่ายินดีใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเห็นอีกฝ่ายเหม่อมองพระจันทร์ด
อาทิตย์อัสดง [1] ใกล้ย่ำรัตติกาลหนึ่งร่างระหงหนึ่งกายสูงโปร่งเดินเคียงกันท่ามกลางบรรยากาศหนาวยะเยือก เฉินอิ้งถงกระอักกระอ่วนจนพูดไม่ออก เมื่อก่อนนางหวังได้เขามาเป็นสามี ทว่ายามนี้ไม่ต้องพยายามเฉกเช่นกาลก่อนแต่นางกลับรู้สึกปอดแหกขึ้นมากะทันหันตลอดทางเดินนางกำนัลและเหล่าทหารเวรยามล้วนค้อมศีรษะเคารพจินชางหลงพลางทักทายเฉินอิ้งถงอยู่เสมอ เฉินอิ้งถงปั้นยิ้มประหลาดส่งให้ทุกคนจนหน้าชา ทว่าจินชางหลงกลับไม่ยอมพูดจาดั่งจงใจปั่นหัวนางให้อยู่ไม่เป็นสุขกระทั่งมาถึงที่ลับสายตาเฉินอิ้งถงก็ทนไม่ไหว นางต้องถามเขาให้ชัดเจน เรื่องเมื่อครู่เขาเพียงต้องการปกป้องนางหรือคิดจริงจัง“องค์ชายเพคะ”“หืม”เฉินอิ้งถงหมุนร่างกลับใบหน้างามก็จมเข้าแผงอกกว้างจนต้องผงะ“โอ๊ย นี่พระองค์ต้องเข้ามาใกล้เพียงนี้เลยหรือเพคะ” เฉินอิ้งถงหน้ายับยู่ นิ้วเรียวยกขึ้นเขี่ยปลายจมูกที่เผลอสูดกลิ่นกายบุรุษเข้าเต็มปอด“เห็นเจ้าอึดอัดอยู่นานเกรงว่าคงมีเรื่องอยากถามข้า”เฉินอิ้งถงกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ นัยน์ตาดอกท้อช้อนมองร่างสูงแช่มช้า เขาไม่ได้หลบสายตานางทว่ากลับม
“อีกไม่นานข้าก็ต้องจากแคว้นเป่ยเซี่ยไปแล้ว ข้าไม่อยากค้างคาใจกับเจ้าดังนั้นที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่ออยากจะขอโทษ” แม้ในใจลึก ๆ ผิงอันไม่อาจปล่อยวางเรื่องแต่งงาน ทว่านางก็ประหนึ่งหมูในอวย ต่อให้ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์จินชางหลงยืนไม่ห่างนักย่อมได้ยิน ถึงอย่างไรผิงอันก็เปรียบดั่งน้องสาวของเขา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ผิงอันยิ้มขืน มือที่วางตรงหน้าตักขยำจนเนื้อผ้ายับย่น “ท่านพี่ชางหลง ขอบพระทัยที่เมตตาหม่อมฉันเสมอมา หม่อมฉันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้เพคะ”จินชางหลงตกใจหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้ข้ากราบทูลเสด็จย่าแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน”ผิงอันส่ายหน้า “ไทเฮาตัดสินพระทัยแล้วเพคะ หม่อมฉันเองก็ยินดีรับโทษ”“ไม่ได้!” เฉินอิ้งถงโพล่งหลังจากนางใช้เวลาไตร่ตรองเฉินอิ้งถงก็นึกออกเสียทีว่าท่านหญิงผิงอันคือใคร นิสัยเดิมของนางไม่ใช่คนโหดร้ายเพียงแค่เอาแต่ใจมากไปเท่านั้น อีกอย่างนางยังเป็นหญิงสาวที่โชคร้ายมากด้วยหากเมื่อใดที่ฮ่องเต้ให้กำเนิดองค์หญิงนั่นหมายถึงในกาลข้