เฉินอิ้งถงทอดสายตามองสีหน้าของตนผ่านคันฉ่อง ตั้งแต่เกิดเหตุวุ่นวายในท้องพระโรงหนนั้น ก็ร่วมสองสัปดาห์แล้วที่จินชางหลงเงียบหายไปไม่แม้แต่ปรากฏตัว
ส่วนนางเองก็ถูกทั้งไทเฮาและไท่เฟยเรียกเข้าเฝ้าจนบางคราต้องค้างที่วังหลวง นั่นเพราะนางจะต้องเข้ารับการขัดเกลามารยาทจากมามาก่อนเข้าพิธีอภิเษก
วันใดที่กลับมาบ้านก็ประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำได้เพียงทิ้งตัวลงและก็ม่อยหลับไป วันนี้ได้โอกาสหยุดพักผ่อนตั้งหนึ่งวันจึงมีเวลาพบหน้าซูซูจริงจังเสียที
“คุณหนู ท่านไปเสียนานบ่าวคิดถึงคุณหนูมาก อยู่ที่แดนเหนือลำบากหรือไม่เจ้าคะ” ซูซูหวีผมนุ่มสลวยดำขลับดุจสีน้ำหมึกด้วยความแผ่วเบา
“ข้าไม่ได้รับความลำบากใด อีกอย่างข้าอยู่ที่นั่นยังได้รู้จักคนผู้หนึ่ง นางคล้ายเจ้ามากทีเดียว” เฉินอิ้งถงยิ้ม
“น่าอิจฉานางที่ได้ช่วยคุณหนูทำประโยชน์ ทว่าบ่าว…”
“อาซู เจ้านี่ขี้น้อยใจจริง ข้าก็กลับมาแล้วนี่อย่างไร”
ซูซูทำท่าจะร้องไห้ “แต่อีกไม่นานคุณหนูก็ต้องอภิเษกแล้ว เช่นนั้นบ่าวจะได้ติดตามคุณหนูเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน วันพรุ่งนี้ไท
เฉินอิ้งถงทอดสายตามองสีหน้าของตนผ่านคันฉ่อง ตั้งแต่เกิดเหตุวุ่นวายในท้องพระโรงหนนั้น ก็ร่วมสองสัปดาห์แล้วที่จินชางหลงเงียบหายไปไม่แม้แต่ปรากฏตัวส่วนนางเองก็ถูกทั้งไทเฮาและไท่เฟยเรียกเข้าเฝ้าจนบางคราต้องค้างที่วังหลวง นั่นเพราะนางจะต้องเข้ารับการขัดเกลามารยาทจากมามาก่อนเข้าพิธีอภิเษกวันใดที่กลับมาบ้านก็ประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำได้เพียงทิ้งตัวลงและก็ม่อยหลับไป วันนี้ได้โอกาสหยุดพักผ่อนตั้งหนึ่งวันจึงมีเวลาพบหน้าซูซูจริงจังเสียที“คุณหนู ท่านไปเสียนานบ่าวคิดถึงคุณหนูมาก อยู่ที่แดนเหนือลำบากหรือไม่เจ้าคะ” ซูซูหวีผมนุ่มสลวยดำขลับดุจสีน้ำหมึกด้วยความแผ่วเบา“ข้าไม่ได้รับความลำบากใด อีกอย่างข้าอยู่ที่นั่นยังได้รู้จักคนผู้หนึ่ง นางคล้ายเจ้ามากทีเดียว” เฉินอิ้งถงยิ้ม“น่าอิจฉานางที่ได้ช่วยคุณหนูทำประโยชน์ ทว่าบ่าว…”“อาซู เจ้านี่ขี้น้อยใจจริง ข้าก็กลับมาแล้วนี่อย่างไร”ซูซูทำท่าจะร้องไห้ “แต่อีกไม่นานคุณหนูก็ต้องอภิเษกแล้ว เช่นนั้นบ่าวจะได้ติดตามคุณหนูเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน วันพรุ่งนี้ไท
“องค์ชาย ทำเช่นนี้ดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าคิดว่าข้ามีทางเลือกมากนักหรือ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของข้านอกจากท่านพี่ หากเสด็จพ่อทำตามข้อตกลงไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็มิอาจทำตามที่ท่านต้องการได้เช่นเดียวกัน”“แล้วท่านอ๋องจะยินยอมทำตามแผนการหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ท่านพี่และข้าสนิทสนมและรู้ใจกันมากที่สุด สำหรับเจ้าแล้ว ท่านพี่หรือว่าข้าเด็ดเดี่ยวมากกว่ากันล่ะ”เผิงจิ้นเสียนผงะเมื่อเห็นแววตาที่เคยอบอุ่นแปรผันเป็นเย็นยะเยือกน่าเกรงขาม เมื่อใดที่จินชางหลงเผยด้านมืดออกมาผู้ใดก็อย่าหมายขัดขวางความตั้งใจของเขา “แน่นอนว่าทั้งสองพระองค์นิสัยใกล้เคียงกันพ่ะย่ะค่ะ”จินชางหลงยิ้มขันผ่านลำคอ นิสัยของจินเหยียนเข้มงวดเย็นชาจนน่าสะพรึง ผู้คนล้วนโจษจันว่าเขาเป็นอ๋องอำมหิตสังหารศัตรูไม่กะพริบตา ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่เคยรู้ว่าน้องชายที่อ่อนแอดูอบอุ่นเช่นเขา นิสัยแท้จริงหนักข้อยิ่งกว่าพี่ชายตนเสียอีก พูดได้ว่าเขาคือจอมวางแผนผู้แสนร้ายกาจณ ตำหนักบรรทมเสิ่นกุ้ยเฟยฮ่องเต้จินข่ายลุกพรวด สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม โลหิตในกายเดือดพล่านเสียจนหน้
เช้าวันถัดมาจินชางหลงก็พาเฉินอิ้งถงกลับ เดิมทีเขาอยากยื้อเวลาอีกสักหน่อย ทว่าสถานการณ์คล้ายจะไม่เหมาะ ดังนั้นการบรรเทาทุกข์ครั้งนี้ต้องเร่งจัดการและกลับไปที่วังหลวงเพื่อเข้าพิธีอภิเษกโดยเร็วขึ้นเขาหนนี้นับว่าไม่เสียเปล่าเพราะเฉินอิ้งถงได้พบกับสมุนไพรชนิดร้อนที่สามารถชะล้างอาการหนาวปวดกระดูกได้ นางจึงคิดวิธีการปรุงเป็นยาบำรุงโดยเลือกผสมเข้ากับธัญพืช นอกจากสามารถช่วยรักษาอาการป่วย ยังสามารถใช้ทดแทนอาหารในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย“พี่หญิงท่านนี่เก่งจริง ๆ ทำเช่นนี้เราก็ไม่ต้องลำบากเรื่องต้มยาและอาหาร” อาจิ้นตาเป็นประกายเฉินอิ้งถงยิ้ม “เจ้าอย่ามาทำเยินยอข้า เรื่องครั้งก่อนอย่าคิดว่าข้าจะลืม”อาจิ้นสะดุ้งพลางยิ้มแหย “พี่หญิงเฉิน ข้าเองก็ลำบากใจ…” อาจิ้นเหลือบซ้ายแลขวา โน้มตัวกระซิบเบา “เขาเป็นถึงองค์ชายเชียวนะเจ้าคะ หากข้าไม่ทำตามเกรงว่าหัวจะหลุดจากบ่า”เฉินอิ้งถงส่ายหน้า มือเรียวดีดปลายจมูกอาจิ้นเพื่อหยอกล้อ “นี่แน่ะ เด็กเลี้ยงแกะ พอกันทุกคน หากเป็นบ้านเมืองเดิมของข้าพวกเจ้าคงได้รางวัลตุ๊กตา
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามมีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสองที่พ่นปะทะความเงียบสงัด ปลายนิ้วเรียวเริ่มขยับทีละน้อย เปลือกตาบางแง้มเปิดแช่มช้า“อื้อ…เจ็บจัง” เฉินอิ้งถงดันร่างขึ้น ทว่าต้องล้มพังพาบลงไปอีกครั้ง เพราะเรี่ยวแรงที่ถดถอยซ้ำยังถูกแขนแกร่งรัดไว้จนแน่น“องค์ชาย…”จินชางหลงยังไร้สติ เฉินอิ้งถงแหงนมองพลางร้องเรียก น้ำเสียงของนางแหบแห้งระคนร้อนรน“องค์ชายเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง”“…”เมื่อครู่เฉินอิ้งถงแทบไม่ได้รับบาดเจ็บใดเลย มีเพียงความตกใจที่ทำให้นางสิ้นสติ ทว่าจินชางหลงไม่โชคดีเช่นนั้น เขาพยายามปกป้องนาง ใช้ตัวเองเป็นโล่จนร่างบอบช้ำเฉินอิ้งถงเห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งก็รู้สึกใจคอไม่ดี “องค์ชาย องค์ชาย ตอบสิเพคะ”“…”เสียงเล็กสั่นเครือน้ำสีใสเอ่อคลอขึ้นตรงขอบตา นางเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจของเขา แต่มันกลับเต้นเบามาก ๆ จนนางไม่ทันได้ยิน เสื้อผ้าที่สวมก็หนาเสียจนบดบังทุกสิ่ง พยายามแนบหูอยู่นานนางก็ยังสัมผัสไม่ถึง เฉินอิ้งถงใจเสีย สติที่มีขาดผึงเดี๋ยวนั้น“ฮึกฮื่อ…องค์ชาย อย่าทำหม่อมฉันตกใจ ท่านฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมา”“…
การบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านแดนเหนือเป็นไปอย่างยากลำบากมาร่วมเดือนแล้ว แม้ว่ามีเสี่ยวฮวาคอยใช้พลังรักษาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้มาก วันดีคืนดีเจ้าภูติน้อยก็หมดแรงหลับไปเสียหลายวัน ส่วนปัจจัยทั้งห้าที่เหอหย่งเซาหอบมาก็ใช้ประทังชีวิตได้อีกไม่นาน สักวันย่อมมีวันหมด“ถงเอ๋อร์ไปพักบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ไม่สบายใจเอาเสียเลย”มือเรียวหยิบรากสมุนไพรใส่ลงในหม้อดินเผา ส่วนอีกด้านก็พัดเพิ่มแรงให้กับเชื้อเพลิง “ท่านพ่อ ข้าไหวเจ้าค่ะ ชาวบ้านล้มป่วยเป็นจำนวนมากเช่นนี้ข้าไม่อาจนิ่งนอนใจได้”“แต่เจ้าต้องต้มยาอีกกี่หม้อ หักโหมอีกกี่วันคนเหล่านั้นจะหาย รักษาได้หนึ่งอีกคนหนึ่งก็จะป่วยขึ้นมาอีก”“เช่นนั้นจะให้ทำเช่นไรเจ้าคะ ปล่อยพวกเขาล้มตายไม่ไยดีหรือ”“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”เหอหย่งเซาผ่อนเสียงเมื่อเห็นว่าเฉินอิ้งถงเกิดโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว“ท่านเองก็เหนื่อยมามาก ไปพักเถิดเจ้าค่ะ” เฉินอิ้งถงเลิกสนใจคนตรงหน้าและตั้งตาต้มยายื่นให้ชาวบ้านที่รอรับยาจากตนต่อเหอหย่งเซายืนมองด้วยแววตาสิ้นหวังพลางหมุนกายเดินจากไปเงียบ ๆ“พี่หญิ
ระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึงที่หมาย ทว่ายิ่งเข้าใกล้มากเท่าใดอากาศก็ยิ่งลดต่ำจนเหน็บหนาวเข้ากระดูกเฉินอิ้งถงแหงนมองบุรุษที่นั่งกอดเอวของตนอยู่บนหลังม้าด้วยแววตาเป็นห่วง แม้เสี่ยวฮวาจะบอกว่าเขาหายแล้ว ทว่าท่าทีและสีหน้าของจินชางหลงดูจะไม่เป็นเช่นนั้น “องค์ชายไหวหรือไม่เพคะ”“ไหว เจ้าอย่าห่วงแต่ผู้อื่นจนลืมห่วงตัวเจ้าเอง” จากอ้อมแขนที่กอดเอวคอดเอาไว้ ก็เลื่อนไปจับบังเหียนเบื้องหน้า เสื้อคลุมขนสัตว์ถูกนำมาห่อคนทั้งสองดุจร่างเดียวกัน“องค์ชายปล่อยมือเพคะ มือพระองค์ยังไม่หายดี”“ข้าไม่เป็นไร” จินชางหลงปลดมือขาวเนียนออกแช่มช้าพลางลูบเบา ๆ หวังคลายความเจ็บให้อีกฝ่าย ฝ่ามืออันเนียนนุ่มของหญิงสาวบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งยังเริ่มถลอก“เจ็บหรือไม่”เฉินอิ้งถงส่ายหน้า “ไม่เพคะ”“โกหกตาใส เจ้าพักเสียบ้าง อีกไม่กี่ลี้ [1] ก็จะถึงแล้ว”“พระองค์นั่นแหละ อย่าดื้อสิเพคะ” เฉินอิ้งถงคิดแย่งบังเหียนกลับ“เจ้าสิที่ดื้อ” จินชางหลงใช้มือหนึ่งฝั่งดึงร่างระหงเข้ามาแนบตัวเฉินอิ้งถงถูกแรงชายหนุ่มลากมาปะทะแผ่นอกกว้างก็ตกใจหน้าตื่น อ