“คุณเดียร์ครับ”
“….” ฉันหันหลังไปยังต้นเสียงที่เรียกฉัน แต่แล้วก็ต้องยืนมองจนตาค้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเจมส์เด็กนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทของฉันใส่ชุดสูทดูเรียบร้อยสะอาดตามาก “หล่อมากเลยเจมส์ ฉันว่าสาวๆ ต้องแอบเหล่มองเธอแน่เลย” “แหม คุณเดียร์ก็พูดเกินไปครับ” “เรารีบไปกันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปสายเอา” “ครับ” “นายขับนะ” ฉันยื่นกุญแจรถให้กับเจมส์ก่อนจะเดินไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นเราสองคนก็พากันมายังงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งงานใหญ่เหมือนกันนะ นักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศอยู่กันเยอะเลย ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักใครหรอกเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่ น้อยครั้งมากที่ฉันจะเข้าสังคม “งานใหญ่มากเลยครับคุณเดียร์” “อือใหญ่มาก นี่แหละงานเลี้ยงของพวกนักธุรกิจ” ฉันบอกเจมส์ “ผมชักไม่อยากจะเข้าไปซะแล้วสิ รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ครับ นักข่าวเต็มไปหมดเลยแล้วอย่างนี้คุณเดียร์ไม่เป็นข่าวเหรอครับมางานเลี้ยงกับผมแบบนี้” “ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจข่าวอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นี่นา อีกอย่างฉันก็แค่ให้นายมาเป็นเพื่อนเฉยๆ อย่าคิดมากน่า” จริงไม่จริงตัวฉันก็รู้ดีอยู่แล้ว ส่วนใครที่ทำข่าวมั่วทำข่าวให้ฉันเสียหายฉันก็แค่ให้ทนายจัดการให้แค่นั้นเอง สืบหาต้นตอได้ไม่ยากหรอก คนอย่างฉันไม่เคยทำอะไรใครก่อนแต่ถ้ามายุ่งกับฉันฉันรับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น “เข้างานกัน” “ครับ” ฉันกับเจมส์เดินคู่กันไปในงานเลี้ยง ซึ่งจังหวะนั้นคุณก้องภพก็หันมาเห็นฉันพอดีแล้วเขาก็รีบเดินมาหาฉันเลย “ผมนึกว่าคุณเดียร์จะไม่มาซะแล้ว” “ฉันก็แค่อยากจะมาดูน่ะค่ะ ว่างานเลี้ยงของนักธุรกิจใหญ่มันเป็นยังไง” “เข้าไปด้านในกับผมนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะแนะนำให้กับเพื่อนๆ ผมรู้จัก” คุณก้องภพยื่นแขนมาหาฉัน เชิงบอกให้ฉันเกาะเดินเข้าไป “ค่ะ” แต่ฉันกลับหันไปกอดแขนของเจมส์แทน ก็ฉันมีคนควงแล้วนี่นา “เอ่อ…” คุณก้องภพมองหน้าฉันสลับกับเจมส์ เมื่อเห็นฉันหันไปกอดแขนของเจมส์แทนที่จะเป็นเขา “ต้องขอโทษคุณก้องภพด้วยนะคะ พอดีว่าดิฉันพาเด็กมาด้วยคุณก้องภพไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะที่ฉันไม่ได้บอกก่อน” “มะ ไม่ครับ เชิญด้านในเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” คุณก้องภพพาฉันเดินเข้าไปด้านในแนะนำฉันให้กับพวกคุณเพื่อนๆ ของเขารู้จัก นี่ถ้าเดาไม่ผิดถ้าฉันไม่ได้พาเจมส์มาด้วย เขาคงจะชุบมือเปิบบอกกับทุกคนว่าฉันกับเขากำลังคบหาดูใจกัน เพราะดูจากทรงแล้วเขาต้องการหาอะไรผูกมัดฉันเอาไว้ โลกแบบนี้ฉันผ่านมาเยอะแล้วการกระทำแบบนี้ฉันมองออกฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร “น่าเสียดายนะครับที่คุณเดียร์ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังสรรค์เท่าไหร่ พวกผมก็เลยไม่รู้จักคุณเดียร์เลย แต่ก็พอจะได้ยินชื่อเสียงมาบ้างว่าเพิ่งจะเปิดบริษัทใหญ่ไปนี่ผมก็เพิ่งได้เห็นตัวจริงนี่แหละครับ สวยมากเลย” “ขอบคุณค่ะ” เหมือนกันหมดเลยนะพวกเพื่อนๆ เขาเนี่ย เล่นหูเล่นตากันเก่งหยอดคำหวานกันเก่ง คิดว่าฉันจะคล้อยตามเหรอ ผู้ชายปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ฉันเจอมาหมดแล้ว เพราะแท้จริงแล้วมันก็หวานแค่ปากส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้จริงใจอะไรเลย “ไม่ทราบว่าคุณเดียร์มีคนรู้ใจหรือยังครับ ถ้ายังไม่มีก้องภพเพื่อนของผมยังโสดนะครับ” หยอดคำหวานใส่ฉันไม่พอยังจะมาแนะนำเพื่อนของตัวเองอีก นี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพื่อนของตัวเองไปตามตื๊อฉันจนน่ารำคาญ “พอดีว่าฉันยังไม่สนใจใครน่ะค่ะ อยากทำงานเก็บเงินอยากให้เวลากับตัวเองมากกว่านี้” ฉันคิดมาได้อีกระดับหนึ่งว่าการที่ฉันจะมีใครสักคนมันไม่ใช่ความรักแบบวัยรุ่นเด็กๆ ที่คบๆ พอเบื่อแล้วก็เลิกกันแบบไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ฉันอายุมากแล้วมันก็สมควรที่จะมีครอบครัวได้แล้ว “ใครได้คุณเดียร์ไปเป็นภรรยา ผมว่าต้องโชคดีไปตลอดชีวิตแน่เลย เพราะคุณเดียร์ทั้งเก่งทั้งขยันทำงานแบบนี้” “ค่ะ เพราะฉันบอกกับตัวเองมาเสมอว่าผู้ชายบางคนมันพึ่งไม่ได้เลย และการที่เราจะไปรอหวังพึ่งให้ผู้ชายมาเลี้ยงแล้วตัวเองนอนอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจมันไม่ใช่ฉัน เราเองก็มีมือมีเท้าเหมือนกันทำอะไรได้ก็ทำไป ไม่ต้องไปรอกินหรอกค่ะไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ทำงานได้เหมือนกันถ้าร่างกายยังครบสามสิบสอง” “อ๋อ…แหะๆ ครับ” “….” คำพูดของฉันทำเอาผู้ชายหลายคนถึงกับหน้าเหวอไปเลย โดยเฉพาะคุณก้องภพ ส่วนเจมส์นั้นยืนตัวแข็งทื่อเหมือนไม่เคยเข้างานแบบนี้เลย แต่ก็คงจะจริงๆ แหละถ้าจะยืนเกร็งซะขนาดนี้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอไปเดินเล่นดูรอบๆ งานนะคะ” “ตามสบายเลยครับ” ฉันพาเจมส์เดินออกมาจากตรงนั้นเพราะเห็นว่าเขากำลังอึดอัด ส่วนฉันก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันแต่ฉันก็พอจะปรับสภาพเข้ากับสถานการณ์ได้ ฉันรู้ว่าถ้าเจอผู้ชายแบบนี้ฉันจะต้องแสดงตัวเองแบบไหนต้องพูดแบบไหน “หายอึดอัดหรือยังล่ะ อยากกลับหรือเปล่า” ฉันหันไปถามเจมส์ “ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่รู้สึกไม่ดีเพราะคำพูดของพวกเค้ามัน…” “รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากให้นายมาเป็นเพื่อน ตอนแรกฉันก็จะมาคนเดียวนั่นแหละ แต่มาเจอกับนายพอดีก็เลยให้นายมาเป็นเพื่อน” “ครับ” “ผู้ชายพวกนั้นเพลย์บอยจะตาย ชอบมาพูดจาปากหวานก้นเปรี้ยวใส่ผู้หญิง” “คุณเดียร์ไม่ชอบเหรอครับแบบนั้น” “แล้วนายเห็นฉันเป็นคนแบบไหนล่ะ ฉันอายุมากแล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะหลงคารมของผู้ชายไปเรื่อย” “ผมขอโทษนะครับคือผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่หมายถึงว่าผู้หญิงหลายๆ คนชอบให้ผู้ชายพูดจาออดอ้อนหยอดคำหวานใส่” “ถ้าหมายถึงแบบนั้นฉันก็ชอบเหมือนกัน แต่ฉันโตพอที่จะแยกแยะออกว่าสิ่งที่เขาพูดมันจริงใจจริงๆ หรือแค่หยอดคำหวานเพราะหวังในตัวของฉัน” “ผมต้องขอโทษอีกทีนะครับ ที่พูดให้คุณเดียร์เข้าใจผิด” “อือช่างเถอะ กลับกันดีกว่าฉันไม่อยากอยู่แล้วมันน่าเบื่อ” “เป็นเพราะผมหรือเปล่าครับ” “เปล่าหรอก แต่ฉันไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายน่ะ กลับกันเถอะ” “ครับ” ตัดมาอีกฝั่งนึง “ฮึ! กลางวันอยู่กับอีกคน ส่วนกลางคืนก็ควงอีกคนมางานเลี้ยง เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มพร้อมกับจ้องมองมาที่ร่างบางในชุดเดรส กำลังขึ้นรถไปกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อรูปร่างบึกบึน ก่อนที่เขาจะหายไปในมุมมืด3 ปีต่อมา“คุณลุงขา…” เสียงเด็กน้อยดังมาแต่ไกลทันทีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งเข้าใส่ลุงครามจนเกือบหงายหลังไป “คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ”“เหรอครับ ลุงก็คิดถึงเด็กอ้วนของลุงเหมือนกันครับ” มือหนาบีบแก้มยุ้ยเบาๆ อย่างมันเขี้ยว“น้องดารินครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เล่นมาทั้งวันมีแต่เหงื่อทั้งนั้นเลย” คิงส์พูดขึ้นจากทางด้านหลังลูกสาว“ค่ะคุณพ่อ”แกตอบรับคำพูดของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปด้านใน“แล้วมึงล่ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้แวะมา” ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่สนิทและรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะมาเจอกันสักครั้งก็ต่อเมื่อมีงานหรือปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครอบครัว“กูเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียน่ะ ก็เลยซื้อของมาฝากหลานสาวกับหลานชาย ไม่ได้แวะเอามาให้สักทีวันนี้ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอามาให้” ครามบอก“อ๋อ ขอบใจมากนะ”“อือ..กูกลับละ”“อืม…ขับรถกลับดีๆ นะมึง อย่าไปไถลเล่นกับฟุตบาทล่ะ”“เออ!”เป็นคำพูดที่ห่วงใยแต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกเรื่องกวนบาทาใส่กัน ไม่รู้เลยว่าใครจอมยั่วใครจอมโมโหกันแน่ เพราะทั้งสอง
บ้านพักริมทะเล“อ่า…สดชื่นจัง…” คิงส์กางแขนออกกว้างแอ่นอกรับลมบริสุทธิ์จากผืนทะเล แต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาผลักเขาออกไป“ยืนกีดขวางฉิบหายมึงเนี่ย!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งคนข้างๆ มากกว่า“ก็ทางเดินมีตั้งมากมายมึงไม่เดิน มาเดินเอาตรงที่กูยืนอยู่เนี่ยนะ!?” คิงส์หันไปต่อว่า ตรงที่เขายืนเป็นหน้าบ้านก็จริงแต่บ้านก็กว้างพอที่จะไปเดินทางอื่นได้“นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปตรงไหนก็ได้ไม่ผิด” ครามทำหน้าเฉยชาใส่คิงส์ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย“มันไม่ผิดหรอก มันอยู่ที่มารยาทต่างหากไอ้เวร! กูรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมึง แต่กูมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนมึง” คิงส์หันไปเท้าเอวด่าอยู่ด้วยกันสองคนไม่ได้เลยจริงๆ สองคนนี้ มีอันเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ด่ากัน“แล้วไง? กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”“มึงนี่มันกวนตีนไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูกับมึงก็คงจะวางมวยกันไปแล้ว”“มาดิ ตอนนี้ยังวางได้นะ”“เดี๋ยวกูจะฟ้องเมียมึง” คิงส์พูดขู่“ฟ้องเรื่องอะไร๊ กูไม่ได้มีเรื่องปิดบังอย่างเช่นเรื่องแต่งรถเหมือนมึงสักหน่อย”“ให้กูพูดจริงๆ เ
“กูขออุ้มหลานหน่อย” ครามยื้อแขนที่รอรับเด็กสาวตัวน้อย แต่กลับถูกคิงส์พาเดินหนีออกไป “ไอ้คิงส์! กูบอกขออุ้มหลานหน่อย”“กูไม่ให้อุ้ม” คิงส์หันมาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว“แต่นี่หลานกู”“หลานมึง แต่ลูกกู”ทั้งสองยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่มีใครยอมใครเลย อีกคนก็อยากอุ้มหลาน อีกคนก็หวงลูกราวกับจงอางหวงไข่ ไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องลูกสาวเลยโดยเฉพาะคราม“เฮ้ย! มึงจะหวงทำไมวะ กูแค่ขออุ้มหลานหน่อยแค่นี้เอง ไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย” ครามพูดแย้งออกไป“กูไม่ให้อุ้ม เดี๋ยวมึงเอาลูกกูไป” คิงส์หวงลูกสาวมาก เพราะแกทั้งน่ารักขี้อ้อน ตัวอ้วนกลมแถมแก้มซาลาเปาหน้าหยิกเล่น ใครเห็นก็ต้องเป็นหลง โดยเฉพาะครามที่ชอบเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมๆ มาก“กูขออุ้มนิดเดียว มึงก็ยืนโด่อยู่ตรงนี้ กูจะเอาลูกมึงไปไหนได้”“มึงอยากได้ลูกผู้หญิงอีก ทำไมมึงถึงไม่ทำเอาเองล่ะ เหอะ! หรือว่าหมดน้ำยาแล้ว?” คิงส์หัวเราะเย้ยหยันคนตรงหน้า“น้ำยากูยังไม่หมดหรอก แต่เมียกูไม่ยอมมีลูกให้อีกนี่หว่า บอกว่ามีแค่สองคนก็พอแล้ว” ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่“มึงมันไม่มีน้ำยาเองนี่หว่า”“แล้วมึงล่ะ ทำไมไม่มีอีก”“กูทำหมันแล้วจะมีได้ไงวะ คนอย่างกูอะมันน้
6 เดือนต่อมาบ้านแสนอบอุ่น“แอ้ แอ้” เสียงของน้องดารินดังอ้าวออกมาถึงข้างนอก ฉันชะโงกหน้าเข้าไปมองก็เห็นว่าแกกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายอยู่ ส่วนคิงส์ก็คอยนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้พากันหลงเด็กน้อยคนนี้ทั้งพี่ชายทั้งพ่อเลย“ดูท่าคุณหนูไทเกอร์กับคุณคิงส์จะพากันหลงคุณหนูดารินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” ป้าอิ่มพูดขึ้น“ใช่ค่ะป้าอิ่ม” สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าพี่น้องจะไม่รักกัน กลัวว่าจะมีคนมาพูดทำพี่น้องทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วน้องไทเกอร์มีวุฒิภาวะของความเป็นพี่มาก คอยดูแลน้องอยู่ตลอด ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะมาเล่นอยู่กับน้อง อายุห่างกันมากไม่ใช่ปัญหาเลย ดีซะอีกที่จะมีพี่ชายคนโตคอยดูแลน้องสาวคนเล็กคนนี้น้องไทเกอร์แกเข้าใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องดูแลเอาใจใส่น้องมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่เคยละเลยแกเลยสักครั้ง ฉันทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้จะมีน้องอีกซักกี่คนความรักที่ฉันมีให้แกก็ยังเหมือนเดิม“แล้วคุณเดียร์ ไม่คิดจะมีคุณหนูอีกซักคนเหรอคะ”“ไม่ล่ะค่ะป้า เดียร์ผ่าคลอดน่ะค่ะคุณหมอบอกว่าถ้าท้องอีกอาจจะเสี่ยงแท้งต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เดียร์แพ้ยามากค่ะ โดยเฉพาะยาชากับยาสลบ”“ตายจร
โรงพยาบาล“ทำไมต้องวางยาสลบเธอด้วยล่ะครับหมอ ปกติแค่ผ่าคลอดให้แค่ยาชาก็ได้นี่นา” คนตัวสูงเอ่ยถามคุณหมอขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ภายในห้อง“คนไข้แจ้งมาล่วงหน้าแล้วนะครับว่าแพ้ยาชา และการวางยาสลบแบบนี้มันจะปลอดภัยดีกว่านะครับ ถ้าคนไข้มีอาการแทรกซ้อนขณะที่กำลังผ่าคลอด อาจจะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กได้ครับ”“เธอกับลูกจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ มีกับลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นคลอน กลัวว่าลูกและภรรยาจะเป็นอะไรไป ถึงจะรู้มาบ้างว่าเธอแพ้ยา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้หนักขนาดนี้ และคำพูดของเดียร์พี่เคยพูดเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาทันที ( ตอนที่ฉันผ่าคลอดน้องไทเกอร์ ฉันแพ้ยาชาหนักมากจนหัวใจของฉันหยุดเต้นไปหลายครั้ง แต่ฉันก็กลับมาได้ในที่สุด )“ครับผม หมอรับรองครับว่าภรรยาและลูกของคุณจะต้องปลอดภัย”“…” ถึงคุณหมอจะยืนยันและรับรองแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอยู่ดีคิงส์ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคุณหมอออกมาบอกข่าวดีกับเขาเวลาต่อมาแกร่ก~ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์ปิดหน้าปิดตาเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคิงส์“เมียกับลูกของผมเป็น
หลายวันต่อมา“อืม…”“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมแบบนี้” คิงส์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางไล่บีบนวดตามขาให้เธอบรรเทาอาการปวด“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เฮ้อ..”“เมื่อไหร่จะคลอดครับลูกสาวพ่อหืม…พ่อตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ รีบๆ ออกมานะครับ” ว่าแล้วก็พลางลูบที่ท้องใหญ่ไปมา“โอ๊ะ!?” เดียร์ร้องอุทานเพราะตกใจที่ลูกในท้องถีบอย่างแรงเมื่อคิงส์พูดจบ ราวกับว่ารับรู้ได้และอยากออกมาเต็มทนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ครบกำหนดที่จะออกมาเท่านั้น“เป็นไร! จะคลอดเหรอ?” คิงส์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของภรรยา“เปล่า ลูกดิ้นอะ ดิ้นแรงเลย” เดียร์บอก“เหรอ ขอจับหน่อยนะ” คิงส์เลื่อนมือไปสัมผัสกับหน้าท้องของเธออีกครั้ง เพราะอยากจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้น “ดิ้นจริงด้วย ดูสิถีบมือฉันใหญ่เลยอะ”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในท้องใหญ่ของเธอ ดวงตาคมแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ มือหนาก็ยังเลื่อนสัมผัสไปมาอยู่แบบนั้น“สงสัยแกจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดนะ ดิ้นใหญ่เลย”“เหรอ…รีบๆ ออกมานะครับ พ่ออยากอุ้มอยากหอมแก้มหนูจะแย่แล้ว”ก๊อก ๆ ๆ ๆ“คุณพ่อคุณแม่ครับ นอนหรือยังครับ” เสียงเล็กๆ ด้านนอกตะโก