LOGIN“อื้อ”
เพียงพอใจขยับร่างกายเล็กๆของเธอเบาๆเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้ายสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
ร่างกายที่ยังไม่หายดีจากอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้นั้นกลับต้องเจ็บสาหัสอีกครั้งด้วยฝีมือของคนที่เขาเรียกเธอว่านางบำเรอ
อาการของเธอในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบเป็นแทบตายไปพร้อมๆกันเลยก็ว่าได้ ทั้งส่วนที่ฉีกขาดก็คงกำลังอักเสบอยู่ ทั้งส่วนที่บอบช้ำก็แทบขย้ำไม่ได้เลย
มิหนำซ้ำยังรู้สึกตัวรุ่มๆเหมือนเป็นไข้จนภายในเริ่มหนาวสั่น ทำเอามือเล็กๆต้องควานหาสิ่งของใกล้ตัวเพื่อหวังหาความอบอุ่นมาห่อคลุ่มร่างกายที่นอนเปลือยเปล่าอยู่นั้น
“ช่วยด้วย”
มือบางคว้าได้เพียงเสื้อผ้าตัวเก่าของตัวเองที่ถูกเขาถอดออกเอาไว้เมื่อวานนี้เอามากอดเอาไว้ ประทังให้ตัวเองไม่ต้องนอนหนาวอยู่ลำพังกับพื้นห้องเย็นๆนั้น หวังให้ตัวเองอบอุ่นขึ้นและพอจะมีเรี่ยวแรงลุกกลับขึ้นไปนอนให้สบายบนเตียงแค่นี้เอง
ทำไมเธอถึงเลือกที่จะเป็นนางบำเรอ ที่ต้องมามีชีวิตเหมือนกับตายทั้งเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมเธอช่างโง่เง่าแบบนี้กันนะ
“นี่ข้าวมารับเอาไปสิ ต้องให้เดินไปประเคนถึงปากเลยหรือไง”
เวลาสายของวันที่เป็นเวลาอาหารเช้าหลังจากที่ทุกคนกินข้าวกันอิ่มหนำสำราญแล้ว บุษย์เด็กสาวในบ้านก็จะยกข้าวเช้ามาส่งให้นักโทษถึงหน้าห้องนอนตามคำสั่งของเจ้านาย
พอมาถึงเด็กสาวก็เปิดประตูให้กว้างพอจะยื่นหน้าและจานข้าวเข้าไปได้ แล้วก็ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกเรียกให้เจ้าของห้องออกมาหยิบข้าวเช้านั้นไป
“เอ้าอีนี่ บอกให้มาเอาข้าวไปกิน คนมีงานมีการต้องทำ ไม่ว่างมายืนคอยทั้งวันหรอกนะ”
แต่ไม่ว่าจะเรียกเท่าไหร่ จะใช้เสียงดังมากแค่ไหน เจ้าของห้องก็ไม่ปรากฏตัวสักที จนเด็กสาวเริ่มจะโมโหจนเกิดคำพูดหยาบคายไม่น่าฟังขึ้นมา
“หรือว่าตายไปแล้ววะ”
ในห้องนอนที่ถูกปิดไฟมืดยังคงเงียบสงัดไร้เสียงตอบกลับจนเด็กสาวที่ก่อนวางท่าเป็นนักเลงหัวไม้ตามที่เรียนรู้มาจากคนในแก๊งมาเฟียเริ่มใจคอไม่ดี
“ตายแล้ว ทำไมมานอนตรงนี้วะ ยังหายใจอยู่ไหมเนี้ย”
บุษย์เด็กสาววัยเพียงสิบแปดค่อยๆย่างเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนที่เมื่อคืนเธอได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นแทบจะตลอดทั้งคืนอย่างช้าๆ
เธอเปิดไฟก่อนเป็นอันดับแรกก่อนจะหันไปเจอหญิงสาวเจ้าของห้องนอนขดตัวอยู่กับพื้นในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ปิดบังเรือนกาย
ทำเอาเธอแทบจะเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวที่ถูกพาตัวเข้าบ้านมาและถูกดูแลอย่างดีจะมีสภาพไม่ต่างจากตายแล้วแบบนี้
ไม่คิดเลยว่าเจ้านายของเธอจะซาดิสโหดร้ายได้ขนาดนี้ จะฆ่าก็ไม่ฆ่าแต่ยังคงไว้ชีวิตให้อยู่อย่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเลย
“ช่วยด้วย”
เพียงพอใจพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือท่ามกลางความอ่อนแอของร่างกายที่ทั้งเจ็บช้ำและฉีกขาดนั้น สติของเธอเลือนลางเต็มทนอีกครั้งเหมือนกำลังจะไม่ไหวอยู่ร่อมล่อแล้ว
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ”
เด็กสาวย่อตัวลงไปถามด้วยความสงสัยพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆไปตามแผ่นหลังของร่างบางด้วยความสงสัยว่าเธอตายหรือยัง
นึกโล่งใจไม่น้อยที่พอลงแรงจิ้มนิ้วลงไปแล้วเนื้อของหญิงสาวยังอ่อนนุ่มอยู่ไม่แข็งตัว แสดงให้เห็นว่ายังไม่ตาย
“หนาว....”
เพียงพอใจเค้นเสียงตอบออกมาด้วยความอยากเย็น ลำคออันแห้งผากจากการอดน้ำมาหลายชั่วโมงบวกกับถูกพิษไข้เล่นงานอย่างหนัก เธอแทบจะไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เออรู้แล้วว่าหนาว นอนแก้ผ้าซะขนาดนี้ไม่หนาวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
เด็กสาวยังคงความปากร้ายของเธอเอาไว้ แต่ทว่ามือก็คว้าเสื้อผ้าชุดเดิมๆของหญิงสาวขึ้นมาแล้วสวมใส่กลับให้เธอ
โชคดีที่ขนาดตัวพอๆกันก็เลยพอจะมีแรงยกอีกฝ่ายอยู่บ้าง ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายข้างนอกให้ต้องลำบากหาอะไรมาบังตัวกันโป้อีก
“โอ๊ย”
เพียงพอใจร้องออกมาเบาๆเมื่อร่างกายถูกจับให้ขยับ เธอเจ็บระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะใจกลางสาวที่ฉีกขาดนั้น
“ขึ้นไปนอนบนเตียง ทำไมตัวหนักแบบนี้วะ”
แต่เสียงแห่งความเจ็บปวดนั้นก็ไม่อาจทำให้เด็กสาวหยุดมือลงได้ เธอรีบพยุงอีกฝ่ายกลับขึ้นเตียงก่อนที่เจ้านายหรือคนอื่นๆจะมาเห็นว่าเธอช่วยเหลือหญิงสาวเกินหน้าที่ ไม่อย่างนั้นคนซวยที่จะต้องลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มนั้นอาจเป็นเธอก็เป็นได้
“โอ๊ย”
เพียงพอใจพยายามที่จะออกแรงช่วยเหลือตัวเองอยู่บ้างไม่อยากเป็นภาระของหญิงสาวแต่ทว่าความเจ็บปวดก็เฝ้าถามหาจนแทบทนไม่ไหว
“นี่ข้าวและก็ยา กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ตายซะ ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ”
เด็กสาวรีบคว้าหายาแก้ปวดจากในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่มักมีติดตัวเอาไว้กินตอนปวดท้องประจำเดือนออกมายัดใส่มือให้กับหญิงสาวพร้อมกับน้ำ ก่อนจะรีบหยิบจานข้าวมาวางไว้ใกล้มือหญิงสาวให้ได้มากที่สุด
แล้วเด็กสาวก็รีบวิ่งแจ้นออกจากห้องไป ปิดประตูล็อกข้างนอกเอาไว้อย่างแน่นหนาเหมือนเดิม
“พี่โจ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
บุษย์แสร้งทำตัวปกติเมื่อเธอออกมาเจอเข้ากับโจลูกน้องคนสนิทของเจ้านายพอดี เกือบไปแล้วไหมที่จะออกจากห้องนักโทษนั้นไม่ทัน
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโจมาเห็นว่าเธอช่วยผู้หญิงคนนั้นยังไงบ้าง ป่านนี้ได้โดนลากไปกระทืบตายแล้วมั้ง
“แค่ส่งข้าวส่งน้ำก็พอ อย่าคิดทำเกินหน้าที่”
โจรู้ดีว่าเด็กสาวไปทำอะไรมาจากท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้น แต่ทว่าก็ไม่ได้ซักถามให้มากความนักเพราะอีกฝ่ายก็เป็นเด็กที่พวกเขาช่วยกันเลี้ยงดูมาจนโต จะจับไปทำโทษแบบลูกน้องคนอื่นๆก็คงอึดอัดใจน่าดู
แต่ถึงกระนั้นเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะถ้าไม่ใช่เขาแต่เป็นเจ้านายมาพบเห็นเข้า เด็กสาวอาจไม่รอดและอาจจะไม่เหลืออนาคตก็เป็นได้
“จ้ะ”
“กลับไปที่ห้องซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
“จ้ะ”
ถึงจะโดนดุเสียยกใหญ่ไปวันนั้นแต่บุษย์ก็ยังคงทำหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำและแอบป้อนยาให้หญิงสาวเหมือนเดิม ก็ด้วยความสงสารล้วนๆเลย อีกอย่างถ้าเธอไม่ทำหญิงสาวคนนั้นก็ต้องตายแน่ๆ เธอก็ใจดำยืนดูเฉยๆไม่ได้อยู่ดี
จนกระทั่งผ่านไปหลายวันอาการของหญิงสาวก็ดีขึ้น ดีเสียจนเกือบจะหายเป็นปกติได้แล้ว เหลือเพียงอาการฟกช้ำบางจุดเท่านั้น
“ขอบคุณนะ”
เพียงพอใจรีบขอบคุณเด็กสาวที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ในทันทีที่มีโอกาส ด้วยเด็กสาวไม่ได้มาให้เธอได้เห็นหน้าบ่อยๆถ้าไม่ใช่มื้ออาหารหรือแวะมาเก็บจาน
“พูดอะไร หุบปากไปเลย”
เสียงเด็กสาวพูดจากลับอย่างไม่น่าฟังนักออกไปตามประสาเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยมาเฟีย พร้อมกับออกอาการป้องกันตัวเองไม่ให้สนิทสนมกับคนที่เจ้านายดูจะไม่ชอบขี้หน้านั้นด้วย เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องซวยเมื่อเจ้านายกลับมาที่บ้านหลังนี้
เพียงพอใจมองใบหน้าของเด็กสาวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา โลกใบนี้ช่างแปลกจริงๆเลยนอกจากทำให้เธอจำอะไรไม่ได้เลยได้แล้ว ยังทำให้คนไม่รับคำขอบคุณทั้งที่ควรจะรับเอาไว้ได้ด้วยอีก
“รีบกินซิวะมองหน้าอยู่ได้ จะได้รีบเก็บจานออกไป”
เด็กสาวตะคอกเสียงกลับไปเหมือนที่พวกพี่ๆลูกน้องมาเฟียชอบทำให้ได้เห็น ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องไปพร้อมกับจานข้าวที่ถูกกินจนหมดจากคนที่หายดีแล้ว
และในวันนั้นเธอก็กลับมาอีกในช่วงมื้อเย็น แต่ไม่ได้เข้าใกล้หญิงสาวสวยคนนั้นแล้วเพราะกลัวจะไปสนิทสนมเกิน แล้วตัวเองจะเดือดร้อน
จัดการเสิร์ฟอาหารเย็นเสร็จสรรพ พอเก็บจานเสร็จเรียบร้อยก็ปิดตายห้องของเธอเอาไว้เหมือนเดิมโดยมีคนคอยเฝ้าหน้าห้องเหมือนเดิมทุกวัน
“อีนั้นอยู่ไหน”
เสียงหนาของมาเฟียหนุ่มตะโกนดังลั่นมาแต่ไกลเมื่อตัวเขาย่างกรายลงจากรถหรูพร้อมกับอาการเมามายแทบเดินไม่ตรงทาง หลังจากที่เขาไม่ได้กลับเข้าบ้านมาเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆได้แล้ว
“บนห้องครับนาย”
โจและลูคัสรีบวิ่งกันหน้าสลอนเข้ามารายงานเจ้านายด้วยความกลัวเล็กๆ ปกติเวลาเจ้านายไม่เมาก็จะเตะพวกเขาเจ็บน้อยหน่อยแต่เวลาเมาน้ำหนักเท้าก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และพวกเขาก็ไม่อยากจะซวยอะไรแบบนั้น
ร่างหนาจ้องหน้าลูกน้องสักพักเพื่อให้ลูกน้องรีบหลบทางให้ แล้วก็เดินเซไปเซมาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
“ใครแม่งปลูกบ้านสองชั้น เสือกมีบันได เกะกะฉิบหาย”
ด่าทอบ้านตัวเองไปตลอดทางเมื่อเขาต้องฝืนทรงตัวให้ตรงแล้วเดินขึ้นบันไดนับสิบขั้นไปให้ได้
ลำบากลำบนอะไรขนาดนี้ ทำไมกูไม่ปลูกบ้านให้มันมีแค่ชั้นเดียวกันวะ
“ถอดเสื้อผ้าออกซิวะ นั่งซื่อบื้ออยู่ได้”
พอถึงยังห้องของหญิงสาวที่เขากล่าวอ้างว่าเธอคือนางบำเรอ มือหนาก็รีบเปิดประตูเข้าไปด้วยอารมณ์ปรารถนาที่ลุกโชนมาตั้งแต่อยู่ที่วงเหล้าแล้ว
เพราะถ้าเขาไม่อยากจะจัดการกับเธอเขาก็คงไม่เหาะมาถึงที่นี่หรอก คงนอนที่เพนท์เฮาส์อย่างสบายใจดีกว่า
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
เพียงพอใจที่เพิ่งจะหายดีรีบปฏิเสธเขาออกไป เธอไม่อยากพบเจอกับความเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้ว
“ทำไม”
ร่างหนาเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับปลดตะขอกางเกงลง สายตาคมจ้องมองไปยังหญิงสาวด้วยแววตาปรารถนา
เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขา ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ถ้าเขาอยากเอาก็ต้องเอาให้ได้
“ฉันจะไม่เป็นนางบำเรอของคุณอีกแล้ว”
ร่างบางรีบขยับตัวถอยหนีไม่เป็นท่า เกือบจะตกเตียงที่นั่งอยู่ร่อมรอได้แล้ว
“คนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้น กูบอกให้ถอดเสื้อผ้าออกไงวะ”
จับปลายเท้าเล็กของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว แม้เมาแต่เขาก็ไม่มีพลาดโดยเฉพาะในเรื่องล่าเหยื่อแบบนี้
ดึงร่างเล็กนั้นเข้าหาตัวด้วยแรงมหาศาลและความต้องการอันเปี่ยมล้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่
ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ดูน่าเกะกะออกจากตัวเธอด้วยการกระชากอย่างแรงและเอาแต่ใจ ไม่นานหญิงสาวก็เปลือยเปล่าไปทั้งตัว
“ไม่นะ กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างน่าสงสาร แต่ทว่ากลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอเลยแม้แต่คนเดียวถึงแม้ประตูห้องจะเปิดอยู่ก็ตาม
เธอพยายามดิ้นรนเอาตัวเองให้รอดไปจากเงื้อมมือของเขา แต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหว ยิ่งดิ้นก็ยิ่งหมดแรงลงเรื่อยๆ
“หน้าที่ของอีตัวอย่างมึงก็คืนนอนให้กูเอา มึงไม่มีสิทธิ์มาปากมากใส่กู”
ร่างหนาขึ้นคร่อมร่างเล็กอย่างรวดเร็ว จับสองขาเรียวเล็กที่พยายามจะหนีเขาไปให้ได้แม้ไม่มีสิทธิ์จะทำแยกออกจากกันจนกว้างสุด เปิดเผยกลีบอวบอูมแยกออกจากกันอย่างชัดเจนน่ากิน
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะนะ”
“อย่าคิดทำตัวกร่างเหมือนหมาอย่างไอ้อัลวิน เดี๋ยวจะได้ตายเหมือนหมาข้างถนน เพราะเธอมันก็ผู้หญิงที่ชื่อมายด์ที่มีไว้ระบายความใคร่ก็เท่านั้น”
งัดเอาความใหญ่โตออกมาจากภายในกางเกง เสียบแทงเข้าไปในช่องทางที่แสนแห้งผากของเธออย่างรุนแรง จนมันเข้าไปในตัวเธอมิดลำยาวนั้น
ปากก็ด่าทอเธอสารพัดรวมไปถึงด่าไปถึงพ่อของเธอ ที่แม้เธอเองยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำไป
“กรี๊ด”
เสียงหญิงสาวยังคงกรีดร้องดังลั่นบ้านด้วยความเจ็บปวด ร่างกายที่เพิ่งจะหายดีถูกเขาจับฉีกแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆอีกครา
เธอแหลกสลายจนแทบทนไม่ไหว เหมือนอยากจะตายแต่ก็ยังไม่ตาย
“อ้าส์”
สะโพกแกร่งกระแทกกระทั้นรุนแรงเข้าใส่เธอตามที่อารมณ์ของตัวเองปรารถนา ดุดันรุนแรงเสียจนได้กลิ่นคาวเลือดคลั่งคลุ้งไปทั่วห้อง
“กรี๊ด ฉันเจ็บนะ ฮือ เอามันออกไปนะ”
“อ้าส์”
“พอได้แล้ว ฉันเจ็บ กรี๊ด”
เพียงพอใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลาที่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาโยกขยับอยู่บนเรือนร่างของเธอนั้น
พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินอาบสองแก้มขาวไม่ขาดสาย ไหลเป็นทางยาวลงไปถึงผ้าปูที่นอน
“อ้าส์”
มาเฟียหนุ่มระบายอารมณ์ใส่เรือนร่างของลูกศัตรูจนหนำใจก็ดึงลำยาวออกมาเสร็จข้างนอก พ่นน้ำของเขาใส่หน้าเธออย่างจงใจ
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ”
เมื่อเห็นว่าเขาดูจะพอใจแล้ว เธอก็รีบยกมือไหว้ขอร้องเขาในทันที หวังให้เขาปล่อยเธอออกจากความเจ็บปวดนี้ไปให้ได้
“หึ กูไม่ปล่อย”
แต่เขากลับจับเธอเปลี่ยนท่าทาง กระแทกกระทั้นกันต่อบนเตียงนั้นอย่างไร้ความปรานีใดๆ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด จนกระทั่งฟ้าเกือบสางเขาถึงได้กลับออกจากห้องนั้นไป ไปนอนพักอย่างสบายใจในห้องนอนใหญ่ที่แสนจะสบายของตัวเอง
ไม่ได้เหลียวแลหญิงสาวเลยแม้แต่นิด เพราะเธอมันสมควรแล้วที่จะได้รับความเจ็บปวดแบบนั้นให้เหมือนกับที่ตอนพ่อของเขาต้องตายอย่างทรมานต่อหน้าพ่อของเธอ
“กรี๊ดดด....
มาเฟียหนุ่มยังคงเฝ้าดูแลนางบำเรอของเขาและลูกน้อยทั้งสามคนไม่ห่างไปไหนแม้มีพี่เลี้ยงรายล้อมก็ตาม เพราะเขาเป็นห่วงทุกคนที่เป็นดั่งหัวใจของเขาจนไม่อาจปล่อยให้คลาดสายตาไปได้พอครบกำหนดที่เขาจะอยู่แต่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อให้คนเป็นแม่ทำทุกอย่างได้เข้าที่เข้าทางแล้ว เขาก็จำต้องออกไปทำงานบ้างเป็นครั้งคราวในเวลาค่ำคืนที่ลูกๆพักผ่อนกันหมดแล้วเพื่อไปทำงาน เพราะเขาเป็นมาเฟียจะเก็บตัวทำงานอยู่แต่บ้านมันก็อาจทำให้อำนาจในมือเขาลดน้อยถอยลงไป จำต้องออกไปโชว์ตัวบ้างเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่รวมไปถึงสานสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ละคนเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น“ฉันไปทำงานก่อนนะ เครื่องปั๊มนมเตรียมไว้ให้แล้ววางไว้ที่เดิมนะ”แต่ก่อนจะออกไปทำงานได้นั้นมาเฟียหนุ่มก็จัดการทำความสะอาดอุปกรณ์ปั๊มนมของเมียด้วยมือของเขาเอง ไม่ใช้ให้ใครหน้าไหนมาทำให้ทั้งนั้น เพราะของที่ต้องใกล้ชิดกับเมียแบบนั้นเขาหวงไม่อยากให้ใครเตะต้อง“ค่ะ”เพียงพอใจพยักหน้ารับคำเขาพร้อมกับรอยยิ้ม พร้อมกันนั้นเธอก็เข้าไปโอบแขนเขาเอาไว้ด้วยเพื่อเตรียมจะเดินไปส่งเขาขึ้นรถที่ด้านล่าง“คืนนี้ฉันอาจกลับช้าหน่อยนะ มีนัดส่งของล็อตใหญ่ที่ท่
ณ บ้านหลังใหญ่ของมาเฟีย “เป็นอะไรหรือ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เซนต์ที่กำลังเฝ้าดูแลลูกกับเมียอย่างใกล้ชิดเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอถอดเครื่องปั๊มนมออกจากเต้าอวบแล้วก็ถอนหายใจเธอเป็นแบบนี้มาสักพักได้แล้ว ตั้งแต่เริ่มปั๊มรอบแรกหลังจากกลับถึงบ้านเมื่อตอนเที่ยงจนตอนนี้ถึงเวลาปั๊มรอบบ่ายเธอก็ยังคงมีอาการอยู่“น้ำนมก็ยังไม่ค่อยไหลออกมาเลย”เธอบ่นให้เขาฟังเกี่ยวกับปริมาณน้ำนมของตัวเองที่ออกมาอย่างน้อยนิดแทบจะมีแค่ติดก้นขวดนมทั้งที่ปั๊มตรงรอบทุกวันไม่เคยมีตกรอบ เธอทำแบบนี้มาตั้งแต่ผ่าคลอดวันแรกจนถึงตอนนี้กินเวลาเป็นสัปดาห์ได้แล้ว แต่น้ำนมของเธอก็ยังไม่เพิ่มปริมาณขึ้นมาเลยไม่ต้องเอ่ยถึงของบำรุง เขานั้นหามาให้เธอกินแทบทุกอย่าง ทั้งอาหารการกินทั้งอาหารเสริม แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่“ใหญ่ขนาดนี้ น้ำนมน่าจะดีไม่ใช่เหรอ”คนตัวโตพูดยังไม่ทันขาดคำก็เอื้อมมือมาบีบนมเมียหน้าตาเฉยเพื่อเช็คขนาดว่ายังคงล้นมืออยู่ไหม หรือว่าเล็กลงเมื่อคลอดลูกไปแล้วก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจเมื่อขนาดยังคงเท่าเดิมจนน่าจะเป็นแหล่งผลิตน้ำนมชั้นดีได้ เพราะเมื่อก่อนของเธอนั้นมันแค่พอดีมือจับแต่เด
@ห้องคลอดของเจ้าลูกชายฝาแฝด“ผัวรักเมียนะ ไม่ต้องกลัวนะ”เสียงหนาคอยเอ่ยกระซิบข้างหูเมียตัวน้อยเป็นระยะเมื่อหมอใกล้ที่จะจรดมีดลงบนหน้าท้องน้อยเพื่อผ่าคลอดเขาอยู่ใกล้ๆเธอไม่ห่างไปไหน คอยให้กำลังใจเธอตลอดเวลา เพราะรู้ดีว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ“อืม หนูกับลูกรู้แล้วค่ะ”เพียงพอใจรับรู้ในความรักที่เขามีต่อเธอเป็นอย่างมาก เพราะเขาก็พร่ำบอกเธอทุกวัน วันละหลายรอบ ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้หรอกเมื่อก่อนเขาปากร้ายพูดจาไม่น่าฟัง แต่เดี๋ยวนี้นั้นเขาปากหวานมาก บอกรักเธอทุกวันจนเธอหลงรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนับครั้งไม่ถูกเลยล่ะ“จะผ่าแล้วนะคะ”หมอเจ้าที่กำลังจะผ่าคลอดเอ่ยถามความพร้อมของสองสามีภรรยาอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจมาเฟียตรงหน้าเข้า แล้วอาจถูกอุ้มไปฆ่าแทนการจะให้กำเนิดชีวิตก็เป็นได้“ห้ามทำเมียกูเจ็บ ไม่งั้นพวกมึงไม่รอดแน่”มาเฟียหนุ่มคำรามดังออกไปเพื่อข่มขวัญหมอกับพยาบาลที่อาจมีใครกล้าทำงานผิดพลาด แล้วอาจทำให้เมียกับลูกของเขาไม่อยู่ในความปลอดภัย“คุณเซนต์”เพียงพอใจเอ่ยห้ามปรามผู้เป็นสามีเบาๆไม่ให้เขาทำให้คนอื่นต้องกลัวเป็นมากกว่านี้ แค่นี้หมอกับพยาบาลก็แ
“ทำอะไรกันแต่เช้าเหรอคะ”เพียงพอใจตื่นขึ้นเมื่อถูกปลุกด้วยเสียงของการทุบอะไรสักอย่างให้พังที่ค่อนข้างดังสนั่นลั่นบ้านไปหมด หลังจากที่เพิ่งจะนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเพราะเมื่อคืนช่วยกันเลี้ยงลูกกับเขาสองคนด้วยยังหาพี่เลี้ยงไม่ได้จนแทบไม่ได้หลับได้นอนเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วแม้ใจจะอยากหลับต่อก็ตาม และลงมาดูลูกชายคนโตที่ป่านนี้คนเป็นพ่อคงพาเดินเล่นอยู่ด้านล่างของบ้านในด้วยใจที่เป็นห่วงไม่รู้ว่าลูกชายจะตกใจแค่ไหนที่ได้ยินเสียงดังแบบนั้น หรือคนเป็นพ่อกำลังพาทำอะไรแผลงๆอยู่ก็ไม่อาจรู้ได้ จำต้องลงมาดูด้วยตาตัวเอง“ขอโทษนะที่ต้องรบกวนเวลานอนของหนู”คนเป็นพ่อที่กำลังอุ้มลูกอยู่หันมาพูดกับเมียตัวน้อยที่กำลังเดินลงบันไดมา แล้วรีบให้ลูกน้องเข้ามาช่วยอุ้มลูกชายคนโตเอาไว้ก่อน ส่วนตัวเขาก็รีบเดินเข้าไปประคองเมีย“คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”รีบถามออกไปเมื่อเธอนั้นยังไม่เห็นต้นตอของเสียงที่มันดังสนั่นลั่นบ้านไปหมด ราวกับมีใครมาทุบบ้านแบบนี้“ทุบห้องรวมกันนิดหน่อยนะ”เขาพาเธอไปยังจุดกำเนิดของเสียงที่มันดังนั้นด้วยความภูมิใจเป็นที่สุด เมื่อเขากำลังจะทำการขยายครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ“นั้
“มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบนายครับ แต่เธอหนีออกไปแล้วผมให้คนตามไปแล้วครับ”“แล้วไงต่อ มึงมาตามกูทั้งที่ยังจับตัวผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เนี้ยนะ”“เธอทิ้งเด็กเอาไว้ครับ ตอนนี้กำลังร้องไห้โวยวายอยู่ข้างนอกนู้น”“จับตัวผู้หญิงให้ได้ แล้วก็เอาเด็กคืนไปก็จบ แค่นี้ใช่ไหมกูจะได้กลับไปนอนต่อ”“ผมเจอมีดพกของนายอยู่บนตัวเด็กด้วยครับ”“ลูกไอ้อัลวิน ตายห่าไปแล้วยังตามมาหลอกหลอนกูอีกจนได้”ในทันทีที่ฟังลูกน้องรายงานจนจบเขาก็รู้ในทันทีเลยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของใครและใครเอามาทิ้งเอาไว้ เพราะมีดพกเล่มนั้นเขาปักลงกลางอกของไอ้อัลวินมันเอง ลูกกับเมียใหม่ของมันคงเก็บเอาไว้ดูต่างหน้าและส่งคืนเขามาในวันนี้“จะเอายังไงดีครับนาย”โจขอคำแนะนำจากเจ้านายเมื่อเขาไม่รู้จะทำยังไงกับเด็กดี พวกเขาฆ่าเป็นอย่างเดียวไม่เคยเลี้ยงเด็กกันมาก่อน“คุยอะไรกันเหรอคะ”เพียงพอใจที่หลับอยู่พอได้ยินเสียงคุยกันก็ตื่นขึ้นมา เธอเลยเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะกำลังงานยุ่งแต่ยังห่วงเธอไม่กล้าออกไปทำงาน“ลุกไปดูอะไรกับฉันหน่อย ไปไหวไหม”เซนต์เดินเข้ามาคุยกับเมียตัวน้อยเพราะเรื่องนี้เขาต้องให้เธอร่วมตัดสินใจ
ผัว@โกดังริมแม่น้ำ ณ วันที่เมียตัวน้อยท้องได้แปดเดือน อีกสิบห้าวันก่อนหมดนัดผ่าคลอด“อือ”เสียงหวานของเพียงพอใจกำลังครวญครางไม่ขาดปากเมื่อใจกลางสาวของเธอกำลังถูกผู้เป็นสามีรุกล้ำไม่หยุดไม่หย่อนด้วยลิ้นร้ายๆของเขา โดยที่เขานั้นจับเธอนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ของอ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำช่างเป็นภาพที่ชวนให้ทรมานแต่เธอกลับเสียวซ่านแทบขาดใจและถูกอกถูกใจเป็นที่สุดจนเผลอติดใจปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่แบบนี้แม้ใกล้คลอดเต็มทนแล้วก็ตาม“อืม”สองมือหนาจับสองขาเรียวของเมียแยกออกจากกันอย่างชัดเจนไม่ให้มาเบียดเข้าหากันได้ ใบหน้าแนบชิดไปกับใจกลางสาวที่อวบอั๋นขึ้นตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของเธอไม่ห่างไปไหน ปลายลิ้นร้ายทำหน้าที่สร้างความเสียวให้เธอเพื่อเรียกให้น้ำหวานของเธอออกมาให้เขาได้กินไม่หยุดไม่หย่อน“อื้อ เสียว”ว่าที่คุณแม่ยังคงครางดังลั่นห้องน้ำที่ก่อนหน้านี้จะเข้ามาอาบน้ำอย่างเดียวแต่กลับมาถูกรังแกอยู่แบบนี้จนน้ำก็ยังไม่ได้อาบ“อืม”“อ้าย”แล้วเธอก็ไม่อาจต้านทานลิ้นร้ายและริมฝีปากของเขาได้นานเช่นเคย ยกธงขาวพ่ายแพ้ในไม่กี่อึดใจต่อมาน้ำใสๆของเธอไหลทะลักออกมาลงไปยังลิ้นของเขาที่รองอยู่ก่อนหน้านี้อย่



![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



