“คุณ!”
หลังจากที่ถูกพามาขังเอาไว้ในห้องหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในทุกๆวันเพียงพอใจก็มักจะนั่งอยู่ตรงมุมห้องแคบๆเพื่อพยายามนึกให้ออกว่าเธอคือใคร และในวันนี้ก็เหมือนกัน
เธอกำลังพยายามนึกอย่างนักจนไม่ได้สนสิ่งรอบตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาที่เธอนั้นแสนคุ้นหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“เออ กูเอง”
มาเฟียหนุ่มที่กำลังได้ที่ตอบกลับออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่จะมีอะไรด้วยมาพูดมากแบบนี้
พวกเธอควรแค่นอนเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็พอ ไม่ควรมีปากมีเสียงให้เขาต้องรำคาญ
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวันด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอนั้นไม่อาจนึกออกเองได้
“หุบปากซะถ้าไม่อยากตายคามือกู”
ร่างหนาจับกดร่างเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยกำลังที่มีมากกว่า ขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นเอาไว้ในทันทีไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนให้ต้องเสียเวลา
“ทำไมฉันถึงเป็นนางบำเรอของคุณ”
เธอเฝ้าตามเด็กสาวคนนั้นที่เข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้เธอมาหลายวันว่านางบำเรอคืออะไรจนได้คำตอบ เลยรีบถามเขาเมื่อมีโอกาสเพราะกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก แล้วเธอก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกเลย
“ก็เพราะเธอมันร่านไง อืม”
ใบหน้าหล่อคมของพ่อหนุ่มที่มีหลายเชื้อชาติอยู่ในตัวก้มลงหาซอกคอขาวของหญิงสาว ก่อนจะซุกซบลงไปด้วยปลายจมูกโด่งเป็นสัน
สูดหอมเอากลิ่นกายสาวที่หอมฟุ้งออกมาตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าใกล้เข้าไปในปอด ตักตวงเอาใส่ตัวเองให้มากที่สุด
“ฉันทำเพราะแบบนั้นจริงๆเหรอ”
เธอถึงกับลูกสึกใจหายไม่น้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของเขา ถ้าเขาไม่ใช่คนที่เธอคุ้นหน้าด้วย เธอคงไม่มีวันเชื่อหรอกว่าเขาพูดความจริง
“อืม หุบปากสักทีเหอะน่ะ”
มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดของเธอ คว้าเอาเอวกางเกงยางยืดของเธอไว้และกำลังจะดึงมันออก
“ไม่นะ”
เพียงพอใจรู้สึกถึงความไม่คุ้นในการต้องมาเปลืองผ้าต่อหน้าเขา ก็ทำเอาเธอจำต้องดิ้นขัดขืน
“ดิ้นทำไมวะ”
มือหนาขยับขึ้นไปกดไหล่เล็กของเธอเอาไว้อย่างแรงเมื่อเธอกล้าดีมาขัดขืนคนอย่างเขา เธอก็เป็นแค่ที่ระบายความแค้นของเขาไม่มีสิทธิ์คิดจะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของเขา
“หนูคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้”
เธอเจ็บจนพูดไม่ออกแต่ก็ฝืนพูดออกมา เมื่อไม่ได้เต็มใจที่จะทำอะไรแบบนั้นกับเขา
ถ้าก่อนหน้านี้เธอเคยทำได้ แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้แล้ว เพราะในหัวของเธอมันไม่มีความจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่านั้นเลย
“ไหนบอกว่าความจำเสื่อมไงวะ”
มือหนาขยับเข้าหาลำคอเล็กๆของเธออย่างรวดเร็วแล้วบีบเอาไว้อย่างแรง เมื่อเธอตั้งท่าจะโกหกเขาว่าความจำเสื่อม
ไม่มีใครกล้าโกหกต่อหน้าเขามาก่อน ถ้าเธอเป็นคนแรกที่กล้าทำเขาก็ยินดีจะฆ่าเธอให้ตายคามือเขา แล้วส่งศพกลับไปให้พ่อของเธอ ไม่จำเป็นต้องแก้แค้นต่อก็ได้ เพราะเขาเกลียดการโกหกเป็นที่สุด
“อื้อ อ่อย อื้อ”
ร่างเล็กถึงกับดิ้นพล่านภายในเงื้อมมือของเขาเพื่อเอาชีวิตรอด เธอไม่ได้โกหกอะไรกับเขาทั้งนั้น เพียงแต่ไม่เต็มใจจะทำอะไรอย่างว่ากับเขาก็แค่นั้นเอง
“ถ้าขืนดิ้นอีก กูจะฆ่ามึงทิ้งซะ”
ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งเกิดความต้องการจนห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ไหว จำต้องปล่อยลำคอเล็กๆนั้นออกจากมือ แล้วเขากระชากเสื้อผ้าของเธอออกจากเรือนร่างอรชรนั้นแทน
“ฮือ”
หญิงสาวนอนนิ่งด้วยความหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะดิ้น มีเพียงหยดน้ำตาเท่านั้นที่ไหลอาบสองแก้มขาวไม่ขาดสายอย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้ ให้เขาทำอะไรตามใจชอบกับร่างกายของเธอก็ได้ราวกับเธอไม่มีชีวิตและความรู้สึก
“อ้าส์”
มือหนาเอาตะขอกางเกงของตัวเองลงแล้วงัดเอาความใหญ่โตออกมาจากภายในกางเกง
ชักรูดความใหญ่โตที่ใหญ่จนคับมือตัวเองนั้นต่อหน้าเธอหลายครั้งจนมันตั้งลำแข็งราวกับเหล็กกล้า
จับสองขาเรียวแยกออกจากกันจนกว้างสุดอย่างเอาแต่ใจ จนกลีบกุหลาบของเธอมันแยกออกจากกันจนเห็นได้เด่นชัดด้วยตาเปล่า
เสียบแทงท่อนเอ็นยักษ์ของเขาเข้าไปในตัวเธออย่างไร้ความปรานีเพราะเขาไม่เคยมี มีแต่ความสะใจเท่านั้น
“กรี๊ด”
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่อาจห้ามปากตัวเองเอาไว้ได้ ร่างกายเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆอย่างไม่เหลือชิ้นดี
แหลกสลายทั้งความรู้สึกที่เธอไม่ได้เต็มใจจะให้เขาสนุกกับเรือนร่างของเธอแม้ว่าเธอจะถูกตราหน้าว่าเป็นนางบำเรอของเขา แหละสลายทั้งร่างกายที่ถูกเขาใช้ความรุนแรงนั้นด้วย
“อ้าส์”
ยิ่งเธอกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด สะโพกแกร่งของมาเฟียหนุ่มก็ยิ่งตอกหนักเข้าหาเธอแบบไม่ยั้งมือ
เสียงของเธอช่างปลุกเร้าให้อารมณ์ความป่าเถื่อนของเขามันลุกโชนได้ดีจริงๆ
“เจ็บ ฮือออ”
เสียงกรีดร้องยังคงดังไม่ขาดสายเมื่อร่างหนายังคงตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธออยู่
“อ้าส์”
สะโพกแกร่งกระแทกกระทั้นเข้าหาเธอด้วยความรุนแรงแบบไม่มีหยุดพัก ระบายความใคร่ใส่ตัวเธออย่างไม่สนใจในความเจ็บปวดของเธอที่มันถูกระบายออกมาเป็นเลือดนั้น
เขาสนใจเพียงว่าจะทำยังไงให้เธอได้เจ็บปวดมากที่สุด และตัวเขามีความสุขมากที่สุดแค่นั้นเอง
“อ้าปากซิวะ”
เขาดึงท่อนเอ็นยักษ์ออกกลางทางระหว่างที่อารมณ์ของเขายังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดออกจากตัวเธอ
แล้วใช้มือสาวลำใหญ่นั้นจดจ่อเอาไว้ตรงปากของเธอ ก่อนจะบังคับให้เธออ้าปากออก
“อ้าส์”
จับยัดลำยาวนั้นใส่เข้าไปในปากของเธอก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าใส่ไปในโพรงปากของเธอด้วยการใช้มือช่วย
“กลืนลงไป”
แล้วดึงออกอย่างรวดเร็วก่อนจะบังคับให้เธอกลืนน้ำของเขาลงไป
“อืม”
เพียงพอใจไม่อาจขัดขืนเขาได้ด้วยความหวาดกลัวที่มีมากเกินไป เธอได้แต่จำยอมกลืนน้ำที่มีรสชาติแปลกๆนั้นลงคอไป
“แหกขาออกดิวะ”
แต่ทว่ามาเฟียหนุ่มกลับไม่พอใจเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น แท่งเนื้อยักษ์ของเขายังคงอยากจะปลดปล่อยอยู่เลย
ออกคำสั่งให้เธอทำตามใจเขาอีกครั้ง เพราะค่ำคืนนี้มันยังไม่จบสำหรับนางบำเรออย่างเธอ
“หนูไม่ทำแล้ว มันเจ็บ ฮือออ”
หญิงสาวขัดขืนด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังสุดเสียง เธอเจ็บปวดเกินจะรับไหวอยู่แล้ว
“หุบปาก”
เซนต์ถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวของตัวเองออกมา แล้วใช้เสื้อตัวนั้นอุดปากหญิงสาวเอาไว้อย่างแน่นหนา สองมือหนาจับกดสองมือบางเอาไว้แน่นกับพื้นไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนได้
“อ้าส์”
เสียบแทงท่อนเอ็นยักษ์กับเธออีกครั้งอย่างเอาแต่ใจตัวเอง ผ่านความเจ็บปวดของเธอเข้าไปจนลึกสุดลำยาว
กระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วงเพื่อระบายความต้องการของตัวเอง ท่ามกลางหยดน้ำตาของเธอที่เขายิ่งมองก็ยิ่งเกิดอารมณ์
แล้วคืนนั้นตลอดทั้งคืน นรกบนดินก็ได้เกิดขึ้นกับหญิงสาว มัจจุราชอย่างเขาแทบไม่ปล่อยให้เธอได้พัก เฝ้าแต่โหมโรมรันกระแทกกระทั้นใส่เธอไม่หยุดหย่อนเสียจนฟ้าเกือบสาง
ร่างเล็กสิ้นสติคาพื้นห้องที่เต็มไปด้วยคราบเลือดบริสุทธิ์ของตัวเองเพียงลำพัง โดยที่เขากลับไปนอนหลับอย่างสบายตัวที่ห้องนอนใหญ่ของตัวเอง
“คุณ!”หลังจากที่ถูกพามาขังเอาไว้ในห้องหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในทุกๆวันเพียงพอใจก็มักจะนั่งอยู่ตรงมุมห้องแคบๆเพื่อพยายามนึกให้ออกว่าเธอคือใคร และในวันนี้ก็เหมือนกัน เธอกำลังพยายามนึกอย่างนักจนไม่ได้สนสิ่งรอบตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาที่เธอนั้นแสนคุ้นหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ“เออ กูเอง”มาเฟียหนุ่มที่กำลังได้ที่ตอบกลับออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่จะมีอะไรด้วยมาพูดมากแบบนี้พวกเธอควรแค่นอนเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็พอ ไม่ควรมีปากมีเสียงให้เขาต้องรำคาญ“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวันด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอนั้นไม่อาจนึกออกเองได้“หุบปากซะถ้าไม่อยากตายคามือกู”ร่างหนาจับกดร่างเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยกำลังที่มีมากกว่า ขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นเอาไว้ในทันทีไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนให้ต้องเสียเวลา“ทำไมฉันถึงเป็นนางบำเรอของคุณ”เธอเฝ้าตามเด็กสาวคนนั้นที่เข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้เธอมาหลายวันว่านางบำเรอคืออะไรจนได้คำตอบ เลยรีบถามเขาเมื่อมีโอกาสเพราะกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก แล้วเธอก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกเลย“ก็เพราะเธอมันร่านไ
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ”เพียงพอใจถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นเลยที่เธอนั้นฟื้นขึ้นมา ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นยังไม่หายดี เวลาเดินเหินยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลยและก็ยังเจ็บระบมอยู่ด้วย ส่วนแผลภายนอกไม่ต้องพูดถึงบนศีรษะของเธอยังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่เลยพอมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นท้ายซอยที่ด้านหน้าเป็นปากซอยติดกับถนนใหญ่ รอบๆบริเวณไม่มีบ้านหลังอื่นเลยแม้แต่หลังเดียว ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นเอามากๆเลย แถมด้วยการล้อมรั้วสูงใหญ่และหนาจนคนนอกเดินผ่านมาไม่มีทางมองเห็นด้านในบ้านแน่นอนเธอถึงกับมีคำถามในทันทีว่าที่นี่คือที่แห่งใด เมื่อเธอไม่คุ้นตาเลยตั้งแต่รถถูกเลี้ยวเข้ามาแล้ว ไม่เหมือนกับที่เธอคุ้นหน้าคนที่สั่งให้เธอมาที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว“บ้านไง มองไม่เห็นหรือไงวะ”โจตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆมาตลอดทาง ถามทางบ้าง ถามชื่อเขาบ้างล่ะ แล้วนี่ยังมาถามอีกว่าบ้านคืออะไร“ฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอคะ”เธอพยายามนึกจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน อาการปวดหัวเริ่มถามหาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังนึกไม่ออก“ถามมากจริงวะ หุบปากสักที หรือต้องตบปิดปากห
“แผลข้างนอกหายจะหมดแล้ว เหลือแต่ที่หัว เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีวะ”ลูคัสที่รับหน้าที่เฝ้ายามหน้าห้องพักฟื้นของลูกศัตรูของเจ้านายบ่นพึมพำออกมาเมื่อเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกวันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่า เป็นระยะเวลาเกินครึ่งเดือนมาแล้วความเบื่อหน่ายถามหาเขาจนแทบอยากจะกระอักมันออกมาทางปาก แต่ติดตรงที่กลัวเจ้านายจนหัวหด ก็ทำได้เพียงแค่พูดลอยลมออกมาเท่านั้นนี่ถ้าไม่ใช่งานที่เจ้านายสั่ง เขาก็คงยิ่งอีนั้นที่นอนสบายอยู่ในห้องพักฟื้นนั้นตายห่าไปแล้วแน่ๆ“มึงเบื่อจะเฝ้าแล้วหรือไง”โจหันไปถามเพื่อนด้วยคำพูดสั้นๆ พร้อมกับหน้าตาที่เบื่อหน่ายสุดกำลังเช่นกัน เพราะเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าๆกับไอ้ลูคัสมันนั่นแหละ“เออซิวะ ครึ่งเดือนแล้วนะโว้ย หลับสบายใจอยู่ได้”“กูเบื่อยิ่งกว่ามึงอีก กูยังไม่พูดเลย มึงจะเสือกพูดมากทำไมวะ หนวกหู”“เอาปืนยิงกรอกปากแม่งให้จบๆไป แล้วค่อยไปรายงานนายที่หลังว่าปืนลั่น”“ถ้าอีนี่ตายมึงก็ตายจำไม่ได้หรือไง”โจทวนความจำให้กับเพื่อนรักของเขาเผื่อว่ามันจะลืมว่าเจ้านายเคยพูดเอาไว้ยังไง ก็ด้วยอีนั้นของมันที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย ถ้าเจ้านาย
“ฝ่าวงล้อมออกไป”อัลวินสั่งการลูกน้องทั้งมือขวาที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถกับคนขับรถคู่ใจเสียงดังลั่นรถเมื่อในตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกไม่สู้ดีนักเขากำลังถูกล้อมโดยศัตรูที่เป็นใครสักคนก็ยังไม่รู้แต่เท่าที่รู้ในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายวางแผนมาดีมากจนเขาแทบไม่มีทางหนีออกไปได้แต่ทว่าเขากลับต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อหาทางหนีไปให้ได้ แม้เป็นรถคันเดียวที่อยู่กลางวงล้อมด้วยรถของลูกน้องถูกกันออกไปด้านนอกหมดแล้วก่อนหน้านี้เพราะเขานั้นมีลูกสาวต้องดูแล ถ้าลำพังตัวเขาเพียงคนเดียวแล้วละก็คงตั้งหลักสู้ตายอยู่ตรงนี้ ไม่หนีให้เสียชื่อหรอก“ครับนาย”“ไม่ต้องกลัว ก้มหัวเอาไว้”มือหนาของคนเป็นพ่อวางลงบนศีรษะของลูกสาวอย่างเบามือที่สุดเพื่อมอบความปลอดภัยให้ แม้รู้ดีว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นรองจนแทบไม่มีทางรอดแล้วก็ตาม“ค่ะ”สายตาหวานหันมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ทว่าก็ยังพยายามเข้มแข็งสุดกำลังเพื่อไม่ให้พ่อต้องกังวลกัดปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวออกมา แอบปาดน้ำตาไปก็หลายรอบเพื่อไม่ให้พ่อต้องมาเห็นว่าเธอนั้นกลัวแค่ไหน“มึงไปทางนั้น”อัลวินมองหาทางออกจากวงล้อมของรถจำนวนม
“มายด์ เพียงพอใจ แกรนด์เดย์ หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ซินะ หึ”มือหนาดึงรูปออกมาจากซองเอกสารที่ลูกน้องยื่นให้ก่อนหน้านี้ ซองนี้มาจากสายลับคนหนึ่งที่เขาส่งให้ไปแฝงตัวอยู่กับพวกตระกูลแกรนด์เดย์ ตระกูลชาติชั่วที่ฆ่าพ่อของเขา และลูกน้องคนนี้ก็ตายห่าไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงซองเอกสารที่ถูกส่งเป็นจดหมายมาถึงเขาอย่างลับๆนี้ก่อนจะวางรูปหญิงสาวสวยที่อยู่ในวัยสดใสอายุเพียงแค่ยี่สิบสองเท่านั้นลงกับโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีหยิบเอามีดพกขนาดกำลังพอดีมือออกมาจากภายในเก๊ะของโต๊ะทำงานนั้นที่ด้ามมีดสลักชื่อตระกูลแกรนด์เดย์ออกมาปักมีดลงบนรูปภาพของหญิงสาวนั้นอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายปลายมีดไปทั่วจนรูปนั้นขาดไม่เหลือชิ้นดีมีดที่เคยปักบนอกของพ่อเขาต้องได้ย้อนกลับไปปักอกคนของพวกมันเร็วๆนี้ เลือดจำต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้นถึงจะสาสมแล้วคนที่เขาหมายตาว่าจะให้เป็นเหยื่อของความแค้นสีเลือดนี้ก็คือเธอ เพราะมันคงทำให้พ่อของเธอทรมานจนแทบดิ้นตายเหมือนกับที่พ่อของเขาต้องพบเจอก่อนตาย“เธอจะต้องชดใช้”เซนต์จ้องมองรูปที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนภายในดวงตาแข็งกร้าวนั้นราวกับจะแผดเผ