เนาวรัตน์มองดูการกระทำของลูกชายแล้วรู้สึกว่า ผิดปกติ เมฆาไม่น่าจะไม่พอใจเรื่องเสื้อผ้าที่ปิ่นประภาให้ณัฐรวี บุตรชายอาจไม่พอใจที่เห็นณัฐรวีแต่งตัวสวยๆ และมีเงินใช้ หากณัฐรวีแต่งกายให้ตัวเองดูดีขึ้น หล่อนก็จะตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มที่พบเห็น หากมีเงินติดตัวก็อาจหนีไปจากที่นี่ เมฆาจึงต้องกันไว้ก่อนแก้ ด้วยการนำเสื้อผ้าณัฐรวีไปเผาทิ้งและริบเงินที่ได้จากสมสมร ทว่าอีกใจก็ค้านว่าไม่น่าใช่ เมฆาเกลียดณัฐรวี หมายให้เจ็บปวดใจ การทำเช่นนี้ถือว่า ทำร้ายจิตใจณัฐรวีอย่างหนึ่ง ซึ่งนางก็หวังว่าจะเป็นอย่างหลัง
ณ ไร่เพียงฟ้า
ประพจน์เจ้าของไร่เพียงฟ้ากำลังนอนเหยียดตัวคว่ำหน้าลงบนที่นอน ใบหน้าเขามีความเคลิบเคลิ้มราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ทำอยู่
“อืมดีมากรวี ตรงนั้นแหละ โอ้...ดีๆ” ประพจน์พูดขึ้นขณะยังคงหลับตา รอยยิ้มพอใจระบายเต็มใบหน้า “รวีนวดดีจัง กดลึกถึงเส้นเลย”
“คอยดูนะ พ่อแกต้องมีหมอนวดประจำตัวแน่ๆ” สมสมรพูดกับภูริภัทร เมื่อได้ยินคำพูดสามี “แต่จะว่าไป รวีนวดดีจริงๆ เมื่อคืนแม่นอนหลับสบาย ไม่ปวดหลังเลย”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ยินคุณแม่บ่นว่า ปวดเมื่อยตัวเลย”
“ถ้ารวีเปิดร้านนวดล่ะก็ พ่อว่าลูกค้าเพียบแน่ๆ ฝีมือระดับนี้คนขี้เมื่อยติดตรึมชัวร์” ประพจน์เอ่ยขึ้น คิดว่าไม่ผิดจากที่พูด “รวีไปเรียนนวดที่ไหนมาล่ะ นวดดีกว่าหมอนวดมืออาชีพซะอีก”
“ตอนที่คุณลุงยังอยู่ รวีนวดให้คุณลุงบ่อยๆ ค่ะ คุณลุงบ่นปวดหลัง ปวดเอว รวีก็ไปดูวิธีนวดในยูทูป แล้วก็มานวดให้คุณลุง คุณลุงก็คอยบอกคอยสอนให้รวีนวดด้วยค่ะ”
รวีตอบ เป็นคำตอบที่ตอบไม่หมด ไม่เพียงแค่หล่อนนวดให้เชษฐาเพียงคนเดียว ณัฐรวียังนวดให้เนาวรัตน์และเมฆาอีกด้วย
“มิน่าล่ะถึงนวดเก่ง อิจฉาคนบ้านโน้นจริงๆ เห็นทีลุงต้องจ้างรวีมานวดอาทิตย์ละวันซะแล้ว พักนี้ปวดเมื่อยตัวบ่อยเสียด้วย” เจ้าของคำพูดคือประพจน์
“นอกจากจะนวดเก่งแล้ว ยังทำกับข้าวอร่อยอีกด้วย ป้ากินแกงส้มมาเกือบทั้งชีวิต แต่ไม่มีแกงส้มของใครอร่อยเท่าของรวีเลย ทั้งที่สูตรก็ไม่น่าจะหนีกันนะ แต่ทำไมกินแกงส้มผักแปดเซียนของรวีแล้ว ไม่อยากกินของใครอีกเลย ว่างๆ สอนป้าทำบ้างนะ” รสชาติแกงส้มผักแปดเซียนฝีมือณัฐรวียังติดอยู่บนลิ้น เป็นคำชมจากใจหาได้ยกยอ
“ใช่ครับ อร่อยสุดๆ ถ้าเมื่อวานมีปลาสลิดทอดด้วย ผมว่าจะอร่อยมากกว่านี้”
“ว่าแต่รวีไปได้สูตรมาจากไหนล่ะ” ประพจน์ถาม
“ได้จากยายค่ะ ยายเคยสอนรวีทำตอนเด็กๆ ตอนนั้นรวีจำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ยายจดใส่สมุดไว้ให้รวี รวีมาหัดทำจริงจังตอนมาอยู่ไร่ดุจตะวันค่ะ” ณัฐรวีตอบ “สมัยยายสาวๆ ยายเป็นแม่ครัวร้านอาหารน่ะค่ะ ต้นตระกูลเจ้าของร้านที่ยายทำงานเป็นแม่ครัวเก่าแก่ในวังค่ะ เลยได้สูตรอาหารอร่อยๆ มาหลายอย่างค่ะ”
“ป้าชักอยากกินอาหารฝีมือรวีอีกแล้วสิ มีเมนูอะไรเด็ดๆ ไหม” สมสมรน้ำลายสอขึ้นมา
“คุณป้าเคยกินแกงรัญจวนไหมคะ” ณัฐรวีถามกลับ
“จำได้ว่าเคยกินครั้งนึงนะ แต่นานมาแล้ว นานจนลืมรสชาติของมัน”
“ลุงก็เหมือนกัน ลืมรสชาติแล้ว” ประพจน์พูดขึ้นบ้าง
“พี่เคยได้ยินแต่ชื่อแกงนี้นะ ไม่เคยกินเลย” ภูริภัทรพูดต่อ
“รวีทำให้กินดีไหมคะ รวีก็ไม่ได้ทำนานแล้ว” หมอนวดจำเป็นเสนอเมนู
“เอาสิ” สมสมรรับคำ ขณะที่ภายในบ้านกำลังพูดคุยถึงเรื่องอาหารเที่ยง รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าบ้านประพจน์ คนในรถก้าวลงมาพร้อมของฝากเจ้าของบ้านหลายถุง
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
เสียงนายแพทย์ภารดรหรือหมอเดย์ดังมาก่อนตัว และเมื่อเขาเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ สายตาเขาจับจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังนวดประพจน์ หล่อนหันมองเขาพอดี ภารดรจึงได้เห็นดวงหน้าหวานสวยเต็มตา ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ถูกใจสาวสวยคนนี้ขึ้นมาทันใด
“เสียงมาก่อนตัวเลยนะเดย์” สมสมรทักเพื่อนสนิทลูกชาย ความสนิทสนมของทั้งคู่ดำเนินมาตั้งแต่เยาว์วัย หากนับเป็นเวลาก็ล่วงเลยมากกว่ายี่สิบกว่าปี
“ผมไปญี่ปุ่นมาครับ ซื้อของมาฝากคุณพ่อคุณแม่ พี่ปิ่นแล้วก็ไอ้ภูด้วยครับ” ภารดรวางถุงหลายใบลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาตัวยาวที่สมสมรนั่งอยู่ ก่อนหันไปมองดูหมอนวดหน้าหวานนวดตัวให้ประพจน์ “เห็นคุณพ่อนวดตัวชักอยากนวดขึ้นมา รู้สึกปวดหลังน่ะครับ”
“คงไม่ได้เพราะรวีไม่ใช่หมอนวดมืออาชีพ รวีแค่มานวดให้คุณพ่อ พอนวดเสร็จก็จะไปทำกับข้าวให้กูกับคุณพ่อคุณแม่กิน คงไม่มีเวลานวดให้มึง” ภูริภัทรรีบพูดดักคอเพื่อน เพราะดูจากสายตา ภารดรไม่ได้ปวดเมื่อตามปากพูด คงหาเหตุให้ได้ใกล้ชิดกับณัฐรวีตามประสาพ่อไก่แจ้ “ถ้ามึงเมื่อย กูโทรเรียกหมอนวดมานวดให้ เอาไหม”
“ถ้าอย่างนั้นไม่นวดแล้ว รอกินกับข้าวฝีมือคนสวยดีกว่า กูก็เริ่มหิวแล้วด้วย” ภารดรไหลลื่นยิ่งกว่าปลาไหล
“รวีนวดเสร็จแล้วค่ะ” ณัฐรวีบอกเมื่อทำการนวดตัวให้ประพจน์เสร็จ “รวีขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ จะได้ให้ตุ่นไปซื้อให้”
“ค่ะคุณป้า” แม่ครัวเฉพาะกิจตอบกลับ ก่อนเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลังของบ้าน
“ใครครับคุณแม่ หน้าตาสวยเชียว” ภารดรรีบถามสมสมร
“เธอชื่อรวี อยู่ไร่ดุจตะวัน” สมสมรตอบ “อย่าทำรุ่มร่ามนะเดย์ คนนี้แม่ขอ รวีเป็นเด็กดี ถ้าไม่จริงจังก็ปล่อยผ่านไปเถอะ”
คนพูดรู้นิสัยภารดรดี เจ้าชู้ ไม่เคยคิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือของเล่นที่เล่นเบื่อก็ทิ้งลงถังขยะ แยกย้ายกันตามระเบียบ
“เล่นพูดดักคอซะแล้ว” ภารดรแอบบ่น
“ก็น่าพูดดักอยู่หรอก มึงน่ะตัวพ่อเรื่องเจ้าชู้เลย”ภูริภัทรรู้นิสัยเพื่อนเช่นกัน
“ไม่รู้สิ กับรวีรู้สึกแปลกๆ แววตาเธอน่าสงสารนะ เศร้าเชียว มองสบตาแล้วใจหวั่นไหวอย่างไงบอกไม่ถูก” ภารดรบอกความรู้สึกตัวเองให้เพื่อนรักกับคนในห้องโถงใหญ่รับรู้
“เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า มึงมากับกูนี่ กูอยากคุยกับมึงเรื่องรีสอร์ตพอดี”
ภูริภัทรเดินไปหาเพื่อนรัก ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินไปยังระเบียงข้างบ้าน เพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกัน
Chapter 14เนาวรัตน์มองดูการกระทำของลูกชายแล้วรู้สึกว่า ผิดปกติ เมฆาไม่น่าจะไม่พอใจเรื่องเสื้อผ้าที่ปิ่นประภาให้ณัฐรวี บุตรชายอาจไม่พอใจที่เห็นณัฐรวีแต่งตัวสวยๆ และมีเงินใช้ หากณัฐรวีแต่งกายให้ตัวเองดูดีขึ้น หล่อนก็จะตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มที่พบเห็น หากมีเงินติดตัวก็อาจหนีไปจากที่นี่ เมฆาจึงต้องกันไว้ก่อนแก้ ด้วยการนำเสื้อผ้าณัฐรวีไปเผาทิ้งและริบเงินที่ได้จากสมสมร ทว่าอีกใจก็ค้านว่าไม่น่าใช่ เมฆาเกลียดณัฐรวี หมายให้เจ็บปวดใจ การทำเช่นนี้ถือว่า ทำร้ายจิตใจณัฐรวีอย่างหนึ่ง ซึ่งนางก็หวังว่าจะเป็นอย่างหลัง ณ ไร่เพียงฟ้า ประพจน์เจ้าของไร่เพียงฟ้ากำลังนอนเหยียดตัวคว่ำหน้าลงบนที่นอน ใบหน้าเขามีความเคลิบเคลิ้มราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ทำอยู่ “อืมดีมากรวี ตรงนั้นแหละ โอ้...
Chapter 13ก่อนเวลาภูริภัทรมารับณัฐรวีครึ่งชั่วโมง เมฆาเดินมาเคาะประตูห้องณัฐรวีแทนการใช้กุญแจไขเช่นทุกครั้ง ที่เขาทำเช่นนี้เป็นเพราะแก้วตากลับมาบ้าน เขาจะทำตัวเข้านอกออกในห้องนี้ตามใจชอบไม่ได้ เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตู พอรู้ว่าเป็นใคร ใจหล่อนเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสายตาไม่พอใจที่กวาดมองตนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทุกวันตลอดสามปีเมฆาจะเห็นณัฐรวีสวมเสื้อผ้าตัวเก่า ซ้ำไปซ้ำมา สีหมองลงตามเวลา บางตัวมีรอยปะรอยชุน ทว่าวันนี้หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตแขนตุ๊กตาสีชมพู กางเกงเป็นแบบพอดีตัวสีครีมที่ดูเข้ากัน ณัฐรวีสวมชุดนี้แล้วดูแปลกตา ดูสดใสน่ารัก และน่ามอง “ใส่ชุดใหม่ซะด้วย” น้ำเสียงบอกให้รู้ได้ว่า เมฆากำลังไม่พอใจ “ชุดที่พี่ปิ่นให้รวีมาค่ะ พี่ปิ่นบอกว่า วันนี้ให้รวีใส่ชุดที่เธอให้ค่ะ” ณัฐรวีบอกเมฆา เขาไม่ได้พูดอะไรก้าวเดินเข้าไปในห้อง มาหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนเปิดมันออก ทำบางอย่างที่เจ้าของห้องตกใจ “คุณเมฆเอาเสื้อผ้ารวีออกมาทำไมคะ” เมฆาไม่สนใจคำถาม เขาหยิบเสื้อผ้าที่แขวนไว้เป็นระเบียบออกจากตู้ โยนมันลงบนพื้น เหลือเพียงเสื้อผ้าเก่าของณัฐรวีที่แขวนอยู่บนราว
Chapter 12“อ๊า...อา...คุณเมฆ” ความเสียวกระสันประดังเข้าสู่กายหล่อนต่อเนื่อง เขาเองก็ขยับนิ้วเร็วรี่ แรงขึ้นและแรงขึ้น เสียงครางสวาทดังจากปากสาวไม่หยุด “อา...คุณเมฆ...อา”เมฆหยุดการกระทำของตนเอง เพราะเขามีเรื่องสนุกที่น่าทำยิ่งกว่า ชายหนุ่มขยับตัวมาคร่อมร่างเล็กตรงช่วงทรวงอก มองดวงหน้าหวานที่ตอนนี้แดงระเรื่อจากพิษเสน่หาเล่นงาน“เจลอยู่ไหน” เมฆาถาม“ในลิ้นชักค่ะ” สิ้นคำตอบ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบเจลหล่อลื่นออกมา เทเจลสีขาวลงบนกายแกร่ง สาวใต้ร่างรู้งาน มือเล็กละเลงเจลไปจนทั่วความยิ่งใหญ่จนมันวาว เมื่อทุกอย่างพร้อมเขานำความเป็นชายวางลงตรงร่องกลางอก ใช้มือทั้งสองข้างจับอกอวบของหล่อนไว้ทั้งซ้ายขวา ก่อนบีบเข้าหากัน จากนั้นก็ขยับแก่นกายใหญ่เริ่มต้นจากช้า ขยับจังหวะไปสู่เร็ว“ดีจัง...เสียวไปทั้งลำเลย...อูว์” เมฆาครางจากความเสียวสยิวที่แล่นปราดไปทั่วกาย โดยเฉพาะอาวุธประจำกายที่เคลื่อนไหวอยู่กลางร่องอก ขยับเร็วเท่าไหร่ ความซ่านกระสันมากขึ้นเท่านั้น “โอ้ว...อูว์”เอวสอบใหญ่นำความเป็นชายขยับโยกไม่หยุด มือใหญ่ที่กอบกุมทรวงอกสาวก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ขยำเคล้นความนุ่มหยุ่นอย่างเมามัน เ
Chapter 11“แก้วตาหลับแล้ว ไม่รู้เรื่องของเราหรอก” เมฆาตอบกลับ “อีกอย่างห้องนี้เก็บเสียง เสียงครางเธอไม่ลอดออกไปจากห้องนี้แน่ รู้แล้วก็รีบทำๆ ซะ อย่าขัดใจฉัน”เมฆานำแก่นกายชายตีลงบนปากณัฐรวี ราวกับกระตุ้นให้หล่อนทำตามคำสั่ง แน่นอนว่าหล่อนทำตาม ริมฝีปากเล็กเปิดกว้างอ้าอมหัวนกเขา อมๆ ดูดๆ จนมันพองขยายขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่ปากหล่อนที่ทำงาน มือทั้งสองข้างก็ทำงานร่วมด้วย มือหนึ่งกอบกุมแก่นกายมหึมา อีกมือหนึ่งหยอกเล่นกับพวงสวรรค์ลิ้นเล็กแลบเลียส่วนปลายคล้ายหัวเห็ด เลียไปมาชั่วครู่ก็ให้ปากทำงาน อ้าอมส่วนนั้นเข้าปาก ดูดเข้าดูดออก ก่อนใช้มือประคองความอวบใหญ่ขยับรูดขึ้นลงไปตามจังหวะปาก เมฆาครางออกมาแผ่วเบา หน้าตาเคลิ้มฝัน พอใจกับการปรนนิบัติของณัฐรวีเมฆาเริ่มขยับสะโพกดันกายแกร่งเข้าไปในช่องปากเล็ก ซึ่งสาวเจ้าก็เหมือนรู้งาน อ้าปากกว้างมากขึ้นเพื่อรอรับแรงส่งของแก่นกายชายที่ดันเข้าไปไม่ลึกมาก ไม่ทำให้หล่อนสำลัก ความแรงก็ไม่ได้แรงจนปากร้อนฉ่า เป็นความแรงอันนุ่มนวล“ร้อนดีจัง...อืม” เขาครางพอใจ ก้มมองดูความอวบใหญ่ตัวเต็มวันผลุบเข้าผลุบออกปากหล่อนก็ยิ่งรู้สึกดีและพอใจมากขึ้น เมฆาเร่งซอยจังหวะแรงข
Chapter 10“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” พูดจบเมฆาก็ลุกขึ้นยืน “ผมเข้าไปดูงานในไร่ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมีบริษัทมารับเมล็ดชากับกาแฟ”เนาวรัตน์พยักหน้ารับรู้ มองตามร่างบุตรชายที่เดินออกไปจากบ้าน ก่อนหันมองรูปถ่ายของเชษฐาที่ติดอยู่บนฝาผนังบ้าน“เพราะคุณคนเดียว หลายคนต้องเจ็บปวด ถ้าคุณไม่พามันเข้ามาในบ้าน คงไม่มีใครต้องทุกข์ทรมาน”เนาวรัตน์ปรารถนาให้เชษฐาได้ยินประโยคนี้ เขาจะได้รู้ว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเขา ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ คิดไตร่ตรองไม่รอบคอบ นำผู้หญิงที่ชื่อรุ่งรดีเข้าในชีวิต นำความสุขมาให้เชษฐาเพียงคนเดียว ส่วนคนรอบข้างมีแต่ความทุกข์และปวดร้าวใจ ราวสองทุ่มเศษ เสียงทีวีในห้องรับแขกดังเข้ามาในหูณัฐรวีที่กำลังเดินเข้าไปในบ้าน หล่อนแปลกใจไม่น้อยเพราะปกติเวลานี้เนาวรัตน์ เมฆาจะอยู่ในห้องนอน จะว่าคนรับใช้เปิดทีวีดูก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากในห้องพักคนรับใช้จะมีทีวีหนึ่งเครื่องไว้ดูหลังเลิกงาน แล้วใครกันที่เปิดทีวีในห้องรับแขก “กลับมาแล้วเหรอรวี แก้วตาคอยตั้งนาน”ณัฐรวีหายสงสัยเมื่อเห็นเมฆานั่งดูทีวีอยู่กับแก้วตา และเมื่อได้ยินและเห็นหน้าเจ้าของเสียง ทำให้หล่อ
Chapter 9หญิงสาววัยย่างยี่สิบสองปีโปรยยิ้มหวานให้คนงานและสาวใช้ที่ทำงานอยู่หน้าบ้าน แก้วตาแวะทักทายตามประสาคนเพิ่งกลับมาบ้าน ก่อนเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหาเจ้าของบ้านที่รอการกลับมาของตน “คุณป้าขา” แก้วตาคือเจ้าของเสียง หล่อนโผกอดร่างเนาวรัตน์ที่กอดตอบร่างเล็กด้วยความรักและคิดถึง “คิดถึงคุณป้าที่สุดเลยค่ะ” คำคิดถึงมาพร้อมกับปลายจมูกกดลงบนแก้มของเนาวรัตน์ทั้งซ้ายและขวา “ปากหวานเหมือนเดิมนะเราเนี่ย” “ปากหวานที่ไหนกันคะ คิดถึงคุณป้าจริงๆ ค่ะ พอว่างปุ๊บก็รีบมาหาคุณป้าเลยค่ะ” ตอนนี้แก้วตากำลังศึกษาแพทยศาสตร์ชั้นปีที่สาม หล่อนจึงไม่ได้กลับบ้านบ่อยนัก เนื่องจากเรียนหนักและต้องทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยอีกด้วย ซึ่งเนาวรัตน์ก็รู้ถึงเหตุผล “คิดถึงแต่แม่ ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ พี่น้อยใจนะ”เมฆาที่เดินถือกระเป๋าเดินทางแก้วตาเข้ามาในบ้านพูดขึ้น ก่อนไปทรุดกายนั่งข้างมารดา แก้วตารีบลุกมานั่งข้างพี่ชายนอกสายเลือด กอดและหอมพี่ชายอย่างเอาใจ “คิดถึงพี่เมฆเหมือนกันค่ะ รักพี่เมฆด้วยค่ะ”เมฆามองหน้าสาวสวยตรงหน้าที่ตนปักใจรักมานานหลายปีด้วยรอย