“นี่...หมายความว่า ที่ทำเป็นพูดโน่นนี่ก็แค่อยากเข้าห้องน้ำใช่ไหม นายแทนบ้า!”
บ่นแล้วก็อดทุ่มกระเป๋าใส่โซฟาแทนร่างสูงไม่ได้ แต่ก็ไม่ลืมกดเบอร์สั่งสลัดกับน้ำส้มของตัวเองและเมนูชายหนุ่ม พอเธอวางสายก็มีกริ่งหน้าประตู หญิงสาวเดินไปมองตรงกล้องด้านหน้าแล้วก็ต้องตกใจ
โจชัว!
เขามาถึงห้องเธอได้ยังไง? คนที่รู้ว่าเธอพักที่นี่มีเพียงแค่ทีมงานที่พักที่นี่ด้วยกันเท่านั้น
ชื่อของคนคนหนึ่งลอยเข้ามาในหัวทันที เธอได้ยินเรื่องของสองคนนั้นมาพอสมควร ว่าพักหลังๆ ทั้งคู่นัดพบกันบ้างเพราะมีน้องๆ ในทีมริกะแอบมาพูดกับเธอที่เคยคบหากับโจชัว หญิงสาวรู้ดีว่าเด็กคนนั้นก็ไม่ชอบริกะเท่าไรนักแต่เพราะอีกฝ่ายมีฝีมือ ได้อยู่ทีมริกะจึงมีอนาคต ก็เลยฟังหูไว้หู แม้ลึกๆ เธอจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็ตาม วันนี้เพิ่งเกิดเรื่องกันมาแล้วก่อนออกมาสองคนนั้นก็อยู่ด้วยกันเป็นไปได้สูงมากที่ริกะอาจจะบอกให้โจชัวมาหาเธอที่นี่
“อลิซ...อลิซครับ”
คนข้างนอกกดกริ่งพร้อมเรียกราวกับมั่นใจว่าเธอต้องอยู่ เฌอเอมไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว หญิงสาวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด คิดว่าควรทำอย่างไรดี แล้วก็นึกออกว่ามีตัวช่วยอยู่ในห้องน้ำจึงรีบเดินไปเคาะประตูกระซิบเรียก
“นี่นายแทน เรียบร้อยรึยัง ออกมาก่อนได้ไหม โจชัวมาที่นี่”
“หา อะไรนะคุณ”
“เบาๆ สิ บอกว่าโจชัวมา ออกมาเดี๋ยวนี้เลย”
“เดี๋ยวๆ แป๊บนึง”
นางแบบสาวรออย่างร้อนใจเพราะโจชัวยังกดกริ่งไม่เลิก ชั่วครู่ก็มีเสียงปลดล็อก ร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาพร้อมกับเธอหันไปมองแล้วก็ผงะถอยหลังมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ที่สำคัญอีกฝ่ายทำให้เธอหน้าร้อนวูบทีเดียว
“อะไรเนี่ย”
“ก็คุณบอกว่าไอ้หมอนั่นมาไม่ใช่เหรอ มันก็ต้องทำให้เนียนกันหน่อย”
คนที่ออกมาพร้อมเสื้อคลุมของโรงแรมที่ผูกเอวลวกๆ บอกอย่างเจ้าเล่ห์ หญิงสาวสะบัดหน้าใส่ไม่อยากมองแต่ก็ยังออกคำสั่ง
“ไปจัดการโจชัวสักที ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”
“คร้าบ คร้าบ”
ธิติทำเสียงในลำคอใส่คนที่เอาแต่สั่งขณะเดินไปหน้าห้องเปิดประตูออกทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ”
ประโยคของโจชัวทำให้คนที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
“ประโยคนี้ผมควรจะเป็นคนพูดมากกว่านะ”
“ฉันจะคุยกับอลิซ”
โจชัวพูดความต้องการโดยไม่ต่อคำให้ตัวเองต้องเสียหน้ามากกว่านี้ เขากวาดมองชุดที่หมอนี่ใส่อยู่ด้วยอารมณ์ที่แทบปะทุออกมา
“เอมอาบน้ำอยู่ แล้วต่อจากนี้เธอก็ไม่ว่างคุยกับคุณหรอก คงไม่ต้องอธิบายนะว่าเพราะอะไร”
คนฟังมองท่าทางน่าหมั่นไส้ของอีกฝ่ายแล้วกัดฟันกรอด
“อ้อ แล้วก็ เท่าที่รู้มาคุณแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเรื่องที่คุณมาตามติดแฟนเก่าต้อยๆ แบบนี้รู้ไปถึงหูภรรยาคุณเธอคงไม่ชอบหรอกจริงไหม คนไทยเขาเรียกว่า หน้าต่างมีหูประตูมีช่องน่ะ ถึงคุณจะไม่เข้าใจแต่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ”
คนที่แต่งงานแล้วถึงกับสะอึก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าทีมงานจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับวาเลนเซีย เพราะเขาจ่ายค่าปิดปากไปแล้วแต่มันก็ไม่แน่เสมอไป ภรรยาเขามีอิทธิพลในวงการแฟชั่นมาก ที่สำคัญเงินถึงกว่าเขา
“อุตส่าห์ตกถังข้าวสารทั้งทีต้องเกาะไว้แน่นๆ สิ”
ธิติขยับเข้าไปพูดย้ำใกล้ๆ เมื่ออีกฝ่ายยังยืนนิ่ง และนั่นก็ได้ผลเพราะโจชัวขยับทันควัน แต่เป็นการคว้าคอเสื้อคลุมพร้อมมือข้างหนึ่งที่กำแน่นชูขึ้น
“อ๊ะๆ คิดให้ดีก่อนดีกว่า ผมฟ้องคุณข้อหาบุกรุกแล้วก็ทำร้ายร่างกายได้นะ และมันก็ยิ่งจะทำให้เรื่องใหญ่ขึ้น คราวนี้ปิดภรรยาคุณยังไงก็คงไม่มิด”
“แก...ไอ้หน้าอ่อน ฉันไม่เอาแกไว้แน่”
โจชัวกัดฟันพูดใส่หน้าคนอ่อนกว่าแล้วผลักออกห่างอย่างกระแทกกระทั้นจนร่างที่ดูกำยำกว่าถอยหลังก้าวหนึ่ง
“จะลองดูกันสักตั้งก็ได้นะ พร้อมเสมอ”
ธิติโต้กลับเสียงเครียดแต่ไม่ดังจนเกินไป จ้องตอบแววตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
โจชัวสบถหยาบคายก่อนจะหันกลับเดินปึงปังจากไป ชายหนุ่มยืนกอดอกมองตามอย่างวางเชิง กระทั่งคนบุกรุกหายเข้าลิฟต์ไปแล้วนั่นแหละธิติจึงปิดประตูลง
===================
คนที่กำลังโมโหก้าวเข้ามาในลิฟต์แล้วทุบหมัดใส่กำแพงระบายอารมณ์ ไอ้หมอนั่นมันเป็นต่อเขาทุกทาง เพราะเขาให้วาเลนเซียรู้ว่าตามตอแยอลิซเซียไม่ได้ ทั้งเรื่องผู้หญิงคนอื่นทุกคนรวมทั้งริกะเองด้วย โจชัวรู้จากริกะมาว่าไอ้หมอนี่มันทำงานด้านกฏหมาย ที่บ้านเป็นสำนักกฎหมายค่อนข้างมีชื่ออยู่แถบชานเมือง คนพวกนี้มักเจ้าเล่ห์เจ้ากล มันต้องไม่ทำธรรมดาแน่นอน
โจชัวครุ่นคิดก่อนจะหยิบมือถือออกมากดโทรออก เมื่อมีคนรับสายเขาก็เอ่ยอย่างเคร่งเครียด
“เสียใจด้วยนะริกะ คุณต้องไม่อยากรู้แน่ๆ ว่าผมเจอไอ้หมอนั่นที่ห้องอลิซ”
ปลายสายโวยวายกลับมา แต่โจชัวขี้เกียจฟังต่อจึงตัดบท
“ผมว่าเราคงต้องร่วมมือกันจริงจังซะแล้วล่ะ”
=====
คนที่ผล็อยหลับไปช่วงบ่ายจนถึงเย็นเดินลงบันไดบ้านอย่างมึนหัว เฌอเอมนอนเกือบเช้ามาแล้วสามคืนติดทำให้มักจะง่วงตอนบ่ายเสมอ นั่นเพราะรอว่าใครบางคนอาจจะกลับมาในตอนดึกทว่าเขาก็ไม่กลับมาเลยสักคืน หญิงสาวขยับบิดไปมาอย่างหงุดหงิด แต่แล้วเสียงพูดคุยห้าวทุ้มคุ้นหู้ก็ทำให้ต้องรีบผลุนผลันตรงไปยังห้องรับแขก แล้วก็เห็นชายหนุ่มนั่งพูดคุยกับบิดามารดาของเธอและเขาอยู่ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดของแต่ละคนทำให้คนที่อ้าปากจะโวยวายหุบฉับ รู้ว่าตัวเองไม่ควรแสดงอาการแปลกๆ ต่อหน้าผู้ใหญ่จึงสูดลมหายใจระงับอารมณ์กรุ่น ก้าวช้าๆ อย่างสงบเสงี่ยมเข้าไปนั่งลงข้างมารดาของตนเอง“เอมมาก็ดีแล้ว แทนเขากำลังสรุปคร่าวๆ เรื่องคดีของเรากับผู้ชายคนนั้นให้พ่อฟัง”“ค่ะ”เฌอเอมรับคำพยายามตีหน้านิ่งโดยไม่มองหน้าธิติแม้แต่น้อย“อย่างที่แม่บอกแหละลูก แม่กับพ่อต้องกลับพรุ่งนี้แล้วเพราะคุณพ่ออยู่นานไม่ได้ คุณพ่อก็เลยอยากรู้ว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เป็นยังไง มีปัญหารึเปล่า”“แต่เท่าที่ฟังแทนบอกก็ไม่มีปัญหาอะไรมาถึงตัวลูกแล้ว แบบนี้พ่อก็วางใจได้สักหน่อย แต่ยังไงคงต้องให้แทนเป็นธุระบอกอีกทีเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน”“ครับท่าน ผมทราบครับว่าท่านทั้งสองเป็
"เราคบกันอยู่ครับ"การยอมรับความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งที่ไม่ใช่ความจริงทำให้เฌอเอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับตาโต หญิงสาวกำลังจะปฏิเสธอีกฝ่ายก็ไม่เปิดโอกาส"ผมต้องกราบขอโทษท่านกับคุณหญิงด้วยครับที่ทำตัวไม่เหมาะสม"ร่างสูงทรุดลงจากโซฟา ขยับเข้าไปไหว้ขอขมาใกล้ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง"เรื่องนี้ผมขอรับผิดคนเดียว อย่าตำหนิเอมเลยนะครับ"ทุกสายตาส่งตรงมาที่เฌอเอม หญิงสาวขยับปากแต่พูดอะไรไม่ออก ถ้าปฏิเสธออกไปเธอก็หาเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบายกับพ่อแม่ไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อของเธอที่ยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอยู่หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยสักพักคุณอาลิธาจึงให้เด็กมาเคาะประตูเรียกลงไปทานข้าว เฌอเอมตามลงมาด้วยจิตใจหวั่นไหวและเห็นว่าทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอรับรู้ได้ว่าบรรยากาศทานข้าวค่อนข้างเกร็งๆ และแล้วลางสังหรณ์ของเธอก็กลายมาเป็นความจริงตอนที่ย้ายมานั่งทานของว่างกับผลไม้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นซึ่งบิดาของเธอเปิดประเด็นที่คุณอาวิธานขอสู่ขอเธอกับท่านขึ้นมา จากนั้นการไล่บี้สอบถามความเป็นมาเป็นไปก็ตามมา สุดท้ายเธอก็ต้องมานั่งก้มหน้ายอมจำนนอยู่แบบนี้"เอม...เอม...จะไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจอีกแล้วค
จากที่ตั้งใจขึ้นมานอนแต่กลับหลับตาต่อไม่ลง มารดาของธิติจึงเอาซุปมาให้ คุณหญิงอาลิธานั่งอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวไม่ยอมห่างไปไหนกระทั่งกินยาเสร็จ“เอมผอมลงกว่าครั้งก่อนที่ไปหาแม่นะลูก”“นิดหน่อยค่ะแม่ เดือนที่ผ่านมาหนูทำงานแล้วก็เดินทางตลอด แถมสองวันมานี้ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง คงดูซูบหน่อยน่ะค่ะ”เฌอเอมอ้อนผู้เป็นมารดา ขณะที่นาตาชาปล่อยให้แขกอยู่กันตามลำพัง เมื่อเปิดประตูออกไปท่านอภิชาติก็เข้ามาด้านในเพื่อดูลูกสาวหลังจากเลี่ยงไปคุยงานจนเสร็จ ท่านมองลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดูระคนโล่งใจ อย่างน้อยตอนนี้ลูกสาวก็หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว“พ่อยังไม่อยากพูดอะไรมากตอนนี้นะลูก แต่ลูกก็เห็นแล้วว่าแม่เขาเป็นห่วงมากแค่ไหน พ่อเองก็เหมือนกัน หนูทำงานนี้มาพักหนึ่งอย่างที่บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว พ่อว่าน่าจะถึงเวลาที่ลูกต้องลองคิดเรื่องงานใหม่แล้วนะ งานนี้อยู่ไม่เป็นที่ ห่างไกลพ่อแม่ด้วย เกิดเรื่องขึ้นอีกแบบครั้งนี้จะทำยังไง”ท่านอภิชาติอดที่จะพูดเรื่องเดิมๆ ไม่ได้ และก็ทำเอาลูกสาวคนสวยหน้างอง้ำดวงตาคู่สวยหม่นเศร้า เธอรู้สึกกลัวมากจริงๆ ยอมรับว่าการบังคับตัวเองไม่ให้สั่นไหวร้องไห้จนกระทั่งมาเจอหน้าพ่อกับแม่ได้ก
“แทนบอกว่าจะมาถึงเมื่อไรเหรอ”ชายไทยค่อนข้างมีอายุรูปร่างสูงใหญ่ถามเพื่อนเก่าที่เพิ่งวางสายจากลูกชาย“ใกล้ถึงแล้วครับ”วิธานพ่อของธิติตอบอย่างนอบน้อม“บอกแล้วว่าไม่ต้องระวังคำพูดขนาดนั้น ยังไงเราก็เพื่อนกัน แล้วนายก็ไม่ได้เป็นลูกน้องฉันแล้ว”ท่านอภิชาติบอกพร้อมตบไหล่อีกฝ่ายที่ยังยิ้มรับอย่างนอบน้อมเช่นเคย“ว่ายังไงบ้างคะ ฉันเป็นห่วงลูกจัง”คุณหญิงอาลิธาที่นั่งอยู่ข้างๆ กับนาตาชาภรรยาของวิธานเอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตกเพราะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจทุกคำ“เท่าที่คุยกับแทนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวทนายของเราจะจัดการต่อ”วิธานตอบ เข้าใจถึงความห่วงใยของคนเป็นพ่อแม่อย่างดี“ฉันสงสารลูกจริงๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้”พูดไปก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ ลูกที่อุตส่าห์เฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่ให้ต้องเจอเรื่องกระทบกระเทือนหรือปัญหาอะไร กลับต้องมาเจอปัญหาหนักหนาจนใจหายใจคว่ำต้องรีบบินตรงจากกรีซมาลอนดอนทันทีเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้ทุกคนหันไปมองด้านนอก แล้วก็รีบมุ่งหน้าออกไปข้างนอกทันทีธิติจอดรถเรียบร้อยแล้วหันมองคนข้างตัวที่หลับอยู่ก็คิดว่าควรจะปลุกดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่เลี้
แม้เป็นคำตอบสั้นๆ บางเบา แต่มันกลับดังหนักแน่นในใจหญิงสาว เธอไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมาจับข้อมือแล้วพาเดินออกจากตรงนั้นราวกับไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ทว่าเพียงพ้นประตูด้านหน้าสำนักงานออกมาความโกลาหลก็พุ่งเข้ามาหาคนทั้งสองจากทุกทิศทาง ทั้งคำถามมากมาย ทั้งเสียงกดชัตเตอร์ถาโถมมาพร้อมๆ กันทำเอาเฌอเอมตั้งตัวไม่ติดก้าวขาไม่ออก แม้จะอยากไปให้พ้นจากที่นี่ก็ตามในช่วงเธอสับสนวุ่นวายหญิงสาวรับรู้ได้ถึงมืออบอุ่นที่โอบไหล่เธอเข้าหาตัวเขารั้งให้ก้าวเดินไปพร้อมกันโดยไม่หยุดตอบคำถามใครทั้งสิ้น ทางจากบันไดสำนักงานตำรวจมาถึงรถของชายหนุ่มไม่ไกลนัก ทว่ามันนานเหลือเกินสำหรับเฌอเอม หากไม่มีแขนแข็งแกร่งโอบประคองเธอคงทรุดลงหรือจมอยู่ท่ามกลางกองนักข่าวแล้วธิติส่งให้หญิงสาวเข้าไปในรถก่อนที่เขาจะอ้อมมาทางคนขับแล้วขึ้นตามไป ชายหนุ่มเอ่ยขอทางกับทีมนักข่าวที่ตามมาเป็นพรวนสุดท้ายคนพวกนั้นก็จำต้องหลีกทางให้รถเคลื่อนออกไปเมื่อเห็นชัดว่านางแบบสาวไม่มีทางให้สัมภาษณ์แน่นอนเฌอเอมเหลือบมองกระจกข้างและกระจกมองหลังกระทั่งรถออกมาไกลแล้ว“พวกเขาจะตามมาไหม”“อาจจะ”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับมองกระจกหลังเล็กน้อยแล้วเหลือบดูค
เธออยู่ห้องสอบสวนมานานมากแล้ว และได้แต่ตอบคำถามคล้ายๆ เดิมวนกลับไปมาหลายรอบ เฌอเอมไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเพราะในห้องนี้ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกเวลาเลย ผู้สอบสวนเธอมีโน้ตบุ๊กตรงหน้าหนึ่งเครื่อง นอกจากถามเธอแล้วเขาก็เหมือนกำลังรออะไรบางอย่างด้วยเหมือนกัน เพราะเหลือบมองประตูบ่อยครั้ง“เมื่อไรฉันจะได้ออกไปสักที หรือต้องรอทนายก่อน ฉันไม่ได้ฆ่าเขาจริงๆ ฉันบอกคุณไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะ”ในใจส่วนลึกเฌอเอมกลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้โจชัวเสียชีวิตจริงๆ ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจและมันเป็นการป้องกันตัวก็ตาม“คุณขอติดต่อสำนักกฎหมายแล้ว อีกไม่นานคงมีทนายมาที่นี่”“บอกตามตรงฉันเบื่อจะตอบคำถามเดิมๆ วกวนของพวกคุณจะแย่อยู่แล้วนะ บอกว่าไม่รู้ๆ ตั้งกี่ครั้งก็ไม่ยอมเชื่อ ตอนฉันลงบันไดยังเห็นเขาพยายามลุกตามมาอยู่เลย แต่พอออกจากตึกเขาก็ไม่ได้ตามมา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากหนีออกมาแล้ว ฉันบอกพวกคุณไปหมดแล้ว ถึงจะทำร้ายเขาแต่ฉันก็ไม่ได้เจตนาฆ่าเขา”“คุณอาจจะโกรธกลัวแล้วก็ตั้งใจฆ่าแต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ได้นี่ครับ”“ฉันป้องกันตัว แล้วฉันก็เป็นฝ่ายถูกทำร้าย ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าโดนโจชัววางยาแล้วพาไป