تسجيل الدخولคริสตี้หลับตาลง แล้วมันจะแตกต่างกันอย่างไรตายแบบที่มีลมหายใจอยู่ เธออายุสิบเก้าแล้ว เธอไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน อย่าต้องถึงคนรักเลย แม้แต่เพื่อน เพื่อนที่เรียกว่าเพื่อนจริงๆ เธอไม่เคยมีเลยสักคน ผู้ชายอย่างเอริค เขามีผู้หญิงนับหมื่นนับแสนที่อยากและเต็มใจร่วมรักกับเขา และเธอเองก็ไม่ปฎิเสธว่าเธอเองก็ไม่ต่างกับผู้หญิงพวกนั้น แต่คนระดับอย่างเธอไม่อาจเอื้อมที่จะร่วมหมอนร่วมรักกับเขา เขาเดินผ่านเธอกี่ครั้งแล้ว เขาไม่เคยชายตามองเธอเลยสักครั้ง มีแต่เธอที่คอยแอบมองเขายามที่เขาเดินผ่านในส่วนพื้นที่ที่เธอกำลังทำงานอยู่ แต่มันไม่ใช่แบบนี้เพราะสำหรับเขาแล้วเธอเป็นศัตรูมากกว่าจะเป็นนางบำเรอ สถานะนั้นยังดีเกินไปสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ของเธอ
“คุณคือคนที่บุกเข้าไปทำร้ายฉันเมื่อไม่นานนี้ใช่มั้ย?”
“ฉันก็บอกเธอไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วไง...สานต่อสิ่งที่ฉันทำค้างไว้ แต่เธอผิด...เพราะฉันไม่ได้เข้าไปทำร้ายเธอ...จำได้มั้ย?”เอริคผละออกจากร่างเกือบเปลือยของคริสตี้ เพื่อกำจัดเสื้อยืดของตัวเองและกางเกงขายาวสีเทาที่สวมอยู่ คริสตี้หน้าแดงเพราะเอริคสวยงามมาก ร่างกายเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ โครงร่างเขาไม่ได้ใหญ่โตจนน่ากลัวแต่ดูแข็งแรงจนน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน คริสตี้หลบสายตาเมื่อบางอย่างที่เธอไม่ตั้งใจจะมอง มันแสดงตัวตนออกมาอย่างชัดเจน เอริคขยับเข้าใกล้เพื่อกำจัดบิกินี่ท่อนล่างของคริสตี้ เธอขัดขืนเล็กน้อยแต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นของเธอมาก่อน แต่นี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะแตะต้องเธอ ลมหายใจของเอริคร้อนผ่าวยามที่เขาก้มหน้าจุมพิตแผ่วเบาที่ขาอ่อนด้านในของคริสตี้ การกระทำนั้นทำให้ขนอ่อนตามร่างกายคริสตี้ลุกชันอย่างพร้อมเพรียงกันทันที
เอริคพยายามเก็บอาการของตัวเองในบางอย่าง เพราะเขาไม่เคยบอกใครว่า กลิ่น ร่างกาย ทุกๆอย่างที่เป็นของเธอคนนี้ก่อกวนความคิดเขามาได้สักพัก หลังจากวันที่เขาบุกเข้าหาเธอตั้งแต่วันนั้น เอริคย้ำบอกและเตือนตัวเองว่าเขาต้องการให้เธอเป็นเครื่องมือที่เขาจะย้อนรอยกลับไปหา ผู้ว่าจ้างของพ่อบุญธรรมเธอที่ต้องการเข้ามาสอดแนมเขาก็เท่านั้น
คริสตี้หอบหายใจ หัวใจเธอเต้นแรง น้ำตาที่เคยไหลเหือดแห้ง เมื่อความรู้สึกบางอย่างที่เธอเคยรู้สึกกลับมาอีกครั้ง จากเขาคนนี้ ริมฝีปากเขาที่สัมผัสที่ท่อนขาส่วนบนของเธอ ลมหายใจของเขาเป่ารดบนร่างกายเธอขยายวงกว้างมากขึ้น เมื่อใบหน้าของเขาใกล้เหลือเกินกับจุดที่แตกต่างกันบนร่างกายเขากับเธอ...เกร็ง!...คริสตี้เกิดอาการเกร็งเมื่อริมฝีปากของเอริคสัมผัสอย่างอ่อนโยนบนกลีบเนินเนื้อนั้น เขาสูดอากาศที่ลอยตัวอยู่บริเวณนั้นเข้าปอดไปอย่างเต็มที่ คริสตี้รู้สึกถึงความชื้นตามรอยแยกของเรียวขาเธอโดยทันที
การกระทำแบบนั้นของเอริค เรียกร้องบางอย่างที่คริสตี้รู้สึกดีอย่างซื่อสัตย์กับตัวเอง เธอเปียกชื้นอย่างรวดเร็วโดยที่เอริคทำเพียงแค่นั้น เอริคเคลื่อนย้ายตำแหน่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ หน้าท้องแบนราบหดตัวแขม่วโดยทันที คริสตี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าของเขาที่จุมพิตบริเวณนั้นพร้อมกับหยอกล้อรอบๆสะดือของเธอ มือแข็งแรงของเขาเลื่อนมาจับชายเสื้อกล้ามของเธอเขาเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของเขา
เอริคผละใบหน้าออกมาเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นตะขอบราที่ต้องจัดการอยู่ด้านหน้า ดวงตาคมมองใบหน้าของคริสตี้ เธอปิดเปลือกตา สองมือของเธอกำแน่นอยู่ข้างลำตัว เอริคไม่มีเสียงปลอบประโลมอะไรให้กับเธอทั้งนั้น ร่างกายเขาสนองตอบกับสิ่งเร้าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ต้องการ ความรู้สึกของเขาตอนนี้...
เสียงบางอย่างทำให้คริสตี้ต้องลืมตาขึ้น เขากำลังใส่เครื่องป้องกันให้กับตัวตนของเขาที่...เป็นครั้งแรกในชีวิตเธอ เอริคเป็นผู้ชายคนแรกที่เปิดเผยทุกสิ่งอย่างตรงหน้าเธอ สำหรับเธอ เธอไม่เคยเห็นของใครมาก่อน ใบหน้าเธอร้อนผ่าวเปรียบดั่งมีกระแสไฟวิ่งผ่านร่างกาย หัวใจกระตุกอย่างแรง คริสตี้หลบตาเขาเมื่อเขาโน้มกายลงมาหาเธอ และแยกขาเธอออกจากกันอย่างช้าๆ แฝงความอ่อนโยน
ลมหายใจของทั้งเธอและเขาเสียงดังมากขึ้น ถี่เร็วมากขึ้น เอริคเดินหน้าสิ่งที่ต้องทำต่อไป เมื่อแก่นกายที่ขยายตัวอย่างเต็มที่ค่อยๆขยับเคลื่อนเข้าสู่โพรงสาว คริสตี้ไม่ขัดขืนแต่เธอดูตื่นๆ ใบหน้าเธอเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเธอรับความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าเขากับเธอห่างกันในระยะที่ต่างก็สัมผัสลมหายใจของกันและกัน
เอริคปิดปากแดงนั้นด้วยริมฝีปากเขาโดยทันที เมื่อตัวตนยังคงขยับเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าางยากลำบากเมื่อเธอคับแคบ บีบรัดเขาเมื่อต้องเจอกับกำแพง ‘กำแพงพรหมจรรย์’ คริสตี้เริ่มที่จะต่อต้านตามสัญชาติญาณของการป้องกันตัว เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากที่เปิดรับเขาอย่างไม่รู้ตัว การลุกล้ำของเอริคเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเมตตาเธอมากแล้ว ความอ่อนโยนแบบไม่รู้ตัวของเอริค
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







