LOGINสองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’
“อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน
เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด
คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบรรยาย ความรู้สึกหวาบหวามก่อนหน้านี้มันหายไปหมดสิ้น เธออยากให้เขาออกไปจากเธอตอนนี้ เธอไม่ตอบสนองกลับใดๆกับการสัมผัสของเขาในทุกจุดบนร่างกายเธอ เขานิ่งอยู่นานมีเพียงลิ้นและริมฝีปากเขาเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ ถึงแม้คริสตี้จะรับรู้ถึงฝ่ามือที่ใหญ่กว่ากอบกุมมือเธอไว้ แต่นั้นไม่ช่วยอะไรเธอเลย ความเจ็บปวดบริเวณจุดนั้นของเธอ สิ่งสำคัญของเธอมันมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเคยแอบคิดแบบหญิงสาวทั่วๆไปที่มีความฝันว่า มันจะเป็นของชายอันเป็นที่รัก และมันจะต้องดีมากๆ เซ็กส์ของเธอกับชายคนนั้น...เธอจะต้องมีความสุขและรู้สึกดีกับสิ่งนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันตรงข้ามกับความฝันลมๆแล้งๆของเธอ
เอริค ขยับร่างกายตัวเองต่อทันที เมื่อความอดทนที่เขาให้กับคริสตี้ เวลา เพื่อการปรับตัวหมดลงแล้ว เธอตอดรัดเขาอย่างเหลือร้ายโดยที่เธอไม่รู้สักนิด ว่าเขาต้องรับกับความเจ็บปวดที่เขาทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้ ก่อนหน้านั้น ริมฝีปากเขาผละออกจากการโลมเลียดูดดื่มทุกสิ่งอย่างในโพรงปากที่ไร้การตอบสนองกลับใดๆ
“เธอมันไร้เสน่ห์ ไร้ซึ่งความน่าหลงไหลที่สุด ถึงเวลารู้จักความเป็นจริงของเซ็กส์...” สิ้นเสียงความชาเย็น เอริคขยับให้คริสตี้แยกขากว้างมากขึ้น สะโพกสอบขยับถอยห่างดึงแก่นกายออกจากโพรงสาว เอริคก้มมองตัวตนของตัวเองที่เคลื่อนออกมา แต่ไม่ทั้งหมด คราบสีแดงบนเกราะป้องกันแสดงให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจน เลือดพรหมจรรย์ของเธอสินะ!
“อ๊ะ!…” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอเข้าใจผิดว่าเอริคจะปลดปล่อยเธอ แต่เขาย้อนกลับเข้าไปในกายเธอ และเขาทำแบบนั้นต่ออย่างต่อเนื่อง เขาขยับเข้าออก เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายเธอขยับตามแรงกระแทกเข้าๆออกๆนั้น “อ้า อ้า...” คริสตี้ร้องออกมา นั้นคือสิ่งที่เธอคิดและเข้าใจ เมื่อเธอเจ็บปวดทุกๆการขยับนั้น
“อ้าร์ส อ้า อ้าร์สสส....” เสียงครางของคริสตี้ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เอริครู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่ร่างกายเธอตอบสนองเขา คริสตี้ขยับขาเปิดทางให้กับเขามากขึ้น คอเขาถูกคล้องไว้ด้วยสองแขนของเธอ สองมือแข็งแรงค้ำคร่อมร่างเธอไว้เพื่อรองรับร่างกายเขาที่ต้องการพื้นที่ขยับสะโพกกระแทกเข้าๆออกๆ โพรงสาวของเธอมากขึ้น ด้วยเรี่ยวแรงที่มากขึ้นเช่นกัน เมื่อเขาเสียวซ่านไปไม่น้อยกว่าเธอคนนี้
คริสตี้เปิดรับความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้น เมื่อเอริคยังคงขยับ เร็วขึ้น แรงขึ้น เสียวซ่านความรู้สึกนี้กำลังวิ่งผล่านไปทั่วในร่างกายเธออีกครั้ง จุดเริ่มต้นมาจากด้านล่างที่คริสตี้ลดสายตาไปมอง แก่นกายเขาขยับแบบนั้นในร่างกายส่วนนั้นของเธอ เธอเห็นของเขาที่ขนาดเปลี่ยนไป เพราะแก่นกายเขาตอนนี้ขนาดใหญ่ขึ้นจนน่าเหลือเชื่อว่ามันสามารถหายเข้าไปในโพรงสาวของเธอได้ และเธอรู้สึกดีมากขึ้น มากขึ้น จนเธออยากกรีดร้อง เมื่อความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่อยากให้มันหายไป มันมากขึ้น จนเธอหายใจรับกับความรู้สึกนั้นไม่ทัน แต่เธอต้องการ ในบางจังหวะของเขาที่เขาถดถอยออกจากโพรงสาวของเธอ เธอคิดว่าเขาเขาจะทิ้งเธอไปจนสะโพกของเธอต้องขยับยกขึ้นติดตามเขาไปทุกๆจังหวะช่วงหลังๆ
“คริสตี้!...โอ้วววว...อ้า/...อ้าร์สสส” เอริคครางออกมาเมื่อเขามาถึงจุดที่ต้องปลดปล่อย ดีมากเมื่อคริสตี้ตอดรัด สนองตอบกลับอย่างไร้เดียงสา หลงไหลติดตามเขาเช่นกัน เอริคแนบเรือนกายลงบนเรือนกายของเธอ สองแขนของเขารองรับน้ำหนักของตัวเองไว้ แต่เขายังคงแนบชิดร่างกายกันและกันอยู่อย่างนั้นยามที่เขาและเธอยังหอบหายใจ ใบหน้าของเอริคซบแนบที่ข้างแก้มเธอข้างหนึ่ง เอริคไม่อยากเชื่อว่าเขาอดทนกับเธอได้นานถึงเพียงนี้กับความคับแคบของเธอ คริสตี้เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพร่าความบริสุทธิ์มาและเขาก็ทำมันได้ดี เวลาผ่านไปหลายนาที เมื่อระบบการหายใจของเขาเริ่มเข้าที่ เอริคขยับผละออกมา พร้อมกับแก่นกายที่เขาถดถอยออกมาจากโพรงสาว เอริคนั่งที่ปลายเตียงหันหลังให้กับร่าง เปลือยเปล่าของคริสตี้ ที่เธอหดขาขดตัวทันที
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







