นางดันไหล่เขา ทุบอกเขาเป็นพัลวันอยู่อย่างนั้น
แต่หาได้มีผลอันใดกับชายหนุ่มไม่ เขายังคงกระทำการอย่างเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
สักพักหญิงสาวเหมือนเรี่ยวแรงมีไม่มากพอ มือเรียวงามของนางจึงค่อยๆแปรเปลี่ยนจากการดันไหล่ของเขาให้ออกห่างกลับกลายเป็นจิกกดอยู่บนไหล่ล่ำสันของเขาเสียอย่างนั้น
นางชอบ
สัมผัสของเขา
อา...
มันช่าง....
รู้สึกดี.....
เพียงไม่นานต่อมาเสียงอู้อี้พยายามจะปฏิเสธของหญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางบางเบา
ฝ่ามือเรียวเล็กของนางก็เคลื่อนออกเพื่อไล้เลื่อนไปตามช่วงไหล่ ตามลำคอของชายหนุ่ม
กิริยาของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซ่งหมินยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้พลุ่งพล่านเกินควบคุมเกินยับยั้ง
เขาไม่อยากจะหยุดมัน
เขาไม่คิดจะหยุดมัน
เขาคิดจะดำเนินการต่อไปจนจบ
หลี่ซ่งหมินค่อยๆถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของหงเหม่ยหลงแล้วไล้เลียไปเรื่อยๆตามปลายคาง ลงไปตามแนวลำคอระหงหอมกรุ่ม ขบเม้มไปเรื่อยๆจนถึงเนินอกของนาง
หงเหม่ยหลงถึงกับหลุดเสียงครางแผ่วหวานออกมาพลางจับขยุ้มอยู่ตรงช่วงไหล่ของเขา
เพล้ง!
เสียงๆหนึ่งพลันดังขึ้นอยู่หน้าห้อง
เสียงนั้นเป็นเสียงของถ้วยขนมที่ตกกระทบพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่หน้าประตูห้อง
เสียงนั้นมีผลทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเคลิบเคลิ้มพลุ่งพล่านพลันสะดุ้งเฮือกชะงักกิจกรรมแล้วหันหน้าไปทางต้นเสียงพร้อมๆกัน
เป็นเสี่ยวอิงนั่นเอง
สาวน้อยเสี่ยวอิงยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่มิทราบได้
นางเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น
ภาพนั้น...
หงเหม่ยหลงนอนอยู่บนเตียงภายใต้ร่างกำยำของหลี่ซ่งหมิน
เสื้อของทั้งสองหลุดรุ่ย เปิดเผยอออกจนเห็นหลังไหล่ล่ำสันของชายหนุ่มและไหล่ขาวนวลเนียนของหญิงสาว
แขนสองข้างของชายหนุ่มกำลังประคองกอดร่างของหญิงสาว
ศีรษะของชายหนุ่มกำลังเบียดเสียดอยู่ระหว่างซอกคอกับเนินอกของหญิงสาว
พร้อมทั้งน้ำเสียงชวนขนลุกที่ได้ยิน
โอย...จะเป็นลม
เพิ่งเคยเห็น
เกิดมาเพิ่งเคยเห็น
นางยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้
ทำอย่างไรดี
นางจะทำอย่างไรดี...
สีหน้าของเสี่ยวอิงทำเอาชายหนุ่มหญิงสาวถึงกับหน้าถอดสีในฉับพลันจนต้องรีบผละออกจากกันในทันที
หลี่ซ่งหมินดึงเสื้อที่เปิดออกให้กลับเข้าที่อย่างทุลักทุเล
หงเหม่ยหลงจัดเสื้อผ้าและทรงผมของตนเองอย่างลนลาน
เสี่ยวอิงยืนตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินทำสิ่งใดไม่ถูกอยู่อึดใจใหญ่
เด็กน้อยเสี่ยวอิงคล้ายกับลืมวิธีการหายใจไปแล้วกระนั้น
เด็กสาวพยายามเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น “ข้า...เอ่อ..ข้าแค่ยกขนมมาให้พี่เหม่ยหลง เพ..คะ” เสี่ยวอิงถึงกับกล่าวเสียงสั่น ใช้สรรพนามผิดๆถูกๆกันเลยทีเดียว
“ข้าน้อยขอประทานอภัย ขออภัย เจ้าค่ะ” สาวน้อยพูดไปทำความเคารพไป เสร็จแล้วก็วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ทิ้งให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่พลั้งเผลอไปกับอารมณ์บางอย่างแบบไม่รู้ตัว ยืนเงียบกริบสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น
หลี่ซ่งหมินหันมากระซิบ “มาต่อ”
“ไม่” หงเหม่ยหลงรีบปฏิเสธ
หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินไปที่ประตู ยื่นหน้าออกไปมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะปิดประตูลงแล้วเอาหูแนบกับประตูฟังเสียงอยู่เพียงครู่จนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว จึงหันหน้าไปทางหลี่ซ่งหมิน
นางเห็นเขายืนเอามือไขว้หลัง จ้องมองนางอยู่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตากรุ้มกริ่ม
หญิงสาวถึงกับทำสิ่งใดไม่ถูกได้แต่ยืนหน้าแดงตาโตอยู่อย่างนั้น
หลี่ซ่งหมินแทบจะหลุดหัวเราะกับพฤติกรรมของนาง
“เป็นเจ้า ที่ยั่วยวนข้า” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย
“ท่านต่างหากที่ยั่วยวนข้า” หญิงสาวถลึงตามองตอกกลับอย่างไม่ยินยอม
“ไปเลย ท่านรีบไป” หงเหม่ยหลงกล่าวพลางเปิดประตูออกแล้วเดินมาดึงแขนของหลี่ซ่งหมิน
นางดันหลังของเขาให้ออกไปนอกห้องของนางอย่างทุลักทุเล
หลี่ซ่งหมินทั้งโดนดึงแขน ทั้งโดนดันหลังอยู่แบบนั้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “ก็ได้ ก็ได้”
เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงหญิงสาวที่ยังคงยืนพิงประตูอยู่ด้วยอารมณ์บางอย่าง
นางกำลังจัดการกับอารมณ์วาบหวิวที่ยังคงเข้มข้นไม่จืดจาง
นางกำลังจัดการกับมันอยู่อย่างยากลำบาก...
นางดันไหล่เขา ทุบอกเขาเป็นพัลวันอยู่อย่างนั้นแต่หาได้มีผลอันใดกับชายหนุ่มไม่ เขายังคงกระทำการอย่างเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน สักพักหญิงสาวเหมือนเรี่ยวแรงมีไม่มากพอ มือเรียวงามของนางจึงค่อยๆแปรเปลี่ยนจากการดันไหล่ของเขาให้ออกห่างกลับกลายเป็นจิกกดอยู่บนไหล่ล่ำสันของเขาเสียอย่างนั้นนางชอบสัมผัสของเขา อา...มันช่าง....รู้สึกดี.....เพียงไม่นานต่อมาเสียงอู้อี้พยายามจะปฏิเสธของหญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางบางเบาฝ่ามือเรียวเล็กของนางก็เคลื่อนออกเพื่อไล้เลื่อนไปตามช่วงไหล่ ตามลำคอของชายหนุ่มกิริยาของหงเหม่ยหลงทำเอาหลี่ซ่งหมินยิ่งเพิ่มอารมณ์ให้พลุ่งพล่านเกินควบคุมเกินยับยั้ง เขาไม่อยากจะหยุดมัน เขาไม่คิดจะหยุดมันเขาคิดจะดำเนินการต่อไปจนจบหลี่ซ่งหมินค่อยๆถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของหงเหม่ยหลงแล้วไล้เลียไปเรื่อยๆตามปลายคาง ลงไปตามแนวลำคอระหงหอมกรุ่ม ขบเม้มไปเรื่อยๆจนถึงเนินอกของนางหงเหม่ยหลงถึงกับหลุดเสียงครางแผ่วหวานออกมาพลางจับขยุ้มอยู่ตรงช่วงไหล่ของเขาเพล้ง! เสียงๆหนึ่งพลันดังขึ้นอยู่หน้าห้องเสียงนั้นเป็นเสียงของถ้วยขนมที่ตกกระทบพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่หน้าป
หลี่ซ่งหมินที่นั่งเงียบอยู่ เขารู้สึกได้ถึงมือเรียวงามของหญิงสาวบนแผ่นหลังของเขา เขาพยายามแล้วที่จะสะกดกลั้นอดทนกับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นแต่เหมือนมันจะไม่ได้ผลมันเกินทานทนเขาไม่อยากทน...อีกต่อไป... ชายหนุ่มจึงหันหน้าไปทางหญิงสาวที่กำลังเหม่อมองเขาจากทางด้านหลัง“เจ้ากำลังทำอะไร” เขาถามเสียงแผ่ว“กำลังนวดหลังให้ท่าน” นางตอบเสียงแผ่วเช่นกัน“มานี่ มา” ชายหนุ่มเอ่ยพลางใช้มือจับท้ายทอยของหญิงสาวให้ก้มหน้าลงมา“หืม...” หญิงสาวก้มหน้าลงมาแบบไม่รู้ตัว นางเพียงรู้สึกได้ถึงใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของนาง ความรู้สึกแปลกประหลาดสายหนึ่งพลันแล่นเข้ามาผ่านริมฝีปากหญิงสาวเพียงหลับตา“อืม...”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากลำคอระหงของหงเหม่ยหลง หลี่ซ่งหมินค่อยๆรั้งร่างบางของหงเหม่ยหลงให้ลงมานั่งบนตักแข็งแกร่งของเขา มือข้างหนึ่งของเขาประคองท้ายทอยของนาง ส่วนอีกข้างหนึ่งเอื้อมมาจับประคองกอดเอวบางความรู้สึกซาบซ่านมากกว่าครั้งก่อนสายหนึ่งเริ่มทำงานเมื่อการจูบที่นุ่มนวลคล้ายคลึงดั่งเช่นสองคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นดูดดื่มเมื่อเขาเริ่มแทรกซึมล้วงลึกด้วยปลายลิ้นของเขาชายหนุ่มเริ่
นางผ่านการคัดเลือกให้เป็นสาวงามของเขาถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาจากหัวหน้าบ่าวไพร่นามว่าเซี่ยวซิงแล้วว่านางเพียงแค่ต้องการได้งานทำแต่...เขาอยากใกล้ชิดนาง...เขามายืนมองนางอยู่นาน นางมัวแต่นอนเหม่อมองฝ่ามือของตนเองอยู่ โดยไม่สนใจเขา จนเขาต้องกระแอมเรียกสติของนางถึงแม้ว่านางจะบ่นแต่นางก็ยินยอมทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี นางทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดในใจได้ตลอดเวลา “ข้าปวดเมื่อย นวดให้ข้าหน่อย” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แค่อยากหาเรื่องหางานให้นางทำหงเหม่ยหลงที่เดิมทีทำท่าจะนั่งลงที่ตั่งตรงข้ามกับเขาเพื่อจิบชา ถึงกับต้องเด้งตัวขึ้นมาเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้นหญิงสาวเดินอ้อมไปด้านหลังของชายหนุ่มแต่โดยดี ด้วยเพราะนางพอรู้อยู่บ้างถึงหน้าที่ที่พึงกระทำของบ่าวไพร่ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา จับผมดำขลับของเขาให้ปัดออกไปทางด้านข้างเพื่อจะได้นวดหลังให้เขาได้ตรงจุดหงเหม่ยหลงนวดหลังให้หลี่ซ่งหมินไปเรื่อยๆไล่ไปตามไหล่บึกบึนของเขา ต้นคอของเขา เลื่อนลงไปตามกระดูกสันหลัง แผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขานั้นนางเคยเห็นมาแล้ว เมื่อครั้งที่ถอดเสื้อให้เขา เพื่อที่จะทำแผลจากธนูดอกนั้นตอนอยู
มาถึงการวาดภาพศิลปะปลายพู่กัน สตรีอื่นๆต่างวาดภาพเป็นทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ บ้างก็วาดภาพรูปบุปผาต่างๆ ดูแล้วงดงามสบายตา แต่หงเหม่ยหลงกลับวาดภาพออกมาเป็นกระบวนท่าของการต่อสู้ต่างๆเต็มหน้ากระดาษ จนเหล่าทหารที่คอยอารักขาอยู่ภายในบริเวณการแข่งขันแทบจะเข้ามาแย่งชิงกัน เพื่อนำมันไปฝึกฝนจนสุดท้ายที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างฉงนจากบรรดาผู้มาร่วมงานก็คือการเล่นดนตรี สาวงามนางอื่นปล่อยพลังนิ้วมือเพื่อเล่นดนตรีล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะเสนาะหู จนได้คะแนนเต็มสิบส่วนกันถ้วนหน้า มีเพียงหงเหม่ยหลงที่ไม่ได้คะแนนเลยการเล่นดนตรีนั้นนับเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับนางเพราะนางฝึกแต่ดาบ ฝึกแต่พลังฝ่ามือ ไม่เคยฝึกเล่นดนตรีใดๆ กิจกรรมทั่วไปสำหรับเหล่าสตรีนางมิเคยได้แตะต้องดังนั้นเมื่อนางเพียงแค่จรดปลายนิ้วเพื่อส่งพลังไปยังเครื่องดนตรีเหล่านั้น เครื่องดนตรีก็เป็นอันต้องเสียหาย บ้างก็สายขาด บ้างก็ปริแตก เปลี่ยนตัวใหม่ก็ยังเหมือนเดิม โจทย์ข้อนี้นางทำเครื่องดนตรีเสียหายไปหลายตัว จนนางต้องยอมแพ้หลี่ซ่งหมินที่นั่งมองหงเหม่ยหลงอยู่เขารู้ดีถึงสาเหตุนั้นเขาเคยเห็นพลังงานจากฝ่ามือนั้นของนางมาแล้ว ตอนที่นาง
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน การคัดเลือกสาวงามก็มาถึงณ ลานกว้างของวังหลี่ซ่งหมินหนาแน่นไปด้วยเหล่าสาวงาม แต่ละนางล้วนมีหน้าตาสวยสดงดงามหยาดเยิ้มจนหงเหม่ยหลงรู้สึกแสบตาไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่สตรีรูปโฉมเหนือคำบรรยาย เพียงไม่นานเหล่าขันทีทั้งหลายก็เดินทางเข้ามาทำให้รู้ว่าใกล้ถึงเวลาแข่งขันแล้วหงเหม่ยหลงมิได้มีอาการตื่นเต้นแต่อย่างใด เพียงแต่นางไม่ชินกับภาพแบบนี้เอาเสียเลยที่บ้านของนาง สำนักหมื่นโลกันตร์ มิใช่ไม่เคยจัดการแข่งขันแต่การแข่งขันที่บ้านของนางนั้นล้วนเป็นกิจกรรมแนวป่าเถื่อนแต่ละคนที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนแล้วแต่มีลักษณะหน้าตาโหดเหี้ยม ดุดัน มิได้เหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์เช่นนี้แต่ที่นี่เวลานี้ทำให้นางพอเข้าใจในตัวของบุรุษที่นางแอบชื่นชมอยู่ในใจบุรุษอะไร ช่างเจ้าชู้ เจ้าสำราญ น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก นางนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ นึกอยากจะฆ่าสตรีทุกคนในที่นี้เสียจริงเชียวและบุรุษที่หงเหม่ยหลงกำลังนึกเข่นเขี้ยวอยู่นั้น บัดนี้เขากำลังนั่งอยู่ด้านบนสุดของเวทีการแข่งขันแห่งนี้ซึ่งเดิมทีหลี่ซ่งหมินนั้นมิได้คิดที่จะเข้ามาดูการแข่งขันแต่อย่างใด เพียงแต่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าขันทีไปเพี
“เจ้าควรจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นหลังจากได้อ่านหนังสือเหล่านั้นจนพอใจ” จู่ๆ หลี่ซ่งหมินก็เอ่ยขึ้น เพื่อชี้นำบางอย่างให้แก่หงเหม่ยหลงเขารู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ชิดนาง อยากคุยกับนางให้มากกว่านี้ หงเหม่ยหลงเพียงนั่งฟังนิ่งๆไม่ตอบรับคำใดๆ แต่ทว่าภายในใจกำลังเห็นด้วยกับความคิดนั้นของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของถิ่นฐานแห่งนี้ แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกล่าวสิ่งใด หลี่ซ่งหมินก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งถือวิสาสะจับกุมมือของหงเหม่ยหลงให้เดินตามตนออกมาจากในห้องหนังสือเสียอย่างนั้น “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! ท่าน!” หงเหม่ยหลงเอ่ยได้แค่นั้นพลางลุกเดินตามออกมาอย่างฉงน หญิงสาวมองเห็นเหล่าบรรดาบ่าวไพร่ตามรายทางต่างเมียงมองมาทางนางเป็นสายตาเดียวกัน นั่นจึงทำให้นางไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้อีกต่อไป ด้วยเพราะเกรงว่าอาจจะเป็นการไม่ให้เกียรติชายหนุ่มที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้าของนางในยามนี้ เมื่อหลี่ซ่งหมินพาหงเหม่ยหลงเดินทอดน่องมาจนถึงสวนสวยแห่งหนึ่งภายในอุทยานของเขตวังของเขา เขาจึงค่อยๆหยุดเดินแต่ยังคงจับกุมมือของนางอยู่อย่างเอาแต่ใจ “ท่าน! ปล่อย! ปล่อยก่อน...” หงเ