ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่เขาชมเธอว่ากลิ่นตัวเหมือนเปลือกกฤษณาที่เขามักจะเอามาใช้ทำกำยาน เทียนหอม และธูปเสียส่วนใหญ่ นิลมณีมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อยเพราะมันไม่ได้ซึ้งอะไรเลยสักนิด
“คุณว่าฉันกลิ่นเหมือนกลิ่นธูปเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามออกไปตรงๆ
“ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงว่า...หอมละมุนและสดชื่นดี”
“.......”
“เหมือนกลิ่นที่เคยได้กลิ่น...ก็เหมือนกฤษณาจริงๆนั่นแหละ” แม้ว่าเขาจะพยายามพูดแก้ต่างแต่มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย นิลมณีกอดอกมองหน้าเขาก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นกุมขมับ
&nb
“บริวารของผมคงจะได้ยินหมดแล้วล่ะครับ” เขาเอ่ยก่อนจะผายมือให้เธอเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุด ค่ำวันนี้ถือว่าคนเข้ามาร้านของเขาเต็มร้านผิดจากตอนกลางวันที่แทบจะไม่มีคนเข้ามาเลยด้วยซ้ำ นิลมณีอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเพราะพลังแห่งความมืดสินะ ถึงได้ดึงดูดคนเข้ามาได้ตอนที่ตะวันตกดินไปแล้ว เธอเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุดอย่างที่อัคคีแนะนำทาง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปยังหน้าบาร์เล็กที่อยู่หน้าส่วนครัว พร้อมกับรินเครื่องดื่มชนิดหนึ่งให้นิลมณีซึ่งเธอไม่ได้สนใจนัก กับอีแค่น้ำดื่มน้ำเมาของมนุษย์ไม่คณามือปีศาจอย่างเธอแน่นอน จากที่มนุษย์ทุกยุคถวายเธอตั้งแต่เหล้ายาปลาต้มก็พอจะทำให้เธอคอแข็งอยู่พอสมควร คงไม่มีอะไรนักไปกว่าสุรารวงข้าวที่เธอเจอมาแล้วเป็นแน่ “นี่ครับ เครื่องดื่มของคนยุคใหม่” 
ภายในรถได้ยินแต่เสียงอื้ออึงครางเสียงหวานของเลขาสาวคนสวย เธอนั่งบิดตัวไปมาพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับอารมณ์ร้อนรุ่นที่มันพลุ่งพล่านอยู่ภายในกายจนใจหวิวไปหมด ดีนปราดปรายสายตามองเธอเป็นระยะสลับกับการมองทางข้างหน้า มือหนายังคงควงพวงมาลัยอยู่อย่างใจเย็น “คอนโดของคุณไปทางไหน?” “อือ...ห้อง...อืม...ห้องคุณ” “ฮะ?...หมายถึง ไปห้องผม?” ดีนแทบจะอยากไม่เชื่อหูของตัวเอง เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น เขาถึงกหันไปมองหน้านิลมณีครู่หนึ่งก็เห็นเธอช้อนตามองเขาพร้อมกับพยักหน้าด้วยสายตาออดอ้อน ก่อนที่เขาจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ใจดวงโตเต้นรัวอย่างไม่อยากเชื่อ...
ความยับยั้งช่างใจในคราแรก...ความกลัวว่าจะมีผลต่อการทำงานของเขาและเธอ มันถูกลบด้วยแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้ ด้วยความที่ในใจเขาสนใจเธอคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงสนใจเธอเป็นพิเศษ รู้แค่ว่าตัวเธอมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เขายากจะปฏิเสธ ยิ่งมายั่วกันแบบนี้ด้วยล่ะก็...ริมฝีปากหยักเข้าช่วงชิงริมฝีปากบางได้รูปของคนใต้ร่าง ป้อนรสจูบหวานตามที่เธอต้องการให้อย่างดูดดื่ม เธอเองก็ตอบรับจูบนั้นไปตามแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้แม้จะเก้ๆกังๆไปหน่อยก็ตาม ดีนอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไม่เคยจูบใครหรือเปล่า แต่ก็ยอมหยุดความคิดนั้นไป บรรจงจูบนำหญิงสาวใต้ร่างหวังให้ได้เรียนรู้มือหนาเริ่มประปรายไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลของเธอ โดยที่เธอไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดอีกทั้งยังแอ่นกายรับอย่างจำยอมด้วยฤทธิ์ยาที่ดื่มเข้าไป เสื้อผ้าถูกถกถอดโดยมือหนาอย่างช้าๆ เหลือเพียงแพนตี้ตัวน้อยสีดำลายลูกไม้ให้ได้เห็น สายตาคมมองไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั้นผมสีดำขลับตรงยาวตัดกับสีผิวเด่นชัดขึ้น ผิวเรียบเนียนขาวอมชมพูมันวาวชวนให้แตะต้อง...ทั้งผิว ทั้งเรือนร่าง ราวกับถูกปั้นมา...&ldq
ถึงจะได้สติแต่ดีนกลับไม่ปล่อยให้เธอได้พักจนเธอเพลียหลับคาอกแกร่ง ดีนหลบสายตามองหญิงสาวที่นอนข้างกายตนพลางยกยิ้ม สุดท้ายเขาก็เกินเลยกับพนักงานของตัวเองจนได้ เขาคิดพลางหลับตาครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้สึกไออุ่นบางอย่างข้างกาย...ซึ่งแน่นอนว่ามาจากทางนิลมณีที่เขานอนกอดอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเหลือบมองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย ควันสีดำโอบล้อมร่างกายของนิลมณีที่หลับใหลอยู่พร้อมแสงสีส้มระยิบระยับ ดีนเด้งตัวลุกขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ขยี้ตาตัวเองราวกับว่าตนตาพร่าเบลอที่เห็นแบบนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างเพ่งมองหญิงสาวข้างกาย “อะไรวะ...” มันยังคงเด่นชัดในสายและไม่ใช่ความฝันแน่ๆ เพราะเขายังไม่หลับ...ถ้าไม่ติดที่เธอเพลียหลับไปก่อนเขายังมีแรงสู้ต่อแน่นอน นั่นก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาไม่ได้เบลอ ดีนเอามือวาดไปมาตรงคว
“เจ้าเหมียวขี้เรื้อนนี่...น่าเวทนาเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพาให้นิลมณีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก แต่ในสายตาคมของชายหนุ่มกลับมองว่าแมวดำตัวน้อยนี้ทำหน้าน่าสงสารน่าเอ็นดูเสียจริง เขาค่อยๆนั่งลงด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวน้อยสีดำนั้นขึ้นมา ...ไอ้มนุษย์โสโครกนี่!! ปล่อยข้านะ!!... เสียงที่เอื้อนเอ่ยของเธอในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงร้องเหมียวๆ สายตาดุดันน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสายตาออดอ้อนซึ่งชายหนุ่มมองว่าแมวตัวน้อยนี้คงกำลังดีใจที่เขาจะเก็บมันกลับไปเลี้ยง “รู้ว่าดีใจ ช่วยเลิกร้องได้ไหมเจ้าเหมียว คอนโดฉันห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่าแกน่าเวทนาหรอกนะ” ...ใครอยากให้มาเวทนากันยะ!!....เฮ้ย!!... ไม่ทันที่จะได้ร้องเหมียวเถียงชายหนุ่มต่อ เขาก็จัดการจับเธอยัดใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาก่อนจะรีบวิ่งกลับคอนโดทันที ชายหนุ่มรีบเข้าห้องของตัวเองก่อนจะนำกระเป๋าที่ใส่ลูกแมวตัวสีดำสนิทนั้นไปวางไปบนโซฟา ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วอุ้มเจ้าลูกแมวออกมาที่ตอนนี้มันคอพับไปแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ตกใจสุดขี
ในโลกนี้มีความเชื่ออยู่หลายความเชื่อ ไสยศาสตร์ ต่างๆมากมายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าโลกอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนเรียกว่าขุมนรก สรวงสรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจมีอยู่จริงหรือไม่ ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ความเชื่อเรื่องเล่านี้ก็ยิ่งลดน้อยลง บนโลกนี้มีอีกมิติหนึ่งที่ทับซ้อนและอาศัยอยู่กับมนุษย์ วิญญาณ ปีศาจ บางกลุ่มที่ยังไม่ถูกพิพากษาจากผู้คุมวิญญาณหรือกำลังหลบหนีอยู่ต่างใช้ชีวิตล่องลอยแทรกแซงอยู่กับมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ปีศาจที่ผู้คนมักมองไม่เห็นและหลบซ่อนในป่าลึกกลางหุบเขาต่างๆ แบ่งกันเป็นเหล่าเป็นกอของแต่ละพื้นที่ และแน่นอนว่าเมื่อมีเหล่าปีศาจมากมายเป็นสังคมก็ต้องมีผู้ที่อยู่เหนือปีศาจเหล่านั้น ราชาปีศาจของสยามประเทศในยุคนี้นั้นเป็นปีศาจสาวที่ฝึกฝนมาหลายพันปี ผ่านความยากลำบากมาเหลือคณานับเป็นพันปีตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความที่เธอไม่ได้เกิดเป็นปีศาจที่น่าเกรงขามอย่างเสือสาง เธอเป็นแค่แมวดำต่ำต้อยแต่ก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นราชาแห่งภูตผีปีศาจได้ในปัจจุบัน “ปีศาจจิ้งจอกแห่งเอเชียตอนเหนือเริ่มฝ่าเข้าเขตแ
นิลมณีในร่างแมวสีดำขนเงางามที่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เขาไปเจอเธอที่ข้างถนน ดีนก็พาเจ้าแมวตัวน้อยตาใสแจ๋วนั้นไปที่คลินิกหลังจากที่ดูอ่อนแอมาหลายวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้โดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนักยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารเพิ่มขึ้นมาในใจของเขาและคอยดูแลเจ้าแมวน้อยอย่างดี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในโลกปีศาจมิติคู่ขนานของเธอก็เท่านั้น แม้เขาจะมีใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก็คอยสังเกตเจ้าแมวน้อยตลอด พร้อมทั้งศึกษาวิธีการเลี้ยงแมวตัวนี้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าแปลกก็คือเจ้าแมวตัวสีดำนั้นกลับไม่ค่อยเข้าไปอ้อนหรือคลอเคลียเขาเหมือนแมวตัวอื่นๆเสียเท่าไหร่ มันจะนอนอยู่นิ่งๆบนโซฟาเสมอ เวลาที่เขาเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟามันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าไปนอนตรงที่อื่นแทน ด้วยความที่ดีนยังต้องทำงานจึงได้ปล่อยให้เจ้าแมวน้อยอยู่เงียบๆตัวเดียวในห้อง ซึ่งมันเป็นเวลาดีที่นิลมณีจะทำการรักษาด้วยพลังที่มีอยู่ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วเธอก็เริ่มที่จะฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้วแต่ไม่ทั้งหมด หากจะให้มันง่ายหน่อยก็คงต้องหาจอมปีศาจอาว
เพราะกลิ่นไอปีศาจที่ติดตัวเขามาเมื่อวานทำให้เธอต้องวางแผนที่จะเข้าไปที่ทำงานของทาสผู้เลี้ยงดูเธอในร่างแมวเหมียว เช้านี้เป็นอีกวันของการทำงานเพราะอย่างนั้นดีนจึงออกไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางปีศาจแมวในร่างแมวเหมียวก็แปลงกายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง แอบดมกลิ่นลอบตามเขาไปจนถึงบริษัทใหญ่ หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงราวสามสิบชั้นนั้นอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบริษัทนั้นด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โลกมนุษย์นี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมาท่องเที่ยวและเรียนรู้มัน เธอในชุดเสื้อเชิ้ตรัดรูปพอดิบพอดีไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำ ด้วยรูปร่างของเธอไร้ที่ติและยั่วยวนนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว “ขอโทษค่ะ...พอดีว่าจะมาสมัครงาน”
ถึงจะได้สติแต่ดีนกลับไม่ปล่อยให้เธอได้พักจนเธอเพลียหลับคาอกแกร่ง ดีนหลบสายตามองหญิงสาวที่นอนข้างกายตนพลางยกยิ้ม สุดท้ายเขาก็เกินเลยกับพนักงานของตัวเองจนได้ เขาคิดพลางหลับตาครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้สึกไออุ่นบางอย่างข้างกาย...ซึ่งแน่นอนว่ามาจากทางนิลมณีที่เขานอนกอดอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเหลือบมองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย ควันสีดำโอบล้อมร่างกายของนิลมณีที่หลับใหลอยู่พร้อมแสงสีส้มระยิบระยับ ดีนเด้งตัวลุกขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ขยี้ตาตัวเองราวกับว่าตนตาพร่าเบลอที่เห็นแบบนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างเพ่งมองหญิงสาวข้างกาย “อะไรวะ...” มันยังคงเด่นชัดในสายและไม่ใช่ความฝันแน่ๆ เพราะเขายังไม่หลับ...ถ้าไม่ติดที่เธอเพลียหลับไปก่อนเขายังมีแรงสู้ต่อแน่นอน นั่นก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาไม่ได้เบลอ ดีนเอามือวาดไปมาตรงคว
ความยับยั้งช่างใจในคราแรก...ความกลัวว่าจะมีผลต่อการทำงานของเขาและเธอ มันถูกลบด้วยแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้ ด้วยความที่ในใจเขาสนใจเธอคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงสนใจเธอเป็นพิเศษ รู้แค่ว่าตัวเธอมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เขายากจะปฏิเสธ ยิ่งมายั่วกันแบบนี้ด้วยล่ะก็...ริมฝีปากหยักเข้าช่วงชิงริมฝีปากบางได้รูปของคนใต้ร่าง ป้อนรสจูบหวานตามที่เธอต้องการให้อย่างดูดดื่ม เธอเองก็ตอบรับจูบนั้นไปตามแรงอารมณ์ที่มีในตอนนี้แม้จะเก้ๆกังๆไปหน่อยก็ตาม ดีนอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไม่เคยจูบใครหรือเปล่า แต่ก็ยอมหยุดความคิดนั้นไป บรรจงจูบนำหญิงสาวใต้ร่างหวังให้ได้เรียนรู้มือหนาเริ่มประปรายไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลของเธอ โดยที่เธอไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดอีกทั้งยังแอ่นกายรับอย่างจำยอมด้วยฤทธิ์ยาที่ดื่มเข้าไป เสื้อผ้าถูกถกถอดโดยมือหนาอย่างช้าๆ เหลือเพียงแพนตี้ตัวน้อยสีดำลายลูกไม้ให้ได้เห็น สายตาคมมองไปทั่วเรือนร่างที่น่าหลงใหลนั้นผมสีดำขลับตรงยาวตัดกับสีผิวเด่นชัดขึ้น ผิวเรียบเนียนขาวอมชมพูมันวาวชวนให้แตะต้อง...ทั้งผิว ทั้งเรือนร่าง ราวกับถูกปั้นมา...&ldq
ภายในรถได้ยินแต่เสียงอื้ออึงครางเสียงหวานของเลขาสาวคนสวย เธอนั่งบิดตัวไปมาพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับอารมณ์ร้อนรุ่นที่มันพลุ่งพล่านอยู่ภายในกายจนใจหวิวไปหมด ดีนปราดปรายสายตามองเธอเป็นระยะสลับกับการมองทางข้างหน้า มือหนายังคงควงพวงมาลัยอยู่อย่างใจเย็น “คอนโดของคุณไปทางไหน?” “อือ...ห้อง...อืม...ห้องคุณ” “ฮะ?...หมายถึง ไปห้องผม?” ดีนแทบจะอยากไม่เชื่อหูของตัวเอง เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น เขาถึงกหันไปมองหน้านิลมณีครู่หนึ่งก็เห็นเธอช้อนตามองเขาพร้อมกับพยักหน้าด้วยสายตาออดอ้อน ก่อนที่เขาจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ใจดวงโตเต้นรัวอย่างไม่อยากเชื่อ...
“บริวารของผมคงจะได้ยินหมดแล้วล่ะครับ” เขาเอ่ยก่อนจะผายมือให้เธอเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุด ค่ำวันนี้ถือว่าคนเข้ามาร้านของเขาเต็มร้านผิดจากตอนกลางวันที่แทบจะไม่มีคนเข้ามาเลยด้วยซ้ำ นิลมณีอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเพราะพลังแห่งความมืดสินะ ถึงได้ดึงดูดคนเข้ามาได้ตอนที่ตะวันตกดินไปแล้ว เธอเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุดอย่างที่อัคคีแนะนำทาง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปยังหน้าบาร์เล็กที่อยู่หน้าส่วนครัว พร้อมกับรินเครื่องดื่มชนิดหนึ่งให้นิลมณีซึ่งเธอไม่ได้สนใจนัก กับอีแค่น้ำดื่มน้ำเมาของมนุษย์ไม่คณามือปีศาจอย่างเธอแน่นอน จากที่มนุษย์ทุกยุคถวายเธอตั้งแต่เหล้ายาปลาต้มก็พอจะทำให้เธอคอแข็งอยู่พอสมควร คงไม่มีอะไรนักไปกว่าสุรารวงข้าวที่เธอเจอมาแล้วเป็นแน่ “นี่ครับ เครื่องดื่มของคนยุคใหม่” 
ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่เขาชมเธอว่ากลิ่นตัวเหมือนเปลือกกฤษณาที่เขามักจะเอามาใช้ทำกำยาน เทียนหอม และธูปเสียส่วนใหญ่ นิลมณีมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อยเพราะมันไม่ได้ซึ้งอะไรเลยสักนิด “คุณว่าฉันกลิ่นเหมือนกลิ่นธูปเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามออกไปตรงๆ “ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงว่า...หอมละมุนและสดชื่นดี” “.......” “เหมือนกลิ่นที่เคยได้กลิ่น...ก็เหมือนกฤษณาจริงๆนั่นแหละ” แม้ว่าเขาจะพยายามพูดแก้ต่างแต่มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย นิลมณีกอดอกมองหน้าเขาก่อนจะยกมือของตัวเองขึ้นกุมขมับ&nb
ไม่ว่าปีศาจจะเดินทางไปที่ไหนก็มักจะเห็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เห็น เธอเป็นผู้คุมพวกสิ่งลี้ลับที่พลังแห่งความมืดเอาไว้ แต่เหนือฟ้าก็ย่อมมีฟ้า...ถึงเธอจะเป็นราชาของเหล่าภูติผีปีศาจในโลกมนุษย์ ก็ต้องมีคนที่คุมเธอเอาไว้อีกที...เป็นคนของเบื้องบนอย่างพญายักษาผู้น่าเกรงขามและตอนนี้เธอกำลังตามหาพญายักษาผู้นั้นผู้ที่ถือว่าเป็นจ้าวจอมปีศาจทั้งปวงในเขตแดนนี้ ผู้ใดจะข้ามเขตมามิได้ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอยังไม่พบเจอเขาผู้นั้นเลยด้วยซ้ำ ได้รับเพียงกลิ่นไอบางๆเท่านั้น“ถ้าพาแมวไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว...คงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะพาไปที่อื่น” ดีนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ขับรถมารับนิลมณีที่หน้าบริษัท ถึงเขาบอกว่าจะพาไปรับที่คอนโดของเธอแต่เธอกลับยืนยันที่จะให้มารับที่หน้าบริษัทเหมือนเดิม“ที่อื่นนี่คือที่ไหนล่ะคะ?”“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”“ถ้าไม่บอกฉันขออนุญาตไม่ไปนะคะ” เธอยังคงเอ่ยเสียงเรียบนิ่งเหมือนเช่นเดิม“กลัวผมทำอะไรไม่ดีกับคุณหรือไง?” ดีนเอ่ยถามพลางยกยิ้ม แม้ว่าใบหน้าของเขาจะจ้องมองถนนอยู่ก็ตาม นิลมณีหันไปมองสีหน้าของเ
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร