กวีก้าวช้าๆไปยังต้นเสียงที่คาดว่าน่าจะอยู่ข้างตู้ใบสุดท้ายที่มีตะกร้าใบใหญ่วางบังอยู่ แม่พราวกับพรรณดารายืนกอดกันมองตามเขาไปตาไม่กะพริบ
“ออกมาได้แล้วลูกปลากะพงคำราม” กวีหยุดยืนอยู่หน้าตู้ใบสุดท้าย เขารอให้ลูกๆลุกออกมาเอง
“พ่อปลากะพงจงบอกรหัสลับของเรา” เสียงจริงจังของพี่พร้อมดังขึ้น ผู้เป็นพ่อยิ้มทว่าไม่ยอมบอกรหัสลับ
“ออกมาได้แล้วครับ คุณแม่รออยู่” กวีบอก เขาหันกลับไปมองสบตากับภรรยา เธอยิ้มตอบเขาอย่างดีใจ
“ไม่เอา พ่อปลากะพงคำรามต้องบอกรหัสลับมาก่อนสิค้า ถ้าบอกรหัสลับไม่ได้ ก็แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ลูกปลากะพงคำรามไม่ออกไปหรอก” คราวนี้เป็นเสียงเล็กๆของน้องพริ้ง
กวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันกลับไปยิ้มแหยๆให้ภรรยากับแม่ยาย ก่อนจะเอ่ยรหัสลับอย่างที่ลูกต้องการ
“เอ่อ...คลิปลับสาวมอปลายครับ”
“เย้! ป๊ะป๋า” เสียงร้องดีอกดีใจของลูกๆดังขึ้น เด็กๆลุกขึ้นวิ่งออกมาสู่อ้อมกอดบิดา กวีกอดลูกทั้งสอง หอมแก้มรับขวัญด้วยความโล่งใจ ก่อนจะปล่อยให้ลูกวิ่งไปหาภรรยากับแม่ยาย ทั้งสองกอดหอม ลูบหน้าลูบหลังเรียกขวัญเด็กๆซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง ต่อเมื่อพรรณดาราถอนหายใจอ
“ชู่ว์!” น้องพริ้งส่งเสียงพร้อมกับทำปากจู๋ เด็กหญิงยกนิ้วชี้เล็กๆขึ้นแตะริมฝีปาก แล้วเหลือบมองคุณแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล“อย่าเพิ่งตั้งใหม่สิค้า มีคนนอกแก๊งอยู่ในห้องนี้ด้วย”กวีมองตามสายตาลูก เห็นคนนอกแก๊งยืนกอดอกอ้าปากเหวออยู่ก็หัวเราะเบาๆ“งั้นให้คุณแม่เข้าแก๊งด้วยดีไหมครับ” เขาบอกลูกๆ ขณะที่สายตาหวานเชื่อมมองภรรยาพอป๊ะป๋าเสนอให้คุณแม่เข้าแก๊ง พี่พร้อมน้องพริ้งก็มองหน้ากัน ใบหน้าเล็กๆน่ารักต่างครุ่นคิดราวกับว่านี่เป็นวาระแห่งชาติ“เราต้องประชุมกันก่อนนะครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมเสนอ“ใช่ค่ะเราต้องประชุมกันก่อนนะคะ” น้องพริ้งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับผู้เป็นพี่“เอ้า! ประชุมก็ประชุมครับ”เมื่อตกลงกันว่าจะประชุม กวีก็ปล่อยลูกๆลงยืนบนพื้นห้อง ส่วนเขานั่งคุกเข่าลงบนพื้น แล้วกอดคอกันเป็นวงกลม สามพ่อลูกเอาศีรษะชนกัน พูดคุยซุบซิบเสียงเบา ปล่อยให้คนนอกแก๊งยืนมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าคุณพ่อคุณลูกคุยอะไรกันครู่เดียวหลังจากที่ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ พี่พร้อมกับน้องพริ้งก็วิ่งเข้ามาจับมือคุณแม่คนละข้าง ดึงเบาๆเดินเข้าไปหาหัวหน้าแก๊ง
“รู้แล้วค่ะ” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง หญิงสาวหันไปมองลูกทั้งสอง จึงได้รับแรงสนับสนุนเป็นรอยยิ้มและการพยักหน้าหงึกๆ ส่งสัญญาณบอกเธอว่าให้ทำตามที่ป๊ะป๋าต้องการ พรรณดาราขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ทำปากจู๋รอเธออยู่แล้วจุ๊บ...พี่พร้อมน้องพริ้งปรบมือดีใจกันใหญ่ที่เห็นคุณแม่จุ๊บป๊ะป๋า คนถูกจุ๊บยิ้มกรุ้มกริ่ม สุขเต็มหัวใจ ทว่าคนที่ต้องจุ๊บสามีแบบจำใจมองค้อนแล้วค้อนอีกอย่างหมั่นไส้“พี่พร้อมน้องพริ้งไปกินของว่างกันเถอะลูก” แม่พราวเดินเข้ามาเรียกหลาน พอเห็นลูกสาวอยู่ในวงแขนลูกเขยก็อมยิ้ม“เอ่อ...พี่วีปล่อยหนูได้แล้ว” พรรณดาราอายสายตาผู้เป็นแม่ หญิงสาวรีบดันอกกว้าง ดิ้นขยุกขยิก“แม่พราวครับผมฝากพี่พร้อมกับน้องพริ้งด้วยนะครับ ผมขออนุญาตคุยกับหนูพรรณสักครู่” กวีบอกแม่ยาย เขาไม่ยอมปล่อยภรรยาออกจากวงแขน“แต่หนูไม่มีอะไรจะคุยด้วย” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง“คุยกับพี่เขาก่อน พูดคุยกันดีๆ รับฟังเหตุผล สงสัยอะไรก็ถามกันไปตรงๆ” แม่พราวบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงติดดุเล็กน้อย มีอย่างที่ไหนจะเอาแต่วิ่งหนี ไม่ยอมพูดคุยกันแล้วเมื่อไรจะเข้าใจกันสักที
...“พี่วีกับยายมยุรีนั่นมีอะไรกันหรือยังคะ” เมื่อเขาเปิดโอกาสให้ถาม เธอก็ถามแบบไม่ถนอมน้ำใจ สองปีที่ผ่านมา มันเลยจุดที่จะพูดอ้อมค้อมเพื่อให้คำถามฟังดูดีแล้ว“ไม่! ไม่เคยมี และไม่เคยคิดจะมี” คำตอบหนักแน่นของเขาทำให้เธอใจชื้นมาเป็นกอง ทว่าทั้งรูปภาพและคำบอกเล่าจากผู้หวังดีที่ไม่ประสงค์ออกนามหลายคนทำให้เธอไม่เชื่อเขาเต็มหัวใจเท่าไรนัก“มยุรีต้องการรวบกิจการร้านทั้งหมดไว้ในมือคนเดียว โดยใช้วิธีการสกปรก ที่ไอ้ห่าพลมันขายให้พี่เพราะมันต้องการให้พี่มาจัดการเขี่ยยายนี่ออกจากร้านให้”“แล้วทำไมพี่พลไม่จัดการเอง ทำไมต้องให้พี่วีช่วย” แม้จะอยากเชื่อ แต่ก็ยังรู้สึกขัดใจ“ไอ้พลมันก็มีปัญหากับเมีย เหมือนกับที่เรามีปัญหากันนี่แหละ แม่นั่นใช้วิธีสกปรกปล่อยภาพตัดต่อ ปล่อยคลิปเสียง สร้างเรื่องว่ามีอะไรกับมัน ทำลายครอบครัวมัน มันเลยจำเป็นต้องพาลูกเมียออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น เพื่อรอเวลากลับมา”“แล้วพี่วีคนดีก็เลยกระโดดเข้าไปช่วยเหลือเพื่อน ปล่อยให้เมียหอบลูกหนีกลับบ้าน โดยไม่ตามมาอธิบายข้อเท็จจริง ไม่มาดูดำดูดีตั้งสองปี”
“แต่พี่จะหอม”“ไม่ให้หอม”“อย่าดื้อสิ เป็นแค่ลูกกระจ๊อก อย่าริอ่านขัดขืนหัวหน้าแก๊ง”“แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ”“ลงโทษคุณแม่เลยครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมบอก เมื่อเห็นป๊ะป๋ากับคุณแม่เอาแต่กระซิบคุยกันงึมงำๆ“น้องพริ้งรอนานแล้วนะค้า ง่วงแล้วด้วยค่ะ คุณแม่ยอมให้ป๊ะป๋าลงโทษสักทีสิค้า เวลาพวกเราทำผิดป๊ะป๋าก็ลงโทษแบบนี้เหมือนกันค่ะ” พูดจบน้องพริ้งก็ใช้สองมือปิดปากขณะอ้าปากหาว ดวงตาปรือ เพราะง่วงนอนจริงๆ“เห็นไหมว่าลูกง่วงแล้ว เด็กๆนอนดึกไม่ดีนะ มามะ...มาให้พี่หอมแก้มซะดีๆ”พรรณดาราหันไปยิ้มแหยให้ลูกทั้งสอง ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่ทำปากจู๋เตรียมพร้อมจะหอมแก้มตน“กี่ครั้งคะ” หญิงสาวถามเสียงขุ่น“จนกว่าพี่จะพอใจ”“ขี้โกง” ต่อว่าเขาได้เพียงเท่านั้น คนขี้โกงก็ระดมทั้งหอมทั้งจุ๊บไปบนดวงหน้าเนียน เสียงลูกๆปรบมือร้องเชียร์กันสนุกสนาน พรรณดาราจึงได้แต่ทอดถอนใจ ยอมให้คนลงโทษค้ากำไรกับแก้มนวลจนหนำใจ“เอาล่ะค่ะ ทีนี้ก็กลับไปนอนกันได้แล้วนะคะ” พอเป็นอิสระจากวงแขนแข็งแรง คุณแม่ลูกสองก็หันมาชวนลูกๆกลับไปนอนที่บ้านหลังใหญ่ ทว่าทั้งพี่
“พี่วี!” พรรณดาราตามตะปบมือที่ดึงรั้งเสื้อคลุมออกจากร่างตัวเอง ทว่าเธอก็ไม่อาจสู้แรงเขาได้ ในที่สุดเสื้อคลุมของเธอก็ถูกเขาถอดโยนทิ้งลงบนพื้นระเบียงจนได้“ทีนี้ก็ไม่รุ่มร่ามแล้ว” กวีจับบ่าบอบบาง ดันร่างสาวออกห่างเพียงนิด แล้วกวาดสายตาโลมเลียอย่างไม่ปิดบัง แสงจันทร์ว่านวลสวยแล้ว แต่ยังไม่เทียมเท่าเมียรักในชุดนอนสายเดี่ยวสีครีม แม้ความยาวจะคลุมถึงหัวเข่า แต่เพราะผ้าบางเบาเนื้อนุ่มทำให้มองเห็นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน“หยุดมองได้แล้ว จะพูดอะไรก็พูดมาสักที หนูหนาวนะ” แก้มสาวร้อนผ่าว เมื่อถูกตาคมปลาบจับจ้องราวกับจะมองให้ทะลุชุดนอนที่สวมอยู่ เธออุตส่าห์สวมชุดคลุมรัดกุมแล้ว เพราะรู้ว่าเขาจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังหน้าด้านหน้ามึนมาถอดมันออกจนได้“หนาวเหรอครับ มามะพี่จะกอดให้หายหนาว” กวีดึงร่างนุ่มมากอดแนบอก เขารัดรั้งเธอไว้แนบแน่น กดจูบเรือนผมหอมกรุ่นหนักๆซ้ำๆ“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ” กวีกระซิบเสียงพร่า มือไม้เริ่มลูบไล้ร่างงามไปทั่ว“พี่ไม่เคยมีคนอื่น พี่มีหนูคนเดียว สองปีที่ผ่านมางานยุ่งมาก มีเรื่องวุ่นวายเยอะแยะ พี่อย
พรรณดาราขยุ้มเส้นผมดกหนาเต็มสองมือ หญิงสาวแหงนเงยหน้า ขบกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น กันเสียงดังน่าอายเล็ดลอดออกมา เพราะกลัวว่าลูกน้อยจะได้ยินเสียงแล้วตกใจตื่น กระนั้นการรุกรานจากปลายลิ้นสากแบบไม่มีเว้นวรรคให้พักหายใจของสามีก็ทำให้เธอเผลอหลุดครางเสียงพร่าผะแผ่วออกมาเป็นบางครั้งจนได้“พี่วี...อา...” พรรณดาราเด้งสะโพกเข้าหาปากร้อน ปลายทางสุขสมเข้ามาใกล้ทุกขณะ ใกล้จนเธอต้องเร่งเร้าเขาด้วยการจับศีรษะสามีขยับโยกในจังหวะที่ต้องการ ยิ่งเขารุกรานด้วยการประกบดูดเนินเนื้อเต็มคำ พร้อมกับเกร็งปลายลิ้นแล้วสอดแทงกลางร่องรักระรัว พรรณดาราก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง หญิงสาวปล่อยตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสเร่งเร้า วาบหวาม วูบไหวในช่องท้อง จนต้องเกร็งแขม่วแล้วคลายอยู่หลายครั้ง กลีบเนื้อนุ่มไหวระริก เบ่งบาน หญิงสาวห่อปาก หอบหายใจหนัก เมื่อความสุขสมซ่านกระสันถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง ไม่นานเธอก็ระเบิดพร่าง หวีดร้องออกมาเบาๆ สะโพกอวบแอ่นเกร็งค้าง มือบางกดศีรษะเขาให้ซุกซบแนบสนิทอยู่กลางเรือนกาย พรรณดาราปรนเปรอคนที่จัดการส่งเธอไปแตะเส้นวิมานด้วยการพร่างพรมหยาดน้ำหวานให้เขาได้ลิ้มรสจนอิ่มเอมหลังจากจัดการกับน
“ชู่ว์! อย่าเสียงดังสิครับที่รัก เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก”“พี่วี! อย่าแกล้งสิ” พรรณดาราบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เบาลง“จะเอายังไงเนี่ยที่รัก แรงก็ว่า ช้าก็บ่น แบบนี้ดีไหม...หืม” กวีโหมห่มสะโพกในจังหวะถี่กระชั้นอย่างต้องการแกล้ง เมียรักต้านทานเขาไม่ไหวจนต้องหมอบลง ไขว่คว้าเอาเสื้อคลุมมากอดแล้วแนบใบหน้าลงกับพื้น หากสะโพกยังลอยเด่นเพราะถูกจับตรึงไว้ด้วยมือแข็งแรง“อื้อ! คะ คนบ้า!” พรรณดาราเกร็งตัว สั่นกระเพื่อมไปทั้งกาย“อ๊ะ! นะ...หนูเจ็บ หะ...หัวเข่า” พรรณดาราบอกกระท่อนกระแท่น เพราะแรงปานม้าคึกที่โหมกระหน่ำอยู่เบื้องหลังทำให้เธอเปล่งเสียงออกมาแทบไม่เป็นคำ“งั้นมาอยู่ข้างบน” กวีผู้ใจดี ยอมพลิกกายนอนหงาย ดันร่างภรรยาขึ้นนั่งคร่อมเหนือร่างตน“พี่วี!”“ขย่มลงมาอย่าบ่น” กวีบอกเสียงเข้ม เขาตบแก้มก้นเด้งหยุ่นดังเพียะ!พรรณดาราขึงตาดุใส่เขา กระนั้นก็ยอมทำตามที่เขาบอก หญิงสาววางสองมือลงบนอกกว้าง ตั้งหัวเข่าสองข้างชันขึ้น วางสองเท้ากับตั้งมั่นกับพื้นระเบียงก่อนเริ่มขยับโยกเชื่องช้า และค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงสะโพกอวบหนั่นแน่นกระทบห
“ไปกับพี่อีกครั้งนะครับที่รัก” พรรณดาราส่ายหน้าเร็วๆ มือไม้พยายามผลักเขาออกเป็นพัลวัน แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะเมื่อสามีเริ่มรุกอย่างเอาแต่ใจอีกครั้ง คนที่คิดว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ก็กลับไหวขึ้นมาดื้อๆ เขาสาดส่งแรงมาเท่าไร เธอก็ขยับโยกเด้งสะโพกเข้าหารองรับอย่างเท่าเทียมเท่านั้น และในเมื่อไม่มีใครยอมใคร ณ ริมระเบียงห้องนอนจึงร้อนระอุด้วยเปลวไฟพิศวาสเกือบค่อนคืนวันรุ่งขึ้น คนของกวีนำเสื้อผ้ามาให้เขาตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันขึ้นพ้นขอบฟ้า และนำรถตู้มาจอดรอที่ไร่ภูอิงฟ้าด้วยตามคำสั่งของเขา วันนี้เขาจะไปส่งลูกที่โรงเรียนกับเมียรัก ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วจึงปลุกลูกๆและภรรยา เขาอุ้มลูกทั้งสองไว้คนละข้างพาไปส่งถึงบ้านหลังใหญ่ พรรณดาราเดินตามไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เธอทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แถมยังรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ก็จำต้องฝืนใจตื่น เดินตามเขาไป เพื่อเตรียมตัวให้ลูกๆไปโรงเรียนกวีช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้พี่พร้อมกับน้องพริ้ง เมื่อเสร็จแล้วจึงพาลูกทั้งสองลงไปรับประทานอาหารเช้ารอผู้เป็นแม่ซึ่งเพิ่งเขาห้องน้ำไปหลังจากตรวจดูความเรียบร
“เดือนนี้ไม่หักแล้ว จะให้เพิ่มด้วย” พบรักบอกยิ้มๆ“ให้เพิ่มทำไม ติ๊บไม่ได้ทำงานอะไรเพิ่มสักหน่อย” คนไม่อยากเอาเปรียบนายจ้างปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างเพิ่มโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเพิ่มพบรักถอนหายใจบางเบา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างหญิงสาว ดูเหมือนเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์เร่าร้อนที่เขาและเธอเพิ่งทำกันไปเมื่อครู่ใหญ่“กระติ๊บ” พบรักจับมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาดุ ไม่พอใจที่เธอไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย ทั้งๆที่เขาอยากให้เธอเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ทั้งตัว หัวใจ เงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ เขาพร้อมจะยกให้เธอทั้งหมด“อะ...อะไรคะ” พลอยชมพูเอนตัวหลบคนที่อยู่ดีๆก็เดินมาจับมือถือแขนเธอ ที่จริงเธอก็ไม่ควรตกใจอะไรหรอก เพราะมากกว่ามือเขาก็จับมาแล้ว แต่บอกตรงๆว่าเธอยังไม่ชิน ถึงจะไม่ได้รังเกียจเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบที่เขาเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้ เพราะมันทำให้หัวใจเธอสั่น“คุณไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากผมหน่อยหรือ”พลอยชมพูมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนระบายยิ้มหวานสดใสให้เขา“แล้วคุณพบอยากใ
พลอยชมพูหลับตา แหงนเงยหน้าเชิดสูง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความซ่านเสียวสะใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกไปกับเขามากมายขนาดนี้ และเมื่อเขาเริ่มโยกกายถอดถอนสลับเติมเต็มในจังหวะเชื่องช้า หญิงสาวก็ครางเบาๆอย่างกับลูกแมวน้อย มันเสียวสะท้านก็จริง ทว่าเธอคิดว่ามันอ่อนโยนเกินไป หญิงสาวจึงโยกสะโพกกลับไปด้านหลัง ในจังหวะที่เขาสอดเสยเข้าหาเธอพอดี เสียงเนื้อสะโพกหนั่นแน่นปะทะกับหน้าขาจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างใส่แรงเข้าหากันไม่มีใครยอมใคร แต่คนแรงน้อยกว่าสูญเสียอธิปไตยในน่านน้ำตัวเองไปหลายครั้ง กว่าเธอจะรีดรัดคนแข็งแกร่งห้าวหาญจนเขายอมพ่ายแพ้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง “ไปเดินอีท่าไหนให้หกล้มหัวเข่าถลอกแบบนี้คะ” ลำดวนถามคนที่ตนกำลังทำแผลให้ หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตพลอยชมพูตวัดสายตาดุขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหัวเข่าถลอก เขายืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อสบสายตากับเธอ เขาก็ยิ้มบางบนใบหน้า แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งใส่เธอด้วย คนเจ็บตัวเพราะความหื่นปรอทแตกของเขาจึงสะบัดค้อนให้จนคอแทบเคล็ด
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ
เพลิงตะวันจับตามองน้องสาวตั้งแต่เธอเดินออกจากประตูบ้านมา กระทั่งเดินมานั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ในซุ้มไม้ที่เขากับภรรยานั่งอยู่ก่อนแล้ว“ช้า!” คนใจร้อนและหัวร้อนง่ายว่าน้อง แล้วมองอย่างจับพิรุธ“ติ๊บเป็นผู้หญิงนะพี่เพลิง จะให้วิ่งผ่านน้ำหรือไงเล่า มันก็ต้องให้เวลากันหน่อยสิคะ” พลอยชมพูว่าแล้วทำปากยื่นให้พี่ชาย“น้ำฝนไม่เห็นอาบนานเหมือนติ๊บเลย” คนข้องใจยังคงหาเรื่องจับผิดน้องต่อ“ที่อาบไม่นานเพราะพี่เพลิงเข้าไปอาบด้วยหรือเปล่าคะ อาบไม่นาน เพราะทำอย่างอื่นด้วย” ถึงเธอจะเพิ่งเสียพรหมจรรย์มาเมื่อคืนนี้เอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย เรื่องแบบนี้ถึงไม่อยากรู้แต่ก็ได้รู้ เพราะทั้งเพื่อนฝูงคุยกัน ทั้งหนังทั้งละครมีฉากแบบนี้ออกเยอะแยะ และพลอยชมพูก็ฉลาดพอที่จะดึงน้องสาวเข้ามาจัดการพี่เพลิง“พี่ติ๊บ!” หยาดพิรุณอุทานเรียกพี่สาวด้วยน้ำเสียงตกใจ แล้วหันไปมองสามีด้วยสายตาดุ เพราะเขานั่นแหละไปจุกจิกวุ่นวายถามจับผิดพี่สาวเธออยู่ได้ พี่ติ๊บเลยสวนหมัดกลับมา แต่แทนที่หมัดนี้จะโดนเขา กลับมาฮุกเข้าใต้ลิ้นปี่เธอเสียนี่“ตื่นสายโด่งขนาดนี้ พี่พบเขายังจ
หยาดพิรุณมองตามหลังสามีแล้วได้แต่ส่ายหน้า หญิงสาวหันมายิ้มให้พี่สาว แล้วเดินเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง “ขอโทษแทนพี่เพลิงด้วยนะคะพี่ติ๊บ พี่เพลิงเนี่ยไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเกรงใจใครหรอกค่ะ นี่มันห้องส่วนตัวของพี่ติ๊บ ก็ยังดื้อรั้นจะเข้าไปอีก เดี๋ยวกลับถึงไร่ น้ำฝนจะจัดการให้นะคะ” “ขอบใจมากนะน้ำฝน ถ้าไม่ได้น้ำฝนพี่คงแย่” หยาดพิรุณคลายอ้อมกอด ผละออกมาจ้องมองหน้าพี่สาวอย่างแปลกใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย อดไม่ได้ที่จะชะเง้อคอมองเข้าไปในห้อง แย่อะไร...พี่ติ๊บมีอะไรซ่อนไว้ในห้อง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดประโยคชวนสงสัยออกไปรีบขยับตัวบังสายตาน้อง “เอ่อ...น้ำฝนไปรอพี่ข้างล่างก่อนนะ พี่ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ตามลงไปคุยด้วย” “ค่ะ” แม้จะสงสัยเพียงใด แต่หยาดพิรุณก็เคารพความเป็นส่วนตัวของพี่ เมื่อน้องสาวเดินลงบันไดไปแล้ว พลอยชมพูจึงรีบปิดประตู ลงกลอนแน่นหนา หญิงสาวพิงหลังกับบานประตู ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาที่มีแววกังวลม