บททดสอบนั้นไปได้หรือเปล่า ในวันข้างหน้าเธอกับเขาอาจจะมีเรื่องหนักหนาผ่านเข้ามาในชีวิตคู่อีก แต่เธอเชื่อเหลือเกินว่าเธอกับเขารักกันมากพอที่จะฝ่าฟันมันไปได้แน่นอน
พรรณดาราคลี่ผ้าห่มผืนใหญ่ออก แล้วนำไปห่มให้สามีและลูกทั้งสอง กวีหยุดเล่านิทาน เขาหันมายิ้มให้เธอ และเมื่อภรรยาขยับเข้ามานั่งอิงแอบ พิงศีรษะกับต้นแขนฝั่งที่เขากอดลูกสาวอยู่ ชายหนุ่มก็จับชายผ้าห่มผืนใหญ่คลุมลูกเมียและตนเอง และกอดลูกเมียไว้ในอ้อมกอดอบอุ่น
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของกวีทำให้ภรรยาและลูกทั้งสองนั่งฟังอยู่เงียบๆ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังโค้งฟ้าเบื้องหน้า อากาศเย็นทำให้ทั้งภรรยาและลูกเบียดกายซุกเข้าหาร่างใหญ่อบอุ่น กวีกอดกระชับดวงใจทั้งสามดวงของตนแน่นขึ้น เขาเล่านิทานมาจนถึงตอนใกล้จะจบแล้ว
“...แล้วลูกไก่ก็ไปเกิดเป็นดาวอยู่บนฟ้า ได้อยู่ใกล้กับแม่ตลอดกาล”
“ถ้าน้องพริ้งเป็นคุณตาคุณยาย น้องพริ้งจะไปเก็บผักมาทำอาหาร น้องพริ้งจะไม่ฆ่าคุณแม่ไก่” น้องพริ้งฟังนิทานเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เด็กหญิงก็ทำใจไม่ได้สักทีที่แม่ไก่และลูกไก่ต้องตายตามกันไป ถึงจะไปเกิดเป็นดาวบนฟ้าอยู่ข้างๆกันก็ตามเถอะ
“มันเป
เสียงตะโกนลั่นไร่ภูอิงฟ้าทำให้คนที่เพิ่งบอกความลับกับสามีไปต้องส่ายหน้า พรรณดาราหัวเราะคิกกับการกระทำของสามี เขาคงอึดอัดจนต้องตะโกนออกมาเพื่อระบายความดีอกดีใจ จะตะโกนในเต็นท์ก็กลัวว่าลูกจะตื่น เลยต้องรีบวิ่งออกจากเต็นท์ไปตะโกนไกลๆ หญิงสาวนั่งรออีกครู่หนึ่งสามีก็กลับเข้ามาในเต็นท์“กี่เดือนแล้วครับ” กวีคลานเข้ามานั่งตรงหน้าภรรยา เขาหอบหายใจแรง ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือตื่นเต้นกับข่าวดีที่เมียเพิ่งบอก“สองค่ะ”“ทำไมเพิ่งมาบอกพี่”“หนูเพิ่งทราบวันก่อนเองค่ะ ตอนแรกหนูไม่แน่ใจ เมื่อวันก่อนตอนจะไปรับลูกที่โรงเรียน ก็เลยแวะตรวจค่ะ”กวีโอบกอดภรรยามานั่งบนตักอีกครั้ง เขาจูบขมับหอมกรุ่นแรงๆ กระซิบคำรักเสียงหวาน“พี่รักหนู” พรรณดารายิ้มอย่างมีความสุข หญิงสาวเอนหลังพิงแผ่นอกกว้าง จับมือหนาสองข้างมาวางทาบบนหน้าท้องตนเอง แล้ววางมือประกบหลังมือเขา“ตั้งสองคนแน่ะ เลี้ยงไหวไหมคะ” กวีวางคางเกยบ่าเมียรัก เขาลูบหน้าท้องเธอไปมาช้าๆ“ทำไหวก็ต้องเลี้ยงไหวสิ”“นี่ภูมิใจขนาดนั้นเลยหรือคะ”“ใครจะไม่ภูมิใจล่ะ ยิงปืนใหญ่กระบอกเดียวได้ลูกมาตั
พี่พร้อมกับน้องพริ้งพยักหน้ารับคำป๊ะป๋าอย่างจริงจัง เด็กน้อยสองคนสบตากันแล้วประสานเสียงเอ่ยรหัสลับออกมาเสียงดังฟังชัดพร้อมกัน“เรา รัก กัน”กวีสบตาภรรยา ทั้งสองยิ้มก่อนจะเอ่ยรหัสตอบรับลูกๆด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข“แม่นแล้ว”“ทีนี้คุณแม่ก็บอกความลับมาได้แล้วนะคะ” พอป๊ะป๋ากับคุณแม่พูดรหัสตอบรับยังไม่ทันขาดคำ น้องพริ้งก็รีบคะยั้นคะยอขอทราบความลับทันทีพรรณดารากางแขนออกโอบกอดลูกน้อยทั้งสองมาแนบอก หญิงสาวจับมือน้อยของลูกทั้งสองมาวางลงบนหน้าท้องตัวเอง ยิ้มให้ลูกทั้งสองที่จ้องมองใบหน้าคุณแม่ตาแป๋ว“ในนี้มีน้องสองคนค่ะ”พี่พร้อมกับน้องพริ้งอ้าปากค้างทำตาโตพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เด็กน้อยตกตะลึงกับสิ่งที่คุณแม่บอก ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น และสงสัย ทั้งพี่พร้อมกับน้องพริ้งมีคำถามมากมายอยู่ในหัว แต่ก็ยังไม่สามารถเรียบเรียงเป็นประโยคออกมาถามคุณแม่ได้“น้องสองคน” พี่พร้อมลูบท้องคุณแม่ด้วยความตื่นเต้น“น้องมาพร้อมกันสองคนเลยเหรอครับคุณแม่” เด็กชายถามคุณแม่เพื่อจะย้ำความมั่นใจ“ใช่ค่ะ น้องอยู่ในนี้สองคน เรียกว่าแฝดค่ะ
“ก็เคยไป แต่ไปมาตั้งหลายปีแล้ว นะคะพี่เพลิงขา ให้หนูไปนะคะ หนูสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ จะไม่ทำให้พี่เพลิงต้องเป็นห่วง”เพลิงตะวันหันกลับมามองหน้าน้องสาว แววตาอ้อนวอนของเธอ ทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่“อือๆจะไปก็ไป ขับรถดีๆ ห้ามเถลไถลไปไหน แล้วก็ต้องกลับบ้านก่อนสองทุ่มนะ”พรรณดารายิ้มกว้าง หญิงสาวกอดแขนพี่ชาย แล้วอิงซบอย่างออดอ้อน“พี่เพลิงน่ารักที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ”เพลิงตะวันมองตามน้องสาวที่วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างดีใจ แม้จะเป็นห่วงแต่ก็รู้ล่ะว่าตัวเองคงไม่สามารถกางปีกปกป้องน้องตลอดไปได้ อีกอย่างน้องสาวเขาโตแล้ว และไม่ได้เป็นหญิงสาวเรียบร้อยไร้เดียงสาสักหน่อย เขารู้ว่าเธอเก่งและเอาตัวรอดได้ ไม่อย่างนั้นจะไปอยู่เมืองนอกตามลำพังได้หรือ แต่ที่เธอยอมอยู่แต่ในไร่ตามที่เขาบอกเพราะเกรงใจเขาเท่านั้นเองพรรณดารารวบผมยาวมัดหางม้า อวดดวงหน้าเนียนสดใส รอยยิ้มพริ้มเพราที่ประดับบนใบหน้าเป็นนิจ ทำให้หญิงสาวดูราวกับเด็กสาวอายุสิบเจ็ด เธอสวมเสื้อยืดสีกรมท่า ด้านหลังเสื้อสกรีนโลโก้ไร่ภูอิงฟ้าเหมือนกับพนักงานทุกคนที่มาช่วยงานที่บูท หญิงสาวสวมกางเกง
“ไม่ปล่อยใช่ไหม” พรรณดาราเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห หญิงสาวกำมืออีกข้างทุบแขนเขาสุดแรง และทุบไปหลายครั้งด้วย แต่ดูเหมือนกำปั้นน้อยๆของเธอจะไม่สะเทือนคนตัวโตที่ยืนค้ำหัวเธออยู่สักนิด “เจ็บตายแหละ” กวีว่า ทั้งน้ำเสียงและสายตาเยาะเย้ยเธอเต็มที่“คนบ้า! ปล่อยนะ!” พรรณดาราโมโหสุดขีด หญิงสาวใช้ทั้งมือที่ว่างและเท้าทั้งสองทำร้ายเขา“เฮ้ย!” กวีตกใจที่เด็กสาวโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ได้เจ็บแต่ออกแนวรำคาญมากกว่า ชายหนุ่มกระตุกข้อมือบางดึงหมุนตัวเธอให้หันหลังให้เขา แล้วรวบตัวเธอมากอดไว้แน่นพรรณดาราตกใจที่อยู่ดีๆก็ถูกเขากักกอดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวจึงยกเท้าหมายจะกระทืบเท้าเขา แต่กวีก็ไหวตัวทัน เขายกร่างบางขึ้นจนเท้าลอยพ้นจากพื้น“กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” เมื่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พรรณดาราก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองคนที่อุ้มเธออยู่ด้วยสายตาเคืองขุ่น กวียักคิ้วใส่อย่างกวนๆ“เสียงดีนี่ ร้องอีกสิ” กวีนึกหมั่นไส้แม่สาวน้อยที่พอเอาชนะเขาไม่ได้ก็เริ่มหาพวกมาช่วย“คุณหนูพรรณเกิดอะไรขึ้นคะ
“ค่ะ” พรรณดารารับคำ ยิ้มหวานให้พี่ชาย หญิงสาวมองค้อนคนที่เธอไม่อยากเจอหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางแปลงเกษตรสาธิตที่อยู่ห่างอาคารแสดงสินค้าไปเล็กน้อย“พี่วี! มึงจะไปไหน” เพลิงตะวันรีบขยับไปดักทางคนที่ทำท่าจะเดินตามน้องเขาไป“ไปดูแปลงเกษตร”“ไม่ต้องเลย ไปดูแลลูกค้าคนสำคัญของพี่โน่น” เพลิงตะวันจับกวีหมุนแล้วรุนหลังเขาให้เดินกลับเข้าไปหาลูกค้าของเขา“ไอ้เชี่ยเพลิง ที่มึงกีดกันกูอยู่เนี่ย เพราะมึงหึงกูหรือเปล่า นี่มึงคิดมิดีมิร้ายกับกูอยู่ใช่ไหม” กวีขืนตัวไว้ ไม่ยอมเดินไปข้างหน้าตามแรงดันของเพลิงตะวัน“ปัญญาอ่อน ไปๆอย่ามายุ่งกับน้องผม ไม่งั้นพี่เจ็บตัวแน่ ที่นี่ถิ่นผมนะ อย่าทำตัวมีปัญหา”“เออๆ ไปก็ได้วะ เก็บน้องมึงไว้ในไร่ดีๆล่ะ ออกจากไร่ไปเมื่อไหร่ กูจับปล้ำทำเมียทันที” กวียิ้มยียวน ก่อนจะเดินหนีไป ปล่อยให้คนหวงน้องได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองตามด้วยความรู้สึกอยากกระทืบคนพูดให้ตายคาตีนเพลิงตะวันมองตามรถตู้ของโรงแรมนำคณะรองรัฐมนตรีกลับออกไปจากไร่ไปจนลับสายตา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไอ้เจ้าของโรงแรมที่วอนตายในไร่ออกไปพร้อมรถตู้คัน
“ทำแผลให้พี่เขาหน่อย”“คุณแม่คะ” พรรณดาราอยากจะปฏิเสธ ทว่าสายตาดุที่ท่านมองมาก็ทำให้เธอจำใจหิ้วกล่องยาไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเขากวียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อคุณพยาบาลจำเป็นมานั่งลงตรงหน้า แม้เธอจะมือหนักไปบ้างอย่างจงใจ แต่เขาก็อดทนได้“แม่ต้องขอโทษแทนเพลิงด้วยนะ รายนั้นใจร้อนไปหน่อย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ใช้กำลังไว้ก่อนอยู่เรื่อย”“ครับ ไม่เป็นไรครับแม่พราว” กวีพูดกับแม่พราว ทว่านัยน์ตาวิบวับจับจ้องดวงหน้าลูกสาวท่านตลอดเวลา“แล้วนี่พ่อวีมีธุระอะไรหรือถึงได้มาแต่เช้าเชียว”“เอ่อ...พอดีว่าคุณแม่อยากทานแก้วมังกรครับ ผมเลยแวะมาซื้อ”“แก้วมังกร?” แม่พราวทำหน้างง“ครับ คุณแม่ท่านบอกว่าแก้วมังกรที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าของไร่ภูอิงฟ้า”“อ้อ! แต่แก้วมังกรที่บ้านไม่มีนะจ๊ะ ถ้าพ่อวีอยากได้ คงต้องไปซื้อที่อาคารแสดงสินค้าตรงปากทางเข้าไร่โน่น” แม่พราวว่าอย่างรู้ทัน กวียิ้มแหยๆให้ผู้สูงวัย พอดีกับคุณพยาบาลจำเป็นใส่ยาให้เขาเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เลยย้ายไปนั่งข้างมารดา“เอ่อ...ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับแม่พราว ขอบคุณมากนะครับหนูพรรณที่ทำแ
“หนูพรรณ”พรรณดาราลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อคนที่เธอมาหาเดินเข้ามาในห้องรับรองแขก“งานหนัก หรือเปลี่ยนไปจีบสาวบ้านอื่นแล้วคะ ทำไมถึงไม่ไปที่ไร่เลย” กวีไม่รู้ว่าจะขำหรือดีใจดี นี่เธอคิดถึงเขาใช่ไหม และก็กำลังงอนเขานิดๆใช่ไหม“อยากไปใจจะขาด แต่ช่วงนี้งานเข้า พี่ปลีกตัวไปไม่ได้เลย”“แล้วทำไมไม่โทรบอก” พรรณดาราถามแล้วก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเอง เธอเป็นคนห้ามไม่ให้เขาโทรหาเองนี่นา“งั้นต่อไปนี้ให้พี่โทรหาได้แล้วใช่ไหมครับ ถ้าหนูพรรณอนุญาตให้พี่โทรหาได้ พี่จะโทรรายงานความประพฤติทุกชั่วโมงเลยก็ได้”“ก็ดีค่ะ แล้วต่อไปอย่าหายไปแบบนี้อีกนะคะ”กวียิ้มพอใจ แบบนี้คือเธอยอมเปิดใจให้เขาแล้วใช่ไหม ร่างสูงเดินเข้าไปยืนตรงหน้าหญิงสาว“เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”“ก็ดูๆไปก่อนค่ะ” พรรณดาราไม่ใช่หญิงสาวเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เธอเป็นคนตรงๆ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ถ้าใช่เธอก็ยอมรับว่าใช่ ความตรงๆกับหัวใจนี้เธอได้มาจากแม่พราว ที่เธอมาหาเขาถึงนี่ ก็เพราะแม่พราวเป็นคนแนะนำนั่นแหละ“ถ้าหนูรู้สึกว่าพี่เขาใช่ ก็ทำตามที่หัวใจต้องการ” แม่พราวเนี่ยไอดอลต
“ไง! เมียยังไม่ยอมคุยด้วยอีกเหรอ” ลุงเพชรมานั่งลงตบบ่าเขาเบาๆ สายตาของลุงเพชรเหมือนเยาะเย้ยมากกว่าจะเห็นใจ“ก็มีแต่คนกีดกัน ผมเลยไม่ได้คุยกับน้ำฝนสักที”“แล้วมันน่ากีดกันไหมล่ะ ชอบทำอะไรให้น้องงอนอยู่เรื่อย”“ถ้าไม่เข้าข้าง ก็อย่ามาซ้ำเติมผมเลย” เพลิงตะวันว่า เขาขยับออกห่างลุงเพชรอีกนิด นี่ก็ไม่ช่วย ไม่พาไป ทั้งที่บ้านหลังนั้นเป็นบ้านลูกเขยตัวเองแท้ๆ ถ้าลุงเพชรพาไป ใครหน้าไหนจะกล้าขัดขวาง“เฮ้ย! ทำผิดเองก็หาทางแก้เองสิวะ มันต้องนักเลงหน่อย”เพลิงตะวันปรายตามองลุงเพชร ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย บ้านพี่เมียมีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ทั้งคนของพี่เมียก็ยั้วเยี้ยเต็มหน้าบ้านไปหมด อย่างกับตั้งใจจัดมาเพื่อขัดขวางเขาโดยเฉพาะ“เป็นไงตาเพลิง ได้คุยกับน้ำฝนหรือยัง” น้ากระแตของตาเพลิงเดินมานั่งลงข้างหลานชาย ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพลิงตะวันขยับไปหา กอดท่านไว้เต็มอ้อมแขน ออดอ้อนน่าสงสาร“น้ำฝนไม่ยอมคุยกับผมครับน้ากระแต คนแถวนี้ก็ใจร้ายไม่ยอมช่วย”คนถูกกล่าวหาว่าใจร้ายสะดุ้ง มองคนที่กอดเมียตัวเองด้วยสายตาหมั่นไส้ อ้อนได้อยู่คนเด
“เป็นธรรมดาที่คนสวยอย่างติ๊บจะมีคนมาชอบค่ะ” ตอบแล้วเธอก็เดินกลับไปที่ซิงค์ล้างจาน ลงมือล้างโดยไม่หันมาสนใจคนมีปัญหาคาใจกับแขกที่เข้าพักอีก พบรักรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นพล่านอยู่บนหัว เธอรู้ว่าไอ้หมอนั่นชอบ แล้วเธอล่ะชอบมันไหม “แล้วติ๊บชอบมันไหม มันหน้าตาดีนะ” พลอยชมพูสะดุ้งตกใจเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาประชิดด้านหลัง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นไม่พอใจ “ไม่ค่ะ เฉยๆ ก็บอกแล้วว่าติ๊บทั้งสวยทั้งน่ารัก ก็ต้องมีผู้ชายมาชอบเยอะสิคะ แต่ภูมิต้านทานเรื่องผู้ชายติ๊บสูงค่ะ เพราะที่บ้านมีแต่ผู้ชายหน้าตาดี พ่อติ๊บก็หล่อ ยิ่งพี่ต่ายนี่หล่อแบบ...” พลอยชมพูเงยขึ้นมองหน้าคนที่ยืนหน้าเคร่งอยู่เบื้องหลังตัวเองสายตาครุ่นคิดา “อืม...พี่ต่ายนี่หล่อแบบเอาคุณพบสักสิบคนมามัดรวมกันก็ยังหล่อไม่เท่าพี่ต่ายเลยค่ะ” หัวคิ้วเข้มย่นแทบจะชนกัน เมื่อถูกสาวเปรียบเทียบความหล่อของตนกับพี่ชายของเธอแบบไม่ไว้หน้ากันเลย พบรักขยับตัวเข้าใกล้ ใช้แขนสองข้างกักกันเธอไว้กับเค
พลอยชมพูกะพริบตาปริบๆ รีบลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง พอหญิงสาวเปิดม่านออกก็มองเห็นเขายืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างล่าง เธอปิดม่านแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกลางวันแค่เธอคุยกับเขานิดเดียว แถมยังมีผู้คนอยู่ด้วยตั้งมากมาย พบรักยังจับเธอไปลงโทษด้วยบทรักเร่าร้อนท้าแสงแดด นี่ถ้ามาเห็นเธอคุยกับเขาที่หน้าบ้าน เธอจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ยแต่สุดท้ายแล้วพลอยชมพูก็ต้องลงไปคุยกับเพื่อนชายที่ซุ้มไม้หน้าบ้าน เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นผู้ฟัง ไม่ซักไม่ถาม วิศรุตถามคำเธอก็ตอบคำ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วกลับห้องพักไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมา แต่อีตานี่ก็หน้าด้านหน้าทนกว่าที่คิด ขุดเรื่องตั้งแต่สมัยปีมะโว้มาคุยกับเธอได้เป็นคุ้งเป็นแคว แหม...รู้สึกคิดถูกมากๆที่ไม่สนใจเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาจีบใหม่ๆ เพราะไม่งั้นเธออาจจะเบื่อตายไปเลยก็ได้ เธอไม่ชอบผู้ชายพูดมาก เพราะลำพังตัวเธอเองก็พูดมากอยู่แล้ว เธอชอบคนที่พร้อมจะฟังมากกว่า เหมือนคุณพบนั่นไง พอคิดถึงคนที่ฟังเธอเสียเป็นส่วนมาก เขาก็โผล่มาพอดีพบรักจอดรถกอล์ฟที่หน้าบ้าน แล้วเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาเธอกับวิศรุตที่ซุ้มไม้“ที่นี่เป็นที่พักส่วนตัวของผม ไม่
“เดือนนี้ไม่หักแล้ว จะให้เพิ่มด้วย” พบรักบอกยิ้มๆ“ให้เพิ่มทำไม ติ๊บไม่ได้ทำงานอะไรเพิ่มสักหน่อย” คนไม่อยากเอาเปรียบนายจ้างปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างเพิ่มโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเพิ่มพบรักถอนหายใจบางเบา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างหญิงสาว ดูเหมือนเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์เร่าร้อนที่เขาและเธอเพิ่งทำกันไปเมื่อครู่ใหญ่“กระติ๊บ” พบรักจับมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาดุ ไม่พอใจที่เธอไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย ทั้งๆที่เขาอยากให้เธอเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ทั้งตัว หัวใจ เงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ เขาพร้อมจะยกให้เธอทั้งหมด“อะ...อะไรคะ” พลอยชมพูเอนตัวหลบคนที่อยู่ดีๆก็เดินมาจับมือถือแขนเธอ ที่จริงเธอก็ไม่ควรตกใจอะไรหรอก เพราะมากกว่ามือเขาก็จับมาแล้ว แต่บอกตรงๆว่าเธอยังไม่ชิน ถึงจะไม่ได้รังเกียจเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบที่เขาเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้ เพราะมันทำให้หัวใจเธอสั่น“คุณไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากผมหน่อยหรือ”พลอยชมพูมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนระบายยิ้มหวานสดใสให้เขา“แล้วคุณพบอยากใ
พลอยชมพูหลับตา แหงนเงยหน้าเชิดสูง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความซ่านเสียวสะใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกไปกับเขามากมายขนาดนี้ และเมื่อเขาเริ่มโยกกายถอดถอนสลับเติมเต็มในจังหวะเชื่องช้า หญิงสาวก็ครางเบาๆอย่างกับลูกแมวน้อย มันเสียวสะท้านก็จริง ทว่าเธอคิดว่ามันอ่อนโยนเกินไป หญิงสาวจึงโยกสะโพกกลับไปด้านหลัง ในจังหวะที่เขาสอดเสยเข้าหาเธอพอดี เสียงเนื้อสะโพกหนั่นแน่นปะทะกับหน้าขาจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างใส่แรงเข้าหากันไม่มีใครยอมใคร แต่คนแรงน้อยกว่าสูญเสียอธิปไตยในน่านน้ำตัวเองไปหลายครั้ง กว่าเธอจะรีดรัดคนแข็งแกร่งห้าวหาญจนเขายอมพ่ายแพ้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง “ไปเดินอีท่าไหนให้หกล้มหัวเข่าถลอกแบบนี้คะ” ลำดวนถามคนที่ตนกำลังทำแผลให้ หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตพลอยชมพูตวัดสายตาดุขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหัวเข่าถลอก เขายืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อสบสายตากับเธอ เขาก็ยิ้มบางบนใบหน้า แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งใส่เธอด้วย คนเจ็บตัวเพราะความหื่นปรอทแตกของเขาจึงสะบัดค้อนให้จนคอแทบเคล็ด
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ