“พี่วีอย่าเข้ามานะ” พรรณดาราแหวเสียงดัง เพราะกลัวเขาจะทำอะไรเอาแต่ใจอีก
“เอาผ้าห่มมานี่”
“ไม่!”
“ก็บอกให้เอามานี่” กวีก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวดักแด้ขาวอวบ ชายหนุ่มแกะดึงไม่กี่ครั้ง ผ้าห่มผืนใหญ่ก็มาอยู่ในมือ คนร่างเปลือยยืนกอดตัวเอง มองเขาด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ขืนยังยืนอยู่แบบนี้ เดี๋ยวพี่ก็จัดรอบเช้าอีกสักรอบหรอก” กวีบอกยิ้มๆ คนที่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยืนอยู่หน้าห้องน้ำแล้วขึงตาใส่ ก่อนจะรีบผลุบเข้าไปในห้องน้ำ พาเรือนร่างเย้ายวนหลบหนีจากสายตาหื่นกามของเขา
กวีถอนหายใจยาว เขามองประตูห้องน้ำที่เพิ่งปิดลงอย่างมีความสุข ไออุ่นจากเรือนกายนุ่มนิ่มทิ้งร่องรอยไว้บนผ้าห่มที่เขาถืออยู่ กลิ่นหอมของกลิ่นเนื้อสาวที่ติดอยู่แม้เจือจาง แต่ก็ทำให้คนรักหลงเมียอดไม่ได้ที่จะยกมันขึ้นมาดม แล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข
“กินช้าๆก็ได้ พี่ไม่แย่งหรอกน่า” คนอารมณ์ดีนั่งมองเมียกินข้าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข แถมยังเอ่ยแซว และจ้องมองเมียตาหวานเชื่อม
พรรณดาราเงยหน้าขึ้นจากข้าวต้มชามโต มองค้อนคนที่สูบแรงสูบพลังเธอไปจนหมด
“ครับ...แม่พราว...อะไรนะครับ...ครับๆ ผมจะพาหนูพรรณกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยครับ” กวีรีบวางสาย แล้วประคองภรรยาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน“คุณแม่โทรมาหรือคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะเห็นหน้าตาเป็นกังวลของเขา พรรณดาราจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ“ลูกหาย” คำตอบที่ได้ยินทำให้คนเป็นแม่ใจหายวาบ รีบละล่ำละลักถามเสียงสั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอ“หาย! หายได้ยังไง พี่วีพาหนูกลับบ้าน หนูจะไปหาลูก” พรรณดาราสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าตื่นตระหนก กวีรีบโอบกอดประคองภรรยา เอ่ยคำปลอบใจทั้งที่หัวใจแกร่งก็หวาดกลัวไม่ต่างกัน“ลูกไม่เป็นอะไรหรอก พี่พร้อมคงพาน้องพริ้งไปเล่นซนที่ไหนสักแห่งในไร่ เรากลับไปหาลูกกันนะครับ”พรรณดาราพยักหน้ากับอกกว้าง ยอมให้สามีกอดประคองออกจากห้อง แขนเรียวกอดเอวสอบไว้แน่น ก้าวเดินไปพร้อมกับเขาอย่างรวดเร็ว ในห้วงเวลาที่สติไม่อยู่กับตัวและหัวใจหวาดกลัวแบบนี้ เธอต้องการเขาที่สุดระหว่างทางกลับไร่ภูอิงฟ้า พรรณดาราเอาแต่นั่งกระวนกระวาย น้ำตาคลอตลอดเวลา หญิงสาวโทรหามารดาทุกห้านาที คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ยังเหมือนเดิมคือยังไม่เจอลูกทั้งสอง หัวใจคนเป็นแม่แทบจะขาดรอนๆ
กวีก้าวช้าๆไปยังต้นเสียงที่คาดว่าน่าจะอยู่ข้างตู้ใบสุดท้ายที่มีตะกร้าใบใหญ่วางบังอยู่ แม่พราวกับพรรณดารายืนกอดกันมองตามเขาไปตาไม่กะพริบ“ออกมาได้แล้วลูกปลากะพงคำราม” กวีหยุดยืนอยู่หน้าตู้ใบสุดท้าย เขารอให้ลูกๆลุกออกมาเอง“พ่อปลากะพงจงบอกรหัสลับของเรา” เสียงจริงจังของพี่พร้อมดังขึ้น ผู้เป็นพ่อยิ้มทว่าไม่ยอมบอกรหัสลับ“ออกมาได้แล้วครับ คุณแม่รออยู่” กวีบอก เขาหันกลับไปมองสบตากับภรรยา เธอยิ้มตอบเขาอย่างดีใจ“ไม่เอา พ่อปลากะพงคำรามต้องบอกรหัสลับมาก่อนสิค้า ถ้าบอกรหัสลับไม่ได้ ก็แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ลูกปลากะพงคำรามไม่ออกไปหรอก” คราวนี้เป็นเสียงเล็กๆของน้องพริ้งกวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันกลับไปยิ้มแหยๆให้ภรรยากับแม่ยาย ก่อนจะเอ่ยรหัสลับอย่างที่ลูกต้องการ“เอ่อ...คลิปลับสาวมอปลายครับ”“เย้! ป๊ะป๋า” เสียงร้องดีอกดีใจของลูกๆดังขึ้น เด็กๆลุกขึ้นวิ่งออกมาสู่อ้อมกอดบิดา กวีกอดลูกทั้งสอง หอมแก้มรับขวัญด้วยความโล่งใจ ก่อนจะปล่อยให้ลูกวิ่งไปหาภรรยากับแม่ยาย ทั้งสองกอดหอม ลูบหน้าลูบหลังเรียกขวัญเด็กๆซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง ต่อเมื่อพรรณดาราถอนหายใจอ
“ชู่ว์!” น้องพริ้งส่งเสียงพร้อมกับทำปากจู๋ เด็กหญิงยกนิ้วชี้เล็กๆขึ้นแตะริมฝีปาก แล้วเหลือบมองคุณแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล“อย่าเพิ่งตั้งใหม่สิค้า มีคนนอกแก๊งอยู่ในห้องนี้ด้วย”กวีมองตามสายตาลูก เห็นคนนอกแก๊งยืนกอดอกอ้าปากเหวออยู่ก็หัวเราะเบาๆ“งั้นให้คุณแม่เข้าแก๊งด้วยดีไหมครับ” เขาบอกลูกๆ ขณะที่สายตาหวานเชื่อมมองภรรยาพอป๊ะป๋าเสนอให้คุณแม่เข้าแก๊ง พี่พร้อมน้องพริ้งก็มองหน้ากัน ใบหน้าเล็กๆน่ารักต่างครุ่นคิดราวกับว่านี่เป็นวาระแห่งชาติ“เราต้องประชุมกันก่อนนะครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมเสนอ“ใช่ค่ะเราต้องประชุมกันก่อนนะคะ” น้องพริ้งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับผู้เป็นพี่“เอ้า! ประชุมก็ประชุมครับ”เมื่อตกลงกันว่าจะประชุม กวีก็ปล่อยลูกๆลงยืนบนพื้นห้อง ส่วนเขานั่งคุกเข่าลงบนพื้น แล้วกอดคอกันเป็นวงกลม สามพ่อลูกเอาศีรษะชนกัน พูดคุยซุบซิบเสียงเบา ปล่อยให้คนนอกแก๊งยืนมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าคุณพ่อคุณลูกคุยอะไรกันครู่เดียวหลังจากที่ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ พี่พร้อมกับน้องพริ้งก็วิ่งเข้ามาจับมือคุณแม่คนละข้าง ดึงเบาๆเดินเข้าไปหาหัวหน้าแก๊ง
“รู้แล้วค่ะ” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง หญิงสาวหันไปมองลูกทั้งสอง จึงได้รับแรงสนับสนุนเป็นรอยยิ้มและการพยักหน้าหงึกๆ ส่งสัญญาณบอกเธอว่าให้ทำตามที่ป๊ะป๋าต้องการ พรรณดาราขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ทำปากจู๋รอเธออยู่แล้วจุ๊บ...พี่พร้อมน้องพริ้งปรบมือดีใจกันใหญ่ที่เห็นคุณแม่จุ๊บป๊ะป๋า คนถูกจุ๊บยิ้มกรุ้มกริ่ม สุขเต็มหัวใจ ทว่าคนที่ต้องจุ๊บสามีแบบจำใจมองค้อนแล้วค้อนอีกอย่างหมั่นไส้“พี่พร้อมน้องพริ้งไปกินของว่างกันเถอะลูก” แม่พราวเดินเข้ามาเรียกหลาน พอเห็นลูกสาวอยู่ในวงแขนลูกเขยก็อมยิ้ม“เอ่อ...พี่วีปล่อยหนูได้แล้ว” พรรณดาราอายสายตาผู้เป็นแม่ หญิงสาวรีบดันอกกว้าง ดิ้นขยุกขยิก“แม่พราวครับผมฝากพี่พร้อมกับน้องพริ้งด้วยนะครับ ผมขออนุญาตคุยกับหนูพรรณสักครู่” กวีบอกแม่ยาย เขาไม่ยอมปล่อยภรรยาออกจากวงแขน“แต่หนูไม่มีอะไรจะคุยด้วย” พรรณดาราว่าเสียงแข็ง“คุยกับพี่เขาก่อน พูดคุยกันดีๆ รับฟังเหตุผล สงสัยอะไรก็ถามกันไปตรงๆ” แม่พราวบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงติดดุเล็กน้อย มีอย่างที่ไหนจะเอาแต่วิ่งหนี ไม่ยอมพูดคุยกันแล้วเมื่อไรจะเข้าใจกันสักที
...“พี่วีกับยายมยุรีนั่นมีอะไรกันหรือยังคะ” เมื่อเขาเปิดโอกาสให้ถาม เธอก็ถามแบบไม่ถนอมน้ำใจ สองปีที่ผ่านมา มันเลยจุดที่จะพูดอ้อมค้อมเพื่อให้คำถามฟังดูดีแล้ว“ไม่! ไม่เคยมี และไม่เคยคิดจะมี” คำตอบหนักแน่นของเขาทำให้เธอใจชื้นมาเป็นกอง ทว่าทั้งรูปภาพและคำบอกเล่าจากผู้หวังดีที่ไม่ประสงค์ออกนามหลายคนทำให้เธอไม่เชื่อเขาเต็มหัวใจเท่าไรนัก“มยุรีต้องการรวบกิจการร้านทั้งหมดไว้ในมือคนเดียว โดยใช้วิธีการสกปรก ที่ไอ้ห่าพลมันขายให้พี่เพราะมันต้องการให้พี่มาจัดการเขี่ยยายนี่ออกจากร้านให้”“แล้วทำไมพี่พลไม่จัดการเอง ทำไมต้องให้พี่วีช่วย” แม้จะอยากเชื่อ แต่ก็ยังรู้สึกขัดใจ“ไอ้พลมันก็มีปัญหากับเมีย เหมือนกับที่เรามีปัญหากันนี่แหละ แม่นั่นใช้วิธีสกปรกปล่อยภาพตัดต่อ ปล่อยคลิปเสียง สร้างเรื่องว่ามีอะไรกับมัน ทำลายครอบครัวมัน มันเลยจำเป็นต้องพาลูกเมียออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น เพื่อรอเวลากลับมา”“แล้วพี่วีคนดีก็เลยกระโดดเข้าไปช่วยเหลือเพื่อน ปล่อยให้เมียหอบลูกหนีกลับบ้าน โดยไม่ตามมาอธิบายข้อเท็จจริง ไม่มาดูดำดูดีตั้งสองปี”
“แต่พี่จะหอม”“ไม่ให้หอม”“อย่าดื้อสิ เป็นแค่ลูกกระจ๊อก อย่าริอ่านขัดขืนหัวหน้าแก๊ง”“แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ”“ลงโทษคุณแม่เลยครับป๊ะป๋า” พี่พร้อมบอก เมื่อเห็นป๊ะป๋ากับคุณแม่เอาแต่กระซิบคุยกันงึมงำๆ“น้องพริ้งรอนานแล้วนะค้า ง่วงแล้วด้วยค่ะ คุณแม่ยอมให้ป๊ะป๋าลงโทษสักทีสิค้า เวลาพวกเราทำผิดป๊ะป๋าก็ลงโทษแบบนี้เหมือนกันค่ะ” พูดจบน้องพริ้งก็ใช้สองมือปิดปากขณะอ้าปากหาว ดวงตาปรือ เพราะง่วงนอนจริงๆ“เห็นไหมว่าลูกง่วงแล้ว เด็กๆนอนดึกไม่ดีนะ มามะ...มาให้พี่หอมแก้มซะดีๆ”พรรณดาราหันไปยิ้มแหยให้ลูกทั้งสอง ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่ทำปากจู๋เตรียมพร้อมจะหอมแก้มตน“กี่ครั้งคะ” หญิงสาวถามเสียงขุ่น“จนกว่าพี่จะพอใจ”“ขี้โกง” ต่อว่าเขาได้เพียงเท่านั้น คนขี้โกงก็ระดมทั้งหอมทั้งจุ๊บไปบนดวงหน้าเนียน เสียงลูกๆปรบมือร้องเชียร์กันสนุกสนาน พรรณดาราจึงได้แต่ทอดถอนใจ ยอมให้คนลงโทษค้ากำไรกับแก้มนวลจนหนำใจ“เอาล่ะค่ะ ทีนี้ก็กลับไปนอนกันได้แล้วนะคะ” พอเป็นอิสระจากวงแขนแข็งแรง คุณแม่ลูกสองก็หันมาชวนลูกๆกลับไปนอนที่บ้านหลังใหญ่ ทว่าทั้งพี่
“พี่วี!” พรรณดาราตามตะปบมือที่ดึงรั้งเสื้อคลุมออกจากร่างตัวเอง ทว่าเธอก็ไม่อาจสู้แรงเขาได้ ในที่สุดเสื้อคลุมของเธอก็ถูกเขาถอดโยนทิ้งลงบนพื้นระเบียงจนได้“ทีนี้ก็ไม่รุ่มร่ามแล้ว” กวีจับบ่าบอบบาง ดันร่างสาวออกห่างเพียงนิด แล้วกวาดสายตาโลมเลียอย่างไม่ปิดบัง แสงจันทร์ว่านวลสวยแล้ว แต่ยังไม่เทียมเท่าเมียรักในชุดนอนสายเดี่ยวสีครีม แม้ความยาวจะคลุมถึงหัวเข่า แต่เพราะผ้าบางเบาเนื้อนุ่มทำให้มองเห็นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน“หยุดมองได้แล้ว จะพูดอะไรก็พูดมาสักที หนูหนาวนะ” แก้มสาวร้อนผ่าว เมื่อถูกตาคมปลาบจับจ้องราวกับจะมองให้ทะลุชุดนอนที่สวมอยู่ เธออุตส่าห์สวมชุดคลุมรัดกุมแล้ว เพราะรู้ว่าเขาจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังหน้าด้านหน้ามึนมาถอดมันออกจนได้“หนาวเหรอครับ มามะพี่จะกอดให้หายหนาว” กวีดึงร่างนุ่มมากอดแนบอก เขารัดรั้งเธอไว้แนบแน่น กดจูบเรือนผมหอมกรุ่นหนักๆซ้ำๆ“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ” กวีกระซิบเสียงพร่า มือไม้เริ่มลูบไล้ร่างงามไปทั่ว“พี่ไม่เคยมีคนอื่น พี่มีหนูคนเดียว สองปีที่ผ่านมางานยุ่งมาก มีเรื่องวุ่นวายเยอะแยะ พี่อย
พรรณดาราขยุ้มเส้นผมดกหนาเต็มสองมือ หญิงสาวแหงนเงยหน้า ขบกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น กันเสียงดังน่าอายเล็ดลอดออกมา เพราะกลัวว่าลูกน้อยจะได้ยินเสียงแล้วตกใจตื่น กระนั้นการรุกรานจากปลายลิ้นสากแบบไม่มีเว้นวรรคให้พักหายใจของสามีก็ทำให้เธอเผลอหลุดครางเสียงพร่าผะแผ่วออกมาเป็นบางครั้งจนได้“พี่วี...อา...” พรรณดาราเด้งสะโพกเข้าหาปากร้อน ปลายทางสุขสมเข้ามาใกล้ทุกขณะ ใกล้จนเธอต้องเร่งเร้าเขาด้วยการจับศีรษะสามีขยับโยกในจังหวะที่ต้องการ ยิ่งเขารุกรานด้วยการประกบดูดเนินเนื้อเต็มคำ พร้อมกับเกร็งปลายลิ้นแล้วสอดแทงกลางร่องรักระรัว พรรณดาราก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง หญิงสาวปล่อยตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสเร่งเร้า วาบหวาม วูบไหวในช่องท้อง จนต้องเกร็งแขม่วแล้วคลายอยู่หลายครั้ง กลีบเนื้อนุ่มไหวระริก เบ่งบาน หญิงสาวห่อปาก หอบหายใจหนัก เมื่อความสุขสมซ่านกระสันถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง ไม่นานเธอก็ระเบิดพร่าง หวีดร้องออกมาเบาๆ สะโพกอวบแอ่นเกร็งค้าง มือบางกดศีรษะเขาให้ซุกซบแนบสนิทอยู่กลางเรือนกาย พรรณดาราปรนเปรอคนที่จัดการส่งเธอไปแตะเส้นวิมานด้วยการพร่างพรมหยาดน้ำหวานให้เขาได้ลิ้มรสจนอิ่มเอมหลังจากจัดการกับน
“เป็นธรรมดาที่คนสวยอย่างติ๊บจะมีคนมาชอบค่ะ” ตอบแล้วเธอก็เดินกลับไปที่ซิงค์ล้างจาน ลงมือล้างโดยไม่หันมาสนใจคนมีปัญหาคาใจกับแขกที่เข้าพักอีก พบรักรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นพล่านอยู่บนหัว เธอรู้ว่าไอ้หมอนั่นชอบ แล้วเธอล่ะชอบมันไหม “แล้วติ๊บชอบมันไหม มันหน้าตาดีนะ” พลอยชมพูสะดุ้งตกใจเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาประชิดด้านหลัง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นไม่พอใจ “ไม่ค่ะ เฉยๆ ก็บอกแล้วว่าติ๊บทั้งสวยทั้งน่ารัก ก็ต้องมีผู้ชายมาชอบเยอะสิคะ แต่ภูมิต้านทานเรื่องผู้ชายติ๊บสูงค่ะ เพราะที่บ้านมีแต่ผู้ชายหน้าตาดี พ่อติ๊บก็หล่อ ยิ่งพี่ต่ายนี่หล่อแบบ...” พลอยชมพูเงยขึ้นมองหน้าคนที่ยืนหน้าเคร่งอยู่เบื้องหลังตัวเองสายตาครุ่นคิดา “อืม...พี่ต่ายนี่หล่อแบบเอาคุณพบสักสิบคนมามัดรวมกันก็ยังหล่อไม่เท่าพี่ต่ายเลยค่ะ” หัวคิ้วเข้มย่นแทบจะชนกัน เมื่อถูกสาวเปรียบเทียบความหล่อของตนกับพี่ชายของเธอแบบไม่ไว้หน้ากันเลย พบรักขยับตัวเข้าใกล้ ใช้แขนสองข้างกักกันเธอไว้กับเค
พลอยชมพูกะพริบตาปริบๆ รีบลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่าง พอหญิงสาวเปิดม่านออกก็มองเห็นเขายืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างล่าง เธอปิดม่านแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกลางวันแค่เธอคุยกับเขานิดเดียว แถมยังมีผู้คนอยู่ด้วยตั้งมากมาย พบรักยังจับเธอไปลงโทษด้วยบทรักเร่าร้อนท้าแสงแดด นี่ถ้ามาเห็นเธอคุยกับเขาที่หน้าบ้าน เธอจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ยแต่สุดท้ายแล้วพลอยชมพูก็ต้องลงไปคุยกับเพื่อนชายที่ซุ้มไม้หน้าบ้าน เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นผู้ฟัง ไม่ซักไม่ถาม วิศรุตถามคำเธอก็ตอบคำ หวังว่าเขาจะเบื่อแล้วกลับห้องพักไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมา แต่อีตานี่ก็หน้าด้านหน้าทนกว่าที่คิด ขุดเรื่องตั้งแต่สมัยปีมะโว้มาคุยกับเธอได้เป็นคุ้งเป็นแคว แหม...รู้สึกคิดถูกมากๆที่ไม่สนใจเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาจีบใหม่ๆ เพราะไม่งั้นเธออาจจะเบื่อตายไปเลยก็ได้ เธอไม่ชอบผู้ชายพูดมาก เพราะลำพังตัวเธอเองก็พูดมากอยู่แล้ว เธอชอบคนที่พร้อมจะฟังมากกว่า เหมือนคุณพบนั่นไง พอคิดถึงคนที่ฟังเธอเสียเป็นส่วนมาก เขาก็โผล่มาพอดีพบรักจอดรถกอล์ฟที่หน้าบ้าน แล้วเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาเธอกับวิศรุตที่ซุ้มไม้“ที่นี่เป็นที่พักส่วนตัวของผม ไม่
“เดือนนี้ไม่หักแล้ว จะให้เพิ่มด้วย” พบรักบอกยิ้มๆ“ให้เพิ่มทำไม ติ๊บไม่ได้ทำงานอะไรเพิ่มสักหน่อย” คนไม่อยากเอาเปรียบนายจ้างปฏิเสธไม่รับเงินค่าจ้างเพิ่มโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเพิ่มพบรักถอนหายใจบางเบา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งเก้าอี้ข้างหญิงสาว ดูเหมือนเธอจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์เร่าร้อนที่เขาและเธอเพิ่งทำกันไปเมื่อครู่ใหญ่“กระติ๊บ” พบรักจับมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ เขามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาดุ ไม่พอใจที่เธอไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย ทั้งๆที่เขาอยากให้เธอเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ทั้งตัว หัวใจ เงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ เขาพร้อมจะยกให้เธอทั้งหมด“อะ...อะไรคะ” พลอยชมพูเอนตัวหลบคนที่อยู่ดีๆก็เดินมาจับมือถือแขนเธอ ที่จริงเธอก็ไม่ควรตกใจอะไรหรอก เพราะมากกว่ามือเขาก็จับมาแล้ว แต่บอกตรงๆว่าเธอยังไม่ชิน ถึงจะไม่ได้รังเกียจเขา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะชอบที่เขาเข้ามาใกล้ชิดแบบนี้ เพราะมันทำให้หัวใจเธอสั่น“คุณไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากผมหน่อยหรือ”พลอยชมพูมองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนระบายยิ้มหวานสดใสให้เขา“แล้วคุณพบอยากใ
พลอยชมพูหลับตา แหงนเงยหน้าเชิดสูง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความซ่านเสียวสะใจ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกไปกับเขามากมายขนาดนี้ และเมื่อเขาเริ่มโยกกายถอดถอนสลับเติมเต็มในจังหวะเชื่องช้า หญิงสาวก็ครางเบาๆอย่างกับลูกแมวน้อย มันเสียวสะท้านก็จริง ทว่าเธอคิดว่ามันอ่อนโยนเกินไป หญิงสาวจึงโยกสะโพกกลับไปด้านหลัง ในจังหวะที่เขาสอดเสยเข้าหาเธอพอดี เสียงเนื้อสะโพกหนั่นแน่นปะทะกับหน้าขาจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างใส่แรงเข้าหากันไม่มีใครยอมใคร แต่คนแรงน้อยกว่าสูญเสียอธิปไตยในน่านน้ำตัวเองไปหลายครั้ง กว่าเธอจะรีดรัดคนแข็งแกร่งห้าวหาญจนเขายอมพ่ายแพ้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง “ไปเดินอีท่าไหนให้หกล้มหัวเข่าถลอกแบบนี้คะ” ลำดวนถามคนที่ตนกำลังทำแผลให้ หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตพลอยชมพูตวัดสายตาดุขึ้นมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหัวเข่าถลอก เขายืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อสบสายตากับเธอ เขาก็ยิ้มบางบนใบหน้า แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งใส่เธอด้วย คนเจ็บตัวเพราะความหื่นปรอทแตกของเขาจึงสะบัดค้อนให้จนคอแทบเคล็ด
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ