"มองอะไรเหรอจ๊ะแม่อลิส.. อุ๊ยๆ ฉันลืมไปว่าตอนนี้ปีนป่ายขึ้นจนเป็นว่าที่หัวหน้าแล้ว"
ที่จริงอลิสก็ไม่ได้อยากมองหรอกพอเดินผ่านเห็นอีกฝ่ายจ้องมาเธอเลยมองกลับ แต่พอถูกหาเรื่องอลิสเลยทำเป็นไม่สนใจ
"วัวลืมตีน" ประโยคนี้น้ำตาลพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ "อุ้ยสวัสดีค่ะ" พอมองไปอีกทางหนึ่งก็เห็นคนที่ตัวเองอยากทำความรู้จัก เพราะตอนนี้ข่าวหัวหน้าที่มารับตำแหน่งเป็นที่พูดถึงกันมาก แต่ก็ได้ยินมาอีกว่าต้องชิงตำแหน่งกับอลิสให้ได้ก่อนถึงจะได้เป็นหัวหน้า
อลิสได้ยินเสียงน้ำตาลทักใครไม่รู้เลยหันกลับไปมอง
"คุณใช่หัวหน้าคนใหม่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ" รินรดาเห็นว่ามีคนทักเลยส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้าไปคุยด้วย
"ฉันชื่อน้ำตาลค่ะ เป็นคนดูแลโต๊ะทั้งหมดที่นี่"
"ดูแลโต๊ะเหรอคะ" รินรดาก็แปลกใจมีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะตำแหน่งนี้น่าจะเป็นตำแหน่งของหัวหน้า
"ใช่ค่ะก็ไม่แตกต่างจากหัวหน้ามากนักหรอกค่ะ คือเด็กที่นี่เชื่อฟังฉัน เพราะฉันเป็นคนดูแลพวกเขาค่ะ"
"อ๋อแบบนั้นเองหรือคะ ฉันชื่อรินรดาค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
"คุณหัวหน้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ ฉันเองต่างหากที่ต้องฝากเนื้อฝากตัว"
"ฉันยังไม่ได้เป็นหัวหน้าหรอกค่ะแค่ฝึกงาน ไม่แน่ใจว่าจะได้เป็นหัวหน้าไหม"
"ได้เป็นสิคะ ฉันจะช่วยคุณเอง"
"คุณจะช่วยฉันหรือคะ?"
"คุณอย่าลืมสิคะว่าพนักงานที่นี่เชื่อฟังฉัน"
"แล้วทำไมคุณถึงไม่เป็นหัวหน้าเองล่ะคะ" รินรดาถามแบบสงสัย เพราะถ้ามีคนจัดการพนักงานที่นี่ได้แล้วทำไมไม่ให้เป็นหัวหน้าเลยล่ะ
"ถ้าไม่มีใครบางคนคอยขัดขาขัดแข้งป่านนี้ฉันคงได้เป็นหัวหน้าแล้วค่ะ" น้ำตาลตีหน้าเศร้าพลางปรายตามองไปทางอลิสที่กำลังยืนดูงานอยู่
"คุณสองคนไม่ค่อยถูกกันเหรอคะ"
"ฉันไม่อยากทะเลาะกับใครหรอกค่ะ แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่อยากจะคุยกับฉันเลย คงเพราะเป็นเด็กเส้น"
"เด็กเส้น?"
"ไม่ต้องพูดคุณก็รู้มั้งคะว่าเส้นใหญ่แค่ไหน"
อ๋อเป็นแบบนี้นี่เองคนที่ชื่อน้ำตาลถึงไม่ได้เป็นหัวหน้า เพราะอลิสเป็นเด็กของหุ้นส่วนอีกคนนี่เอง
อลิสหันกลับไปมองอีกครั้งก็เห็นว่าน้ำตาลยังคุยกับหัวหน้าใหม่อยู่ แถมตอนนี้ดูเหมือนสนิทสนมกันแล้วด้วย
"ฉันอยากรู้เรื่องระบบของการทำงานที่นี่ค่ะ"
"คุณรดาอยากรู้เรื่องอะไรถามน้ำตาลมาได้ทุกอย่างเลยค่ะ"
"ฉันอยากรู้ว่าที่นี่จัดโซนกันยังไงคะ"
"ก็แบบที่คุณรดาเห็นนั่นแหละค่ะ พนักงานสองคนจะดูแลสองโต๊ะช่วยกัน"
"สองคนดูแลสองโต๊ะ? แล้วทำไมไม่ดูแลคนละโต๊ะไปเลยล่ะคะ"
"เผื่อว่าอีกคนไม่อยู่ค่ะ คนที่ดูแลร่วมกันจะได้ดูแลแทนอีกคนค่ะ"
"อ๋อแบบนี้เองเหรอคะ"
"คุณดูเข้าใจอะไรง่ายจังเลยนะคะ"
"ฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะ ที่นี่ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือกันหรือคะ"
"ยังไงคะ"
"ก็ถ้าคนหนึ่งไปเข้าห้องน้ำหรือไปทำธุระส่วนตัว สามารถฝากเพื่อนดูแลแทนได้"
"ทุกคนต่างก็อยากทำยอดค่ะ"
"อยากทำยอดก็ส่วนหนึ่ง น้ำใจในการทำงานก็อีกส่วนหนึ่ง" รินรดารู้แล้วว่าจะจัดการยังไงกับงานแรกของเธอ "ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
หลังจากที่รินรดาเดินไปแล้วน้ำตาลก็เบะปากมองบน คงคิดว่าตัวเองเก่งนักหนาสิท่า
"เป็นยังไงบ้างพี่น้ำตาล" เพื่อนของน้ำตาลที่รอเผือกอยู่ก็รีบเข้ามาถาม
"จะเป็นยังไงล่ะ ก็งั้นๆ แหละ ทำงานสู้ฉันก็ไม่ได้"
ข้าวปุ้นที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ก็ไม่ชอบใจมากที่พนักงานใหม่เข้าไปคุยกับน้ำตาล เพราะใครก็รู้ว่าแม่นี่แพรวพราวมาก แต่ก็ต้องให้อลิสเอาตัวรอดเองเพราะช่วยมาถึงขนาดนี้แล้ว
จนถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็ทยอยกลับบ้าน
"คุณหนูยังไม่กลับอีกเหรอคะ แล้วนี่คุณหนูมองอะไรอยู่คะ"
"เธอเห็นรถคันนั้นไหม"
"คันไหนคะ"
"คันที่วิ่งออกไป"
"รถหรูขนาดนั้นคงเป็นของลูกค้ามั้งคะ"
"ไม่ใช่หรอก คนที่ขับคือพนักงานใหม่"
"อะไรนะคะ?"
และนี่มันก็ยิ่งเป็นการยืนยันสิ่งที่ทรงอัปสรคิดอยู่ ผู้หญิงที่ชื่อรินรดาคงเป็นเด็กของไอ้มาเฟียนั่นแน่
[คอนโด]
กลับมาถึงคอนโดทรงอัปสรก็มองไปรอบๆ เผื่อว่าพวกนั้นจะออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนขึ้นลิฟต์เธอก็ต้องระวัง จนประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็ยังคงระวังตัว แต่โชคดีที่รอบข้างเงียบสงัด
ก่อนหน้าเธอไม่ต้องระวังตัวแบบนี้ หรือจะหาที่อยู่ใหม่ดี แต่ที่พักใกล้ๆ ก็หายาก ถ้าไม่งั้นเธอคงไม่มาพักคอนโดพี่ชายหรอก
เข้าในห้องได้ทรงอัปสรถึงรู้สึกปลอดภัย จะบาปไหมเนี่ยที่แอบบนบานให้ไอ้เลวนั่นนอนโรงพยาบาลนานๆ
บ่ายคล้อยของวันนั้น..
นอนหลับยาวเลยมาตื่นอีกทีก็ตอนที่รู้สึกหิวข้าว ถ้าเป็นโรคกระเพาะคงไม่แปลกหรอกกินข้าวไม่เป็นเวลาเอาสะเลย
หญิงสาวตื่นมาแล้วก็ไปเปิดตู้เย็นดูว่าพอจะมีอะไรให้ทำทานบ้าง พอเปิดแล้วก็เซ็งๆ การใช้ชีวิตคนเดียวมันน่าเบื่อจริงๆ นะ แต่ถ้าหาผู้ชายดีๆ มาเป็นคู่ครองไม่ได้เธอขออยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่า
ทรงอัปสรกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเตรียมออกไปทำงานเลย คิดว่าจะไปหาอะไรทานระหว่างทางไปทำงานดีกว่า
แกร็ก.. จังหวะที่เปิดประตูก็นึกถึงคำพูดของข้าวปุ้นได้ เธอเลยค่อยๆ แง้มประตูออกไปก่อน และมันก็ทำให้ทรงอัปสรตกใจจนรีบปิดประตู
กึก! พอเสียงประตูห้องข้างๆ ปิดลงคนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องนี้ก็หันไปมอง
แต่เขาก็มองเพียงแค่ครู่แล้วก็หันมาเปิดประตูห้องของตัวเอง พอเข้ามาในห้องได้ดวงตาที่ทำเป็นไม่รู้อะไรอยู่เมื่อครู่ก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา..
ขุนราม [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 97 ตอนจบเธอไม่รู้หรอกว่าท่านให้มาบริษัททำไม แต่รินรดาก็แต่งตัวเรียบร้อยให้ดูเป็นหน้าเป็นตาของสามีตอนที่เขาพาเธอเดินเข้ามาพนักงานต่างก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"เข้ามาด้วยกันสิคะ" หญิงสาวเห็นว่าพนักงานยืนรอลิฟต์กันหลายคน พอเธอกับสามีเดินเข้ามาพนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาด้วย"เอ่อ..""เข้ามาสิ" จริงๆ ตอนที่เขาใช้ลิฟต์ไม่มีใครกล้าใช้ด้วย แต่พอท่านรองประธานอนุญาตให้เข้าพนักงานก็เข้าไปแต่ก็เข้าไม่กี่คนรินรดาขยับให้พนักงานยืนกันจนหลังเธอพิงเข้ากับร่างของขุนราม เขาเลยเอื้อมมือมาโอบเอวเธอไว้ พนักงานไม่ได้หันไปมองหรอกแต่มองผ่านผนังของลิฟต์ที่เป็นกระจก เห็นภาพนั้นแล้วต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กันจนลิฟต์มาเปิดที่ชั้นผู้บริหาร ส่วนพนักงานออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว"ไปห้องทำงานผมก่อน" เขาคิดว่าห้องประชุมคงยังไม่เรียบร้อย ค่อยพาเธอไปทีหลังแล้วกันแต่พอเข้ามาในห้องทำงานไม่นานเลขาก็มาตามให้เข้าห้องประชุมห้องประชุมใหญ่ของบริษัทณโยดม.."มานั่งนี่สิ" รัตติกาลที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนสามีที่เสียไป เรียกให้ลูกชายมานั่งประจำที่ของนาง"ครับ?" ทุกครั้งที่เขาจะนั่งตรงนั้นก็ตอนท
คืนนั้นที่บ้านณโยดม..ก๊อกๆ "ที่รักครับ เปิดประตูให้ผัวหน่อย""คุณไปนอนห้องอื่นเลยค่ะฉันจะนอนกับลูก""คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" ชายหนุ่มไม่ได้พูดเสียงดังเพราะกลัวแม่จะได้ยินว่าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องด้วย"ถ้าคุณยังพูดอยู่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็ตื่น" ขุนเขาเข้ามารอแม่ตั้งแต่เล่นกับคุณย่าเสร็จแล้ว จนตอนนี้แกนอนหลับรออยู่ในห้อง พี่เลี้ยงที่ดูแลก็ออกไปตอนที่เห็นคุณผู้หญิงกลับมา พอเข้ามาในห้องเธอก็จัดการล็อกห้องไม่ให้เขาตามเข้ามาได้"ไหนเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไง เปิดประตูให้ผมหน่อยนะ""รู้เรื่องแค่คุณน่ะสิคะ จำไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ตอนที่รู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนยาคุมกำเนิดเป็นยาบำรุงให้กับทรงอัปสรเธอก็รู้สึกโมโหมากพออยู่แล้ว พอมาเจอกับตัวยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวเขามากมายแต่เธอต้องดัดนิสัยเขาบ้าง จะได้ไม่มีความคิดแผลงๆ แบบนี้อีก"คุณเมียครับ พรุ่งนี้ผัวต้องไปทำงาน""ก็ไปนอนห้องอื่นสิคะ" ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร เพราะเขาต้องรับผิดชอบบริษัทที่ใหญ่โต ผ่านไปสักพักรินรดาก็รู้สึกว่าด้านนอกเงียบไปแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดประตูดู "อุ้ยคุณ"เธอประเมินความอดทนของเขาต่ำไป เขารู้ว่าถ้าเงียบเธอต้องม
"ดูเหมือนคุณจะตกใจจังเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า""ปะเปล่าา ผมจะมีอะไรล่ะก็นั่นน้องสาวผม""ไม่มีอะไรแน่นะคะ" เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ แถมสายตาที่มองเพื่อนดูมีพิรุธมันต้องมีอะไรแน่"อีกสามวันก็เป็นวันเกิดหุ้นส่วนอีกคนแล้ว" นเรศวรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่งั้นเขาคงถูกจับได้แน่ว่ามีส่วนร่วมแต่มีหรือที่ทรงอัปสรจะปล่อยไป เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ฉับพลันนั้นทรงอัปสรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าใหม่ แสดงว่าเจ้าสิ่งนั้นมันยังคงอยู่ในกระเป๋า"อยู่ไหนนะ""คุณอัปสรหาอะไรเหรอคะ""ลิปสติกน่ะสิคะว่าจะเติมสักหน่อย" เธอแสร้งทำเป็นค้นหาของในกระเป๋าแต่ระหว่างนั้นคนในห้องก็คุยเรื่องวันเกิดของหุ้นส่วนอีกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น"ปีนี้มันจะจัดวันเกิดเหรอ" พวกเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนักนอกจากครอบครัวจะเป็นคนจัดให้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวก็ชวนเพื่อนมาดื่มกินที่บ้านหรือไม่ก็นัดกันที่ร้านอาหาร"มันบอกว่าจะมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ""จะปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ""ไม่ได้ปิดแต่มันบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการคืนนั้นมันจะเป็นคนเลี้ยงเอง""ไอเดียเจ๋งนี่""
"ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ" หญิงสาวตามเขาขึ้นมาข้างบน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานเลยด้วยซ้ำเธอก็อดถามเรื่องนี้ไม่ได้"สวัสดีค่ะท่านรอง" แต่ก่อนที่เขาจะตอบเธอก็ได้ยินเสียงนี้ก่อน"?" ทั้งสองที่เดินตามกันมาหยุดแล้วก็มองคนที่กล่าวสวัสดีเมื่อครู่ ก่อนที่ขุนรามจะหันไปมองดูสายตารินรดา "คุณเป็นใคร""ชะเอมเป็นเลขาคนใหม่ที่มาแทนคุณเอวาค่ะ""เธอไปทำงานแผนกอื่น เปลี่ยนเลขาคนใหม่มา""แต่ชะเอมสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วนะคะ""ตกลงใครเป็นเจ้าของบริษัท""เอ่อ.."เขาไม่รอฟังคำอธิบายก็พาเธอเข้าไปในห้องทำงานก่อน"คุณยังไม่บอกฉันเลย""ผมไม่ได้หาเลขาเองเลยไม่รู้ว่าเขาส่งใครมา""ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้""อ้าวแล้วคุณหมายถึงอะไรล่ะ""เรื่องที่คุณบอกว่าเลขาคนเก่าอยู่โรงพักไงคะ""ไม่ใช่แค่เลขาคนเก่าหรอกที่อยู่โรงพัก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นตอนนี้อยู่โรงพักทั้งหมด""อะไรนะคะ คุณส่งพวกนั้นให้กับตำรวจเหรอคะ""ข้อหาพยายามฆ่า""พยายามฆ่า?""ใช่ ผมแจ้งความจับทั้งหมดเลย ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อีก""อย่าบอกนะคะว่าที่คุณรับสมัครพนักงานใหม่?""อืม" ชายหนุ่มตอบเธอไปโดยการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ สายตามองดูผู้หญิ
"อื้อ" สะโพกงามเด้งรับเรียวลิ้นที่ตวัดเลียวนอยู่กึ่งกลางร่อง "อ่ะอ่ะอ่ะมะไม่ไหวแล้วค่ะ"ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางมันก็ยิ่งทำให้เขาเร่งความเร็วที่กำลังทำอยู่ เพราะเขาต้องการเห็นเธอเสร็จก่อนโดยที่ยังไม่สอดใส่และเขาก็ทำได้สำเร็จ ชายหนุ่มค่อยๆ ชักนิ้วออกมาก่อนจะขยี้นิ้วให้เธอเห็นว่าเขาเก่งไหมที่ทำให้เธอหลั่งได้โดยที่ยังไม่เจอไม้เด็ด"ทำบ้าอะไรของคุณ""แต่ก่อนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ยังจำได้อยู่เหรอ นึกว่าจำแต่เรื่องผู้หญิงคนอื่นได้""ผู้หญิงคนอื่นที่ไหนไม่มีหรอก" ขณะที่เอ่ยร่างหนาก็ขยับขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือเล็กมาโอบอุ้มความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอวัดขนาด และในเวลาเดียวกันเขาก็จับมือเธอรูดชักขึ้นและลง"พูดเหมือนฉันจะเชื่อ"ใบหน้าหล่อคมเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็รีบซ่อนอาการนั้นไว้"ปล่อยนะ!" ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เก็บร่างกายตัวเองไว้ใช้แค่กับเธอ แต่ก็อยากได้ยินเขาพูดอะไรออกมาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก"จะจบเกมคนเดียวได้ยังไง แบบนี้ผมก็เคว้งคว้างน่ะสิ""คุณก็ไปปล่อยกับผู้หญิงพวกนั้นสิ""หึงผัวเหรอ""อึบ!" รินรดากัดฟันใช้แรงที่อุ้งมือ"ซี๊ดดดอ๊อยย ถ้ามันขาดจะมีใช้ไหม" ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง"ไม่มีก็ไม่ใ
"ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ ข้อหาพยายามฆ่ามันไม่รุนแรงเกินไปเหรอคะ" เอวาก็เป็นลูกของผู้มีฐานะท่านหนึ่ง ไม่ยอมเจอข้อหาอะไรแบบนี้ง่ายๆ อยู่แล้ว"รุนแรงเกินไป? เธอจะให้ฉันรอจนเมียกับลูกฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ" ชายหนุ่มหันหน้ามาประชันกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นค่าเลย"แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมรับข้อหานี้" ในขณะที่พูดใบหน้าเอวาก็เชิดขึ้นแบบหยิ่งผยอง"แสดงว่าเธอยอมรับแล้วว่าเป็นตัวบงการ คุณตำรวจได้ยินหรือยังครับ""เชิญคุณเอวาไปที่โรงพักด้วยครับ""ฉันยอมรับตอนไหน! คุณแม่คะช่วยเอวาด้วยค่ะ" เอวาที่ถูกตำรวจพาออกไปตะโกนเข้ามาขอให้แม่ของเขาช่วย "ถึงยังไงเอวาก็ไม่ยอมถูกจับ""และก็เชิญพนักงานทุกท่านขึ้นรถด้วยนะครับ" ตำรวจหันมาบอกพนักงานที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด และรถที่ตำรวจเตรียมมาก็คันใหญ่พอที่จะขนคนพวกนี้ไปได้"พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ เราไม่ได้แตะตัวภรรยาของท่านรองเลยค่ะ" ในคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นว่าคนพวกนี้ทำอะไร แค่มีแต่คำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์"นั่นแหละมันคือข้อหาของพวกเธอ เห็นคนถูกทำร้ายร่างกายทำไมไม่ช่วย แถมยังยืนพูดให้ร้าย" เขาไม่คิดจะปล่อยใครไปง่ายๆ แน่ ยิ่งคนยืนมุงนี่แหละสำคัญเล