โชคดีนะที่เราไหวตัวทัน เมื่อกี้ลืมดูเลยว่ามีลูกน้องมันตามมาด้วยไหม ถ้าพวกนั้นยืนรออยู่หน้าห้องจะทำยังไง ..ทรงอัปสรลองแง้มประตูดูอีกทีว่าข้างนอกยังมีคนอยู่ไหม แต่พอเห็นว่าไม่มีใครเธอก็รีบเปิดประตูแล้วก็รีบเดินผ่านหน้าห้องนั้นไปอย่างไว
ไม่ได้การแล้วถ้าอยู่แบบนี้มีหวังมันรู้แน่ว่าเธออยู่ข้างห้อง กลับไปอยู่บ้านดีไหมเรา ..คิดถึงหน้าเมียใหม่ของพ่อก็เสียอารมณ์อีก ต้องไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้น ต่อหน้าพ่อก็พูดกับเราดีอยู่หรอก พอลับหลังพ่อกลัวว่าเราจะไปแย่งมรดกอยู่นั่นแหละ
หญิงสาวขับรถออกมาก็แวะช้อปปิ้งก่อน เพราะยังเหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมงเลย
ผ่านไปชั่วโมงกว่าเธอก็หิ้วของกลับมาที่รถ นี่ขนาดแวะเดินเล่นนะเนี่ยยังหมดไปเป็นแสน อดมองดูของที่เพิ่งซื้อมาไม่ได้ เงินที่ขายหุ้นไปเธอได้เยอะมากใช้ทั้งชาติไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ถ้าพี่ชายมีครอบครัวก็คงจะดีเธอจะได้ไม่ต้องมารับภาระใช้สมบัติของพี่อยู่แบบนี้ ..คิดบ้าอะไรของเราเนี่ย คนอื่นปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินใช้แต่เรากลับมีเงินใช้แบบฟลุ๊คๆ จากการตายของพี่ เงินที่ได้มาไม่ได้มีแค่การขายหุ้นหรอก ยังรวมถึงประกันชีวิตที่พี่ชายทำไว้ให้เป็นชื่อเธอด้วย
พอคิดแล้วก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ พี่บอกให้กลับมาอยู่บ้านเธอก็ไม่ยอมกลับมา ไม่คิดว่าพี่ชายจะรักเธอขนาดนี้ ขนาดทำประกันชีวิตยังใส่ชื่อน้องสาวไว้ ..ฉันจะไม่ยอมให้พี่ตายฟรีๆ แน่ ฉันต้องทวงความยุติธรรมกลับคืนมาให้พี่ ฉันนี่แหละจะเป็นคนกระชากหน้ากากของมันเอง
แต่เราต้องทำยังไงมันถึงจะยอมบอกว่าเป็นคนวางแผนฆ่าพี่ชายเรา เพราะหลักฐานทุกอย่างชี้ชัดไปว่าพี่ชายประสบอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ..ในหัวแว๊บหนึ่งคิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นมาได้ ถ้าเธอทำให้มันหลงใหลในตัวเธอมากๆ แล้วหลอกถามมันเรื่องนี้มันอาจจะยอมพูดออกมาก็ได้..
แต่ความคิดนั้นก็มลายหายไปอีกเพราะแค่ถูกมันจูบเธอก็ยังรู้สึกขยะแขยงเลย กว่าจะทำให้มันหลงใหลได้จะไม่เสียตัวให้มันเลยเหรอ
ลานจอดรถของคลับ..
"สวัสดีค่ะคุณอัปสร"
"อ้าวอลิสทำไมวันนี้มาทำงานเร็วจัง"
"อลิสพักอยู่ที่พักคนงานนี่เองค่ะ คุณอัปสรสิคะทำไมวันนี้ถึงมาเร็วจัง"
"เผอิญว่าฉันออกมาช้อปปิ้ง" ว่าแล้วทรงอัปสรก็หยิบถุงที่เธอซื้อมาส่งไปให้อลิส
"อะไรคะ"
"ฉันซื้อมาฝาก"
"คุณไม่น่าต้องซื้อมาฝากเลยค่ะ"
"รับไปเถอะ" ผู้ใหญ่ให้ของจะไม่รับก็ไม่ได้อลิสเลยไหว้ก่อนรับของชิ้นนั้นมา
"กระเป๋า?" พอหยิบออกมาดูดวงตาถึงกับเบิกกว้างเพราะยี่ห้อนี้มันแพงมาก
พอเห็นว่ามันเป็นของราคาแพงอลิสก็รีบถือถุงนั้นเดินตามหลังทรงอัปสรไป
"สวัสดีค่ะคุณทรงอัปสร"
"คุณอัปสรคะ" อลิสไม่ได้มองดูว่าใครกำลังคุยกับทรงอัปสรอยู่ พอเดินเข้ามาเธอก็รีบเรียกไว้ก่อน "คุณรดา?"
"สวัสดีจ๊ะอลิส" ตอนที่กล่าวทักทายอลิสสายตารินรดามองดูของในมือ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเป็นอะไรและราคาเท่าไร
"สวัสดีค่ะ"
"อลิสตามฉันเข้ามาในห้องหน่อย" ทรงอัปสรไม่ได้ทักทายรินรดากลับหรอก แกล้งลืมด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกล่าวสวัสดีเธอไปแล้ว
"ค่ะ" อลิสรีบเดินตามทรงอัปสรเข้าไปในห้องทำงาน "คุณอัปสรคะ อลิสขอไม่รับของชิ้นนี้นะคะ"
"ทำไมเหรอถ้าไม่ชอบสีก็สามารถเปลี่ยนได้"
"ไม่ใช่ค่ะมันราคาแพงมาก อลิสคงรับไม่ได้ค่ะ"
"ฉันให้ก็รับไปเถอะ ว่าแต่เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว"
"เอ่อเรื่องงานเหรอคะ.." อยากจะบอกว่ายังคิดอะไรไม่ออกเลยเพราะเธอยังไม่เห็นอะไรที่แตกต่าง ทำงานที่นี่มานานทุกอย่างมันเลยดูลงตัวไปหมด
"ฉันอยากให้เธอตั้งใจทำงานมากกว่านี้ชิงตำแหน่งหัวหน้ามาให้ได้ เธอจะทำเพื่อฉันได้ไหม"
ใบหน้าของอลิสดูซีดลง เธอเหมือนเป็นความหวังของคุณอัปสรเลย
"ค่ะ"
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินว่าผู้บริหารสูงสุดของที่นี่มาถึงแล้ว แถมเรียกประชุมด้วย
ทุกครั้งการถูกเรียกประชุมแบบนี้อลิสไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครั้งนี้เธอต้องเข้าห้องประชุมด้วยเพราะเธอคือหนึ่งในนั้นที่เขาต้องการอยากจะพบตัว
"มาพร้อมหน้ากันแล้วใช่ไหม"
"ขาดฉันค่ะ" ไม่มีใครไปตามหรอกแต่ก็ได้ยินข้าวปุ้นบอกทรงอัปสรเลยรีบมาที่ห้องประชุม
"ถ้างั้นเราจะเริ่มคุยกันเลยนะ"
ทรงอัปสรแปลกใจสายตาเขาไม่แลมาทางเธอเลย แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมาสนใจอะไรเธอหรอก
"ภาณุ"
"ครับ" ได้ยินผู้เป็นเจ้านายเรียกภาณุก็รีบหยิบเอกสารแจกให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม
"นี่คือโปรเจคแรกของหัวหน้าที่ฉันหามา"
"คะ?" อลิสตกใจมากมาทำงานวันแรกก็มีโปรเจคเลยหรือ
แต่ทรงอัปสรกลับคิดอีกแบบ มันอาจจะเป็นงานที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้า แต่เอางานนั้นมาให้เป็นผลงานของพนักงานใหม่
"คงเห็นเอกสารกันแล้วนะคะ รดาขอชี้แจงเรื่องเอกสารนี้หน่อย เมื่อวานรดาเห็นความบกพร่องของที่นี่ เรื่องโต๊ะที่รองรับลูกค้า"
ทีแรกทรงอัปสรก็ไม่คิดจะสนใจหรอกแต่พอพูดถึงเรื่องโต๊ะรองรับลูกค้าเธอก็รีบเปิดดู เพราะในใจของเธอก็อยากปรับเปลี่ยนจุดนี้เหมือนกัน
"ทำไมเราต้องแบ่งแยกพนักงานให้ดูแลเป็นโต๊ะๆ ไปด้วยล่ะคะ แบบนั้นมันจะทำให้พนักงานไม่สามัคคีกัน"
"แต่พนักงานก็ต้องดูเป็นโต๊ะๆ ไป ถ้าให้เดินดูไปทั่วมันจะสร้างความวุ่นวาย" คนที่เห็นแย้งกลับเป็นนเรศวร จนทรงอัปสรรู้สึกเอ๊ะในใจอีกรอบ เขาน่าจะพูดไปในทางเดียวกันไม่ใช่เหรอ
"เรื่องนี้รดาก็มีคำตอบไว้ให้แล้วค่ะ รดาขอยกตัวอย่างเป็นโรงแรมหรูแล้วกันนะคะ ดูอย่างโรงแรมนี้คนเข้าไปใช้บริการห้องอาหารของเขาเยอะมาก และเขาก็จัดระเบียบพนักงานเป็นอย่างดี" รินรดาเปิดจอมอนิเตอร์เพื่อเป็นการบรรยายให้เห็นภาพด้วย
ทรงอัปสรที่นั่งฟังการบรรยายอยู่อดนึกถึงพิมพ์ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ทำไมการทำงานถึงได้คล้ายพิมพ์นัก ..ไม่ได้นะอัปสร เธอต้องค้านหัวชนฝาสิ
"แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการคัดลอกงานคนอื่นนี่คะ แถมคุณยังถือวิสาสะไปถ่ายคลิปของโรงแรมชื่อดัง.."
จากที่ไม่ได้มองหน้าเธอเลย พอได้ยินคำพูดนั้นนเรศวรถึงได้ปรายตามองไปดู เพราะเธอดูจะอคติกับหัวหน้างานที่เขาหามาเหลือเกิน
"ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่ยกตัวอย่างไม่ใช่ว่าฉันจะคัดลอกงานของเขามา"
"แต่แบบนี้ใครก็คิดได้ ถ้าคุณจะไปยกตัวอย่างของคนอื่นมาพูด"
"ก่อนอื่นฉันอยากให้คุณเปิดใจก่อนค่ะ"
"คุณหมายความว่ายังไง"
ขณะที่ผู้หญิงสองคนกำลังโต้วาทีกันอยู่ ดวงตาของนเรศวรกลับเอาแต่จ้องมองริมฝีปากที่ยังคงทิ้งรอยแผลไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งหน้ากลบเกลื่อนเขาก็ยังคงมองเห็น
"คุณต้องเปิดใจให้ฉันก่อน เราถึงจะแก้ไขปัญหาของที่นี่ได้"
"คุณกำลังว่าฉันใจแคบว่างั้น..ว่าแต่โรงแรมระดับนั้นคุณเข้าไปทำอะไรคะ"
เจอคำถามนี้รินรดาถึงกับเลิ่กลั่กหันไปมองนเรศวร
"ตกลงเราเข้ามาคุยเรื่องงานหรือมาจับผิด" คนที่แก้ต่างให้ก็คือนเรศวร
"หึ..ค่ะฉันเก็ทแล้ว"
"เก็ทอะไรของคุณ"
"ก็ฉันเข้าใจไงคะ ฉันพยายามจะทำความเข้าใจกับตัวฉันอยู่"
"ถ้าคุณไม่อยากพัฒนาที่นี่ผมแนะนำว่าคุณขายหุ้นทั้งหมดให้ผมดีกว่า"
"ฝันไปเถอะ" ทรงอัปสรพูดพร้อมกับดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป แต่เธอไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินตามมา พอเข้าไปในห้องทำงานคนที่เดินตามหลังมาก็ใช้เท้าปิดประตูก่อนจะหันไปล็อก..
ขุนราม [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 97 ตอนจบเธอไม่รู้หรอกว่าท่านให้มาบริษัททำไม แต่รินรดาก็แต่งตัวเรียบร้อยให้ดูเป็นหน้าเป็นตาของสามีตอนที่เขาพาเธอเดินเข้ามาพนักงานต่างก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"เข้ามาด้วยกันสิคะ" หญิงสาวเห็นว่าพนักงานยืนรอลิฟต์กันหลายคน พอเธอกับสามีเดินเข้ามาพนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาด้วย"เอ่อ..""เข้ามาสิ" จริงๆ ตอนที่เขาใช้ลิฟต์ไม่มีใครกล้าใช้ด้วย แต่พอท่านรองประธานอนุญาตให้เข้าพนักงานก็เข้าไปแต่ก็เข้าไม่กี่คนรินรดาขยับให้พนักงานยืนกันจนหลังเธอพิงเข้ากับร่างของขุนราม เขาเลยเอื้อมมือมาโอบเอวเธอไว้ พนักงานไม่ได้หันไปมองหรอกแต่มองผ่านผนังของลิฟต์ที่เป็นกระจก เห็นภาพนั้นแล้วต่างก็อมยิ้มไปตามๆ กันจนลิฟต์มาเปิดที่ชั้นผู้บริหาร ส่วนพนักงานออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว"ไปห้องทำงานผมก่อน" เขาคิดว่าห้องประชุมคงยังไม่เรียบร้อย ค่อยพาเธอไปทีหลังแล้วกันแต่พอเข้ามาในห้องทำงานไม่นานเลขาก็มาตามให้เข้าห้องประชุมห้องประชุมใหญ่ของบริษัทณโยดม.."มานั่งนี่สิ" รัตติกาลที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนสามีที่เสียไป เรียกให้ลูกชายมานั่งประจำที่ของนาง"ครับ?" ทุกครั้งที่เขาจะนั่งตรงนั้นก็ตอนท
คืนนั้นที่บ้านณโยดม..ก๊อกๆ "ที่รักครับ เปิดประตูให้ผัวหน่อย""คุณไปนอนห้องอื่นเลยค่ะฉันจะนอนกับลูก""คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" ชายหนุ่มไม่ได้พูดเสียงดังเพราะกลัวแม่จะได้ยินว่าเธอไม่ให้เขาเข้าห้องด้วย"ถ้าคุณยังพูดอยู่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็ตื่น" ขุนเขาเข้ามารอแม่ตั้งแต่เล่นกับคุณย่าเสร็จแล้ว จนตอนนี้แกนอนหลับรออยู่ในห้อง พี่เลี้ยงที่ดูแลก็ออกไปตอนที่เห็นคุณผู้หญิงกลับมา พอเข้ามาในห้องเธอก็จัดการล็อกห้องไม่ให้เขาตามเข้ามาได้"ไหนเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไง เปิดประตูให้ผมหน่อยนะ""รู้เรื่องแค่คุณน่ะสิคะ จำไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ตอนที่รู้ว่าพี่ชายเปลี่ยนยาคุมกำเนิดเป็นยาบำรุงให้กับทรงอัปสรเธอก็รู้สึกโมโหมากพออยู่แล้ว พอมาเจอกับตัวยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวเขามากมายแต่เธอต้องดัดนิสัยเขาบ้าง จะได้ไม่มีความคิดแผลงๆ แบบนี้อีก"คุณเมียครับ พรุ่งนี้ผัวต้องไปทำงาน""ก็ไปนอนห้องอื่นสิคะ" ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร เพราะเขาต้องรับผิดชอบบริษัทที่ใหญ่โต ผ่านไปสักพักรินรดาก็รู้สึกว่าด้านนอกเงียบไปแล้ว เธอเลยเดินมาเปิดประตูดู "อุ้ยคุณ"เธอประเมินความอดทนของเขาต่ำไป เขารู้ว่าถ้าเงียบเธอต้องม
"ดูเหมือนคุณจะตกใจจังเลยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า""ปะเปล่าา ผมจะมีอะไรล่ะก็นั่นน้องสาวผม""ไม่มีอะไรแน่นะคะ" เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าแผนการ แถมสายตาที่มองเพื่อนดูมีพิรุธมันต้องมีอะไรแน่"อีกสามวันก็เป็นวันเกิดหุ้นส่วนอีกคนแล้ว" นเรศวรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าไม่งั้นเขาคงถูกจับได้แน่ว่ามีส่วนร่วมแต่มีหรือที่ทรงอัปสรจะปล่อยไป เธอคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ฉับพลันนั้นทรงอัปสรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าใหม่ แสดงว่าเจ้าสิ่งนั้นมันยังคงอยู่ในกระเป๋า"อยู่ไหนนะ""คุณอัปสรหาอะไรเหรอคะ""ลิปสติกน่ะสิคะว่าจะเติมสักหน่อย" เธอแสร้งทำเป็นค้นหาของในกระเป๋าแต่ระหว่างนั้นคนในห้องก็คุยเรื่องวันเกิดของหุ้นส่วนอีกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น"ปีนี้มันจะจัดวันเกิดเหรอ" พวกเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดมากนักนอกจากครอบครัวจะเป็นคนจัดให้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวก็ชวนเพื่อนมาดื่มกินที่บ้านหรือไม่ก็นัดกันที่ร้านอาหาร"มันบอกว่าจะมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ""จะปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ""ไม่ได้ปิดแต่มันบอกว่าถ้าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการคืนนั้นมันจะเป็นคนเลี้ยงเอง""ไอเดียเจ๋งนี่""
"ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ" หญิงสาวตามเขาขึ้นมาข้างบน แต่ยังไม่ถึงห้องทำงานเลยด้วยซ้ำเธอก็อดถามเรื่องนี้ไม่ได้"สวัสดีค่ะท่านรอง" แต่ก่อนที่เขาจะตอบเธอก็ได้ยินเสียงนี้ก่อน"?" ทั้งสองที่เดินตามกันมาหยุดแล้วก็มองคนที่กล่าวสวัสดีเมื่อครู่ ก่อนที่ขุนรามจะหันไปมองดูสายตารินรดา "คุณเป็นใคร""ชะเอมเป็นเลขาคนใหม่ที่มาแทนคุณเอวาค่ะ""เธอไปทำงานแผนกอื่น เปลี่ยนเลขาคนใหม่มา""แต่ชะเอมสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วนะคะ""ตกลงใครเป็นเจ้าของบริษัท""เอ่อ.."เขาไม่รอฟังคำอธิบายก็พาเธอเข้าไปในห้องทำงานก่อน"คุณยังไม่บอกฉันเลย""ผมไม่ได้หาเลขาเองเลยไม่รู้ว่าเขาส่งใครมา""ฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้""อ้าวแล้วคุณหมายถึงอะไรล่ะ""เรื่องที่คุณบอกว่าเลขาคนเก่าอยู่โรงพักไงคะ""ไม่ใช่แค่เลขาคนเก่าหรอกที่อยู่โรงพัก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นตอนนี้อยู่โรงพักทั้งหมด""อะไรนะคะ คุณส่งพวกนั้นให้กับตำรวจเหรอคะ""ข้อหาพยายามฆ่า""พยายามฆ่า?""ใช่ ผมแจ้งความจับทั้งหมดเลย ผมจะไม่ให้ใครทำร้ายคุณได้อีก""อย่าบอกนะคะว่าที่คุณรับสมัครพนักงานใหม่?""อืม" ชายหนุ่มตอบเธอไปโดยการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ สายตามองดูผู้หญิ
"อื้อ" สะโพกงามเด้งรับเรียวลิ้นที่ตวัดเลียวนอยู่กึ่งกลางร่อง "อ่ะอ่ะอ่ะมะไม่ไหวแล้วค่ะ"ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางมันก็ยิ่งทำให้เขาเร่งความเร็วที่กำลังทำอยู่ เพราะเขาต้องการเห็นเธอเสร็จก่อนโดยที่ยังไม่สอดใส่และเขาก็ทำได้สำเร็จ ชายหนุ่มค่อยๆ ชักนิ้วออกมาก่อนจะขยี้นิ้วให้เธอเห็นว่าเขาเก่งไหมที่ทำให้เธอหลั่งได้โดยที่ยังไม่เจอไม้เด็ด"ทำบ้าอะไรของคุณ""แต่ก่อนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ""ยังจำได้อยู่เหรอ นึกว่าจำแต่เรื่องผู้หญิงคนอื่นได้""ผู้หญิงคนอื่นที่ไหนไม่มีหรอก" ขณะที่เอ่ยร่างหนาก็ขยับขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือเล็กมาโอบอุ้มความแข็งแกร่งเพื่อให้เธอวัดขนาด และในเวลาเดียวกันเขาก็จับมือเธอรูดชักขึ้นและลง"พูดเหมือนฉันจะเชื่อ"ใบหน้าหล่อคมเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็รีบซ่อนอาการนั้นไว้"ปล่อยนะ!" ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เก็บร่างกายตัวเองไว้ใช้แค่กับเธอ แต่ก็อยากได้ยินเขาพูดอะไรออกมาบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก"จะจบเกมคนเดียวได้ยังไง แบบนี้ผมก็เคว้งคว้างน่ะสิ""คุณก็ไปปล่อยกับผู้หญิงพวกนั้นสิ""หึงผัวเหรอ""อึบ!" รินรดากัดฟันใช้แรงที่อุ้งมือ"ซี๊ดดดอ๊อยย ถ้ามันขาดจะมีใช้ไหม" ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง"ไม่มีก็ไม่ใ
"ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ ข้อหาพยายามฆ่ามันไม่รุนแรงเกินไปเหรอคะ" เอวาก็เป็นลูกของผู้มีฐานะท่านหนึ่ง ไม่ยอมเจอข้อหาอะไรแบบนี้ง่ายๆ อยู่แล้ว"รุนแรงเกินไป? เธอจะให้ฉันรอจนเมียกับลูกฉันเป็นอะไรไปงั้นเหรอ" ชายหนุ่มหันหน้ามาประชันกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นค่าเลย"แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมรับข้อหานี้" ในขณะที่พูดใบหน้าเอวาก็เชิดขึ้นแบบหยิ่งผยอง"แสดงว่าเธอยอมรับแล้วว่าเป็นตัวบงการ คุณตำรวจได้ยินหรือยังครับ""เชิญคุณเอวาไปที่โรงพักด้วยครับ""ฉันยอมรับตอนไหน! คุณแม่คะช่วยเอวาด้วยค่ะ" เอวาที่ถูกตำรวจพาออกไปตะโกนเข้ามาขอให้แม่ของเขาช่วย "ถึงยังไงเอวาก็ไม่ยอมถูกจับ""และก็เชิญพนักงานทุกท่านขึ้นรถด้วยนะครับ" ตำรวจหันมาบอกพนักงานที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด และรถที่ตำรวจเตรียมมาก็คันใหญ่พอที่จะขนคนพวกนี้ไปได้"พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ เราไม่ได้แตะตัวภรรยาของท่านรองเลยค่ะ" ในคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นว่าคนพวกนี้ทำอะไร แค่มีแต่คำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์"นั่นแหละมันคือข้อหาของพวกเธอ เห็นคนถูกทำร้ายร่างกายทำไมไม่ช่วย แถมยังยืนพูดให้ร้าย" เขาไม่คิดจะปล่อยใครไปง่ายๆ แน่ ยิ่งคนยืนมุงนี่แหละสำคัญเล