Share

บทที่ 2 จิตเสน่หา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-14 15:07:53

ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้ว

และที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร

เกือบเก้าโมงเช้า คนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้าง อ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบัดผ้าห่มรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว คนตัวเล็กวิ่งลงบันไดจนถึงห้องอาหาร มารดามองมาสีหน้าตำหนิ เพราะเห็นบุตรสาวกระโตกกระตากไม่เรียบร้อย

“ตื่นแล้วเหรอนิล แล้วทำไมไม่เดินลงมาดีๆ วิ่งทำไม โตแล้วนะลูก”คนเป็นแม่สอนทันที

“ขอโทษค่ะแม่ พอดีนิลรีบคิดว่าพ่อกับแม่รอ”เธอยิ้มเก้อแล้วเลื่อนเก้าอี้ไม้สักมานั่งเคียงบิดา

คนเป็นพ่อหันมองบุตรสาวแล้วยิ้ม

“ทานข้าวก่อนสิลูก พ่อจะได้คุยกับนิลเรื่องอนาคตด้วย”

นิลลนาหน้าเหี่ยวลงทันใด อนาคตอีกแล้วเหรอ ถ้าหากมีน้องสักคน หรือพี่ก็คงดีไม่น้อย พ่อแม่จะได้ไม่พากันคาดหวังในตัวเธอขนาดนี้

ข้าวต้มทะเลถูกตัดใส่จาน คนจิตตกตักใส่ปากอย่างฝืดคอ ครุ่นคิดจนลูกตากรอกไปมาเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาทำให้บิดามารดายินยอม ควรทำอย่างไรดี พ่อเป็นคนมีเหตุผลแต่แม่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ แต่ถ้าพ่อยินยอมแม่จะไม่กล้าขัด ริมฝีปากบางเม้มสนิทคิ้วขมวดย่นจนวิชยุทธสังเกตเห็น

“เป็นอะไรเหรอลูก ดูขมวดคิ้วเสียยุ่งเชียว”

เมื่อเห็นพ่อเปิดทาง คนตัวเล็กวางช้อนตีหน้าเศร้าซึม เอี้ยวกายโอบกอดบิดาไว้

“พ่อคะ นิลเรียนมาตลอดชีวิตแล้วนะคะ ตอนนี้นิลอยากพัก ขอเวลาสักสองเดือนแล้วนิลค่อยหางานทำได้ไหมคะ”เธออ้อนบิดาเสียงหวาน คนเป็นแม่มองลูกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“จะพักอะไรตั้งสองเดือนกันนิล มันนานเกินไป อาทิตย์สองอาทิตย์ก็พอแล้ว ถ้าไม่หางานทำเดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาว่าเราน่ะ เกาะพ่อแม่กินรู้ไหม”คนเป็นแม่รีบสกัดเสียก่อน ไม่อยากให้ลูกเสียเวลาโดยใช้เหตุ ลูกคนอื่นจบมาต่างทำงานกันทั้งนั้น แถมหน้าที่การงานค่อนข้างดีเสียด้วย ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้า

“จะเป็นไรไปคุณ ให้ลูกพักบ้างเถอะ เรียนจบเกียรตินิยมมานับว่าดีแล้ว”เขายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“จริงเหรอคะพ่อ!”

“จริงสิ นิลอยากพักก็พักเถอะพ่อไม่ว่า”

เธอหยัดกายออกจากอ้อมแขนบิดาแววตาทอประกาย

“ถ้าอย่างนั้นนิลอยากขออีกเรื่องได้ไหมคะพ่อ”

“เรื่องอะไรเหรอลูก?”เขามองบุตรสาวสีหน้าสงสัยเต็มที่ ปกติลูกคนนี้ไม่ค่อยขออะไร เป็นเรื่องการเรียนเสียส่วนมาก

นิลลนาเม้มริมฝีปากมองแม่เห็นส่งสายตามาราวกับต้องการจับผิด จึงหันมาสบตาบิดาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความกล้า ก่อนผ่อนออกมาเพื่อคลายอารมณ์

“พ่อคะ นิลอยากไปเที่ยวที่ประเทศซากวัยค่ะ”เธอโพลงออกมาในที่สุด

“ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม!”นิราพรสวนกลับทันควัน

“พ่อคะ นิลเรียนจบแล้ว นิลแค่อยากพักผ่อน ต้องการอิสระสักครั้ง นะคะพ่อนิลสัญญาว่านิลจะกลับมาทำงานตามที่พ่อกับแม่ต้องการ”เธอพยายามอ้อนวอน

คนเป็นพ่อนิ่งเงียบครุ่นคิดสีหน้าค่อนข้างหนักใจ

“ทำไมลูกถึงอยากไปที่นั้นล่ะนิล ประเทศอื่นมีเยอะแยะ”

“เพราะที่นั้นสวยมากค่ะ แถมนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไหร่ มันเหมือนเราได้ไปเปิดหูเปิดตาประเทศเขาเป็นคนแรก”คนเป็นลูกตอบพร้อมรอยยิ้มระบายในหน้า

“นิลจะไปกับใครเหรอ”

นิลลนาชะงักความจริงอยากท่องเที่ยวคนเดียว ยัยเพื่อนตัวดีอย่างดาริกาไม่ชอบแพ็คกระเป๋า ติดหรูเสียอย่างนั้นคงไม่ยอมไปตกระกำลำบากมองผืนทรายใต้แสงดาวกับเธอแน่ แล้วควรทำยังไงดี

“นิลว่าจะไปกับดาค่ะพ่อ”นิลลนาโกหกคำโต

วิชยุทธคิดอีกครั้ง ด้านภรรยาเองรอคำตอบใจจดใจจ่อ เธอไม่อยากให้ลูกไปไหนไกลใจมันอดห่วงไม่ได้

“ก็ได้ลูก พ่ออนุญาต แต่พ่อให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นนะ”

“ขอบคุณมากค่ะพ่อ”หญิงสาวบอกแล้วโอบกอดบิดาอีกครั้ง

“จะดีเหรอคะคุณ”นิราพรขัดขึ้น

“ปล่อยๆ ลูกไปบ้างเถอะคุณ อย่ากดดันมากเลย ปล่อยให้แกได้รับอิสระบ้าง”

นิราพรจำต้องเงียบ เธอคงต้องยอมตามความต้องการของสามี กลับมาจากท่องเที่ยวเมื่อไหร่เห็นทีต้องจัดระเบียบลูกใหม่เสียแล้ว

หลังจากพูดคุยกับบิดาเสร็จคนตัวเล็กรีบขึ้นห้องเพื่อติดต่อเพื่อนสาวทันที หากดาริกาไม่ยอมเดินทางไปด้วยเห็นทีต้องทำให้ยอมร่วมมือ

“ว่าไงยัยนิล”ดาริกากรอกเสียงตามสาย

“ดา ฉันอยากเจอแกอะ”

“มีอะไรอีกล่ะทำเสียงแบบนี้”คนฟังเริ่มสงสัย

“มีนิดหน่อย แกออกมาเจอฉันหน่อยนะ พรุ่งนี้ได้ไหมร้านกาแฟเจ้าเดิม”

ดาริกาฉุดคิดบางอย่างทุกวันนี้ตนเองแทบจะบ้าตายเพราะพี่ชาย เอาแต่พร่ำพรรณนาต้องการเจอหน้าเพื่อน รบเร้าทุกวันเล่นเอาเธอเหนื่อย ไม่กล้าติดต่อนิลลนาเพราะเกรงเพื่อนจะโกรธ แต่คราวนี้ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะพอดิบพอดี

“ฉันออกไปหาแกก็ได้นิล แต่ว่าฉันต้องเอาพี่นัทไปด้วยนะเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปสมัครงานที่บริษัทพี่เขาอะ”

ปลายสายชะงัก พี่ชายเพื่อนงั้นเหรอ คราวที่แล้วยังจดจำสายตาคู่นั้นได้ดี มันบ่งบอกถึงความนัยบางอย่าง แต่หากไม่ไปก็คงพลาดเรื่องการเดินทาง เป็นไงเป็นกันเธอคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก ก็แค่สายตาของคนอื่นมองมาเหมือนเคยๆ

“ก็ได้ๆ แล้วเจอกันนะดา”นิลลนายอมรับคำขอเพื่อน ก่อนตัดสายลง

หญิงสาวหยิบกระเป๋าสีครีมขึ้นสะพายบนไหล่แล้วลงจากชั้นบน ผู้ให้กำเนิดสองคนมองตาม นิลลนารีบสาวเท้าเข้ามาหา

“พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวนิลออกไปหาดาก่อนนะคะ”

“ไปเถอะลูก”วิชยุทธอนุญาต “แล้วขับรถดีๆ นะนิล”

“ค่ะพ่อ”

ร่างบางรีบก้าวยาว ไปยังรถบีเอ็ม ของขวัญสมัยเรียนที่พ่อซื้อให้ เธอเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับ แล้วเคลื่อนมันออกจากรั้วบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงถึงหน้าร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ด้านหน้าเป็นระเบียงไม้ค่อนข้างร่มรื่น เพราะมีไม้ใหญ่ขึ้นให้ร่มเงา เดินผ่านเข้ามาประตูร้านป็นกระจกรวมถึงหน้าต่าง

ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ เพื่อหาเพื่อนเห็นโบกมือทักทาย นิลลยายิ้มกว้างเดินตรงไปหาทันที พอจวนถึงเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ชายเพื่อนอีกคน

“สวัสดีค่ะ”เธอยกมือกระพุ่มไหว้นัทพล

“สวัสดีครับ”นัทพลระบายยิ้มจ้องมองใบหน้าของเพื่อนน้องไม่วางตา

“นั่งเลยยัยนิล นัดมามีอะไร”

เธอนั่งตามคำเชิญเพื่อน รับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่มผู้ร่วมวงมองมาบ่อยๆ

“ดา ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”นิลลนาเริ่มเข้าเรื่อง

“เรื่องอะไรเหรอ”ดาริกาแสดงสีหน้าอยากรู้ ร่วมถึงพี่ชายอีกคน

นิลลนาลังเลเล็กน้อย แต่เธอจำต้องให้เพื่อนช่วยจริงๆ

“คือ... แกจำได้ไหมว่าก่อนจบฉันเคยบอกแล้วว่าอยากทำอะไร”

คนฟังพยักหน้า อดรำคาญไม่ได้ที่คนพูดไม่ยอมบอกให้หมดเสียที

“แกมีอะไรก็เล่ามาเลยยัยนิล!”ดาริกาเร่ง

“ฉันอยากไปเที่ยวประเทศซากวัย!”

ดาริกาหยัดตัวตรงแล้วระบายลมหายใจ ในคำพูดอยากไปเที่ยวแล้วตามตัวมาเช่นนี้ แสดงว่าเพื่อนตัวแสบคงหาข้ออ้างอะไรเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน

“แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอนิล”

คนถูกถามรีบกุมมือเพื่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“ดา ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าแกจะไปด้วย”

“อะไรนะ!”ดาริการ้องลั่น จนลูกค้าในร้านหันมองเป็นตาเดียว

นัทพลแตะแขนน้องสาวยกนิ้วชู้แตะริมฝีปากตนเองเพื่อเตือนไม่ให้ส่งเสียง ดาริกาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแผ่วเบา

“แกกำลังคิดอะไรอะนิล แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน ที่นั้นมีดีตรงไหนมีแต่ทราย”

“สวยจะตายดา ไปด้วยกันเถอะนะ”

“โนเวย์ ไม่มีทางฉันไม่ไปเด็ดขาด มีแต่ดินแต่ทรายแถมเพิ่งเปิดประเทศจะมีพวกโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”คนพูดเบ้ปาก ลูบแขนตนเองขนลุกเกรียว

“จะบ้าเหรอไงยัยดา ประเทศนั้นเขาเจริญแล้วนะ แกนี่เอาข่าวมาจากไหน”

“ก็ฉันเห็นข่าวในหนังสืออะ เห็นว่ายังมีพวกโจรปล้นสะดมอยู่เลย”

นัทพลคันปาก นี่อาจเป็นโอกาสทำให้ตนเองทำความรู้จักกับเพื่อนน้องสาวก็เป็นได้

“ทำไมดาไม่ไปล่ะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”นัทพลยื่นข้อเสนอ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 12 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    บันไดหนทางสู่ใต้ดินทั้งมืดและอับชื้น ร่างบางสั่นสะท้านแต่ข่มความกลัวเอาไว้ เธอจะไม่ร้องขอให้พระองค์ทรงเมตตา หากต้องตายที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในสภาพของพระสนม กรงเหล็กสุดทางเดินถูกเปิดออก คนตัวเล็กถูกผลักดันให้เข้าไปในนั้น“อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมจะคอยให้คนมาส่งน้ำส่งข้าวไม่ต้องห่วง”อัสลันบอกเป็นภาษาอังกฤษ“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ฉันอดตายไปเถอะ” เธอบอก แล้วก้าวขึ้นนั่งชั่นเข่าบนเตียงเหล็กเย็นเฉียบราชองครักษ์ส่ายหน้าแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ น้ำตาเอ่อ เธอเคยต้องการมาอยู่ในที่แบบนี้เหรอ เคยต้องการเป็นสนมเหรอ ไม่เคยต้องการเลย อยากกลับเมืองไทยเหลือเกิน พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน ทรงใจร้าย ใจดำ คอยดูเถอะสักวันเธอจะเอาคืนคนที่ทำเอาไว้เสียให้หมด อย่าให้เป็นทีของนิลลนาก็แล้วกันดึกสงัดเสียงหนูตามพื้นห้อง วิ่งกันขวักไขว่ นิลลนาหดขากวาดตามองรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้สว่างมากนัก มองด้านไหนมีแต่ความมืดมิด สถานที่แห่งนี้มีคนตายหรือเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ทหารเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้า ประตูห่างออกไปหลายเมนตร ร่างบางชันเข่ากอดตัวเองแน่น ความหนาวเริ่มมาเยือน ฟันกร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 11 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    ซากิน่าและปารตีกอดอกจ้องมองใบหน้า เมื่อพิจารณาแล้วผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วบางโค่ง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวแก้มแดงปลั่งน่ามอง ขนาดเธอเป็นหญิงชาวซากวัยยังอดอิจฉาไม่ได้“นาเดียจะแปลให้พระสนมฟังนะเจ้าคะ” นาเดียบอกสองสาว“บอกไปสิว่าให้ไสหัวกลับประเทศตัวเองไป อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีวันสนใจไยดีผู้หญิงประเทศอื่นหรอก” ซากิน่าเข่นเขี้ยวนาเดียทำหน้าที่แปลก นิลลนายกท่อนแขนกอดอกบ้าง มองดูสองสาวคาดการณ์คงอิจฉาริษยาเลยพูดจาเช่นนี้ มองรอบๆ เห็นสตรีหลายนางงดงามทุกคน ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย“ฉันก็อยากกลับแต่เผอิญว่า... ฝ่าบาทไม่ให้กลับน่ะสิ” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการยียวนสองสาวมองหน้ากันตั้งท่าอยากเต้นเร่าๆ แต่หยุดตัวเองไว้เสียก่อน“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย อีกหน่อยก็ทรงเบื่อเจ้าแล้ว!” ปารตีพยายามสรรหาถ้อยคำมาบาดใจอีกฝ่ายบ้าง“เบื่อก็ดีสิกำลังต้องการเลย ไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องยิ่งชอบ ทำไมเธอสองคนไม่พยายามทำให้ฝ่าบาทหลงบ้างเล่า พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จมาหาฉันที่ห้อง!”“ฝ่าบาทไม่มีทางหลงผู้หญิงอย่างเธอหรอก!” ซากิน่าเริ่มเดือด เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสตรีนางนี้“หลงไม่หลงฉันไม่รู้ แต

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 10 พระอาทิตย์ไม่ยุติธรรม

    นาเดียคุกเข่าบนพื้นก้มหน้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชดำเนินผ่าน ครู่หนึ่งจึงลุกยืนมองประตูห้อง รู้สึกเป็นห่วงพระสนม ค่อยๆ แง้มแล้วก้าวข้ามธรณีสู่ด้านใน ยินเสียงสะอื้นแผ่ว ในอกสั่นไหวขึ้นมาด้วยความสงสาร เดินมาถึงเตียงสี่เสาเห็นร่างอรชรชั่นเข่าซบหน้า“คุณนิลลนา...”เธอเรียกชื่อเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ขยับกายเข้าหาจับไหล่เพื่อปลุกปลอบ“ฉันอยากกลับเมืองไทย ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ด้วย!”หญิงสาวตัดพ้อเงยหน้าช้อนสายตามองสาวรับใช้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวภายในพระราชวังแวนเดอเลีย“อดทนหน่อยนะคะ ความจริงฝ่าบาทพระองค์ทรงมีพระเมตตามากนะคะ ไม่มีสตรีนางใดปฏิเสธพระองค์ คุณควรจะยอมรับและโอนอ่อนนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น การมีสัมพันธ์ทั้งที่ใจไม่ได้ชอบพอ ใครจะทำได้เธอไม่ใช่คนเช่นนั้น“แต่ฉันไมได้รักฝ่าบาท ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะให้เป็นสนมได้ยังไง!”นาเดียไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสตรีปฏิเสธฝ่าบาท แค่เพียงเห็นพระสิริโฉมไม่ว่าใครต่างหลงใหล มีเพียงคุณนิลลนาเท่านั้น ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ในโลกด้วยหรือ“คุณใจเย็นก่อนนะคะ วันนี้ฝ่าบาททรงมีราชกิจคงไม่เสด็จมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ”คนตัว

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 9 ข้อตกลง

    ข้ารับใช้สาวเห็นใจเพราะตนนั้นไม่มีครอบครัวอีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าควรกลับไปหาใคร การจากบ้านเกิดมานานคงทำให้คิดถึงทั้งพ่อแม่บรรยากาศ“เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ แต่นอนบนเตียงไม่ได้ ขอปูผ้านอนบนพื้นแทนค่ะ”นิลลนามีรอยยิ้มขึ้นมาระบายลมหายใจแผ่ว อกเคยอึดอัดเริ่มผ่อนคลาย ยังคงรอโอกาสหนทางแห่งการหลุดพ้นจากกรงทอง อยากโบยบินหนีไปเสีย ความงดงามแห่งซากวัยเธอตระหนักดี แม้ชายผู้หมายตาในตัวเธอแสนสูงส่ง งามสง่า พระพักตร์แสนหล่อเหลา ต้องตราตรึงใจต่อสตรีเพศ แต่ไม่ใช่เธอ เมื่อไม่มีใจต่อกันคงไม่อาจทนอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายกับหัวใจไม่อาจยินยอมยกเรียวแขนก่ายหน้าผาก วันนี้รอด พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรเลย ควรทำอย่างไรถึงรอดจากชะตากรรมเช่นนี้ไปได้ เปลือกตาเริ่มปิดสนิทถึงมีเรื่องมากมายให้คิดแต่ร่างกายไม่อาจฝืนทนต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรเสียมันคงต้องหลับลงนาเดียก้าวหยุดยืนข้างเตียงมองพระสนมองค์ใหม่แล้วรั้งผ้าห่มคลุมกาย จัดการปูผ้าลงบนพื้นหยิบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน พระนางทรงไม่เหมือนใคร เพราะเห็นให้เกียรติเธอราวกับเพื่อนจริงๆนิลลนาขยับกายยกมือบีบขมับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว พ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 8 ข้อตกลง

    นิลลนายกมือห้าม “อย่าเรียกว่าปรนนิบัติเลย ฉันไม่ต้องการแบบนั้นหรอก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพระสนม ฉันไม่ได้เป็น”“แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องทำนะคะ เพราะถูกฝ่าบาทรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ”คนฟังระบายลมหายใจ อากาศไม่ร้อนเท่าใดนักแต่เธอไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว เหนียวตัวจนแทบทนไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นนาเดีย ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหมเหนียวตัวสุดๆ แล้วก็... กับฉันไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เพราะฉันไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”“เอ่อ...” นาเดียอึกอัก “คงไม่ดีหรอกเพคะ”นิลลนาถอนหายใจยาว“เชื่อฉันเถอะนาเดีย ฉันไม่ชอบพิธีรีตองอะไร ความจริงอยากหนีให้พ้นๆ เสียจากที่นี่ แต่หนทางยังไม่มี ฉันอยากได้เพื่อนไม่ได้อยากได้คนรับใช้”“แต่ถ้าใครได้ยินเข้า พระสนมจะถูกตำหนิเอาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกลงโทษด้วย” นาเดียหลุบตามองพื้น“ถ้าอย่างนั้นเวลาอยู่ข้างนอกนาเดียค่อยใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็เห็นใจไม่อยากเห็นเดียถูกลงโทษ ได้ไหม”ข้ารับใช้ระบายยิ้ม เป็นเช่นนี้เธอค่อยโล่งใจ ไม่อยากนั้นพระสนมอาจถูกตำหนิ เธออาจต้องได้รับโทษอีกด้วย“ได้เพคะ”“ยังไม่ทันไรเลย ใช้คำราชาศัพท์กับฉันอีกแล้ว” นิลลนาระบายยิ้ม“

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 7 ข้อตกลง

    ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตากษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่นทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว“พระองค์จะทำอะไร!”“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status