Home / โรแมนติก / น้ำผึ้งในรอยทราย / บทที่ 2 จิตเสน่หา

Share

บทที่ 2 จิตเสน่หา

last update Last Updated: 2025-08-14 15:07:53

ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้ว

และที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร

เกือบเก้าโมงเช้า คนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้าง อ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบัดผ้าห่มรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว คนตัวเล็กวิ่งลงบันไดจนถึงห้องอาหาร มารดามองมาสีหน้าตำหนิ เพราะเห็นบุตรสาวกระโตกกระตากไม่เรียบร้อย

“ตื่นแล้วเหรอนิล แล้วทำไมไม่เดินลงมาดีๆ วิ่งทำไม โตแล้วนะลูก”คนเป็นแม่สอนทันที

“ขอโทษค่ะแม่ พอดีนิลรีบคิดว่าพ่อกับแม่รอ”เธอยิ้มเก้อแล้วเลื่อนเก้าอี้ไม้สักมานั่งเคียงบิดา

คนเป็นพ่อหันมองบุตรสาวแล้วยิ้ม

“ทานข้าวก่อนสิลูก พ่อจะได้คุยกับนิลเรื่องอนาคตด้วย”

นิลลนาหน้าเหี่ยวลงทันใด อนาคตอีกแล้วเหรอ ถ้าหากมีน้องสักคน หรือพี่ก็คงดีไม่น้อย พ่อแม่จะได้ไม่พากันคาดหวังในตัวเธอขนาดนี้

ข้าวต้มทะเลถูกตัดใส่จาน คนจิตตกตักใส่ปากอย่างฝืดคอ ครุ่นคิดจนลูกตากรอกไปมาเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาทำให้บิดามารดายินยอม ควรทำอย่างไรดี พ่อเป็นคนมีเหตุผลแต่แม่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ แต่ถ้าพ่อยินยอมแม่จะไม่กล้าขัด ริมฝีปากบางเม้มสนิทคิ้วขมวดย่นจนวิชยุทธสังเกตเห็น

“เป็นอะไรเหรอลูก ดูขมวดคิ้วเสียยุ่งเชียว”

เมื่อเห็นพ่อเปิดทาง คนตัวเล็กวางช้อนตีหน้าเศร้าซึม เอี้ยวกายโอบกอดบิดาไว้

“พ่อคะ นิลเรียนมาตลอดชีวิตแล้วนะคะ ตอนนี้นิลอยากพัก ขอเวลาสักสองเดือนแล้วนิลค่อยหางานทำได้ไหมคะ”เธออ้อนบิดาเสียงหวาน คนเป็นแม่มองลูกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“จะพักอะไรตั้งสองเดือนกันนิล มันนานเกินไป อาทิตย์สองอาทิตย์ก็พอแล้ว ถ้าไม่หางานทำเดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาว่าเราน่ะ เกาะพ่อแม่กินรู้ไหม”คนเป็นแม่รีบสกัดเสียก่อน ไม่อยากให้ลูกเสียเวลาโดยใช้เหตุ ลูกคนอื่นจบมาต่างทำงานกันทั้งนั้น แถมหน้าที่การงานค่อนข้างดีเสียด้วย ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้า

“จะเป็นไรไปคุณ ให้ลูกพักบ้างเถอะ เรียนจบเกียรตินิยมมานับว่าดีแล้ว”เขายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“จริงเหรอคะพ่อ!”

“จริงสิ นิลอยากพักก็พักเถอะพ่อไม่ว่า”

เธอหยัดกายออกจากอ้อมแขนบิดาแววตาทอประกาย

“ถ้าอย่างนั้นนิลอยากขออีกเรื่องได้ไหมคะพ่อ”

“เรื่องอะไรเหรอลูก?”เขามองบุตรสาวสีหน้าสงสัยเต็มที่ ปกติลูกคนนี้ไม่ค่อยขออะไร เป็นเรื่องการเรียนเสียส่วนมาก

นิลลนาเม้มริมฝีปากมองแม่เห็นส่งสายตามาราวกับต้องการจับผิด จึงหันมาสบตาบิดาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความกล้า ก่อนผ่อนออกมาเพื่อคลายอารมณ์

“พ่อคะ นิลอยากไปเที่ยวที่ประเทศซากวัยค่ะ”เธอโพลงออกมาในที่สุด

“ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม!”นิราพรสวนกลับทันควัน

“พ่อคะ นิลเรียนจบแล้ว นิลแค่อยากพักผ่อน ต้องการอิสระสักครั้ง นะคะพ่อนิลสัญญาว่านิลจะกลับมาทำงานตามที่พ่อกับแม่ต้องการ”เธอพยายามอ้อนวอน

คนเป็นพ่อนิ่งเงียบครุ่นคิดสีหน้าค่อนข้างหนักใจ

“ทำไมลูกถึงอยากไปที่นั้นล่ะนิล ประเทศอื่นมีเยอะแยะ”

“เพราะที่นั้นสวยมากค่ะ แถมนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไหร่ มันเหมือนเราได้ไปเปิดหูเปิดตาประเทศเขาเป็นคนแรก”คนเป็นลูกตอบพร้อมรอยยิ้มระบายในหน้า

“นิลจะไปกับใครเหรอ”

นิลลนาชะงักความจริงอยากท่องเที่ยวคนเดียว ยัยเพื่อนตัวดีอย่างดาริกาไม่ชอบแพ็คกระเป๋า ติดหรูเสียอย่างนั้นคงไม่ยอมไปตกระกำลำบากมองผืนทรายใต้แสงดาวกับเธอแน่ แล้วควรทำยังไงดี

“นิลว่าจะไปกับดาค่ะพ่อ”นิลลนาโกหกคำโต

วิชยุทธคิดอีกครั้ง ด้านภรรยาเองรอคำตอบใจจดใจจ่อ เธอไม่อยากให้ลูกไปไหนไกลใจมันอดห่วงไม่ได้

“ก็ได้ลูก พ่ออนุญาต แต่พ่อให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นนะ”

“ขอบคุณมากค่ะพ่อ”หญิงสาวบอกแล้วโอบกอดบิดาอีกครั้ง

“จะดีเหรอคะคุณ”นิราพรขัดขึ้น

“ปล่อยๆ ลูกไปบ้างเถอะคุณ อย่ากดดันมากเลย ปล่อยให้แกได้รับอิสระบ้าง”

นิราพรจำต้องเงียบ เธอคงต้องยอมตามความต้องการของสามี กลับมาจากท่องเที่ยวเมื่อไหร่เห็นทีต้องจัดระเบียบลูกใหม่เสียแล้ว

หลังจากพูดคุยกับบิดาเสร็จคนตัวเล็กรีบขึ้นห้องเพื่อติดต่อเพื่อนสาวทันที หากดาริกาไม่ยอมเดินทางไปด้วยเห็นทีต้องทำให้ยอมร่วมมือ

“ว่าไงยัยนิล”ดาริกากรอกเสียงตามสาย

“ดา ฉันอยากเจอแกอะ”

“มีอะไรอีกล่ะทำเสียงแบบนี้”คนฟังเริ่มสงสัย

“มีนิดหน่อย แกออกมาเจอฉันหน่อยนะ พรุ่งนี้ได้ไหมร้านกาแฟเจ้าเดิม”

ดาริกาฉุดคิดบางอย่างทุกวันนี้ตนเองแทบจะบ้าตายเพราะพี่ชาย เอาแต่พร่ำพรรณนาต้องการเจอหน้าเพื่อน รบเร้าทุกวันเล่นเอาเธอเหนื่อย ไม่กล้าติดต่อนิลลนาเพราะเกรงเพื่อนจะโกรธ แต่คราวนี้ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะพอดิบพอดี

“ฉันออกไปหาแกก็ได้นิล แต่ว่าฉันต้องเอาพี่นัทไปด้วยนะเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปสมัครงานที่บริษัทพี่เขาอะ”

ปลายสายชะงัก พี่ชายเพื่อนงั้นเหรอ คราวที่แล้วยังจดจำสายตาคู่นั้นได้ดี มันบ่งบอกถึงความนัยบางอย่าง แต่หากไม่ไปก็คงพลาดเรื่องการเดินทาง เป็นไงเป็นกันเธอคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก ก็แค่สายตาของคนอื่นมองมาเหมือนเคยๆ

“ก็ได้ๆ แล้วเจอกันนะดา”นิลลนายอมรับคำขอเพื่อน ก่อนตัดสายลง

หญิงสาวหยิบกระเป๋าสีครีมขึ้นสะพายบนไหล่แล้วลงจากชั้นบน ผู้ให้กำเนิดสองคนมองตาม นิลลนารีบสาวเท้าเข้ามาหา

“พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวนิลออกไปหาดาก่อนนะคะ”

“ไปเถอะลูก”วิชยุทธอนุญาต “แล้วขับรถดีๆ นะนิล”

“ค่ะพ่อ”

ร่างบางรีบก้าวยาว ไปยังรถบีเอ็ม ของขวัญสมัยเรียนที่พ่อซื้อให้ เธอเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับ แล้วเคลื่อนมันออกจากรั้วบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงถึงหน้าร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ด้านหน้าเป็นระเบียงไม้ค่อนข้างร่มรื่น เพราะมีไม้ใหญ่ขึ้นให้ร่มเงา เดินผ่านเข้ามาประตูร้านป็นกระจกรวมถึงหน้าต่าง

ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ เพื่อหาเพื่อนเห็นโบกมือทักทาย นิลลยายิ้มกว้างเดินตรงไปหาทันที พอจวนถึงเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ชายเพื่อนอีกคน

“สวัสดีค่ะ”เธอยกมือกระพุ่มไหว้นัทพล

“สวัสดีครับ”นัทพลระบายยิ้มจ้องมองใบหน้าของเพื่อนน้องไม่วางตา

“นั่งเลยยัยนิล นัดมามีอะไร”

เธอนั่งตามคำเชิญเพื่อน รับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่มผู้ร่วมวงมองมาบ่อยๆ

“ดา ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”นิลลนาเริ่มเข้าเรื่อง

“เรื่องอะไรเหรอ”ดาริกาแสดงสีหน้าอยากรู้ ร่วมถึงพี่ชายอีกคน

นิลลนาลังเลเล็กน้อย แต่เธอจำต้องให้เพื่อนช่วยจริงๆ

“คือ... แกจำได้ไหมว่าก่อนจบฉันเคยบอกแล้วว่าอยากทำอะไร”

คนฟังพยักหน้า อดรำคาญไม่ได้ที่คนพูดไม่ยอมบอกให้หมดเสียที

“แกมีอะไรก็เล่ามาเลยยัยนิล!”ดาริกาเร่ง

“ฉันอยากไปเที่ยวประเทศซากวัย!”

ดาริกาหยัดตัวตรงแล้วระบายลมหายใจ ในคำพูดอยากไปเที่ยวแล้วตามตัวมาเช่นนี้ แสดงว่าเพื่อนตัวแสบคงหาข้ออ้างอะไรเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน

“แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอนิล”

คนถูกถามรีบกุมมือเพื่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“ดา ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าแกจะไปด้วย”

“อะไรนะ!”ดาริการ้องลั่น จนลูกค้าในร้านหันมองเป็นตาเดียว

นัทพลแตะแขนน้องสาวยกนิ้วชู้แตะริมฝีปากตนเองเพื่อเตือนไม่ให้ส่งเสียง ดาริกาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแผ่วเบา

“แกกำลังคิดอะไรอะนิล แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน ที่นั้นมีดีตรงไหนมีแต่ทราย”

“สวยจะตายดา ไปด้วยกันเถอะนะ”

“โนเวย์ ไม่มีทางฉันไม่ไปเด็ดขาด มีแต่ดินแต่ทรายแถมเพิ่งเปิดประเทศจะมีพวกโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”คนพูดเบ้ปาก ลูบแขนตนเองขนลุกเกรียว

“จะบ้าเหรอไงยัยดา ประเทศนั้นเขาเจริญแล้วนะ แกนี่เอาข่าวมาจากไหน”

“ก็ฉันเห็นข่าวในหนังสืออะ เห็นว่ายังมีพวกโจรปล้นสะดมอยู่เลย”

นัทพลคันปาก นี่อาจเป็นโอกาสทำให้ตนเองทำความรู้จักกับเพื่อนน้องสาวก็เป็นได้

“ทำไมดาไม่ไปล่ะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”นัทพลยื่นข้อเสนอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 4 จิตเสน่หา

    การเดินทางผ่านถนนคดเคี้ยวข้างทาง เป็นทะเลทรายมีต้นไม้ประปราย ตลอดเส้นทางมีรถวิ่งสวนเลนมาทำให้รู้ว่าเมืองไฮดริกไม่ได้เงียบเหงา เกือบห้าชั่วโมงคนตัวเล็กต้องทนเมื่อยแต่ทัศนียภาพรอบๆ ช่วยผ่อนคลายได้ดี ทันทีที่รถเคลื่อนผ่านถนนลาดยางท่ามกลางตึกขนาดใหญ่และรถมากมาย สาธารณูปโภคทันสมัยไม่แพ้ประเทศเจริญแล้วรถจอดเทียบหน้าโรงแรมไฮดริก นิลลนาก้าวลงแล้วกวาดตามองรอบๆ มันสวยงามราวกับเทพนิยายจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นเมืองร้อนมีทะเลทรายล้อมรอบแต่ที่นี่กลับมีความเย็นแผ่ทั่วทุกอณู กระเป๋าสัมภาระถูกวางลงมีพนักงานของโรงแรมยืนรอต้อนรับด้านหน้า“ผมขอตัวก่อนนะครับ คงต้องกลับโรงแรมเลย”คนขับรถบอก“กลับเลยเหรอคะ ไม่เหนื่อยเหรอ”“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว แขกที่โรงแรมผมก็มาส่งแบบนี้บ่อยๆ”เขายิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ”“ครับ”คนขับรถเปิดประตูแล้วเคลื่อนเจ้ารถจิ๊บออกจากด้านหน้าโรงแรม“จะเข้าพักที่นี่ใช่ไหมครับ”พนักงานเอ่ยถาม“ใช่ค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะยกกระป๋าไปให้นะครับ”ร่างบางสาวเท้ามายังล็อบบี้หินแกรนิตสีดำ มีพนักงานสาวสองคนยืนทำหน้าที่ประจำ เป็นสาวผิวน้ำผิ้ว รูปร่างสูงโปร่งในสูทสีน้ำเงิน ใบหน้าคมสวย ดูโฉบเฉี่ยว“จองห้องพักเหร

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 3 จิตเสน่หา

    นิลลนาหันมองพี่ชายเพื่อน รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร และเธอไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น หากต้องเดินทางด้วยกันขอปลีกไปคนเดียวดีกว่า เธอไม่คิดชอบพอกับเขาเลย“พี่นัทจะไปเหรอ?”ดาริกาถามพี่ชาย“ใช่ ก็จะได้ไปเป็นเพื่อนนิลไง”“แน่ใจแล้วเหรอคะพี่นัท งานพี่เยอะไม่ใช่หรือไงจะลาได้เหรอ”ฟังบทสนทนาแล้ว นิลลนาอึดอัดหากไม่ไปแค่แสดงละครก็ได้ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เห็นว่าเพื่อนสาวยังว่างไม่ได้หางานทำเลยชวน แต่ดูท่าจะเหลว“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนนิลหรอก” นิลลนารีบบอก “เอาแบบนี้แกแกล้งทำเป็นว่าไปกับฉันหน่อยได้ไหมยัยดา”“อะไรนะ แกจะบ้าเหรอนิล จะให้หลอกพ่อแม่แกด้วยเหรอ!”มือสองข้างยกพนมเพื่อขอร้อง ดาริกาเมินมองทางอื่นเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ตำหนิ หากร่วมมือแล้วพ่อแม่เพื่อนรู้ความจริงมีหวังโดนถล่มจนเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่“ช่วยฉันหน่อยนะดา ฉันอยากไปจริงๆ พ่ออนุญาตแล้วด้วยขอแค่มีแกไปเป็นเพื่อนเท่านั้น”“แกอย่ามาโยนขี้ให้ฉันสินิล ถ้าพ่อแม่แกรู้ว่าฉันโกหกมีหวังโดนยำเละแน่”“ถ้างั้นแกก็ไปกับฉันสิ”นิลลนายื่นข้อเสนออีกครั้ง“ไม่เอาหรอก มันร้อนแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน”“ร้อนตรงไหน กลางคืนออกจะหนาว อ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 2 จิตเสน่หา

    ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้วและที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไรเกือบเก้าโมงเช้า คนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้าง อ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบ

  • น้ำผึ้งในรอยทราย   บทที่ 1 จิตเสน่หา

    เสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจนิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน“นิล!”เสียงตะโกนเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status