เสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจ
นิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว
“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”
นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน
“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”
คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน
“นิล!”เสียงตะโกนเรียกพร้อมสาวร่างสูงโปร่งในสภาพสวมชุดครุยวิ่งเข้ามา
“ยัยดาอย่าวิ่งน่าเกลียด!”นิลลนารีบปราม
เพื่อนสาวตรงเข้าสวมกอด “เป็นไงเหนื่อยไหมนิล ยินดีด้วยวะแก”
“แกก็เหมือนกันแหละยัยดา ยินดีด้วยนะ!”
สองสาวกอดกันอีกครั้ง แล้วคลายอ้อมแขนออก ดาริการู้สึกตัวรีบยกมือกระพุ่มไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วยิ้มแห้งๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษด้วยนะคะที่ดาไม่ได้ทักทายก่อนพอดีดีใจมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก”นิราพรบอก
“มาทำไมล่ะแก ไม่ไปถ่ายรูปกับญาติๆ เหรอ”นิลลนาเอ่ยถาม
“พอดีกำลังจะกลับเลยมาทักทายก่อน หาตัวกันยากชะมัดเลย ดีนะที่เห็น”ดาริกาบ่นอุบ
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่จ้ะ แม่กับพ่อจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารน่ะ”
นิลลนาหันมองบิดามารดา เห็นพูดคุยกับญาติๆ อยู่ ทางนี้คิดว่าคงไปเลี้ยงฉลองเหมือนกัน ร่างบางสาวเท้าหาผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“พ่อกับแม่คะ เดี๋ยวนิลไปไหว้พ่อแม่ดาก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”
“จ้ะลูก”วิชยุทธตอบ
สองสาวจูงมือกันไปอีกทางหนึ่ง นิลลนามาถึงกลุ่มญาติของเพื่อน
“พ่อคะแม่คะนี่นิลค่ะ เพื่อนดาเอง”
คนถูกแนะนำยกมือไหว้ท่าทีนอบน้อม มารดาและบิดาเพื่อนยกมือรับแล้วยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเอง นิลลนาลากเพื่อนสาวไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่เยื้องออกไป
“พี่นัท นี่เพื่อนดาชื่อนิล”เธอแนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”นิลลนายกมือไหว้อีกครั้ง
เขารับไหว้แล้วจ้องมองใบหน้าสวยหวานไม่วางตา ดาริกามองพี่ชายแล้วใช้มือแตะเบาๆ ที่ท่อนแขน
“พี่นัท!”
“ว่าไงดา”
“เป็นอะไร ยืนนิ่งเชียว”
“เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร”ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ตรงเพื่อนของน้อง
ดาริกาหันมาทางเพื่อน ความจริงหากพี่ชายเธอกับนิลรู้จักกันมากกว่านี้คงดีไม่น้อย แต่เพราะพี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก่อนเธอรับปริญญาไม่กี่วัน ไม่อยากนั้นอาจสนิทสนมคบหากันก็ได้ พี่ชายไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เลย
นิลลนาตกประหม่าเพราะรับรู้ถึงสายตาของพี่ชายเพื่อน ปกติมักพบสายตาเช่นนี้มาตลอด แต่กับชายคนนี้ค่อนข้างเกรงใจไม่กล้าเดินหนี กลัวเพื่อนเสียความรู้สึกเลยทำแค่ยืนต่อหน้าแล้วเมินมองทางอื่นเหมือนไม่รับรู้
“แหม... ไม่ได้เป็นอะไรแต่จ้องเพื่อนดาตาไม่กระพริบเลยนะ”ดาริกาแซวพี่ชายทันที นัทพลรีบหลุบตามองพื้นด้วย
“ก็... เพื่อนดาสวย”เขาอ้อมแอ้มตอบ
ดาริกาหัวเราะแล้วโอบไหล่เพื่อนสาว
“นิลว่าไง พี่ชายบอกว่านิลสวย”
นิลลนาหันมองเพื่อน แล้วช้อนสายตามองชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่พูดจริงนะครับ”ชายหนุ่มรีบแก้ตัวเพราะคิดว่าคนถูกชมอาจเข้าใจว่าตนโกหก
“นิลไม่ได้คิดมากกับคำชมหรอกค่ะ”เธอตอบแล้วหันมองเพื่อน “ดาเดี๋ยวนิลไปก่อนนะ พ่อกับแม่รอนานแล้ว”
ดาริการะบายลมหายใจ แบบนี้หมดสนุกเลย อุตส่าห์เชียร์พี่ชายแต่สุดท้ายเพื่อนก็ไม่ยอม ขนาดพี่นัทออกจะหล่อยังไม่ชายตาแล ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงไม่สนใจหนุ่มไหนเลย
“โอเคนิล ไว้เจอกันนะแก”
“ไว้เจอกันดา”
เธอปลีกตัวออกมาจากวงศาคณาญาติและหลีกเลี่ยงสายตาพี่ชายเพื่อนยามมองมาเหมือนต้องตาต้องใจ มาถึงกลุ่มของตนเองบิดารีบโอบไหล่บุตรสาวพากันขึ้นรถเดินทางไปยังร้านอาหารไทยชื่อดัง อดีตเอกอัคราชทูตประจำประเทศเดนมาร์กมายังโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มีเก้าอี้ไม้บุนวมสีครีม ตรงกลางวางแจกันดอกกุหลาบขาว สามจุด ผ้าปูลูกไม้สีขาว ทุกคนนั่งประจำที่โดยมีวิชยุทธอยู่หัวโต๊ะ
ไม่นานอาหารถูกลำเลียงมาเสริฟ์เพราะทางลูกค้าทำการสั่งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย อาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอาหารไทยหน้าตาน่าทานจนทุกคนน้ำลายสอ นิลลนามองบิดาแล้วยิ้มกว้างคิดไม่ออกว่าควรตักจานไหนทานก่อนดีเพราะมันล้วนแล้วแต่เรียกน้ำย่อยให้ทำงาน
“น่าทานมากเลยค่ะพ่อ”นิลลนาชมเปราะ ก่อนตักยำสามกรอบใส่ปาก
“น่าทานก็ทานมากๆ นะลูก วันนี้เป็นวันของนิลเลย”คนเป็นพ่อบอก
หญิงสาวไม่รอช้ารีบตักอาหารโปรดของตนใส่จานเพิ่ม ญาติพี่น้องเลยจัดการตาม ในวงมีการพูดคุยกันตามประสาจนเลยไปถึงการหางานหลังจบการศึกษาของนิลลนาด้วย คนถูกเอ่ยถึงนั่งเงียบกริบช่วงเวลาสำหรับการเล่าเรียนมันยาวนานมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำคือท่องเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน
จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พักของตนเอง นิลลนายกมือกระพุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อนหาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน
“กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพรเอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน
ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อนเข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ามีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวางอย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวาเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว
ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหกห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่างประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้วยกยิ้ม
“พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย”
“ไปสิลูก”
คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ”
“ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรอีกมาก”
ฟังคำแม่แล้วทำเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อคงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง
บันไดหนทางสู่ใต้ดินทั้งมืดและอับชื้น ร่างบางสั่นสะท้านแต่ข่มความกลัวเอาไว้ เธอจะไม่ร้องขอให้พระองค์ทรงเมตตา หากต้องตายที่นี่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในสภาพของพระสนม กรงเหล็กสุดทางเดินถูกเปิดออก คนตัวเล็กถูกผลักดันให้เข้าไปในนั้น“อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมจะคอยให้คนมาส่งน้ำส่งข้าวไม่ต้องห่วง”อัสลันบอกเป็นภาษาอังกฤษ“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ฉันอดตายไปเถอะ” เธอบอก แล้วก้าวขึ้นนั่งชั่นเข่าบนเตียงเหล็กเย็นเฉียบราชองครักษ์ส่ายหน้าแล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ น้ำตาเอ่อ เธอเคยต้องการมาอยู่ในที่แบบนี้เหรอ เคยต้องการเป็นสนมเหรอ ไม่เคยต้องการเลย อยากกลับเมืองไทยเหลือเกิน พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน ทรงใจร้าย ใจดำ คอยดูเถอะสักวันเธอจะเอาคืนคนที่ทำเอาไว้เสียให้หมด อย่าให้เป็นทีของนิลลนาก็แล้วกันดึกสงัดเสียงหนูตามพื้นห้อง วิ่งกันขวักไขว่ นิลลนาหดขากวาดตามองรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้สว่างมากนัก มองด้านไหนมีแต่ความมืดมิด สถานที่แห่งนี้มีคนตายหรือเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ทหารเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้า ประตูห่างออกไปหลายเมนตร ร่างบางชันเข่ากอดตัวเองแน่น ความหนาวเริ่มมาเยือน ฟันกร
ซากิน่าและปารตีกอดอกจ้องมองใบหน้า เมื่อพิจารณาแล้วผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วบางโค่ง ริมฝีปากบางสีชมพู ผิวแก้มแดงปลั่งน่ามอง ขนาดเธอเป็นหญิงชาวซากวัยยังอดอิจฉาไม่ได้“นาเดียจะแปลให้พระสนมฟังนะเจ้าคะ” นาเดียบอกสองสาว“บอกไปสิว่าให้ไสหัวกลับประเทศตัวเองไป อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีวันสนใจไยดีผู้หญิงประเทศอื่นหรอก” ซากิน่าเข่นเขี้ยวนาเดียทำหน้าที่แปลก นิลลนายกท่อนแขนกอดอกบ้าง มองดูสองสาวคาดการณ์คงอิจฉาริษยาเลยพูดจาเช่นนี้ มองรอบๆ เห็นสตรีหลายนางงดงามทุกคน ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย“ฉันก็อยากกลับแต่เผอิญว่า... ฝ่าบาทไม่ให้กลับน่ะสิ” เธอลากเสียงยาวราวกับต้องการยียวนสองสาวมองหน้ากันตั้งท่าอยากเต้นเร่าๆ แต่หยุดตัวเองไว้เสียก่อน“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย อีกหน่อยก็ทรงเบื่อเจ้าแล้ว!” ปารตีพยายามสรรหาถ้อยคำมาบาดใจอีกฝ่ายบ้าง“เบื่อก็ดีสิกำลังต้องการเลย ไม่ต้องเสด็จมาที่ห้องยิ่งชอบ ทำไมเธอสองคนไม่พยายามทำให้ฝ่าบาทหลงบ้างเล่า พระองค์จะได้ไม่ต้องเสด็จมาหาฉันที่ห้อง!”“ฝ่าบาทไม่มีทางหลงผู้หญิงอย่างเธอหรอก!” ซากิน่าเริ่มเดือด เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานสตรีนางนี้“หลงไม่หลงฉันไม่รู้ แต
นาเดียคุกเข่าบนพื้นก้มหน้าเพื่อให้ฝ่าบาทพระราชดำเนินผ่าน ครู่หนึ่งจึงลุกยืนมองประตูห้อง รู้สึกเป็นห่วงพระสนม ค่อยๆ แง้มแล้วก้าวข้ามธรณีสู่ด้านใน ยินเสียงสะอื้นแผ่ว ในอกสั่นไหวขึ้นมาด้วยความสงสาร เดินมาถึงเตียงสี่เสาเห็นร่างอรชรชั่นเข่าซบหน้า“คุณนิลลนา...”เธอเรียกชื่อเสียงแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ขยับกายเข้าหาจับไหล่เพื่อปลุกปลอบ“ฉันอยากกลับเมืองไทย ทำไมฉันต้องมาเจอสภาพเช่นนี้ด้วย!”หญิงสาวตัดพ้อเงยหน้าช้อนสายตามองสาวรับใช้ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเพียงคนเดียวภายในพระราชวังแวนเดอเลีย“อดทนหน่อยนะคะ ความจริงฝ่าบาทพระองค์ทรงมีพระเมตตามากนะคะ ไม่มีสตรีนางใดปฏิเสธพระองค์ คุณควรจะยอมรับและโอนอ่อนนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น การมีสัมพันธ์ทั้งที่ใจไม่ได้ชอบพอ ใครจะทำได้เธอไม่ใช่คนเช่นนั้น“แต่ฉันไมได้รักฝ่าบาท ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะให้เป็นสนมได้ยังไง!”นาเดียไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสตรีปฏิเสธฝ่าบาท แค่เพียงเห็นพระสิริโฉมไม่ว่าใครต่างหลงใหล มีเพียงคุณนิลลนาเท่านั้น ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ในโลกด้วยหรือ“คุณใจเย็นก่อนนะคะ วันนี้ฝ่าบาททรงมีราชกิจคงไม่เสด็จมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ”คนตัว
ข้ารับใช้สาวเห็นใจเพราะตนนั้นไม่มีครอบครัวอีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าควรกลับไปหาใคร การจากบ้านเกิดมานานคงทำให้คิดถึงทั้งพ่อแม่บรรยากาศ“เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ แต่นอนบนเตียงไม่ได้ ขอปูผ้านอนบนพื้นแทนค่ะ”นิลลนามีรอยยิ้มขึ้นมาระบายลมหายใจแผ่ว อกเคยอึดอัดเริ่มผ่อนคลาย ยังคงรอโอกาสหนทางแห่งการหลุดพ้นจากกรงทอง อยากโบยบินหนีไปเสีย ความงดงามแห่งซากวัยเธอตระหนักดี แม้ชายผู้หมายตาในตัวเธอแสนสูงส่ง งามสง่า พระพักตร์แสนหล่อเหลา ต้องตราตรึงใจต่อสตรีเพศ แต่ไม่ใช่เธอ เมื่อไม่มีใจต่อกันคงไม่อาจทนอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายกับหัวใจไม่อาจยินยอมยกเรียวแขนก่ายหน้าผาก วันนี้รอด พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร พระองค์ทรงเอาแต่พระหทัยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรเลย ควรทำอย่างไรถึงรอดจากชะตากรรมเช่นนี้ไปได้ เปลือกตาเริ่มปิดสนิทถึงมีเรื่องมากมายให้คิดแต่ร่างกายไม่อาจฝืนทนต่อสภาพแวดล้อม อย่างไรเสียมันคงต้องหลับลงนาเดียก้าวหยุดยืนข้างเตียงมองพระสนมองค์ใหม่แล้วรั้งผ้าห่มคลุมกาย จัดการปูผ้าลงบนพื้นหยิบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน พระนางทรงไม่เหมือนใคร เพราะเห็นให้เกียรติเธอราวกับเพื่อนจริงๆนิลลนาขยับกายยกมือบีบขมับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่ว พ
นิลลนายกมือห้าม “อย่าเรียกว่าปรนนิบัติเลย ฉันไม่ต้องการแบบนั้นหรอก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพระสนม ฉันไม่ได้เป็น”“แต่หม่อมฉันจำเป็นต้องทำนะคะ เพราะถูกฝ่าบาทรับสั่ง หม่อมฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ค่ะ”คนฟังระบายลมหายใจ อากาศไม่ร้อนเท่าใดนักแต่เธอไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว เหนียวตัวจนแทบทนไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นนาเดีย ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหมเหนียวตัวสุดๆ แล้วก็... กับฉันไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เพราะฉันไม่ใช่ราชวงศ์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”“เอ่อ...” นาเดียอึกอัก “คงไม่ดีหรอกเพคะ”นิลลนาถอนหายใจยาว“เชื่อฉันเถอะนาเดีย ฉันไม่ชอบพิธีรีตองอะไร ความจริงอยากหนีให้พ้นๆ เสียจากที่นี่ แต่หนทางยังไม่มี ฉันอยากได้เพื่อนไม่ได้อยากได้คนรับใช้”“แต่ถ้าใครได้ยินเข้า พระสนมจะถูกตำหนิเอาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกลงโทษด้วย” นาเดียหลุบตามองพื้น“ถ้าอย่างนั้นเวลาอยู่ข้างนอกนาเดียค่อยใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็เห็นใจไม่อยากเห็นเดียถูกลงโทษ ได้ไหม”ข้ารับใช้ระบายยิ้ม เป็นเช่นนี้เธอค่อยโล่งใจ ไม่อยากนั้นพระสนมอาจถูกตำหนิ เธออาจต้องได้รับโทษอีกด้วย“ได้เพคะ”“ยังไม่ทันไรเลย ใช้คำราชาศัพท์กับฉันอีกแล้ว” นิลลนาระบายยิ้ม“
ใบหน้าเรียวสวยอาบน้ำตา หนทางรอดไม่มีแล้วหรือ หากต้องเป็นผู้หญิงของทหารทั้งกองทัพสู้ยอมเป็นของชายคนเดียวคงดีกว่า คิดถึงพ่อแม่ท่านคงช้ำใจหากรู้ว่าเธอต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้“อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลยเพคะ หม่อมฉันยอมแล้ว ยอมแล้วเพคะ ”คนตัวเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตากษัตริย์มาซาฮาฟช้อนพระเนตรมอง แล้วจับไมค์ตรัสบางอย่าง ทหารส่งเสียงอ่อย อีกครั้งร่างบางถูกลากออกจากสถานที่แห่งนั้น อัสลันมองตามส่ายหน้ารู้สึกสงสารสาวชาวไทยจับใจร่างบางถูกพาตัวมายังห้อง ประตูถูกปิดแน่นหนา เธอรู้ชะตาตนเองสองเท้าก้าวถอยหลังจนชิดกำแพง แต่ทว่าพระองค์กลับสาวพระบาทเข้าหาเพื่อประชิดกาย“เจ้าถอยหนีเราทำไม ในเมื่อเจ้ายินยอม”“มะ...หม่อมฉันรู้สึกไม่ชินเพคะ”เธอร้องบอกเสียงสั่นทรงหรี่พระเนตรสาวพระบาทเพียงก้าว พระกรตวัดรวบเอวบาง ดันจนร่างอรชรล้มลงบนเตียง นิลลนายกมือดันแผงพระอุระสีหน้าตื่นตระหนก ครานี้ทางรอดคงไม่มีอีกแล้ว“พระองค์จะทำอะไร!”“ทำให้เจ้าเป็นสนมของเราอย่างเต็มตัวไงล่ะนิลลนา”“ไม่ได้นะเพคะ”เธอร้องบอก “อื้อ!”ริมฝีปากบางถูกจุมพิตอย่างง่ายดาย นิลลนารับรู้ถึงความร้อนร่างกายพาลสั่นสะท้านเมื่อถูกสำรวจความหวานอ