공유

บทที่ 10

작가: เซียงปู้อี๋
นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ

หรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย

เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”

เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว

เธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น

เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมา

เผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”

เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอ

ฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”

เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”

คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

คิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้

และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสียความโปรดปรานจากประธานเย่ไปแล้ว

เวินหนี่ไม่รู้ว่าเย่หนานโจวเป็นอะไรไป แต่เขาผิดปกติมากที่ให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญเช่นนี้

เวลาต่อมา

“เลขาเวิน เอกสารสำคัญพวกนี้เอาไปถ่ายเอกสารเพิ่มอีกห้าสิบชุดด้วยนะคะ นี่คือสิ่งที่ประธานเย่ต้องการ ทำให้เรียบร้อยล่ะ!” เฉินเพ่ยหลินซึ่งเป็นเลขาเหมือนกันกับเธอพูดขึ้นพลางวางกองกระดาษA-4 ที่ยับยู่ยี่ลงต่อหน้าเธอ นัยน์ตามีสายตาดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าหากเวินหนี่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานแล้วเธอก็สามารถเข้ามายึดครองตำแหน่งได้ทันที

เวินหนี่ยังคงจัดการเอกสารอยู่ เมื่อเห็นกองเอกสารขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า นี่มันไม่ใช่แค่การนำไปถ่ายเอกสารเท่านั้น แต่ยังต้องจัดระเบียบด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะทำเสร็จโดยที่วันนี้ไม่ต้องทำโอที

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินเพ่ยหลินที่กำลังยิ้มเยาะเธออยู่ “ด้วยความสามารถของเลขาเวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำไม่เสร็จใช่ไหมคะ?”

เฉินเพ่ยหลินและเวินหนี่มีความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกัน

เย่หนานโจวใช้เวลาสอนงานเวินหนี่หลายวัน และการทำงานที่เข้าขาของทั้งสองก็ไม่มีใครเทียบได้ สิ่งนี้ทำให้เฉินเพ่ยหลินอิจฉามาก เห็นได้ชัดว่าเธอเองมีความสามารถในการทำงานมากเช่นกัน แต่เธอกลับเทียบเวินหนี่ไม่ได้เลย อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลง และเวินหนี่ก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานระดับล่างของเลขา

เธอคิดว่าเวินหนี่โชคดีกว่าเธอเพราะอาศัยหน้าตา ครั้งนี้เธอต้องทำคะแนนให้ดี และทำให้เวินหนี่ได้รับความลำบากดูบ้าง

เวินหนี่รู้ว่าเฉินเพ่ยหลินไม่ชอบเธอ แต่ปกติแล้วเธอมัวแต่ทุ่มเทให้กับเย่หนานโจว ไม่ว่าเฉินเพ่ยหลินจะประชดประชันและเหน็บแนมเธอแค่ไหน เธอก็อดทน และไม่ได้สนใจอะไร

คราวนี้เฉินเพ่ยหลินทำให้เธอต้องลำบาก

เวินหนี่ไม่อยากทนมันอีกต่อไป เพราะการที่เธอยอมทนมากเกินไปมันทำให้คนอื่นได้ใจ “นี่เป็นเอกสารสำคัญที่ประธานเย่ต้องการจริง ๆ งั้นเหรอ? ในเมื่อมันเป็นเอกสารสำคัญ แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำดี ๆ ล่ะ ฉันยังมีงานอื่นที่ต้องทำ เกรงว่าจะไม่มีเวลามาจัดการเรื่องพวกนี้หรอกนะ!”

เมื่อเฉินเพ่ยหลินเห็นว่าเธอไม่ตกหลุมพราง จึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “นี่เธอกำลังขัดคำสั่งของประธานเย่อย่างนั้นเหรอ?”

เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมอง “ฉันจะทำเท่าที่ทำได้เท่านั้น!”

“นี่เธอ เวินหนี่ เธอกล้ามากนะ เธออยากตกงานงั้นสิ!” เธอไม่ฟัง ทำให้เฉินเพ่ยหลินโกรธมากและพูดขึ้นเสียงดัง

หากไม่ได้รับอนุญาตจากเย่หนานโจว เฉินเพ่ยหลินก็คงไม่กล้ามารังแกเธอ

เธอติดตามเขามาหลายปีแต่ก็ไม่ได้รับความโปรดปราน

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน หยุดจัดการเอกสารในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉินเพ่ยหลิน แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “มากสุดฉันก็แค่ตกงาน ฝากบอกประธานเย่ด้วยว่า วันนี้ฉันโดดงาน ดูซิว่าถ้าไม่ได้ส่งคนมาจับตาดูฉัน บริษัทของเขาจะล้มละลายหรือเปล่า!”

พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าและหันหลังเดินออกจากบริษัททันที

เฉินเพ่ยหลินโกรธจนแทบบ้า แต่เธอก็ตั้งตารอจุดจบของเวินหนี่เช่นกันจึงตะโกนออกไปว่า “ได้ ฉันจะไปรายงานประธานเย่เดี๋ยวนี้ มาดูกันว่าเธอจะมีจุดจบแบบไหน!”

เฉินเพ่ยหลินใช้โอกาสนี้ ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นกับเย่หนานโจว หากเธอนำคำพูดของเวินหนี่ไปบอกเขา เวินหนี่จะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน

เธออยากจะเห็นเวินหนี่ถูกไล่ออกจริง ๆ

เธอเคาะประตูห้องทำงานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ประธานเย่คะ”

เย่หนานโจวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองและพูดอย่างเฉยชา “มีธุระอะไร?”

เฉินเพ่ยหลินยืนอยู่ตรงนั้นอย่างระมัดระวังและกล่าวขึ้นว่า “ประธานเย่คะ เวินหนี่เธอโดดงานค่ะ บอกจะไปก็ไป แถมยังพูดอีกว่า หากประธานเย่ไม่ให้คนไปจับตาดูเธอแล้วจะทำให้บริษัทล้มละลายหรือเปล่า ทุกคนในบริษัทต่างก็ได้ยิน เวินหนี่คนนี้กลายเป็นคนไร้กฎมากขึ้นไปทุกที ข้ามหัวประธานเย่ไม่พอแถมยังสาปแช่งบริษัทอีก ฉันโกรธแทนประธานมากจริง ๆ ค่ะ เธอไม่เห็นคุณในสายตา มันมากเกินไปจริง ๆ คุณควรไล่เธอออก...”

สีหน้าของเย่หนานโจวเย็นชามาก และเขาเพียงแค่พูดขึ้นว่า “ไสหัวออกไป!”

เขาไม่อยากฟังเธอพูด

สิ่งนี้ทำให้เฉินเพ่ยหลินสับสน เธอรู้ว่าหากเย่หนานโจวรู้เรื่องนี้เขาจะต้องโกรธมาก และต้องไล่เวินหนี่ออกอย่างแน่นอน แต่เธอไม่คิดเลยว่าความโกรธของเขาจะส่งผลมาถึงเธอด้วย

เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของเย่หนานโจว เธอก็ไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง จึงออกมาด้วยความอับอาย

เวินหนี่มาถึงประตูลิฟต์ และมีแพทย์คนหนึ่งกำลังเดินถือชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมาจากลิฟต์

เขาตัวสูงและสวมเสื้อคลุมสีขาว เมื่อเขาเห็นเวินหนี่ ใบหน้าที่สดใสของเขาก็ยิ้มขึ้นทันทีพร้อมกับร้องทัก “พี่สะใภ้ ทำไมพี่ไม่อยู่ในบริษัทล่ะครับ สะพายกระเป๋าจะไปไหน? พี่หนานไม่ได้บอกพี่เหรอ พอเขารู้ว่าพี่บาดเจ็บ เขาก็เรียกผมให้มาตรวจร่างกายให้พี่…”

น้อยมากที่เขาจะถูกพี่หนานเรียกให้มาช่วยรักษา

เดาได้ว่าเขาคงเป็นกังวลมาก กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป

เวินหนี่เหลือบมองเขา “นายไปดูแลเย่หนานโจวเถอะ ช่วยไปตรวจร่างกายเขาด้วย”

พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์โดยไม่สนใจสีหน้าสับสนของผู้คนที่เดินออกมา

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ไปตรวจความบ้าของพี่ชายนายหน่อย
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status