Share

บทที่ 11

Penulis: เซียงปู้อี๋
เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?

ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดี

เวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…

ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว

เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”

เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”

เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”

“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”

“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”

เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ

เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”

“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”

เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน ถ้าปัญหาได้รับการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็จะกลับมาดีกันไม่ใช่เหรอครับ? ผมว่าพี่ลองลดทิฐิลงแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลดู มันจะช่วยความสัมพันธ์ของพวกพี่ได้ และพี่สะใภ้ก็จะไม่เมินเฉยพี่อีก”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดลง รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ และจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม

เมื่อเสิ่นฉือถูกจ้องมองแบบนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ กลัวว่าคงจะไปทำลายความภาคภูมิใจของเขาเข้า จึงพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบ “มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด… ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะต้องเข้าใจยอมรับกันให้มากขึ้น แต่เรื่องแบบนั้นถ้ายังรักษาได้ก็ควรรักษาไม่ใช่เหรอครับ?”

“เวินหนี่บอกนายงั้นเหรอ?” เย่หนานโจวถามขึ้นเสียงเย็น

เสิ่นฉือกลืนน้ำลายและพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ “พี่สะใภ้ขอให้ผมตรวจร่างกายให้พี่”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินเข้ามาพร้อมกล่องชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์

เย่หนานโจวก็ตะโกนขึ้น “ไสหัวไป!”

เวินหนี่กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ตั้งใจจะเก็บข้าวของและย้ายออกไป

ในเวลานี้ เย่ซูเฟินกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน และพูดคุยเกี่ยวกับลูกชายและสะใภ้ของตน

แต่เมื่อเย่ซูเฟินพูดถึงเวินหนี่ เธอก็จะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจอยู่เสมอ และมักเปรียบเทียบเธอกับสะใภ้บ้านอื่นในเรื่องภูมิหลังครอบครัวที่ดีกว่า มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีกว่า

ภูมิหลังของเธอไม่มีเรื่องดี ๆ ให้พูดถึงเลย

เวินหนี่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จนเบื่อแล้ว และโดยพื้นฐานเธอก็มีภูมิคุ้มกันต่อมัน

เธอเดินเข้าไปโดยไม่คิดที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาของพวกเขา

เมื่อเย่ซูเฟินเห็นเธอ ก็ไม่อยากจะเล่นไพ่นกกระจอกอีกต่อไป และตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้น!”

เวินหนี่อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและมองย้อนกลับไปที่เธอ “มีอะไรเหรอคะ?”

สีหน้าของเย่ซูเฟินนั้นแย่มาก เธอตวาดขึ้นว่า “เธอนี่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากขึ้นไปทุกที ใช้เงินของลูกชายฉันเป็นล้าน ๆ ในคราวเดียว ครอบครัวของเราสูญเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่กับงานแต่งของเธอ เธอไม่คิดถึงบ้านของเราเลยหรือไง มีลูกสะใภ้บ้านไหนบ้างที่ใช้เงินเก่งเหมือนเธอ!”

เวินหนี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “ฉันเคยใช้เงินมากมายแบบนั้นตอนไหนเหรอคะ?”

ตั้งแต่เธอแต่งงานกับตระกูลเย่ ของมีค่าทุกชิ้นที่เย่หนานโจวมอบให้เธอถูกซ่อนไว้ในกล่องและไม่เคยนำมันออกมาเลยและเธอก็ไม่คิดที่จะอยากใช้เงินของตระกูลเย่อีกสักแดงเดียว

ทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่เธอหามันมาด้วยตัวเอง

“ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่อีก ดูเอาเองเถอะ!” เย่ซูเฟินพูดอย่างมั่นใจและกล่าวหาเธอว่า “เธอซื้อเสื้อผ้าราคาเป็นล้านเลยหรือไง เธอมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้แต่วิธีใช้เงิน ด้วยนิสัยแบบนี้ สักวันหนึ่งตระกูลของเราจะต้องล้มละลายเพราะเธอ!”

มีข้อความแจ้งการรูดบัตรเครดิตปรากฏยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ แถมยังเป็นการซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งทำให้เวินหนี่ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

ช่วงนี้เธอไม่ได้ช้อปปิ้งเลย

เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง

และเธอก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยมากขนาดจนต้องทุ่มเงินเป็นล้านเพื่อซื้อเสื้อผ้าด้วย

เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ได้ใช้เงินนี้ค่ะ”

เย่ซูเฟินไม่เชื่อ “ถ้าเธอไม่ได้ใช้บัตรเครดิต แล้วมันจะเป็นใครได้อีก เงินล้านนี้ถูกผีใช้ไปหรือไง”

“ฉันไม่เคยใช้เงินในบัตรเครดิตค่ะ”

“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ บ้านเรามีสักกี่คนที่สามารถใช้บัตรเครดิตได้ แถมยังเอาไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงอีก ถ้าฉันไม่แอบเชื่อมบัตรเครดิตของตระกูลเอาไว้ ฉันก็คงไม่รู้ว่าเธอแอบใช้เงินมากมายลับหลังฉันแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ครั้งนี้ด้วยสินะ หลายปีที่เธอเข้ามาอยู่ในตระกูลเธอใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่บอกฉันมาให้หมด” ทุกครั้งที่เย่ซูเฟินตรวจสอบบัญชี และพบว่ามีการใช้เงินไปมากมาย เธอก็มักจะสงสัยเวินหนี่ทันที

เวินหนี่รู้ดีว่าหลังจากแต่งงานกับตระกูลเย่ ตราบใดที่เย่ซูเฟินไม่ชอบเธอ ตระกูลนี้ก็จะไม่ใช่ที่ของเธอ

เธอไม่อยากจะสร้างปัญหาอะไรดังนั้นเธอก็จะไม่ทำเรื่องอะไรที่นำพาปัญหา

แต่พอเกิดปัญหาขึ้นทีไรก็โทษเธอทุกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เธอหมดความอดทน “คุณไปตรวจสอบดูได้ค่ะ แต่อย่ามาโทษฉันมั่ว ๆ”

“เธอหมายความว่ายังไง เงินนี้ถ้าไม่ใช่เธอใช้แล้วจะเป็นใคร เธอมันผู้หญิงหน้าเงิน พอเห็นว่าตระกูลของเราร่ำรวย...”

“เงินนั้นผมเป็นคนใช้เอง”

ทันใดนั้นเสียงของเย่หนานโจวก็ดังมาจากนอกประตู

เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงพวกเธอทะเลาะกัน ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างไม่แสดงอารมณ์

เวินหนี่และเย่ซูเฟินมองไปที่เขาพร้อมกัน เย่ซูเฟินกระอักกระอ่วนเ ธอพูดไปตั้งเยอะขนาดนั้นแต่คนที่ใช้เงินกลับไม่ใช่เวินหนี่ “หนานโจว ลูกจะเป็นคนใช้เงินนี้ได้ยังไง? นั่นมันเสื้อผ้าผู้หญิงนะ นี่ลูกคิดจะปกป้องเวินหนี่งั้นเหรอ?”

เย่หนานโจวพูดขึ้น “ผมซื้อให้ลู่ม่านเซิงเอง”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่ซูเฟินเสียงขาดหาย และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

แต่สีหน้าของเวินหนี่นั้นดูไม่ดีเล็กน้อย และเธอมองเย่หนานโจวอย่างสงสัย

เขาเต็มใจที่จะใช้เงินกับลู่ม่านเซิงจริง ๆ ถึงกับซื้อเสื้อผ้าให้เธอในราคาหลักล้าน

สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่เขารัก

เวินหนี่กระตุกยิ้มเยาะมุมปาก เธอเบี่ยงสายตา และเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับไปมอง

เย่ซูเฟินกำลังคิดว่าเย่หนานโจวใช้เงินกับลู่ม่านเซิงมากมายขนาดนั้น หากความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เขาก็จะต้องหย่ากับเวินหนี่ เธออารมณ์ดีขึ้นมากก่อนจะพูดขึ้นว่า “หนานโจว ถ้าเงินนี้ใช้ไปกับลู่ม่านเซิงแม่ก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ แม่ก็แค่อยากถามดูเท่านั้น”

ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา และเขาก็พูดต่อ “ผมให้เธอยืม”

เย่ซูเฟินตกตะลึง “ยืมงั้นเหรอ?”

เย่หนานโจวมองเธอ ก่อนจะกล่าวเตือน “แม่อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลยครับ”

เย่ซูเฟินที่กำลังมีความสุข หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป และอยากจะตอบโต้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเธอก็ปิดปากอย่างชาญฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

เวินหนี่ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บสัมภาระ คำพูดของเย่หนานโจวกระตุ้นให้เธออยากไปออกจากตระกูลเย่ขึ้นไปอีก

มันคงจะดีกว่าหากเธอจะจากไปเอง ดีกว่าถูกไล่ไปออกในภายหลัง อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกอับอาย และเธอก็รู้จักความพอดี

พวกเขากลัวว่าเธอจะใช้เงินของตระกูลเย่มากขนาดนั้น เธอจึงไม่คิดที่จะนำเครื่องประดับล้ำค่าและสิ่งของที่เย่หนานโจวเคยมอบให้เธอไปด้วยสักอย่างเดียว เธอเก็บแต่เสื้อผ้าของตัวเองไปเท่านั้น

เธอยัดมันลงในกระเป๋า

ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็เดินเข้ามาและเห็นว่าเธอกำลังจัดกระเป๋าเดินทาง เขาขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “เธอกำลังทำอะไร?”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ก็ไปจากครอบครัวห่วยๆตระกูลเฮงซวยไง ถามไม่คิดอีควาย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status