แสดงแดดรอดผ่านผนังกระจกเข้ามาในห้อง แม็กนัสเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า พยายามปรับโฟกัสสายตาเขามีอาการปวดศีรษะ เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยเขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกชาที่แขนฝั่งซ้าย
“ขมิ้น” เขาเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่ข้างกายเขารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อย้อนกลับไปคิดเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ได้ห่มเหงอะไรเพราะหญิงสาวเองก็ยินยอมพร้อมใจไปกับเขา
“ตื่นได้แล้วยัยเด็กขี้เซา เช้าแล้วกลับห้องไปได้แล้ว” เขาเขย่าตัวขมิ้นแต่หญิงสาวทำเสียงเหมือนรำคาญและพลิกตัวนอนหันหลังให้เขา นอนสบายใจโดยไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่บนเตียงของเขา
“นี่ตื่นได้แล้ว” หรืออยากจะให้เขาทำแบบเมื่อคืนอีก เช้านี้ต่ออีกสักรอบสองรอบเขาก็ไม่ติดแค่คิดจูเนียร์น้อยคึกขึ้นมา
“อื้อ”
“ตื่นไม่งั้นฉันโยนลงไปจากเตียงนะ” แม็กนัสส่งเสียงปลุกพร้อมกับเขย่าแขนของขมิ้นอีกรอบ และเขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนในตัวของหญิงสาว เมื่อคืนเขารุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอก็อย่างว่าเพราะขมิ้นยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง
“ฉิบหาย เป็นไข้เลยเหรอวะ”
เขาถึงกับกุมขมับ ไม่คิดว่าเขาจะทำรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายไม่สบายขนาดนี้ แต่โชคยังดีที่แม่เขาไปต่างจังหวัด หากไม่อย่างนั้นเขาคงโดนแม่เล่นงานหนักแน่
แม็กนัสจะลงไปเรียกแม่บ้านขึ้นมาดูแลขมิ้นก็ไม่ได้เดี๋ยวมีคนรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจึงค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าต้องดูแลคนป่วยยังไงบ้าง เขาจึงเริ่มเช็ดตัวให้ขมิ้นถึงแม้จะทุลักทุเลพอสมควร
“ป้าครับ”
“คุณแม็กนัสต้องการอะไรคะแล้วหนูขมิ้นไปไหนทำไมไม่เห็นลงมาเลย”
“อ่อ คงตื่นสายมั้งครับผมขอยาลดไข้กับข้าวต้มหน่อยได้ไหมครับ” เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติเดี๋ยวมีคนรู้ว่าเขาทำลูกสาวสุดที่รักของแม่ป่วยหนัก
“คุณแม็กนัสป่วยเหรอคะ”
“ครับเดี๋ยวผมนั่งรอจะยกขึ้นไปเอง”
“รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านรีบไปจัดแจงสิ่งที่แม็กนัสต้องการ รอไม่นานเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการและรีบยกข้าวต้มขึ้นไปให้คนป่วย
ขมิ้นปวดศีรษะมากจนไม่สามารถทรงตัวยืนได้ หญิงสาวจึงนั่งลงที่เดิมกว่าเธอจะลุกมาใส่เสื้อผ้า อยากรีบออกไปจากห้องของแม็กนัสจะแย่แต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยเลย
“ตื่นตอนไหน”
“…”
“กินข้าวก่อนจะได้กินยา”
“…”
เหมือนเขาพูดกับอากาศขมิ้นไม่ยอมตอบหรือต่อว่าเขาสักคำ ซึ่งเขาไม่ชอบจะต่อว่าเขาเหมือนเดิมก็ได้แต่ไม่ใช่มาเงียบใส่กัน
หญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา “กินข้าวจะได้กินยา” แม็กนัสพูดย้ำอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
“กินข้าวจะได้กินยา ถ้าไม่ยอมกินอะไรเลยมันจะหายป่วยไหม?” แม็กนัสเริ่มพูดเสียงดังขึ้นตามอารมณ์ที่คุกรุ่น ไม่คิดว่าเด็กที่เคยว่านอนสอนง่าย เวลาดื้อจะเอาเรื่องอย่างนี้ ไม่ว่าเขาจะตะคอกจนเสียงดังแค่ไหนหญิงสาวยังคงนิ่งจนเขาเหนื่อย
“จะกลับห้อง” น้ำเสียงแหบพร่าเอยขึ้นเธอไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้ายที่ข่มเหงเธอเมื่อคืน รอให้เจ้าของบ้านกลับมาเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีกต่อไป
“หึ เมื่อคืนร้องจนไม่มีเสียงหรือไง”
“ปล่อย” ขมิ้นพูดเสียงแผ่วพร้อมจะก้าวลงเตียงแต่ถูกเขารั้งไว้พร้อมกับบอกว่า
“ไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ภายในห้องนี้เท่านั้น อยากได้อะไรก็แค่บอก เดี๋ยวไปเอามาให้ และตอนนี้ก็ต้องกินข้าวกินยาเสียก่อน”
ขมิ้นมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาเจ็บปวดไม่เข้าใจว่าตอนนี้เขาทำเหมือนเป็นห่วงเธอ “ทำกับขมิ้นขนาดนี้แล้วจะมาแสร้งเป็นห่วงทำไม?”
“ที่ดูแล เขาอยากให้หายป่วยก่อนแม่จะกลับมาเท่านั้นแหละ ไม่รู้สึกผิดจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นห่วงเธอ” แม็กนัสเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจก็สวนกลับไปทันที จนเขาต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นใบหน้าของขมิ้นเศร้าลง
หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็เสียใจมาก น้ำตาที่เธอพยายามเก็บกั้นไว้มาทั้งคืนมันก็ไหลออกมา เขาได้ทุกอย่างไปจากเธอก็น่าจะจบกัน
เมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว แม็กนัสก็เกิดรู้สึกผิดตัวเองคงพูดแรงเกินไป น้ำเสียงเขาจึงอ่อนลงกลายเป็นคำขอร้องแทน
“กินข้าวเถอะ ได้กินยา” แต่คนที่แปลกยิ่งกว่าก็คือหญิงสาว แค่แม็กนัสพูดจาดีๆ ด้วยเธอก็ยอมนั่งกินข้าวต้มแบบเงียบๆ ถึงแม้จะกลืนไม่ค่อยลงก็ตาม
“ขมิ้นจะกลับห้อง”
“พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ”
“ปล่อยขมิ้นไป ขอร้อง” ตอนนี้เธออ่อนแอไม่อยากเจอหน้าเขาอีกต่อไป น้ำตาแห่งความอดสูจึงไหลออกมาอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เธอขอร้องเขา
เขาเห็นแบบนั้นจึงยอมปล่อยมือขมิ้นและปล่อยให้หญิงสาวกลับห้องไป เมื่อขมิ้นออกไปจากห้องแล้วเขาจึงขังตัวเองอยู่ในห้อง มองผ้าปูที่นอนผืนเก่าที่มีร่องรอยคราบเลือดอยู่
“โธ่โว๊ยยย” แม็กนัสหัวเสียไม่น้อยเขาแบกผ้าที่นอนลงมาชั้นและลงมือซักมันด้วยตัวเอง พอแม่บ้านจะเข้ามาช่วยเขากลับห้าม เขานั่งซักอยู่แบบนั้นจนคราบเลือดจางลงถึงได้ขับรถออกไปจากบ้าน
.
“ฮึก ฮือ” ขมิ้นทรุดตัวนั่งร้องไห้เมื่อกลับมาถึงห้องนอนตัวเอง เธอเป็นมีเลือดเนื้อเชื้อไขก็เสียใจเป็นเหมือนกัน หญิงสาวขังตัวเองอยู่ในห้องร้องไห้จนหลับไปอีกรอบ
สะดุ้งตื่นเมื่อมีคนยืนพูดคุยปลายเตียงแต่เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร สักพักร่างบางถูกอุ้มเธออยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนร่างกายเธออ่อนแอจนไม่มีสติ
“ป้าขอบคุณคุณวาโยมากนะคะ ป้าฝากหนูขมิ้นก่อนนะป้าจะโทรบอกคุณผู้หญิงก่อน”
“ครับ” วาโยมาหาขมิ้นที่บ้านแต่ป้าแม่บ้านบอกว่าเธอยังไม่ลงด้านล่างตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเที่ยง เขาจึงขอร้องให้ป้าพาขึ้นไปที่ห้องของขมิ้น เมื่อมาถึงเห็นหญิงสาวกำลังหลับไม่ได้สติ พยายามปลุกแค่ไหนก็ไม่ตอบสนองเขาจึงพาหญิงสาวมาส่งโรงพยาบาล
“ญาติคุณเขมญาดาครับ”
“ผมครับ ขมิ้นเป็นยังไงบ้างครับ”
“อ่อ คุณเป็นอะไรกับคนไข้ครับ” คุณหมอถามย้ำอีกครั้งเขาอยากคุยกับคนใกล้ชิดของคนไข้มากกว่า
“ผมเป็นคนรักครับ” วาโยต้องโกหกออกไปหากบอกเป็นคนเพื่อคุณหมอคงไม่ยอมบอกว่าเพื่อนป่วยเพราะอะไร
“อ่อ คนไข้ป่วยจากการระบมและตรงอวัยวะบวมหมอฉีดยาแก้อักเสบและยาลดไข้ให้แล้ว เรื่องแบบนี้หมอเข้าใจแต่ควรอ่อนโยนลงนะครับ หมอให้นอนดูอาการสักคืนก่อนนะครับ”
เหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบที่ศีรษะเมื่อได้ยินในสิ่งที่หมอพูด ขมิ้นอยู่บ้านกับแม็กนัสจะเป็นใครไปได้นอกจากคนสารเลวอย่างแม็กนัส มันย่ำยีผู้หญิงที่เขาแอบรักไม่รู้มันหายหัวไปไหน เขากำหมัดแน่นโกรธแค้นแทนขมิ้น
“คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ”
“ขมิ้นป่วยไข้หวัดเฉยๆ ครับป้ากลับไปพักผ่อนดีกว่า เย็นนี้ค่อยมาเฝ้าขมิ้น”
“ป้าขอบคุณมากนะคะ”
วาโยมองใบหน้าที่หลับสนิท มือหนาจับมือขมิ้นไว้หากเขาตามจีบขมิ้นเร็วกว่านี้ หญิงสาวคงไม่ต้องมาเจออะไรที่เจ็บปวด เขาไม่อยากตีโพยตีพายไปเองแต่อดคิดไม่ได้เขารอขมิ้นตื่นมาเล่าความจริงให้เขาฟัง เขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างหญิงสาวเสมอ
“แม่จ๋า ฮึก”
“ขมิ้นเราเองวาโย”
ขมิ้นเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ มองไปรอบๆ ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล หญิงสาวจึงโล่งใจที่ไม่ต้องเจอหน้าคนใจร้าย
“มันไม่อยู่หรอก”
“วาโยรู้”
“หมอบอกหมดแล้วมันข่มขืนขมิ้นเหรอ”
ขมิ้นกัดปากเมื่อวาโยรู้ว่าเธอป่วยเพราะอะไร จะเรียนว่าข่มขืนก็ไม่ได้เพราะเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แถมยังเชื้อเชิญเขาอีก
“รักเขาเหรอขมิ้นถึงยอมเขา” วาโยเห็นขมิ้นเงียบจึงเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างเขาเป็นตัวสำรองอีกแล้วสินะทำไมคนหล่อถึงได้อกหักตลอดวาโยปลอบใจตัวเอง
“ไม่ต้องร้องเราไม่ถามแล้วพักผ่อนนะตอนเย็นป้าสายจะมาเฝ้าขมิ้น”
วาโยห่มผ้าและอยู่ดูแลขมิ้นจนกว่าป้าแม่บ้านจะมาดูแลในช่วงกลางคืน เขาได้แต่นั่งจ้องหน้าคนที่นอนหลับใหลบนเตียงคนป่วยแล้วถอนหายใจออกมา เขาอยากจะอยู่รอเจอหน้าแม็กนัสแต่ผ่านไปจนถึงเย็นมันไม่ยอมโผล่หน้ามาเลย
แสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้าสาดส่องกระทบกับกระจกหน้าต่างเซฟเฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงปารีส เมืองแห่งความโรแมนติก ขมิ้นยืนอยู่ที่ระเบียงห้องชื่นชมทิวทัศน์ของหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ลมเย็นพัดผ่านผิวกายของเธอเบาๆ ทำให้เธอหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ตกหลุมรักที่นี่เลยใช่ไหม?"เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่อ้อมแขนอบอุ่นจะโอบรัดเอวของเธอจากด้านหลัง แม็กนัสโน้มศีรษะลงมาแนบชิดกับไหล่ของเธอ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมของหญิงสาวขมิ้นหัวเราะเบาๆ "ขมิ้นตกหลุมรักทุกอย่างที่นี่เลย ไม่ใช่แค่เมืองนี้นะ..."เธอเว้นจังหวะ ก่อนจะหันไปสบตากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอทอประกายอบอุ่นเมื่อพูดต่อ"แต่รวมถึงพี่แม็กด้วย" “ปากหวานคงต้องจัดอีกรอบ”แม็กนัสยิ้มออกมา ดวงตาสีน้ำตาลลึกซึ้งของเขาฉายแววแห่งความรัก ขมิ้นรู้ว่าเธอไม่ได้แค่พูดเล่น ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก “อย่ามาหื่นขมิ้นขาสั่นไปหมดแล้ว” “พี่คิดถึงเมียหนิ ใครกันมาให้พี่เย็.-ด ถึงที่” “ดูพูดเข้า” “เราแต่งงานกันนะค่อยกลับไปจัดที่เมื
ขมิ้นนั่งจ้องมองเด็กทารกตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ในเปลตัวจ้ำหม่ำนอนหลับปุ๋ย ในปากยังมีขวดนมอยู่ขมิ้นเขี่ยแก้มเบาๆ ทำให้เด็กน้อยทำตัวยุกยิกไปมา “ชอบเด็กไหมขมิ้น” “น้องน่ารักมากเลยนะคะ” “ตอนนอนน่ารักพอตื่นบ้านแทบแตก” เดือนเมษาเพิ่งคลอดลูกสาวได้ไม่นาน กองทัพจะมาขอลูกที่คนสองเธอจึงบอกให้เขาพักก่อน “ขมิ้นยังไม่อยากมี” “เรียนจบแต่งงานไปแล้วก็อยากมีเอง” ดูอย่างไต้ฝุ่นสิคนเจ้าชู้แบบนั้นพอมีความรักก็อยากมีลูกขึ้นมาทันที เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน “ขนมจ้ะสาวๆ” ไลลาริณถือขนมมาวางพร้อมกับนั่งลงที่พื้น เห็นลูกสาวของกองทัพแล้วทำให้อยากมีบ้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนอย่างพี่ไต้ฝุ่นจะยอมหยุดที่พี่ไลลา” ในแก๊งนี้บอกเลยว่าไต้ฝุ่นคือคนที่ใช่ชีวิตคุ้มค่าที่สุดฟาดเรียบไม่เหลือ “คนเจ้าชู้ถ้าเขาอยากหยุดจะหยุดเองเราไม่ต้องพยายาม” กว่าจะหยุดเสียน้ำตาไปเยอะเหมือนกัน เขาทำให้ไลลาริณมั่นใจว่าเขานั้นหยุดอยู่ที่เธอคนเดียว “พี่แม็กนัสธรรมดาเสียที่ไหน” “เสือสุ่ม” “ห่างกันตั้ง 1 ปีคิดถึงเขาไหม”
เอเลนอยิ้มหน้าบ้านที่ลูกชายตามง้อขมิ้นสำเร็จคิดว่างานนี้จะได้ออกโรงเอง ความหวังที่อยากได้ขมิ้นมาเป็นลูกสะใภ้นั้นวันนี้สำเร็จลุล่วง ต้องรีบหาฤกษ์หมั้นหมายให้เร็วที่สุด “ถ้าลูกชายหม่ามี้แกล้งอะไรบอกแม่ได้เลยนะลูกหม่ามี้จะจัดการมันเอง” “หม่ามี้ผมลูกหม่ามี้นะ” รักลูกสะใภ้มากกว่ารักลูกตัวเองไม่ได้ “คงไม่กล้าทำอะไรขมิ้นแล้วค่ะ” แม็กนัสน่าจะกลัวเข็ดยาดไปอีกนาน กว่าจะผ่านด่านพ่อตาไม่ง่ายเรียกว่าแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งหลายครั้ง “อย่าทำแบบนั้นอีกนะแม็กนัส” “ผมไม่กล้าแล้วครับ” ต่อจากนี้จะเชื่อหัวใจตัวเองไม่กล้าปากเก่งทำสิ่งตรงข้ามกับหัวใจอีกแล้ว แม็กนัสพาขมิ้นมาที่ผับของไต้ฝุ่นอีกไม่กี่วันเขาจะต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพ่อ จึงพาหญิงสาวมาทำความรู้จักแบบเป็นทางการ วันนี้กองทัพและไต้ฝุ่นพาคนรักมาด้วยสาวๆ จะได้มีเพื่อนคุย ขมิ้นกับเดือนเมษารู้จักกันแล้วส่วนไลลาริณนั้นอยู่คนละคณะจึงไม่ค่อยเจอหน้ากัน “พี่เมษาท้องได้กี่เดือนแล้วคะ” “จะเข้าสามเดือนแล้วจ้ะ” กองทัพไม่พูดพร่ำทําเพลงเสกเด็กน้อยเข้าท้องเรียบร้อย
ส่วนพ่อขมิ้นซึ่งตอนนี้ถูกภรรยาเรียกกล่อมจนอารมณ์เย็นลงมาบ้างแล้ว เขาแก่จนอายุปูนนี้เห็นแก่ความสุขของลูกเขาจึงยอมให้โอกาสแม็กนัสอีกครั้ง “เมื่อตัดสินใจแล้วก็รับผิดชอบด้วยตัวเอง” “ขอบคุณคุณพ่อครับที่เข้าใจ” “ได้คืบจะเอาศอกใครให้เรียกพ่อ” ปทุมทำเป็นเคร่งขรึมวันก่อนยังเรียกเขาลุงอยู่เลย แต่ไม่เป็นไรเขาอารมณ์ดีเพราะขมิ้นจะอยู่ที่บ้านสวนกับเขาอีกสี่ปี ก่อนจะไปอยู่กับแม็กนัสสมน้ำหน้าให้อยู่ห่างกันแบบนั้นแหละถึงจะถูก ตกดึกแม็กนัสหมุดออกจากมุ้งตัวเองคิดถึงขมิ้นอยากกอดอยากหอมแต่เกรงใจพ่อกับแม่ คืนนี้จะไปฟัดให้หายคิดถึง “จะไปไหนครับพี่ชาย” “เบาๆ ดิวะกูจะไปนอนกับขมิ้น” “กินลูกตะกั่วตัวใครตัวมันนะ” เรียวตะหันหลังนอนเล่นโทรศัพท์ต่อ เขามาอยู่ที่บ้านสวนเกือบสองสัปดาห์ แทนที่เขาจะได้ใช่ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ปิดเทอมนี้จึงไม่ได้ไปเที่ยวไหน แกร็ก “พี่มาแล้วจ้ะ ขมิ้นของพี่” ตอนเย็นเขาบอกขมิ้นว่าห้ามล้อกประตูจะแอบเข้ามานอนด้วย เขาย่องขึ้นเตียงขมิ้นเหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจเพราะฝนตกลงมากลบเสียงจนม
ตอนบ่ายอาการป่วยของเขาดีขึ้นมากวันนี้จึงสั่งให้เรียวตะไปหาซื้อพวงมาลัยที่ตลาด ที่แรกน้องชายบอกให้เขาร้อยเองในสวนมีดอกไม้หลายพันธุ์ อย่าหวังว่าคนแบบเขาจะยอมทำ แม็กนัสเดินขึ้นเรือนพร้อมกับพวงมาลัยสองพวงพ่อกับแม่ของขมิ้นมองแม็กด้วยความสงสัยว่าแม็กนัสเป็นอะไรหรือจะกินยาไม่ได้เขย่าขวด “แม็กนัสมีอะไรเปล่าลูก” แม่ของขมิ้นเอ่ยถามเมื่อเห็นเขานั่งลงที่พื้นพร้อมกับพวงมาลัยสองพวง “ผมจะมาขอขมาคุณน้าทั้งสองครับ” พ่อกับแม่ของขมิ้นยิ่งงงไปกันใหญ่ แม็กนัสก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่ของขมิ้น แล้วสารภาพความจริงทุกอย่างเป็นเพราะเขาขมิ้นถึงหนีกลับมาที่เขามาตามเพราะรักขมิ้นจึงมาขอโทษ ขมิ้นเดินมาได้ยินเธอก็ตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าแม็กนัสจะกล้าสารภาพกับพ่อแม่ หญิงสาวยืนหลบมุมเพื่อรอดูสถานการณ์ “มึงออกจากบ้านกูไปเลย!” “พี่ทุมใจเย็นก่อนสิ” “เราจะฝากลูกสาวไว้กับมันได้ยังไงดีนะที่วันนั้นยังไม่รับหมั้น ออกไปจากบ้านกู!” ปทุมโกรธจนโยนพวงมาลัยทิ้ง ทำลูกเขาเจ็บคนเป็นพ่อแม่นั้นเจ็บยิ่งกว่า “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” “มึงอยาก
ขมิ้นพาแม็กนัสเข้าสวนทุกวัน ดายหญ้า รดน้ำ พรวนดิน เก็บผลผลิตแม็กนัสต้องทำทุกอย่าง โดยมีเรียวตะเป็นผู้ช่วยงานมันหนักเสียจนเรียวตะอยากกลับกรุงเทพ“กูไม่น่ามากับพี่เลยไอ้ห่าแม็ก” จากที่คิดว่าแม็กนัสอาจจะทนได้ไม่นานแต่มันไม่ใช่ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว คนที่จะตายคือเขาเอง“มึงจะเรียกกูว่าพี่ทำไมถ้าจะด่าขนาดนั้น”“พี่ทำคนเดียวเลย”แม็กนัสมองมังคุดที่กองอยู่ตรงหน้าวันนี้ขมิ้นให้เขาแยกผลไม้ใส่ลังเพื่อจะนำไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด หลายวันก่อนต้องไปเก็บทุเรียนจนใบหน้าได้แผลมาหนึ่ง“หน้ายังไม่หายดีเลยแผลมาอีกละกว่าจะได้กลับกรุงเทพผมเตรียมโลงไว้ให้พี่ดีกว่า”“เงียบเลยนะมึงไม่ช่วยยังปากดีอีก” เขาบอกขมิ้นไว้แล้วว่ายังไงเขาจะไม่ยอมแพ้คนอื่นเขาทำงานหนักได้ เขาก็ต้องทำได้เหมือนกัน.“ลูกคุณหนูสำอางมากคิดว่าจะหนีกลับกรุงเทพตั้งแต่วันแรกแล้ว” ปทุมยอมในความอดทนของแม็กนัสขนาดถูกเขาแกล้งให้ทำงานหนักก็ไม่หวั่นไม่บ่น แต่ชอบมาแตะตัวลูกสาวเขาตลอด“จะไปไหนขมิ้นแดดร้อนอยู่”“ไปเอาน้ำจ๊ะพ่อ”เห็นเขาทำงานหนักจึงสงสารตอนนี้บ่ายโมงแดดแรงมาก ขมิ้นถือน้ำและผลไม้แช่แข็งไปให้เขาเธออยากพูดกับเขาตรงๆ“น้ำกับผลไม้”“