Share

บทที่ 0010

ในที่สุด รถก็ได้ขับมาถึงห้องโถงไว้อาลัย

รูปถ่ายคุณยายของวังโหรวถูกจัดตั้งเอาไว้ตรงกลาง

ภายในห้องโถงไว้อาลัยมีผู้คนไม่น้อยเลย รวมถึงหญิงวัยกลางคนที่ทุบตีเย่เจียเหอในตอนเช้าด้วย

พวกเขาร้องห่มร้องไห้ราวจะขาดใจตาย

คนเหล่านี้แต่งตัวเลอะเทอะโสมมและกิริยามารยาทดูป่าเถื่อนเอาเสียมากๆ ซึ่งต่างจากวังโหรวราวกับคนละโลก

ข้างเตาอั้งโล่ วังโหรวสวมชุดขาว คุกเข่าเผากระดาษอยู่ข้างๆ

เธอหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ ดูแล้วน่าสงสารอย่างจับใจ

เย่เจียเหอมองทั้งหมดนี้อย่างเย็นชา แม้ว่าคุณยายของวังโหรวจะเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจได้แม้แต่น้อย

ลู่จิ่งโม่ส่งสัญญาณให้เธอเดินตามหลังมา

เขาเดินเข้าไปในห้องโถงไว้อาลัยในทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปหาวังโหรวและประคองเธอขึ้นมา

"โหรวเอ๋อร์ ผมพาเจียเหอมาแล้วนะ"

น้ำเสียงของลู่จิ่งโม่อ่อนโยนและดูหวงแหนเอาเสียมากๆ "หวังว่าคุณจะยอมรับคําขอโทษของเธอนะ"

วังโหรวแอบชำเลืองไปที่เย่เจียเหอ จากนั้นก็เงยหน้าที่ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมา และพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า "จิ่งโม่ ฉันไม่เคยคิดที่จะแย่งของของใครมาก่อน แต่ทำไมภรรยาของคุณถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ด้วย? เธอเกลียดฉัน ก็มาแก้แค้นกับฉัน ทำไมจะต้องทำร้ายคุณยายของฉันด้วย?"

เย่เจียเหอหัวเราะอย่างเย็นชา นี่มันเป็นการขอโทษซะที่ไหนกันล่ะ?

เธอมองวังโหรวอย่างเหยียดหยาม แล้วพูดว่า "แล้วหลักฐานล่ะ? หลักฐานที่ฉันฆ่าคุณยายของเธอ? เธอไม่ได้แย่งอย่างนั้นเหรอ? แล้วเธอวิ่งไปที่ห้องทดลองของฉัน และบอกฉันว่าเธอหวานแหววกับสามีของฉันขนาดไหน? แล้วก็ยุให้เราหย่ากันแบบนั้น?"

ลู่จิ่งโม่ตะลึงค้าง เขาควรจะรู้ตั้งนานแล้วว่า เย่เจียเหอคงไม่ยอมขอโทษอย่างว่าง่ายแน่ๆ

แล้วมันเป็นไงล่ะ ไม่เพียงไม่ได้ขอโทษ แต่ตอนนี้กลับราดน้ำมันบนกองไฟเสียแล้ว!

เขาส่งสัญญาณเตือนเย่เจียเหอ กัดฟันแล้วพูดว่า "ยังไม่หุบปากอีก!"

ในเวลานี้เย่เจียเหอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดฟังก์ชั่นวิดีโอ จากนั้นก็จ่อไปที่ลู่จิ่งโม่และวังโหรว

"อยากจะฟ้องไม่ใช่เหรอ? อยากฟ้องฉันนักไม่ใช่เหรอ? โอเค วันนี้หากเธอฟ้องแพ้ฉัน ฉันก็จะฟ้องว่าเธอใส่ร้ายป้ายสีฉันด้วย!"

เย่เจียเหอพูดอย่างเย็นชาขึ้นมาว่า "แล้วก็ยังบาดแผลบนใบหน้าของฉัน เห็นหรือยัง? นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของญาติเธอ นี่เรียกว่าอะไร? การทะเลาะวิวาทหมู่? พวกเธอ ไม่รอดไปแม้แต่คนเดียว!"

วังโหรวทำท่าทางราวกับเหยื่อ เอนหลังพิงอ้อมแขนลู่จิ่งโม่และร้องไห้อย่างน่าสังเวชออกมา

ลู่จิ่งโม่ตะคอกเสียงดังออกมาว่า "เย่เจียเหอ คุณบ้าไปแล้วหรือไง? นี่คือห้องโถงไว้อาลัยนะ!"

เย่เจียเหอเตรียมที่จะถึงไหนถึงกันแล้ว และเธอก็มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แล้วพูดว่า "แล้วยังจะคุณอีก จริงสิ กอดเธอให้แน่นอีกนิดก็ดี ถึงเวลาแบ่งทรัพย์สินกันจะได้เอามาใช้ได้ ฉันต้องถามทนายแล้วล่ะ การที่อีกฝ่ายนอกใจนั้น จะต้องมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง!"

มีความมืดมนแวบเข้ามาในดวงตาของวังโหรว จากนั้นเธอก็ขยิบตาให้หนึ่งในญาติที่อยู่ตรงนั้น

และญาติคนนั้นก็มีท่าทางราวกับนักเลงหัวไม้คนหนึ่ง

จู่ๆ เขาก็กระโจนไปข้างหน้า กระชากโทรศัพท์มือถือของเย่เจียเหอมา จากนั้นก็กระแทกไปที่พื้นอย่างเต็มแรง

จากนั้นเขาก็ผลักเย่เจียเหอล้มลง และบังคับให้เธอคุกเข่าต่อหน้ารูปถ่าย แล้วพูดว่า "นังผู้หญิงแพศยา เธอมีจรรยาบรรณของหมออยู่หรือเปล่า คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ คุกเข่าขอโทษคุณยายของฉันเดี๋ยวนี้!" เย่เจียเหอคิดไม่ถึงเลยว่า ท่ามกลางสาธารณชนแบบนี้ เขายังกล้าที่จะทำให้เธออับอายได้ขนาดนี้

แต่เธอจะไม่ยอมแพ้แน่ๆ

แต่พละกำลังของเธอ จะเทียบกับชายหนุ่มฉกรรจ์ได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือ ชายคนนั้นก็แกว่งกำปั้นเข้ามาหาเธอทันที

เย่เจียเหอหลับตาแน่น และรอให้กําปั้นนั้นทุบลงมา

เพราะเธอรู้ว่า เธอหลบไม่ทันอย่างแน่นอน

แต่ทว่าผ่านไปเนิ่นนาน กำปั้นนั้นก็ไม่ได้ตกมาที่ใบหน้าของเธอแต่อย่างใด

เย่เจียเหอค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่าลู่จิ่งโม่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ และหวางกำปั้นของชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้

ดวงตาที่ใสสะอาดของเธอเต็มไปด้วยความสะท้าน

อาจเป็นเพราะไม่คาดคิดว่า ลู่จิ่งโม่จะช่วยเธอเอาไว้ล่ะมั้ง?

วังโหรวก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน

เมื่อกี้ลู่จิ่งโม่ยังกอดเธออยู่ ปลอบโยนด้วยเสียงอุ่นๆ

แต่ทําไมอยู่ๆ เขาก็รีบออกไปปกป้องเย่เจียเหอแบบนั้นได้

ลู่จิ่งโม่คว้าข้อมือของชายคนนั้นเอาไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "พอประมาณก็ได้แล้ว! ตบตีผู้หญิง มันเป็นลูกผู้ชายตรงไหน?"

เมื่อวังโหรวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง เธอก็รีบเดินเข้ามาและแกล้งเป็นผู้ไกล่เกลี่ยทันที จากนั้นก็ดึงชายหนุ่มแล้วพูดว่า "ช่างมันเถอะพี่ชาย ฉันคิดว่าคุณเย่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายคุณยายหรอกนะ"

ขณะที่พูด เธอก็ใช้หางตามองสำรวจมาที่สีหน้าของลู่จิ่งโม่ โดยหวังว่าผู้ชายคนนี้จะยังยืนอยู่เคียงข้างเธอ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลู่จิ่งโม่จะไม่ตอบสนองต่อเธอเท่านั้น แต่กลับคว้าเย่เจียเหอเข้ามาด้วยเสียนี่

"ไปกันเถอะ"

ขณะที่พูด เขาก็ชักสีหน้าและเดินออกจากห้องโถงไว้อาลัยท่ามกลางสายตาของทุกคน

แม้ว่าเขาจะชอบวังโหรว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับญาติที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ของตระกูลวัง เขาก็ทนไม่ได้จริงๆ

อย่าถามว่าวังโหรวนั้นอับอายสักแค่ไหน

ญาติที่ยากจนเหล่านั้นดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างและพากันเข้ามา ฉันพูดคำเธอพูดคำ

"ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เป็นเมียของคนรวยคนนั้นเหรอ? เสี่ยวโหรว งั้นก็หมายความว่า เธอถูกเลี้ยงดูไว้ข้างนอกน่ะสิ?" "พวกเราคิดว่าเธอได้เจอคนมีเงินในเมือง แล้วก็กลายเป็นคุณนายไปแล้วเสียอีก!"

"เฮ้อ ดีใจเสียเปล่าๆ!"

เมื่อวังโหรวได้ยินเสียงบ่นพึมพำและเยาะเย้ยถากถางของเหล่าบรรดาญาติๆ เธอก็แอบกระชับนิ้วให้แน่นขึ้น

มีความมืดครึ้มแวบเข้ามาในดวงตาของเธอ กัดฟันแล้วพูดว่า "พวกเธอร้อนใจอะไรกัน? ผู้หญิงคนนั้นก็แค่โชคดีสักหน่อย ถึงสามารถแต่งเข้าตระกูลลู่ได้ ขอแค่พวกเธอเชื่อฉัน ช่วยฉันไล่เธอออกไป ฉันก็เป็นคุณนายลู่แล้ว ต่อไปพวกเธอก็จะมีเงินทองเสพสุขไม่รู้จบ"

……

ในเวลาเดียวกัน เย่เจียเหอก็มาถึงโรงรถและสะบัดมือของลู่จิ่งโม่ออกอย่างแรง

"คุณอย่าแตะต้องตัวฉันนะ!"

เธอมองเขาด้วยความโกรธและเนื้อตัวที่สั่นเทา

เมื่อเธอคิดถึงท่าทางนักเลงหัวไม้ของชายหนุ่มที่กดเธอให้คุกเข่าลงกับพื้นนั้น เธอก็คิดถึงฉากที่ตัวเองถูกทุบตีในตอนเช้าขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้นเอาเสียมากๆ

และความโชคร้ายทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้ชายคนนี้

เย่เจียเหอจ้องมองเขาด้วยความเกลียดชังและหันหลังเดินออกไป

เมื่อลู่จิ่งโม่เห็นท่าทางแบบนั้น เขาก็รีบวิ่งตามเธอไป และคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

"คุณจะไปไหน?"

ดวงตาลึกของเขาจ้องมองเธอและขมวดคิ้ว

เย่เจียเหอสะอึกสะอื้นและพูดว่า "ลู่จิ่งโม่ คุณบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเราก็จะไปหย่าที่ที่ว่าการอำเภอแล้ว คุณไม่ใช่สามีของฉันอีกต่อไป ฉันไปที่ไหน คุณไม่มีสิทธิ์ถาม!"

ลู่จิ่งโม่ยิ้มเย็นชาและพูดว่า "สิ่งที่ผมพูดก็คือ คุณขอโทษ แล้วผมถึงจะยอมหย่า แต่เมื่อกี้ที่คุณอยู่ในห้องโถงไว้อาลัย นี่คือการขอโทษอย่างนั้นเหรอ? คุณไม่ได้อาละวาดไปอีกยก? ดังนั้นเย่เจียเหอ การหย่าถือว่าเป็นโมฆะไปแล้ว! กลับบ้านกับผมเดี๋ยวนี้"

ด้วยวิธีนี้ เขาก็ลากเย่เจียเหอกลับไปที่รถอย่างหนักหน่วง

ทั้งสองไม่ได้กลับไปที่วิลล่าเก่าของตระกูลลู่โดยตรง แต่กลับไปที่วิลล่าที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เพื่อไม่ให้คุณปู่ลู่เห็นและเป็นห่วง

ในห้องนอน ลู่จิ่งโม่ให้เธอนั่งบนเตียง จากนั้นเขาก็ไปหากล่องยา

เขานั่งยองๆ ต่อหน้าเธอ และดูตั้งอกตั้งใจที่จะทายาให้กับเธอ

ครีมยาเย็นๆ ช่วยขจัดความเจ็บปวดที่แก้ม สายตาของเย่เจียเหอตกลงบนใบหน้าที่เย็นชาของผู้ชาย และไม่สามารถละสายตาออกไปได้เลย

นั่นเป็นเพราะ เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่อ่อนโยนจากเขามาก่อนเลย

ในที่สุด เย่เจียเหอก็เงียบลงและไม่ได้ปฏิเสธเขา เพียงแค่ความคับข้องใจอย่างอธิบายไม่ได้และอยากที่จะร้องไห้ออกมาเท่านั้น

"บาดแผลเหล่านี้ คนในตระกูลวังพวกนั้นเป็นคนทำทั้งหมดใช่หรือเปล่า?" ขณะที่ช่วยทายาที่มุมปากของเธอ ลู่จิ่งโม่ก็ถามขึ้นมาอย่างราบเรียบ

เย่เจียเหอพูดเพียง 'อืม ' เบาๆ

ลู่จิ่งโม่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเห็นอกเห็นใจ

เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีเกาลัดของเธอเบาๆ และถามว่า "แล้วก่อนหน้านี้ทำไมไม่บอกผม?"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status