เพราะมุมกล้องที่ถ่ายเอาไว้ มันจึงทำให้วิดีโอที่ถูกถ่ายตั้งแต่ต้นจนจบชัดเจนเป็นอย่างมากและดาวรุ่งในวงการแพทย์อย่างจิ้นหนานผิงประจำสาขาศัลยกรรมหัวใจ ก็ได้แนบคำอธิบายใครคลิปวิดีโอด้วยตัวเองอีกต่างหากที่แท้คลิปวิดีโอนี้ น้องสาวของเขาเป็นคนถ่ายเอาไว้เมื่อเดินผ่านมหาวิทยาลัยไห่เฉิงและเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดีแต่จิ้นหนานผิงทําวิจัยที่ต่างประเทศตลอดทั้งปีและไม่ค่อยกลับประเทศ ไม่รู้เรื่องภายในประเทศ วันนั้นจึงได้วิดีโอคอลกับน้องสาวด้วย ตอนคุยเล่นก็เลยพูดถึงเรื่องนี้แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เจียเหอที่เป็นฮีโร่ช่วยคนจะมาถูกใส่ร้ายแบบนี้ได้จิ้นหนานผิงจึงวิดีโอคอลหาน้องสาวในทันที หลังจากวิดีโอถูกเปิดเผย เขาก็อธิบายกระบวนการช่วยเหลือคนของเย่เจียเหอด้วยตนเอง"ตั้งแต่ต้นจนจบ วิธีการและมาตรการช่วยชีวิตของเย่เจียเหอไม่มีปัญหาใดๆ รวมถึงการใช้ยาและเป็นยาทั่วไปในการรักษาโรคหอบหืด"ในตอนท้ายของวิดีโอ จิ้นหนานผิงยังพูดอย่างจริงจังขึ้นมาว่า "หากตอนนี้ แม้แต่การช่วยคนก็ถูกปฏิบัติแบบนี้แล้ว ต่อไปในวันข้างหน้า นักศึกษาแพทย์ของเรา จะเผชิญหน้ากับคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุได้อย่างไร? ส่วนนอกโรงพยาบาล จะมีกี่คนท
"เย่เจียเหอ ขอโทษด้วยนะที่เราได้เข้าใจผิดเธอแล้ว""ใช่ใช่ แต่เธอก็ถือว่าโชคดีบนความโชคร้ายแล้วนะ เมื่อเธอได้รับความสนใจของศาสตราจารย์จิ้นแบบนี้แล้ว ต่อไป เมื่อสอบปริญญาโทในสาขาเขา มันก็มีความได้เปรียบสูงมากเลยนะ!""ใช่แล้ว ศาสตราจารย์จิ้นเคยบอกไหมว่า ปีหน้าจะรับเธอเป็นนักศึกษาของเขา?"เย่เจียเหอถูกถามจนเวียนหัว ได้แต่ตอบอย่างขอไปทีว่า "ฉันไม่ได้สื่อสารกับศาสตราจารย์จิ้นเป็นการส่วนตัวน่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน"แต่ดูเหมือนว่า ในห้องเรียนนี้จะไม่มีเสียงที่แสบแก้วหู แต่คุ้นชินแบบนั้นแล้วเธอมองไปรอบๆ แล้วถามว่า "แล้วหลูเชี่ยนล่ะ เธอไม่ได้มาเรียนเหรอ?""เธอน่ะเหรอ!" ปกติหลูเชี่ยนก็ไม่ชอบหน้าใครอยู่แล้ว เพื่อนร่วมชั้นบางคนจึงบุ้ยๆปาก และพูดว่า "เหมือนเธอจะไปรุกรานใครในห้องทดลองนะ ถูกไล่ออกไปแล้วล่ะ เธอไม่มีแม้แต่สถานที่จะทําการทดลอง วิทยานิพนธ์จบการศึกษาไม่มีทำออกมาได้ทันหรอก ลาหยุดหลายวันแล้วล่ะ"เมื่อเย่เจียเหอได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เธอพยักหน้าและไม่ได้ถามมากไปกว่านั้นเพราะยังไงเสีย ก่อนหน้านี้หลูเชี่ยนก็เป็นคนทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมา และแทบจะดันเธอให้ไปสู่ทางตันให้รู้แ
"พอได้แล้ว! ฉันบอกแล้วหรือว่าฉันจะไม่สนใจ?"วังโหรวพูดอย่างหงุดหงิดว่า "ตอนนี้พวกคุณอย่าออกไปข้างนอก อย่าปริปากพูดอะไรเด็ดขาด ฉันจะคิดหาวิธีเอง!"หลังจากวางสายไปแล้ว วังโหรวก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นแม้ว่าเมื่อครู่เธอจะพูดแบบนี้ออกไป แต่เธอจะคิดหาวิธีอะไรได้? ในเมื่อเธอให้เย่เจียเหอและลู่จิ่งโม่หย่ากัน แล้วสามารถให้ตัวเองถอนตัวออกมาได้แบบนี้ เธอยังอยากที่จะนำเรื่องนี้มาพัวพันอีกงั้นเหรอ?ด้วยความจนใจ เธอจึงต้องโทรหาเย่เจียเหรอในเวลานั้น เย่เจียเหอเพิ่งจะเลิกเรียนเมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากวังโหรว เธอก็หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่รู้ตัว"เย่เจียเหอ เธอไม่อยากจะช่วยเพื่อนของเธอแล้วงั้นเหรอ?" เสียงของวังโหรวมืดมน "เรื่องที่เธอสัญญาเอาไว้กับฉัน เธอไม่สามารถทำสำเร็จได้แม้แต่เรื่องเดียว"เย่เจียเหอจึงพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า "เธอก็เห็นแล้วว่ามีศาสตราจารย์หลายคนบนอินเทอร์เน็ตช่วยฉันชี้แจงแล้ว แผนการที่เธอต้องการให้ฉันเสียชื่อเสียงไม่สามารถทําได้ชั่วคราวแล้ว""แล้วการหย่าล่ะ?" วังโหรวยังคงไม่ลดละความพยายาม "เธอทำแบบนี้สนุกมากไหม? ทำไมจะต้องอยู่กับผู้ชายที่ไม่รักเธอด้วย เป็นมือที่สามของใครเขา สองวัน
หรือว่าผู้ชายที่เย่เจียเหอคบชู้อยู่ด้วยก็คือ จิ้นหนานผิง?เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของลู่จิ่งโม่ก็ยิ่งดูแย่ไปกว่าเดิมมากเสียแรงที่เขาได้จมกับความรู้สึกผิดที่มีต่อเธอตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ และคิดว่าตัวเองปรักปรำเธอเสียแล้วแล้วเธอล่ะ?เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!เธอกำลังหวานแหววอยู่กับผู้ชายคนอื่นอยู่น่ะสิ……จิ้นหนานผิงได้พาเย่เจียเหอไปส่งที่บ้าน เธอไม่กล้าที่จะผลีผลามเชิญให้เขาเข้าไปนั่งในบ้านแต่อย่างใดเพราะเธอกลัวว่าลู่จิ่งโม่จะอยู่ที่บ้านน่ะสิและจิ้นหนายผิงก็เป็นผู้ชายที่รู้สถานการณ์ดีเช่นกันหลังจากส่งเธอถึงจุดหมายแล้ว เขาก็ขับรถออกไปทันทีเมื่อเย่เจียเหอกลับถึงบ้าน ประโยคแรกที่เธอถามก็คือ "ป้าจางคะ เขา... กลับมาหรือยังคะ?" ถ้าเขารู้ว่าตัวเองถูกใส่ร้าย เขาจะเสียใจไหม? จะสนใจเธอมากขึ้นไหม? จะรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของวังโหรวหรือไม่?แต่น่าเสียดายที่ป้าจางพูดอย่างลำบากใจขึ้นมาว่า "คุณผู้หญิง คุณผู้ชายยังไม่ได้กลับมาเลยค่ะ งั้นดิฉันจะโทรถามเขาเอาไว้คะ?""ไม่จำเป็นแล้วล่ะค่ะ"เย่เจียเหอจับมุมริมฝีปากอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า "เขาน่าจะไม่มีเวลากลับมาแล้วล่ะค่ะ"ยังไงเขาก
"คุณกลับมาแล้วเหรอ?"เธอวิ่งเหยาะๆ ไปหาเขา และดูเหมือนว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องการพูดกับเขาแต่ดวงตาของลู่จิ่งโม่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และมีออร่าการห้ามเข้าใกล้แพร่กระจายออกมาเขาชำเลืองมองเธอเบาๆ แล้วเดินตรงไปข้างหน้าเย่เจียเหออดไม่ได้ที่จะจู่โจมคำถามไปที่แผ่นหลังของเขา "ลู่จิ่งโม่ คุณช่วยจัดหาทนายมาให้วังโหรวหรือเปล่า?"ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลง แล้วตอบอย่างเย็นชาว่า "ใช่ แล้วจะทำไม?""เพราะอะไร? คุณต้องการผลักให้เซี่ยหลิงต้องจนมุมจนตายใช่หรือเปล่า?"เย่เจียเหอกระโจนไปหาเขา ยืนอยู่ต่อหน้าเขา แล้วพูดอย่างโกรธๆว่า "ฉันตกลงที่จะหย่าแล้วนะ ฉันให้พวกคุณสมปรารถนาแล้ว ทำไมคุณยังต้องทำแบบนี้อีก?""ผมสมปรารถนา?"ลู่จิ่งโม่ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นมาว่า "มันเป็นความปรารถนาของผม หรือของคุณกันแน่?"มีแต่การหย่ากับเขาอย่างราบรื่นเท่านั้น เธอถึงจะออกไปตามหาผู้ชายที่แอบซ่อนไว้ข้างนอกแบบนั้นได้ ไม่ใช่เหรอ?และผู้ชายคนนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น จิ้นหนานผิง!เย่เจียเหอสับสนกับคําถามกลับของเขา และพูดอย่างน้อยใจว่า "ทั้งๆ ที่เป็นคุณที่อยากจะหย่ากับฉันตั้งแต่แรก แล้วตอนนี้ทำไมโยนมาท
"คุณนายคะ คืนนี้คุณชายคงจะไม่กลับมาตามเคยนะคะ คุณนายจะเข้านอนก่อนดีไหมคะ?"เมื่อป้าจางเห็นไฟในห้องนอนยังคงสว่างอยู่ จึงเข้ามาเตือนด้วยความหวังดีประกายความผิดหวังแวบเข้ามาในดวงตาของเย่เจียเหอและในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงของเครื่องยนต์ดังแว่วมาจากลานบ้านเย่เจียเหอจึงรีบวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกมองดู โดยที่ยังไม่ทันได้สวมรองเท้าแตะเสียด้วยซ้ำตามที่คาดเอาไว้ เบนท์ลีย์สีเงินของลู่จิ่งโม่ขับเข้าไปในโรงรถเธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองลงไปยังชุดนอนที่สุดแสนจะเซ็กซี่ของตัวเองด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกลองตลอดระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกันมา เขาก็นอนอยู่ในห้องรับแขกมาโดยตลอด และก็ไม่เคยแตะต้องตัวเธอแต่อย่างใดเย่เจียเหอรู้ดีว่า การแต่งงานของพวกเขาทั้งสองได้เกิดมาจากคุณปู่ลู่ ซึ่งไม่ใช่ความปรารถนาของลู่จิ่งโม่แต่อย่างใดแต่สองปีมาแล้วนะ พวกเขาจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นเหรอ?ลู่จิ่งโม่คิดว่าเธอเป็นแค่นักศึกษาที่ยังไม่จบการศึกษา และคิดว่าเธอไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหม?หรือเป็นเพราะว่าเขารังเกียจที่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายเสนออย่างนั้นใช่ไหม?เมื่อนึกได้ดังนี้ เย่เจียเหอก็สวมชุดกระโปรงนอนเซ็กซี่ท
ลู่จิ่งโม่สูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิงแล้วในเวลานี้วันนี้ในวงสังสรรค์ไม่รู้ว่าอาหารหรือเหล้าเบียร์กันแน่ที่มีปัญหาเขาในตอนนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนา และยากที่จะควบคุมอารมณ์ส่วนนั้นเอาไว้ได้เมื่อสัมผัสไปโดนความนุ่มละมุนของหญิงสาวที่อยู่บนเตียงความปรารถนานั้นของเขาก็ราวกับลูกศรที่จำเป็นต้องพุ่งทะยานออกไปอย่างหยุดเอาไว้ไม่อยู่ด้วยการตอบสนองที่เขินอายและการร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารแบบนั้น มันยิ่งทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่งไปแล้วผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มในที่สุดชายหนุ่มก็อิ่มหนำสำราญและผล็อยหลับไปเย่เจียเหอรู้สึกเหมือนกับผ่านการบดขยี้มา มันเจ็บปวดจนถึงกระดูกเลยทีเดียวเธอประคองร่างกายที่ปวดเมื่อย รีบสวมกระโปรง และออกไปจากห้องท่ามกลางความมืดมิดจากนั้นก็เข้าไปในลิฟต์อย่างลุกลี้ลุกลน แต่กลับชนกับหญิงสาวคนหนึ่งเข้าพอดี"ขอโทษค่ะ"เย่เจียเหอใบหน้าซีดเผือด รีบเดินเข้าไปในลิฟต์ และกดปุ่มปิดประตูทันทีวังโหรวออกจากลิฟต์ และหันกลับไปมองทันทีเธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ จึงแอบอยู่ซอกลิฟต์และมองไปที่เย่เจียเหอนี่ใช่ภรรยาของลู่จิ่งโม่หรือเปล่า? ผู้หญิงที่แย่งตำแหน่งของเธอไปคนนั
เย่เจียเหอมองไปที่เขาอย่างประหม่า แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นขึ้นมาว่า "คุณฟังฉันอธิบาย เมื่อวานฉัน...""พอได้แล้ว"ลู่จิ่งโม่พูดตัดบทเธอ และสายตาก็ตกไปที่รอยแดงบนลำคอของเธอเห็นได้ชัดว่า รอยแบบนี้จะทิ้งเอาไว้หลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นแล้วน้ำเสียงของเขาเย็นชาและโหดเหี้ยม "สองปีมานี้ให้คุณเดียวดายเพียงลำพัง ผมก็มีส่วนผิดอยู่ด้วย คุณทำเรื่องแบบนี้ลงไป ผมก็ไม่โทษคุณ แต่เจียเหอ ตระกูลลู่ไม่สามารถยอมรับผู้หญิงที่ไม่สะอาดแบบนี้มาเป็นแม่ใหญ่ของบ้านได้"สมองของเย่เจียเหอสับสนไปหมดแล้ว และคำอธิบายทั้งหมดในเวลานี้ มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงใช่สิ เรื่องแบบนี้พูดไปใครจะเชื่อล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เธอจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้จริงๆว่าเธอถูกสองแม่ลูกเย่เป่าจูนั่นใส่ร้าย แต่เธอก็ไม่สะอาดอีกต่อไปแล้วเย่เจียเหอกระตุกมุมปากอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "ดังนั้น ความหมายของคุณก็คือ หย่า?"ลู่จิ่งโม่พยักหน้าอย่างสงบ "ทางด้านของคุณปู่ หวังว่าคุณจะพูดอย่างชัดเจนว่า เป็นคุณเองที่จะขอหย่า ผมจะไว้หน้าคุณเป็นครั้งสุดท้าย อย่าให้คนแก่ท่านรู้ว่า คุณออกไปแอบกินของคาวมา"เย่เจียเหอรู้สึกเพียงว่าในเวลาน