Share

บทที่ 0009

น้ำตาของเย่เจียเหอคลออยู่ที่เบ้า โดยที่เธอพยายามไม่ให้มันไหลออกมา "คุณให้ฉันอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ เรื่องนี้ คำสองคำมันไม่ชัดเจนหรอก"

"เดี๋ยวก่อน ผมมีอะไรจะถามคุณ"

ลู่จิ่งโม่ล็อกข้อมือของเธอเอาไว้ โดยที่แรงบีบนั้นมันทำให้เย่เจียเหอถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมา

"เมื่อคืนวาน คนที่คุณช่วยเอาไว้นั้นคือยายของวังโหรว ตอนที่คุณยายถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลนั่น ท่านก็ได้จากไปแล้ว เย่เจียเหอ เพราะคุณรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณยายและวังโหรวมาก่อนหรือเปล่า?"

แววตาของลู่จิ่งโม่เย็นเฉียบ และมันก็เต็มไปด้วยความสงสัยและการตรวจสอบที่เข้มข้น

เย่เจียเหอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เบิกตากว้าง และมองมาที่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

คุณยายคนนั้น เป็นยายของวังโหรวจริงๆหรือนี่?

งั้นคำพูดของลู่จิ่งโม่ก็หมายความว่า เขากำลังสงสัยในตัวเธออยู่ โดยที่กำลังคิดว่าเธอใช้การช่วยชีวิตคนมาเป็นข้ออ้างในการแก้แค้นวังโหรวจนทำให้คุณนายของวังโหรวต้องตายแบบนั้นใช่หรือเปล่า

และในขณะนี้ เย่เจียเหอก็เหมือนตกไปในถ้ำน้ำแข็งที่หนาวเย็น โดยที่มันสิ้นหวังเอาเสียมากๆ

โดยที่ความเจ็บปวดแบบนี้ มันทรมานกว่าการถูกทุกคนเข้าใจผิดและตําหนิเป็นร้อยเท่า

เธอหัวเราะเยาะ ไม่ได้ยอมรับ และไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับถามขึ้นมาว่า "แล้วคุณคิดยังไงล่ะ? หรือว่า เธอคิดว่ายังไงล่ะ?"

เมื่อลู่จิ่งโม่เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่โกรธขึ้นมา

เขาบีบคางของเธออย่างเต็มแรง กัดฟันแล้วพูดว่า "ดังนั้น คุณยอมรับแล้วงั้นเหรอ?"

"ฉันจะยอมรับหรือไม่ มันยังสำคัญด้วยเหรอ?"

เธอยิ้มลึกกว่านั้น แต่ขมขื่นเอาเสียมากๆ "ต่อให้ฉันจะไม่ยอมรับ คุณก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี โอเค ฉันแพ้แล้ว ฉันสู้วังโหรวไม่ได้ ฉันแพ้แล้ว!"

ไม่รู้ว่าทำไม ด้วยท่าทางที่ทั้งดื้อรั้นและโดดเดี่ยวแบบนี้ของเธอ มันจึงทำให้เขาทั้งเกลียดทั้งสงสารไปในคราวเดียวกัน

จู่ๆ ลู่จิ่งโม่ก็ตะลึงงัน

นี่เขาสงสารเธอหรือนี่?

เขาจงใจเพิกเฉยต่อความรู้สึกแปลกๆ นี้ แล้วพูดว่า "คุณยายเป็นคนเลี้ยงดูวังโหรวมาตั้งแต่ยังเด็ก หรือว่า เพื่อใส่ร้ายคุณ เธอทำให้ยายของตัวเองต้องตายอย่างนั้นเหรอ?"

เสียงของเย่เจียเหอเจือปนไปด้วยเสียงร้องไห้และความคับข้องใจ "ลู่จิ่งโม่ เมื่อวันตอนที่ฉันช่วยคน คุณก็เห็นกับตาของตัวเองไม่ใช่เหรอ! แล้วตาข้างไหนที่คุณเห็นว่าฉันทำร้ายเธอ? ทำไมล่ะ วังโหรวพูดอะไร คุณก็เชื่อไปหมด แต่คุณกลับไม่เชื่อตาตัวเองอย่างนั้นเหรอ!"

ลู่จิ่งโม่พูดอย่างเย็นชาว่า "ผมเห็นแล้ว แต่ผมไม่ได้เรียนหมอมา ผมไม่รู้ทักษะที่อยู่ข้างในว่าเป็นอย่างไร เย่เจอเหอ หมอสามารถช่วยคนได้ และก็ทำให้สามารถทำร้ายคนได้เช่นกัน ผมแค่รู้ว่าคุณเกลียดวังโหรวเท่านั้น!"

"ใช่ ฉันเกลียดเธอ!"

ทันใดนั้นเย่เจียเหอก็ตะโกนออกมา "แต่ฉันเป็นหมอ แม่ของฉันก็เป็นหมอด้วย ฉันเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆว่าต้องช่วยผู้คน ฉันจะไม่ทำเรื่องที่ผิดมโนธรรมสำนึกแบบนั้นหรอกนะ!"

ลู่จิ่งโม่คลายมือออกจากเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงว่า "แต่ตอนนี้พวกเขาจะฟ้องคุณ เย่เจียเหอ ขอแค่คุณไปขอโทษ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เอง"

เพราะยังไงเสีย เย่เจียเหอก็เป็นภรรยาของเขา

ต่อให้เขาจะไม่รักเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้เธอมาทิ้งอนาคตไปเพราะเรื่องนี้ เย่เจียเหอสูดลมหายใจ กลั้นน้ำตาเอาไว้ และมองไปที่เขาอย่างแน่วแน่ "ถ้าฉันขอโทษ ก็เท่ากับว่าฉันยอมรับการใส่ร้ายของพวกเขา! ลู่จิ่งโม่ พวกเขาต้องการจะฟ้อง ก็ให้เขาฟ้องไป ฉันจะคอยดู! ฉันมั่นใจในความยุติธรรมของกฎหมาย"

"แต่ตระกูลลู่ไม่สามารถขายหน้าขายตาได้นะ!"

ลู่จิ่งโม่พูดด้วยความโกรธว่า "อย่างน้อยตอนนี้คุณก็เป็นคนของตระกูลลู่ หากเกิดเรื่องฟ้องร้องกันขึ้น หุ้นของลู่ซื่อ ชื่อเสียงของตระกูลลู่ และสิ่งต่างๆอีกมากมายก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เย่เจียเหอ คุณต้องไปขอโทษ!" จุดยืนทั้งหมดของเขาอยู่ที่วังโหรวและลู่ซื่อ

แต่กลับไม่คิดถึงเธอเลยแม้แต่น้อย

หัวใจของเย่เจียเหอราวกับถูกมีดมากรีด เธอยืนหยัดมาเป็นเวลานานขนาดนี้ แต่สิ่งที่เธอคว้าได้กลับเป็นชีวิตการแต่งงานที่ไม่มีสถานะอะไรเลย

และสุดท้ายแล้ว มันก็กลายเป็นมีดเล่มหนึ่งที่มาทำร้ายตัวเธอเอง

จู่ๆ เธอก็หัวเราะเบาๆออกมา โดยที่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเหล่านั้นได้อีกต่อไป

"ลู่จิ่งโม่ ฉันจะไม่ดึงตระกูลลู่เข้ามาเกี่ยวด้วยหรอก ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะหย่าไม่ใช่เหรอ? ฉันตกลง"

เธอเช็ดดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างดื้อรั้น แล้วพูดว่า "เมื่อฉันเซ็นแล้ว พวกเราก็หย่ากัน แบบนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของตระกูลลู่แล้ว คุณ พอใจหรือยัง?"

เมื่อคําว่า 'หย่า' ออกมาจากปากของเย่เจียเหอ ลู่จิ่งโม่ก็รู้สึกว่ามันแสบแก้วหูเอาเสียมากๆ

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ?

ทำไม?

ตอนนี้ หัวใจของเขากลับเหมือนถูกมือใหญ่มือหนึ่งคว้าเอาไว้ และความรู้สึกที่แทบจะขาดใจก็ได้ถาโถมเข้ามาเป็นระลอกๆ

เย่เจียเหอพูดคำต่อคำว่า "ในเมื่อวังโหรวอยากจะฟ้องร้องฉัน งั้นก็ให้เธอฟ้องเถอะ ต่อให้ฉันจะแพ้ความ ฉันก็ยอมรับ! คนอย่างเย่เจียเหอไม่มีอะไรที่ต้องละอายใจอยู่แล้ว!"

"คุณไปกับผมเดี๋ยวนี้"

จู่ๆ ลู่จิ่งโม่ก็จับมือเธอและลากคนออกไปข้างนอก

เย่เจียเหอตกใจและพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง "คุณจะพาฉันไปไหน? ลู่จิ่งโม่ ฉันไม่ไป"

"คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ"

ใบหน้าของเขาเย็นชา ริมฝีปากเม้มแน่น และก้าวออกไปด้านนอกโดยตรง

เย่เจียเหอก็ถูกลากให้เดินตามไปด้วย

เมื่อเธอถูกเขาลากลงไปชั้นล่าง บังเอิญก็ได้พบกับเย่เฉาหมิงที่กลับมาจากการคุยกับทนายความพอดี

"ประธานลู่?"

เมื่อเย่เฉาหมิงเห็นลูกสาวถูกลากแบบนี้ ก็ไม่พอใจเอาเสียมากๆ "คุณปล่อยเจียเหอก่อนเถอะ เธอเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ตกใจมา คุณจะทำแบบนี้กับเธออีกไม่ได้นะ"

ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลลู่มีรากฐานที่ลึกซึ้งในเมืองไห่เฉิงและมีอํานาจมาก เขาก็อาจจะทนไม่ไหว และชกไปที่ลู่จิ่งโม่ตรงๆเสียแล้ว

เมื่อมองดูท่าทางของเขาที่มีต่อเย่เจียเหอ เขาก็รู้ได้ทันทีว่า ตลอดสองปีที่ลูกสาวอยู่ในตระกูลลู่ คงได้รับความคับข้องใจมาไม่น้อยเลย

ลู่จิ่งโม่ไม่เห็นเย่เฉาหมิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

เขาได้พูดอย่างเย็นชาว่า "เรื่องนี้ท่านอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า ผมจะจัดการเอง"

เย่เฉาหมิงเข้ามาขวางพวกเขาไว้ทันที แล้วพูดว่า "ท่านประธานลู่ เจียเหอเป็นลูกสาวของผม เรื่องนี้ ผมจำเป็นต้องเข้ามายุ่งด้วย แต่เป็นคุณ อย่างน้อยเธอเป็นภรรยาของคุณ เธอถูกใส่ร้ายขนาดนี้แล้ว คุณยังทำกับเธอแบบนี้อีกเหรอ?"

เย่เฉาหมิงไม่ทราบถึงการมีอยู่ของวังโหรว ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจว่าทําไมลู่จิ่งโมถึงปฏิบัติต่อเย่เจียเหอเช่นนี้

ลู่จิ่งโม่ไม่มีความอดทนที่จะพัวพันกับเย่เฉาหมิงอีกต่อไป

เขาจึงกระซิบข้างหูของเย่เจียเหอเบาๆว่า "คุณรู้ไหม? เพียงแค่ผมขยับนิ้ว ตระกูลเย่ของพวกคุณจะล้มละลายในวันพรุ่งนี้ เย่เจียเหอ คุณให้ความร่วมมือหน่อย อย่าให้ผมต้องลงมือนะ"

เย่เจียเหอสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เธอมองผมหงอกที่จอนผมของพ่อ และในที่สุดก็ยอมประนีประนอมกับลู่จิ่งโม่

เย่เจียเหอพยายามยิ้มและพูดกับเย่เฉาหมิงว่า "พ่อคะ เรื่องนี้ให้หนูจัดการเองเถอะค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวหนูก็กลับมาแล้วค่ะ"

ด้วยวิธีนี้ เธอจึงตามลู่จิ่งโม่และเดินออกจากประตูไป

……

ระหว่างทาง ลู่จิ่งโม่ได้กําชับว่า "อีกครู่หนึ่งก็จะถึงห้องโถงไว้อาลัยแล้ว คุณทำตัวดีๆหน่อย ขอโทษวังโหรวและคนในครอบครัว เรื่องราวต่อจากนี้ผมจะเป็นคนจัดการเอง"

ดูเหมือนว่าดวงตาของเย่เจียเหอจะสูญเสียแสงสว่างทั้งหมดไปแล้วในเวลานี้ และเหลือเพียงรอยบาดแผลที่มืดมนเท่านั้น

เธอพยักหน้า "โอเค ให้ฉันขอโทษน่ะได้ แต่คุณต้องตอบตกลงกับฉันว่า พรุ่งนี้คุณจะไปที่ว่าการอำเภอกับฉัน"

มือที่มีกระดูกชัดเจนของลู่จิ่งโม่จับพวงมาลัยเอาไว้แน่น และเส้นเอ็นที่หลังมือก็ปรากฏออกมาอย่างคลุมเครือ

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผู้หญิงคนนี้พูดคําว่า 'หย่า' ในวันนี้

นี่ควรเป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการ แต่หัวใจราวกับมีไฟที่ลุกโชนขึ้นมา

เขาก็อยากรับปากเธอเหมือนกัน

แต่มันเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ ทำได้เพียงส่งเสียง 'อืม' ออกมาเบาๆ ได้เท่านั้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status