Home / วาย / บัวเหนือศิรา / ลูกแม่ค้า

Share

ลูกแม่ค้า

last update Last Updated: 2025-06-01 21:01:58

๗ ปี ก่อนหน้า

บัวบูชา สินธปกรณ์ (ดอกบัวที่นำขึ้นบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์) คือชื่อของผู้หญิง อายุ ๒๑ ปี นักศึกษาชั้นปีที่สี่ สาขาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เจ้าของร่างบางผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ที่มีส่วนสูงประมาณ ๑๖๙ เซนติเมตร ใบหน้าเรียวยาวขาวนวลน่ารักสมวัย ผมหน้าม้าสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวปรกหน้าผากมนทำให้ใบหน้าหวานดูน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัว

อีกทั้งจุดไฝสีดำเม็ดเล็กที่แต่งแต้มอยู่ข้างริมฝีปากล่างซ้ายนั้น ทำให้เวลายิ้มใบหน้าดูมีเสน่ห์ไม่น้อย เจ้าตัวในชุดนักศึกษาแขนสั้นสีขาว กระโปรงสีดำ สวมใส่ผ้ากันเปื้อนตัวเก่ง กำลังช่วยแม่ตักแกงใส่ถุงให้กับลูกค้ามากหน้าหลายตาที่มาต่อแถวรอซื้อกับข้าว

ตึกแถวสองชั้นที่เช่าอยู่ ใช้ชั้นล่างของห้องเปิดเป็นร้านขายข้าวแกงเล็กๆ ในทุก ๆ เช้าก่อนไปเรียน บัวบูชาจะลงมาช่วยแม่ขายข้าวแกงทุกวัน ร้านข้าวแกงอาหารเหนือร้านนี้ไม่มีวันหยุด เพราะถ้าหยุดนั้นก็หมายถึงรายได้ที่หายไป ตั้งแต่ที่พ่อเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย สองแม่ลูกที่ขาดเสาหลักของบ้านก็แทบล้มทั้งยืน ไหนจะหนี้สินที่ไปกู้ยืมนอกระบบมาเพื่อรักษาผู้เป็นพ่อ ภาระหนักจึงตกเป็นของแม่อุบล หญิงสาวชาวเหนือที่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาทำมาหากินในเมืองหลวงพร้อมกับสามีคู่ทุกข์คู่ยาก

ชีวิตก่อนหน้านั้นถึงจะไม่ได้สุขสบายมากนัก แต่ก็ไม่ได้ลำบากเท่าตอนที่สามีคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเกือบยี่สิบปี ล้มหายตายจากไปเพราะโรคร้าย ตอนนั้นบัวบูชาที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก จึงต้องทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้เป็นแม่ ชีวิตในวัยรุ่นไม่เคยได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อมาช่วยแม่เตรียมของเตรียมวัสดุ จากนั้นก็ช่วยแม่ขายจนถึงหกโมงเช้า ก่อนจะรีบกินข้าว อาบน้ำและแต่งตัวไปโรงเรียน

ส่วนตอนเย็นก็ไปช่วยแม่ขายผัดไทย ในตลาดนัดกลางคืนแห่งหนึ่ง จนถึงห้าทุ่มถึงจะได้พากันกลับบ้าน กว่าจะผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้ กว่าที่หนี้สินที่หยิบยืมมาจะใช้คืนเจ้าหนี้หมด สองคนแม่ลูกก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดสี่ปีเต็ม จากเด็กหญิงมัธยมปลายในวันนั้น กลายมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สี่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนั่นก็คือการดิ้นรนทำมาหากินของสองแม่ลูกคู่นี้ จนเป็นภาพที่ชินตาของบ้านใกล้เรือนเคียงแถวนั้น

จากที่ขายทุกวันแทบไม่มีวันหยุด บัวบูชาก็บังคับให้แม่หยุดขายในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยที่เธอจะออกไปทำงานที่ร้านกาแฟแทน เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพของผู้เป็นแม่ ด้วยวัยที่ย่างเข้าปีที่ห้าสิบหกแล้ว ยืนขายของนาน ๆ ก็ไม่ค่อยไหว เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า ทำให้ปวดขาเวลายืนนาน ๆ

“บัว ตักถุงนี้เสร็จก็ไปเรียนได้แล้วนะลูก จะเจ็ดโมงแล้ว วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอลูก รีบไปนะช่วงเช้ารถเยอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน”

“ได้จ้ะแม่ ขออีกเจ้าหนึ่งนะ”

“พี่สาวเอาอะไรจ๊ะ?” ใบหน้าน่ารักหันไปตอบแม่ก่อนจะหันมาถามลูกค้าสาวที่ยืนรอคิวอยู่ตรงหน้า

“พี่เอาแกงหน่อไม้ ตำขนุน แล้วก็ลาบคั่วแล้วกันจ้ะ”

“ได้จ้ะ” มือเรียวสวยสาละวนกับการตักแกงใส่ถุงตามรายการที่ลูกค้าสั่ง ก่อนจะยื่นถุงพร้อมแจ้งราคา

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” เจ้าของรอยยิ้มหวาน เอ่ยขอบคุณพร้อมกับรับเงินมาแล้วยื่นให้ผู้เป็นแม่

“เอาไว้ไปเรียนเถอะลูก”

“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ หนูพอมีอยู่ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไร แม่เก็บไว้เถอะ”

“ประหยัดได้นะลูก แต่ต้องไม่อดมากจนเกินไป”

“คร้าบบบบบผม หนูไปก่อนนะแม่ เจอกันเย็นนี้นะ”

“จ้าลูก”

  บัวบูชานั่งรถเมล์มาลงป้ายหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองหลวง สถานที่ที่เจ้าตัวได้รับทุนเรียนฟรีมาตั้งแต่ปีหนึ่ง กว่าจะคว้าทุนเรียนฟรีมาได้ก็เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็นก็ไม่ผิดนัก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่พ่อป่วย ครอบครัวประสบปัญหาหลาย ๆ ด้าน เธอต้องช่วยแม่ทำงาน และต้องแบ่งเวลามาอ่านหนังสือเพื่อสอบแข่งขันชิงทุนกับคนจำนวนมาก

แต่ก็นับว่ายังพอมีโชคอยู่บ้างที่เธอเป็นคนหัวเร็ว และเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอสอบติดหนึ่งในนั้น แต่หลังเข้าเรียนแล้วก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาระดับผลการเรียนให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามหลักเกณฑ์ของทุนที่ได้กำหนดไว้ เพราะหากว่าเรียนไม่จบเธอต้องชดใช้เงินพร้อมค่าปรับตามจำนวนของเงินทุนที่ได้รับมาทั้งหมด

ร่างบอบบาง ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย เดินเข้าห้องเรียนตามปกติ ดวงตาคู่สวยสอดส่องสายตามองหาเพื่อนสนิทที่ไลน์มาบอกก่อนหน้านี้ว่าได้จองที่นั่งให้เรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งเห็นเพื่อนสาวโบกไม้โบกมือมาให้ บัวบูชาเลยรีบเดินตรงไปหาเพื่อนทันที

“มาช้านะแก” ณฤดี เอ่ยทัก

“รถติดอะ คนก็เยอะมากด้วย รอรถตั้งนาน” พูดจบก็หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ

“แกกินข้าวมาหรือยังอะ?”

“อืม กินจากที่บ้านมาแล้ว”

“ทำงานหนักมากนะแก ช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้วด้วย แกมีเวลาอ่านหนังสือบ้างไหมเนี่ย?”

“ไม่มีก็ต้องมีอะแก อาศัยอ่านช่วงเสาร์-อาทิตย์ หลังเลิกงานเอา”

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เอ่อ... ว่าแต่ช่วงนี้แกรับงานจากเจ้กร อยู่ปะ?”

“ไม่อะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเลย เจ้กรบอกว่าส่วนมากตอนนี้จะเป็นงานถ่ายแบบพวกชุดว่ายน้ำซะส่วนใหญ่”

“แกไม่ลองรับถ่ายดูอะ หุ่นแกก็ดีอยู่นะ”

“ไม่เอาอะ เราไม่ได้เป็นมืออาชีพ อีกอย่างเราก็ไม่ได้มั่นใจในหุ่นของตัวเองขนาดนั้น”

และก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้พูดอะไรกันต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยอาจารย์ผู้สอนเสียก่อน สองสาวจึงต้องหยุดการสนทนาลงเพียงเท่านั้น และหันมาตั้งใจเรียนแทน

บ่ายวันเสาร์ ในร้านคาเฟ่ขนาดกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและสีน้ำตาลสไตล์มินิมอล มีทั้งไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอยู่โดยรอบ ทำให้ร้านคาเฟ่แห่งนี้สะดุดตาผู้คนที่สัญจรไปมาอยู่มาก บวกกับรสชาติที่อร่อยของเครื่องดื่มและเบเกอรี่ทำให้ร้านคาเฟ่แห่งนี้มีผู้คนเข้ามาไม่ขาดสาย บัวบูชาที่กำลังขะมักเขม้นชงเครื่องดื่มตามรายการที่ลูกค้าสั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เงยหน้าขึ้นมองลูกค้าผู้มาใหม่ทันทีที่เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น

“อ้าว! พี่เนย เจ้กร สวัสดีค่ะ” บัวบูชายกมือไหว้ เนยสาวสวยเจ้าของร้านแห่งนี้ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อนสาวประเภทสองชื่อกรกัณฑ์ เจ้าของโมเดลลิงที่เธอเรียกติดปากว่าเจ้กร

“สวัสดีจ้าคนสวย” เจ้กรรับไหว้ พร้อมเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ้าน้องบัว วันนี้ลูกค้าเยอะไหมจ๊ะ?” เจ้าของร้านสาวเอ่ยถาม

“เยอะค่ะพี่เนย เห็นว่ามีคนเอาไปลงเพจ มีคนตามมาทานเพียบเลยค่ะ”

“จริงเหรอ? เพจไหน ๆ พี่ต้องไปขอบคุณเจ้าของเพจแล้วสิ ทำให้คนรู้จักร้านเราเยอะขึ้น ทั้ง ๆ ที่ร้านเราเป็นแค่ร้านเล็ก ๆ”

“สวัสดีค่ะ พี่เนย เจ้กร เดี๋ยวน้ำเอาให้ดูค่ะ พี่รู้ไหมว่าตอนนี้ร้านเราดังใหญ่แล้วนะ คนอวยกันใหญ่ว่าบาริสต้าร้านเราเป็นสาวสวยแสนน่ารัก แถมกาแฟและเบเกอรี่ร้านเราก็อร่อยมาก” น้ำ สาวน้อยลูกจ้างอีกคนของร้านเอ่ยกับผู้มาใหม่ทั้งสอง

“สวัสดีจ้า น้องน้ำ จริงเหรอ! ดังใหญ่แล้วนะเรา” เนยหันมากระซิบกับบัวบูชา ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ยิ้มรับอ่อน ๆ กับคำกล่าวชมของเจ้าของร้าน

“พี่เนยก็ชมเกินไปค่ะ”

“ก็น้องบัวน่ารักจริง ๆ นี่น่า ว่าแต่รู้จักกับน้องบัวมาก็ตั้งนาน พี่ยังไม่เคยเห็นแฟนน้องบัวเลยเนี่ย” เจ้าของร้านเอ่ยถาม

“บัวยังไม่มีแฟนค่ะ”

“เรื่องจริง?” เนยทำตาโต อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่บัวบูชาบอก

“จริงค่ะ บัวไม่สนใจเรื่องความรักหรอก ทุกวันนี้แค่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็เหนื่อยจะแย่แล้วค่ะ” คนตัวเล็กพูดยิ้ม ๆ

“โธ่! เด็กดีจริง ๆ ลูกสาวของเจ้”

“งั้นก็หางานให้น้องเยอะ ๆ สิแกอะ” เจ้าของร้านสาวหันมาพูดกับเพื่อน

“กูก็ป้อนงานให้น้องมันตลอดแหละ แต่ช่วงนี้มันไม่ค่อยมีงาน แกก็รู้” กรกัณฑ์อธิบาย

“แต่ไม่ต้องห่วงนะหนูบัว ถ้ามีงานเจ้จะรีบบอกหนูทันทีเลย เด็กดี นิสัยน่ารัก ๆ รู้จักกตัญญูอย่างหนู เจ้ไม่ทิ้งแน่นอนจ้ะ”

“ขอบคุณเจ้กร กับพี่เนยมาก ๆ เลยนะคะ พี่ทั้งสองคนช่วยเหลือบัวมาตลอดเลย” บัวบูชา ยกมือไหว้ด้วยความซึ้งใจในน้ำใจของพี่ทั้งสอง

“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกพี่ ๆ ก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ เด็กกตัญญูแบบหนูตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้แน่นอน เชื่อพี่” กรกัณฑ์ ชายร่างใหญ่แต่ใจสาวโบกไม้โบกมือทำท่าทางบอกว่าไม่เป็นไร

“ใช่จ้ะ มีอะไรก็บอกกัน ปรึกษากันได้ พวกพี่สองคนพร้อมช่วยเสมอ”

“ขอบคุณค่ะ”

บัวบูชาเคารพพี่ทั้งสองคนนี้มาก คนแรกที่ช่วยเหลือเธอก็คือพี่เนยเจ้าของคาเฟ่ที่รับเธอเข้าทำงาน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นทางร้านก็ไม่ขาดพนักงานด้วยซ้ำ ในวันที่เดินเตะฝุ่นหางานทำ เธอสะดุดตาเข้ากับร้านคาเฟ่แห่งนี้ เลยเดินเข้ามาซื้อน้ำหวานดื่มแก้กระหาย จากนั้นลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามพนักงานในร้านว่ารับสมัครพนักงานหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับเจอเจ้าของร้านพอดี

พี่เนยเจ้าของร้านเห็นแล้วคงสงสารเลยรับเธอเข้ามาทำงาน เดือนแรกก็ช่วยเสิร์ฟ ล้างจาน และช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน หลังจากนั้นพี่เนยก็ให้ไปเรียนชงกาแฟ และเครื่องดื่มโดยมีพี่เกรซบาริสต้าคนเก่งของร้านเป็นคนสอน หลังจากนั้นสองเดือนพี่เกรซก็ลาออก เธอเลยได้มาเป็นบาริสต้าจำเป็นของร้านแทน

 ด้วยความที่เป็นคนหัวเร็ว เรียนรู้จดจำได้ดี และผลจากการที่ช่วยแม่ขายของมาตั้งแต่เด็กทำให้บัวบูชามีทักษะในด้านนี้ ส่งผลให้เจ้าตัวทำมันออกมาได้ค่อนข้างดี เลยได้รับความไว้วางใจจากพี่เนยเจ้าของร้าน

ส่วนเจ้กร เพื่อนพี่เนย พึ่งมารู้จักทีหลัง วันนั้นเจ้กรแวะมาทานกาแฟที่ร้าน พอเห็นหน้าค่าตาเจ้กรก็ชักชวนมาเข้าโมเดลลิงของตัวเองทันที เริ่มแรกก็ป้อนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ เช่น ถ่ายโฆษณาเป็นตัวประกอบเล็ก ๆ จนมาถึงถ่ายแบบงานบ้าง พอให้เธอมีรายได้ช่วยแม่อีกทางหนึ่ง สองคนนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณของบัวบูชาเลยก็ว่าได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัวเหนือศิรา   เป็นของศิรา

    ตี๊ดดเสียงสัญญาณประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์ ศิราในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กับกางเกงสแล็กส์สีกรม มันช่างดูเข้ากันเป็นอย่างมากในสายตาของบัวบูชาคนร่างสูงยื่นเสื้อสูทสีเดียวกันกับกางเกงให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขานิ่งราวกับรูปปั้น“หนู เป็นอะไรคะ?”“เปล่าค่ะ” บัวบูชาตอบพร้อมกับส่ายหัวรัว ทำให้ศิรายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“พี่ศิรา จะทานข้าวหรือว่าอาบน้ำก่อนดีคะ?”“พี่ว่ากินข้าวก่อนดีกว่า ถ้าอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าวเอา”“…”ร่างบางอึกอัก ทำตัวไม่ถูกกับคำพูดเย้าหยอกของอีกฝ่าย ใบหน้าจิ้มลิ้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวลูกตำลึงสุกจนลามไปถึงใบหู“หน้าแดงใหญ่แล้ว หนูเขินเหรอคะ?” ร่างสูงเอ่ยแซว“พี่ศิรา ไม่แกล้งหนูสิ”“โอเคค่ะ พี่ยังไม่แกล้งตอนนี้ เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่าเนอะ ตอนนี้พี่หิวมากเลย”“โห น่ากินจังเลยครับ” ศ

  • บัวเหนือศิรา   ทางที่เลือก

    มือเรียวสวยหยิบนามบัตรใบเล็กสีดำขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ “ศิรา กิจธนะวรกุล” ชื่อเจ้าของนามบัตรเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พร้อมเบอร์โทรติดต่อ“เฮ้ออออ” เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นจากร่างบาง ทำให้ใบตองที่นั่งข้าง ๆ หันมามองด้วยความสงสัย“พี่บัว เป็นอะไรไปตองเห็นพี่ทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวอดไม่ได้จึงเอ่ยถามออกไป“พี่มีเรื่องให้ตัดสินใจนิดหน่อยน่ะ”“ปรึกษา ตอง ได้นะพี่” ใบตองสาวสวยเด็กนั่งดริ๊งก์ประจำร้านเอ่ย“ขอบใจจ้ะ”“ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เห็นคุณศิราเลยเนอะ ปกติเขาจะมาหาพี่เกือบทุกคืน” หญิงสาวชวนคุย“บ้า มาหาพี่ที่ไหนกัน” บัวบูชา ก้มหน้าพูดกลบเกลื่อน“แหม พี่บัว ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าคุณเขาชอบพี่มาก ๆ เลยนะ”“…”“เป็นตองนะ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ถึงไม่ได้เป็นแฟน เป็นกิ๊กก็ยังดี”“เดี๋ยวเหอะ แก่แดดเกินไปแล้วนะเรา

  • บัวเหนือศิรา   หลุมพราง

    “แหมมมม มึง วาสนาคนเรานี่มันไม่เท่ากันซะจริงจริ้ง มึงว่าไหม?”“นั่นนะสิ บางคนทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทิปไม่ได้สักบาท” บัวบูชาหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เนื่องจากได้ยินเสียงพูดคุยของพนักงานหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงทางเดินแว่วมาเข้าหู“ส่วนคนบางคนเดินชม้อยชม้ายส่งสายตายั่วแขกก็ได้ทิปเป็นปึก ๆ สบายไปเลย ตอนนี้เดือน ๆ ได้หลายหมื่นแล้วมั้ง”“ก็วาสนามึงมีไม่เท่าเขาอะเนาะ ก็ต้องทำใจ”“แล้วก็ชอบทำเป็นเล่นตัวนะ อ่อยคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ละคนหน้าไม่เคยซ้ำ”บัวบูชาหยุดฟังจนบทสนทนาดังกล่าวจบไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ทำได้แค่ก้มหน้าเดินผ่านไป เลี่ยงทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนากระแหนะกระแหนเมื่อสักครู่หญิงสาวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ที่มาทำงานก็เพื่อหาเงิน ใครจะคิดยังไง จะว่ายังไงเธอไม่สน ร่างบางรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนยังไง ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา ที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้ ก็เท่านั้น“คุณศิรา รอนานไหมคะ” หลังเลิกงานบัวบูชารีบเดินออกมาจากร้านทันทีเพราะกลัวว่าอีก

  • บัวเหนือศิรา   ลูกแกะตัวน้อย

    บัวบูชาหลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะนั้น หญิงสาวก็เข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ จากตอนแรกที่ใจเต้นแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นอารมณ์โกรธมากกว่า นึกว่าจะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ที่แท้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่แกหวังอะไรอยู่เนี่ย บัวบูชา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ขณะกำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ ร่างบางก็ต้องสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนแทบจะสิงกันอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำบัวบูชาตกใจตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ตอนนี้จะออกไปก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ยืนฟังบทสนทนาที่ดังแว่วมาเบา ๆ“คืนนี้ คุณศิรา มีนัดที่ไหนต่อไหมคะ?” สองแขนเรียวถือวิสาสะยกขึ้นคล้องคอหนาของศิราเอาไว้“ไม่มีครับ” ศิราตอบกลับ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าหล่อน ใครมันจะยอมให้ผู้หญิงยั่วอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องโปรยเสน่ห์เขาถนัดนัก“งั้น คืนนี้ไปดื่มต่อที่ห้องดาวไหมคะ?”“ชวนผู้ชายไปที่ห้อง คุณดาว ไม่กลัวเหรอครับ?” ศิราเอียงคอมองผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย อย่างล

  • บัวเหนือศิรา   ศิรา กิจธนะวรกุล

    หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ที่บัวบูชาทำงานที่บาร์แห่งนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอรู้จักพนักงานในร้านทุกคนแล้ว โดยเฉพาะรุ่นน้องที่ชื่อใบตอง อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีใบตองคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดทั้งเรื่องงานหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาเจอกับพวกลูกค้าผู้ชายที่มือไวใจเร็ว ชอบแตะนิดแตะหน่อย หรือพวกที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม แทะโลมต่าง ๆ นานาแรก ๆ บัวบูชาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พอปรับตัวได้หญิงสาวก็เริ่มเอาตัวรอดเป็น อยู่ต่อหน้าลูกค้าก็พูดจาคะขา เอาอกเอาใจเก่ง ทำให้ตอนนี้รายได้จากทิปคืนหนึ่งก็ปาไปเกือบสี่พันบาทแล้วแต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าทุกคนในร้านจะดีกับเธอทุกคน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ ที่ทำงานที่ร้านมาก่อน พอเธอเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้คนพวกนั้นไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่บัวบูชาตัดความฟุ้งซ่านทิ้งไป ทุกวันนี้เธอพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแค่นั้นก็พอ ตอนนี้เธอต้องรีบกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด เพราะปลายเทอมหน้าก็เป็นเทอมสุดท้ายของภาคเรียนแล้วซึ่งเป็นเวลา

  • บัวเหนือศิรา   ท้อนะ แต่ถอยไม่ได้

    ในเช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใส บัวบูชาตื่นมาช่วยแม่เตรียมของตอนตีสามเหมือนเช่นเคย เช้านี้เธอได้ยินแม่บ่นว่าปวดขามากกว่าทุกวัน แถมอาการหายใจติดขัด หอบเหนื่อยง่ายที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้บ่อย ๆ ก็เหมือนจะมีอาการมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา“แม่ไหวไหมจ๊ะ? ถ้าไม่ไหววันนี้หนูขายเอง” บัวบูชาเอ่ยหลังสังเกตเห็นสีหน้าซีดเซียวของผู้เป็นแม่“แม่ไหวลูก มีเรียนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่” อุบลเอ่ย“แม่...แม่อย่าฝืนนะ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”“แม่ยังไหว บัวเตรียมของไว้ให้แม่ก็แล้วกัน แม่ขอไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวตีห้าแม่ออกไปช่วยขาย”“จ้ะแม่ แต่ถ้าวันนี้อาการยังไม่ดีขึ้น เย็นนี้หยุดขายผัดไทยก่อนนะแม่ เลิกเรียนหนูจะรีบกลับบ้าน” บัวบูชาที่ยังรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยกำชับผู้เป็นแม่อีกครั้ง“จ้ะ”ครืน ครืน เสียงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องเล็กซึ่งตกรุ่นมาหลายปีแล้วดังขึ้น เพื่อนที่นั่งเรียนข้าง ๆ ได้ยินเสียงสั่นก็หันมามอง บัวบูชารีบล้วงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าผ้าใบเก่งพบว่าเป็นเบอร์ของแม่ที่โทรเข้ามา คิ้วขมวดเป็นปมอย่างนึกสงสัยว่าผู้เป็นแม่มีธุระอะไร มือบางจึงรีบกดรับสายทันที“แม่ ว่าไงจ๊ะ”“สวัสดีครับ ผมโทรจากกู้ภัยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status