“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู”
เสียงเพลงวันเกิด และเสียงปรบมือดังขึ้นภายในบ้านสีขาวหลังใหญ่ ทำให้สาวน้อยตัวอ้วนกลมเจ้าของวันเกิดยิ้มตาหยีจนแก้มแทบจะปริ สายตากลมโตจ้องมองเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ ที่เป็นรูปตุ๊กตายอดฮิตอย่างเจ้าลาบูบู้ไม่วางตา พลางกลืนน้ำลายเสียงดัง จนทำให้ผู้เป็นแม่อย่างบัวบูชาหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
วันนี้เจ้าตัวน้อยน้องบัวงาม (ผู้งดงามดั่งดอกบัว) ลูกสาวคนสวยของแม่บัวบูชาอายุครบสี่ขวบแล้ว
มือเล็ก ๆ สั้น ๆ พนมมือขึ้นไหว้ขอบคุณ และรอรับเค้กหน้าตาน่ารักจากผู้เป็นแม่ แก้มอ้วนทั้งสองข้างยกยิ้มอย่างมีความสุขที่จะได้กินเค้กแสนอร่อย ดวงตากลมโตสีดำขลับที่ได้จากผู้เป็นพ่อเป็นประกายวิบวับ แต่ก่อนที่มือน้อย ๆ จะทันเอื้อมไปหยิบช้อนที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมานั้น เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ยังกินไม่ได้นะคะ หนูต้องอธิษฐานก่อนค่ะ”
“เอ๋! จริง ๆ ด้วยค่ะ หม่าม้าคนสวย น้องงามเกือบลืมไปเลย น้องงามต้องอธิษฐานถึงพี่นางฟ้าใจดีก่อน” เด็กน้อยยิ้มร่าดีดแข้งดีดขาไปมาดุ๊กดิ๊ก
“หม่าม้า ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าลูกสาวของหม่าม้าอธิษฐานขออะไรจากพี่นางฟ้าใจดีกันน้า” มือเรียวเอื้อมไปลูบหัวลูกสาวเบา ๆ อย่างแสนรัก
“น้องงามขอเหมือนเดิมค่ะ แต่ว่าปีที่แล้วพี่นางฟ้าใจดีทำให้ไม่ได้” ลูกสาวตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้มีหรือคุณแม่อย่างบัวบูชาจะไม่รู้สึกเสียใจ เธอรู้ดีว่าเด็กหญิงตัวน้อยปรารถนาอะไร
บัวงามเฝ้ารอคอยให้ถึงวันเกิดทุกปี วันเกิดที่ไม่ได้ต้องการเค้กหรือของขวัญใด ๆ แต่เด็กหญิงเฝ้ารอจะได้อธิษฐานถึงพี่นางฟ้าใจดีเพื่อให้คำขอที่ตัวเองเฝ้าฝันเป็นจริงในสักวัน
“ครั้งนี้หม่าม้าเชื่อว่า พี่นางฟ้าใจดีต้องทำให้คำอธิษฐานของหนูเป็นจริงแน่นอนค่ะ”
“จริงเหรอคะ หม่าม้า” เด็กน้อยเอ่ยถามดวงตากลมโตลุกวาวด้วยความดีใจ
“จริงจ้ะ มาค่ะ หลับตา อธิษฐานก่อนนะคะ เดี๋ยวเราจะได้มากินเค้กพี่ลาบูบู้กัน” เพื่อไม่ให้เจ้าของวันเกิดตัวน้อยรู้สึกเศร้าใจมากนัก คุณแม่เลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้เจ้าตัวหันมาสนใจเค้กแสนน่ากินตรงหน้าแทน
มือเล็กยกขึ้นพนมมือ ปากน้อย ๆ อธิษฐานเสียงดังฟังชัด มันดังเข้าไปในหัวใจของคนเป็นแม่ จนพานทำให้ดวงตาเรียวคู่สวยของบัวบูชาคลอไปด้วยน้ำตาเพราะสงสารลูก
“พี่นางฟ้าใจดีขา ปีนี้พาปะป๊ามาหาน้องงามทีนะคะ น้องงามอยากเจอปะป๊าม้ากมากค่ะ”
ฟู่ ๆ ปากน้อยเป่าเทียนเล่มเล็กเบา ๆ จนดับ จากนั้นเสียงปรบมือจากทุกคนก็ดังขึ้น งานวันเกิดปีนี้ของสาวน้อยบัวงามก็เหมือนเช่นทุกปี
มีคุณหม่าม้าคนสวย คุณยาย คุณป้าฤดีคนใจดีเพื่อนของหม่าม้า ป้าน้อยแม่บ้าน แถมยังเป็นแม่นมที่เลี้ยงดูบัวงามมาตั้งแต่แบเบาะ และคนสุดท้าย คือลุงชาติ คนขับรถพ่วงตำแหน่งคนสวนซึ่งเป็นสามีของป้าน้อย
“สุขสันต์วันเกิดนะคะลูกสาวคนสวยของหม่าม้า มีความสุขมาก ๆ หม่าม้ารักหนูนะ” บัวบูชา อวยพรวันเกิดให้ลูกสาวก่อนใคร พร้อมก้มลงหอมแก้มอ้วนทั้งสองข้างอย่างแสนรัก
“ขอบคุณค่ะ หนูก็รักหม่าม้า ที่สุดในปฐพีเลยค่ะ”
“โอ้โห ในปฐพีเลยเหรอคะ คำพูดคำจานะเรา” ผู้เป็นแม่หัวเราะร่วน
“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ หลานรักของป้า” ณฤดี เลขาสาวพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของบัวบูชา พูดขึ้นบ้างพลางยื่นกล่องของขวัญกล่องใหญ่ให้กับสาวน้อย
“ว้าว! ขอบคุณค่ะ ป้าฤดีคนใจดี”
“ใจดีอย่างเดียวเหรอคะ ลูก” ณฤดี ลูบหัวทุยเล็กเบา ๆ
“สวยด้วยค่ะ สวยที่สุดในโลกค่ะ” บัวงามตอบมือน้อยก็กอดกล่องของขวัญไว้แน่น
“อุ๊ย! ปากหวานได้ใครเนี่ยหลานสาวป้า มาให้ป้าหอมแก้มที ป้าอดใจไม่ไหวแล้วลูก” ก่อนที่แก้มขาว ๆ อวบ ๆ จะถูกผู้เป็นป้าฟัดในเวลาต่อมา เรียกเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขจากสาวน้อยบัวงาม
“ส่วนอันนี้ของยายจ้ะ เป็นเด็กดี เรียนหนังสือเก่ง ๆ นะลูก” ยายอุบลลูบหัวหลานสาวเพียงคนเดียวอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะ คุณยาย”
“สุขสันต์วันเกิด มีความสุขมาก ๆ นะคะ คุณหนูงามของป้าน้อยของลุงชาติ” ปิดท้ายด้วยสองสามีภรรยาที่ติดตามรับใช้บัวบูชามาตั้งแต่ที่เธอย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ในช่วงแรก ๆ
ภายในห้องอาหารหรูหรา มีทั้งอาหารคาวหวาน น้ำหวาน และขนมหวานหน้าตาน่าทานมากมายเต็มโต๊ะ ซึ่งขนมส่วนมากจะเป็นของชอบเจ้าของวันเกิดเกือบทั้งนั้น
วันนี้ยายอุบลลงมือทำอาหารเองเพื่อเอาใจหลานสาว โดยมีป้าน้อยเป็นผู้ช่วย ส่งผลให้ทุกคนพลอยได้กินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือระดับเซฟกระทะเหล็กของยายอุบลไปด้วย โดยเฉพาะณฤดีที่ชมไม่ขาดปาก แต่รายนั้นกินไปบ่นไปด้วย เพราะกลัวอ้วน
หลังจากทุกคนทานข้าวกันเรียบร้อยก็มาถึงคิวเจ้าเค้กรูปตุ๊กตาลาบูบู้ตัวโต บัวงามไม่รอช้าจัดการเจ้าเค้กแสนน่ากินตรงหน้าทันทีที่ทานข้าวเสร็จ
“กินช้า ๆ ลูก ระวังติดคอนะคะ”
“ค่ะ หม่าม้า” อย่างที่ทุกคนในบ้านรู้ดีว่า บัวงามกับของหวานเป็นของคู่กัน เหมือนพ่อไม่มีผิด รายนั้นเป็นผู้ชายตัวโต หน้าเข้มซะเปล่า แต่ชอบทานของหวานเป็นชีวิตจิตใจ ที่ผ่านมาไม่มีเธอคอยควบคุมอาหารการกินให้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นโรคเบาหวานไปแล้วหรือเปล่านะ
ในที่สุดเจ้าเค้กก้อนโตก็หายไปเกือบครึ่ง โดยที่บัวงามกินไปคนเดียวถึงสองชิ้น หลังเค้กคำสุดท้ายของก้อนที่สองหมดลง ดวงตาคมกลมโตก็เล็งไปที่เค้กชิ้นต่อไปทันที
“วันนี้ หม่าม้าให้ทานได้สองชิ้น หนูกินเยอะแล้ว เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะคะ”
“ก็ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้ น้องงามขอทานก่อนไปโรงเรียนอีกหนึ่งชิ้น ได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ”
“เย้ ๆ หม่าม้าขา น้องงามอิ่มแล้ว น้องงามขอไปแกะกล่องของขวัญได้ไหมคะ”
“ได้จ้ะ งั้นหนูไปนั่งแกะที่ห้องรับแขกกับป้าน้อยนะลูก เดี๋ยวหม่าม้าทานข้าวเสร็จ หม่าม้าตามไป”
“โอเค้ ค้า หม่าม้าคนสวย” บัวบูชา อุ้มร่างอ้วนป้อมลงจากโต๊ะทานข้าว
“อุ๊ย!” ก่อนจะโดนเจ้าตัวเล็กขโมยหอมแก้มคุณแม่ไปหนึ่งที บัวงามหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจที่แกล้งหม่าม้าให้ตกใจได้ เด็กน้อยวิ่งปรู๊ดไปที่ห้องรับแขกอย่างมีความสุข บัวบูชายกมือลูบแก้มเบา ๆ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย ในใจหวนนึกถึงใครบางคน
ลูกสาวเธอยิ่งโตนิสัยยิ่งเหมือนกับใครคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยได้พบเจอ ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน และเป็นเธอที่เลี้ยงมาเองกับมือ แต่ทำไมช่างเหมือนได้มากขนาดนี้กันนะ
“บัว แกคิดยังไงกับคำพูดของบัวงาม แกจะให้พ่อลูกได้เจอกันอยู่ใช่ไหม?” ณฤดี เอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้นหลังจากที่หลานสาวเดินออกไปแล้ว
“ให้เจอสิ เขาต้องได้รู้ ว่าบัวงามเป็นลูก”
“บัว แม่ว่าเราอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนั้นอีกเลยนะลูก” อุบล ผู้เป็นแม่ ที่ปีนี้อายุย่าง ๖๓ ปีแล้ว มองลูกสาวด้วยสายตาแสดงถึงความเป็นห่วง
“แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะจ๊ะ ตอนนี้หนูไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว และบัวบูชาคนนี้จะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำอะไรครอบครัวเราได้ ที่หนูอยากให้เขาได้รู้ เพราะหนูสงสารลูก ยิ่งบัวงามรู้ความมากขึ้นเท่าไหร่ ลูกก็ถามถึงแต่พ่อ”
“และถ้าหากว่าฝ่ายนั้นไม่รับผิดชอบ เขาผลักไสบัวงามล่ะลูก ความรู้สึกบัวงามจะเป็นยังไง แม่ไม่อยากเสี่ยง แม่สงสารหลาน” ผู้เป็นยายรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของหลานสาวตัวน้อย
“แม่จ๊ะ แต่เรื่องนี้เราต้องเสี่ยง” บัวบูชา เอ่ยกับผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าจริงจัง
อุบล และณฤดีเองก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา บัวบูชาจึงพูดต่อ
“เราไม่มีทางรู้หรอกว่าฝ่ายนั้นจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ หากว่ายอมรับก็เป็นเรื่องดีไป ผู้ชายคนนั้นจะได้ทำหน้าที่พ่อเพื่อชดเชยให้กับบัวงามบ้าง ส่วนบัวงามก็จะได้เติมเต็มในส่วนที่ลูกต้องการมาโดยตลอด”
“แล้วถ้าเกิดว่าเขาไม่ยอมรับล่ะ แกจะรับมือกับความรู้สึกของหลานฉันยังไง” ณฤดี ถามกลับ
“ฉันจะบอกบัวงามว่าเขาเป็นพ่อก็ต่อเมื่อฉันมั่นใจว่าเขายอมรับลูกของฉันจริง ๆ เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมรับ ก็ไม่เป็นไร เมื่อถึงเวลาที่ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ฉันจะบอกเรื่องนี้กับบัวงามเอง บัวงามต้องได้เรียนรู้ความผิดหวังด้วยตัวของตัวเอง ฉันเชื่อว่าวันนั้นลูกจะเข้าใจ และยอมรับความจริงได้” บัวบูชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันสงสารหลาน” ณฤดี มีสีหน้าเศร้าสร้อย
“จะให้ทำยังไงได้ บัวงามยิ่งโตขึ้นทุกวันก็ยิ่งรู้ความ เห็นเพื่อนคนอื่นมีพ่อก็อยากมีบ้างตามประสาเด็ก ตั้งแต่นั้นมา แกก็เห็นว่าทุกปีในวันเกิดบัวงามอธิษฐานขออะไร”
“งั้นฉันภาวนาของให้ผู้ชายคนนั้นรักหลานของฉัน ขอให้เขาโดนความน่ารักของน้องงามตกจนต้องมาขอร้องอ้อนวอนแกเพื่อขอทำหน้าที่พ่อ หลานสาวของฉันจะได้มีความสุขสักที”
“แล้วบัวได้คิดคำตอบในเรื่องต่อจากนี้ไว้หรือยังลูก และถ้าหากว่าคุณศิราไม่ต้องการรับผิดแค่ลูก ถ้าเขาอยากกลับมา บัวยังจะให้อภัยเขาอยู่ไหม?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม
“เรื่องของหนูกับคุณศิรามันผ่านมานานมากแล้วจ้ะแม่ หนูไม่ได้ต้องการให้เขากลับมา ขอแค่เขาทำหน้าที่พ่อให้บัวงามบ้าง ให้บัวงามเติบโตมาอย่างดีโดยที่ไม่มีคำถามค้างคาใจว่าพ่อตัวเองเป็นใคร เท่านั้นก็พอแล้วจ้ะ” ใบหน้าสวยหวานหมองลงไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในเวลาต่อมา แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้เป็นแม่อย่างอุบลได้
“เอาเป็นว่าให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะ บัวจะตัดสินใจแบบไหนแม่ก็ไม่ขัด แม่ก็แก่ขึ้นทุกวัน อะไรที่ทำให้ลูกหลานมีความสุขแม่ก็ไม่ว่า ถึงฝ่ายนั้นจะไม่รับผิดชอบก็ไม่เป็นไร แม่เชื่อว่าครอบครัวเราทดแทนในส่วนที่ขาดให้บัวงามได้” อุบลพูดดักไว้เพราะหญิงสูงวัยมั่นใจว่าลูกสาวยังรักพ่อของหลานอยู่ ไม่อย่างงั้นคงแต่งงานหรือมีแฟนใหม่ไปนานแล้ว
“ฉันเห็นด้วยกับแม่ ไม่ว่าแกจะทำอะไร อย่าลืมว่ามีฉัน ฉันอยู่ข้างแกเสมอ” ณฤดี บีบมือเพื่อนเบา ๆ
“ขอบใจแกมาก ที่ผ่านมาแกช่วยฉันมาเยอะมากจริง ๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ถ้าไม่มีแก ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะมาถึงจุดจุดนี้ได้ยังไง” บัวบูชา เอ่ยประโยคที่ทำเอาเพื่อนอย่างณฤดีตัวลอย
“แกก็อวยยศฉันเกินไป ทุกอย่างที่แกมีตอนนี้ แกสร้างมันมาจากสมอง จากสองมือและหัวใจของแกเอง ฉัน แม่อุบล และน้องงามก็แค่คนที่คอยให้กำลังใจแกเท่านั้นเอง แต่เรื่องงานฉันไม่เถียงนะ ฉันช่วยแกได้มากจริง ๆ เพราะฉันเก่ง ทั้งสวย ทั้งเก่ง คนอะไร ไม่ใช่คนหรือเปล่า นี่มันนางฟ้าชัดๆ”
เสียงหัวเราะจากยายอุบล และบัวบูชาดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเจ้าตัวเอ่ยชมตัวเอง ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ผ่อนคลายลง ณฤดีเป็นเช่นนี้เสมอ ด้วยความที่เป็นนิสัยที่เป็นคนร่าเริง ตลก และจริงใจ ทำให้เป็นเพื่อนรักกันมายาวนานตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงทุกวันนี้
“จ้า แม่คนเก่ง แม่เลขาสาวแสนสวยพราวเสน่ห์ เพอร์เฟกต์ สุดยอด เยี่ยมยอด ที่หนึ่ง”
“พอ ๆ อันนี้เรียกประชด” ก่อนที่บัวบูชาจะทันได้พูดต่อ ณฤดีก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา บัวบูชาที่อาบน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วเสร็จ ก็เดินเข้าไปยังห้องของลูกสาว บัวงามแยกห้องนอนกับเธอแล้วเมื่อเดือนก่อน เจ้าตัวเดินมาขอเอง เพราะอยากนอนคนเดียวเหมือนเพื่อนที่โรงเรียน เธอเองก็ไม่ขัดใจลูก ลองให้ลูกได้ทำ จะทำได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่อง ที่ผ่านมาเธอสอนลูกในเรื่องการช่วยเหลือตัวเองมาตลอด นิสัยของบัวงามเลยค่อนข้างที่จะโตกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่มาก
มือขาวเรียวสวยหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ลูกสาว พลางจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ละม้ายคล้ายคนเป็นพ่อ ไม่ว่าจะสีตา สีผม นิสัยใจคอแม้กระทั่งท่านอนที่ชอบนอนตะแคงเอามือแนบแก้มก็เหมือนกันอย่างกะแกะ
อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน ได้เธอมาแค่สีผิวเท่านั้นโลกช่างลำเอียงเสียจริง ก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่ม และหน้าผากกลมมนไปอย่างละที
“ฝันดีค่ะคนเก่ง หม่าม้าสัญญาว่าจะทำให้คำอธิษฐานของหนูเป็นจริงเองค่ะ”
ในมุมมุมหนึ่งของไนต์คลับ ร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวย แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเสื้อผ้า และกระเป๋าแบรนด์ดัง กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มมึนเมาอยู่คนเดียว ใบหน้าที่สวยงามในตอนนี้ไม่ได้ดูน่ามองสักเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าของใบหน้ากำลังทำหน้าตาเหมือนกำลังโมโหอะไรอยู่สักอย่างปากก็บ่นพึมพำคนเดียวตลอดเวลา ในมือมีโทรศัพท์เครื่องหรู ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ด้วย“มีความสุขกันจริง ๆ เลยนะ ช่างเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาซะจริงเลย มีความสุขกันเข้าไปเยอะ ๆ เวลาสูญเสียมันจะได้เจ็บเจียนตาย”“พวกมึงสองคนแม่ลูก แย่งพี่ศิราไปจากกู”“บัวบูชากูเกลียดมึง กูอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้ามึงต้องสูญเสียของรักไปอย่างกูบ้างมึงจะยังยิ้มได้แบบนี้ไหม”น้ำเพชรยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วแล้วเก่าเล่าลงคอราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า ตั้งแต่เกิดเรื่องในงานแถลงข่าววันนั้น ครอบครัวก็ส่งหญิงสาวไปพักผ่อนที่ประเทศอังกฤษทันที และพอเห็นว่าสภาพจิตใจของลูกสาวดีขึ้นมากแล้ว สองสามีภรรยาก็ไปรับตัวลูกสาวกลับบ้านเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองแต่ใครจะรู้ว่าสี
เย็นวันหนึ่งขณะศิรากลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่เจอผู้เป็นพ่อนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น และตอนนี้เขาก็มาอยู่ภายในห้องทำงานของผู้เป็นบิดาเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในห้องตอนนี้แตกต่างออกไปจากทุกที มันไม่ได้อึดอัดและมีแรงกดดันเหมือนเมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อในตอนนี้ถือว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก จนตัวเขาเองก็แทบไม่เชื่อ“คุณพ่อ มีอะไรครับ?”“เห็นแม่เขาบอกว่าอาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดบัวงาม” ชายสูงวัยเอ่ยถาม มือเหี่ยวย่นขยับแว่นตาที่ใส่เล็กน้อย“ครับ”“วันที่เท่าไหร่?”“วันที่ ๖ ครับ ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ ผมว่าจะลางานแล้วไปก่อนสักหนึ่งวัน” ศิราตอบเสียงเรียบ“ช่วงนี้งานก็ไม่ได้เยอะอะไร”“ครับ?” ศิราทำหน้างง ไม่เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อต้องการที่จะสื่อถึงอะไร“งานไม่เยอะก็ลาสักสามสี่วัน”“…”“เดี๋ยวฉันกับแม่แกจะตามไปทีหลัง อาจจะเป็นวันศุกร์ตอนเช้า ยังไงฉันจะเข้าไปช่วยดูที่บริษัทให้ ในช่วงที่แกไ
วันนี้บ้านสินธปกรณ์ได้ต้อนรับแขกคนสำคัญสองคนในช่วงเช้าของวันจันทร์ นั่นก็คือศิราและจันทรรัตน์“สวัสดีครับคุณป้า นี่คุณแม่ผมเองครับ แม่ครับ นี่ป้าอุบลแม่ของบัวบูชา” ศิรากล่าวสวัสดี หลังจากที่ทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว“สวัสดีค่ะ คุณอุบล”“สวัสดีค่ะ จันทรรัตน์ เรียกอุบลเฉย ๆ เถอะค่ะ”“ค่ะ ถ้างั้นก็เรียกจันทร์เฉย ๆ ก็พอนะคะ ที่เราสองคนมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องจะมาคุยด้วยค่ะ เรื่องหนูบัวและน้องบัวงาม”“ค่ะ ดิฉันก็พอทราบมาบ้างแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ก็มีการคุยกันไปบ้างแล้ว”“ที่ดิฉันมาในวันนี้ คืออยากจะมากราบขอโทษคุณอุบลแล้วก็หนูบัว ทางฝั่งดิฉันทำผิดต่อพวกคุณจริง ๆ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาพวกคุณต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่นับตั้งแต่นี้ไปฉันจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้นะคะ” จันทรรัตน์ มีสีหน้าสำนึกผิด“ดิฉันไม่ต้องการเงินทองของนอกกายหรอกค่ะ ขอแค่ให้ลูกกับหลานมีความสุขเท่านั้นก็พอ ส่วนเรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป อย่าไปยึดติดคิดแค้นว่าใครผิดใครถูกเลยค่ะ ทุกคนมีเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลา
บ้านกิจธนะวรกุลเพียะ!ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ ร่างสูงของศิรายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เขายอมให้ผู้เป็นพ่อตบเขาได้ตามใจต้องการ จะทุบจะตบตียังไงเขาก็ไม่สนใจแล้ว“พอหรือยังครับ? ถ้ายังไม่พอตบอีกสิครับ”“นี่! แกอย่ามาท้าฉันนะ”“ผมไม่ได้ท้าครับ ผมพูดจริง ผมยอมให้พ่อตบตีได้เท่าที่พอใจเลยครับ เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อจะได้ตบผมอีก”“...”“และหลังจากนี้ผมจะได้ไปใช้ชีวิตของผมเองสักที ชีวิตที่ไม่มีพ่อคอยควบคุม”“แกจะไปไหน?”“ผมไม่ไปไหนหรอกครับ ยังทำงานให้พ่อต่อเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เพื่อพ่อนะครับ แต่เพื่อลูกเพื่อเมียของผม”“หึ หายไปตั้งห้าปี แกดูมั่นใจนะว่าเป็นลูกแก”ศิราไม่พูดอะไร ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลในกระเป๋าแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของผู้เป็นพ่อแทน เขาเห็นผู้เป็นพ่อเหลือบตามามองดูเล็กน้อย“ผมจะเข้าไปกราบขอโทษคุณลุงคุณป้ารวมถึงน้ำเพชรด้วย ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอ
ภายในงานเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรแห่งใหม่ในพื้นที่เขตบางนา เช้านี้ศิราเดินทางมาแต่เช้า พร้อมกับจารวีเลขาคนรู้ใจ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้ม บวกกับบุคลิกภายนอกที่นิ่งขรึม ส่งผลให้ศิราดูมีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามงานนี้สื่อมวลชน และนักข่าวต่างมากันอย่างล้นหลาม สมกับเป็นงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ เพราะงานนี้บริษัททุ่มทุนไม่อั้นในการประชาสัมพันธ์เหล่าบรรดาผู้บริหารน้อยใหญ่ หุ้นส่วนทั้งหลาย รวมถึงคู่ค้าทางธุรกิจมากมาย ต่างตบเท้าเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับท่านประธานใหญ่ศัจกรกิจไพศาล กันอย่างท่วมท้นนอกจากงานหลักอย่างงานเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรแล้ว สิ่งที่นักข่าวทั้งหลายต่างพากันสนใจก็คงจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของศิรา เพราะเจ้าตัวดูขยันเป็นข่าวกับคนโน้นคนนี้บ่อยเหลือเกินอย่างช่วงเดือนก่อนก็มีข่าวกับนักธุรกิจสาวหน้าหวานคนเชียงใหม่ ที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจ จนเกิดการเปรียบเทียบกับว่าที่คู่หมั้นสาวสวยลูกเจ้าของห้างดัง ในเรื่องของความเก่ง และความสามารถ หากต้องการคู่ครองที่เกื้อหนุนกันในเชิงธุรกิจทั้งสองฝ่ายก็ดูมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกันไป
ร่างบางรับคำผู้เป็นแม่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำศิราไปที่ห้องนั่งเล่น บัวงามตอนนี้กำลังนั่งระบายสีอยู่กับป้าน้อย พอเห็นคนที่เดินตามหลังผู้เป็นแม่มาเท่านั้นแหละ มือน้อยทิ้งสีเทียนลง และวิ่งไปกอดหาคุณลุงทันทีด้วยความคิดถึง“คุณลุงคนหล่อเท่”“สวัสดีคุณลุง ก่อนสิลูก”“สวัสดีค่ะคุณลุง วันนี้มารับน้องงามไปเที่ยวใช่ไหมคะ?” เพราะศิราเคยสัญญาไว้ก่อนจะกลับไปกรุงเทพครั้งก่อน ซึ่งบัวงามจำได้ดี“น้องงามอยากไปเที่ยวเหรอครับ?” ศิราก้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก ดีใจจนน้ำตารื้น อยากจะหอม อยากจะกอดอย่างนี้นาน ๆ อยากได้ยินเสียงเล็กเรียกเขาว่าปะป๊าสักครั้งจะรู้สึกดีแค่ไหนกันนะ“อยากมาก ๆ เลยค่ะ หม่าม้าก็ไปทำงาน น้องงามเหง้าเหงา” เด็กน้อยฟ้อง“งั้นวันนี้ไปเที่ยวที่ทำงานกับหม่าม้าดีไหมคะ?” บัวบูชาเอ่ยชวน“น้องงามเบื่อที่ทำงานหม่าม้าแล้วเหมือนกัน” พูดเสียงเล็กเสียงน้อย ท่าทางกระเง้ากระงอด น่าเอ็นดูเป็นที่สุด“อ้าว เป็นงั้นไป ถ้าป้าฤดีมาได้ยินคงร้องไห้แล้วป่านนี้&rdqu