Share

บางเบาดั่งสายหมอก
บางเบาดั่งสายหมอก
Author: LIttlelion

บทนำ ฝันร้าย 1

Author: LIttlelion
last update Last Updated: 2025-06-07 21:44:19

'ระหว่างเขาที่หยิ่งทระนง กับนางที่เขารังเกียจ

จะเกิดความรักขึ้นมาได้อย่างไรกัน

หรือมันจะเป็นเพียงความสัมพันธ์อันเลืองรางมองเห็นเป็นหมอกควันเพียงเท่านั้นหรือ'

บทนำ

ฝันร้าย

แคว้นซิ่น เมืองหลวง ณ คฤหาสน์ตระกูลไป๋

ค่ำคืนแห่งความชื่นมื่น เสียงดนตรีดังอึกทึกกลบทุกสิ่ง ใต้เสียงนั้นมีเสียงสตรีกรีดร้องขอความช่วยเหลือ หวังว่าจะมีผู้ใดเข้ามาช่วยนางให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจตรงหน้า แต่ทว่าเสียงนางมิอาจส่งถึงผู้ใดได้เลย

ปีศาจในคราบบุรุษเย่อหยิ่งทระนง รังเกียจเดียดฉันท์นางราวกับของสกปรก แทบไม่เคยย่างกรายเฉียดเข้าไปใกล้นางแม้แต่น้อย

แต่บัดนี้เขากำลังเอื้อมมือฉุดร่างนางเข้ามากอด ย่ำยีความบริสุทธิ์ เขาขยี้บีบเคล้นร่างกายนาง และกล่าวเรียกขานนางว่า ‘มี่เอ๋อร์’

นางนอนแน่นิ่งใต้เรือนร่างใหญ่ของเขา ไม่อาจสู้แรงขัดขืนได้อีก น้ำตาไหลอาบลงด้านข้างขมับ จ้องดวงตาดุดันที่เหมือนสัตว์ป่ากระหายเบื้องหน้าด้วยความกลัวจับใจ

ร่างกายนางถูกตรึงติดอยู่กับพื้นไม้ แรงมือเขาจับลงมาคล้ายกับว่าจะบีบแขนนางให้หัก รสจูบที่เขาบดเบียดผสมรสสุราที่ขมขื่นใจ

นางกำลังถูกบุรุษตรงหน้านี้หยามเกียรติ ให้นางเป็นตัวแทนของพี่สาวต่างมารดา เขาพร่ำเรียกชื่อมี่เอ๋อร์ด้วยความรักอย่างหมดใจ

เขาจะรู้หรือไม่ ว่าสตรีที่นอนใต้ร่างนั้นคือสตรีที่เขาใช้หางตามองนางอย่างนึกรังเกียจมาตลอด

“ข้ากลัวแล้ว...ปล่อยข้าเถิด ข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เสียงกล่าวอย่างหวาดกลัว น้ำตาร่วงรินตกมายังหมอน

ดวงหน้างามอาบชโลมไปด้วยเม็ดเหงื่อ สองมือเกร็งจิกลงที่นอน ริมฝีปากปริออกกล่าวขอความเมตตา คำแล้วคำเล่า

ความเจ็บนี้กรีดลึกลงหัวใจ เป็นฝันร้ายที่กัดกินนางทุกค่ำคืน ความเจ็บปวดทางร่างกายเทียบไม่ได้กับความบอบช้ำทางใจ

“คุณชายจิ้นพอเถิด…อึก ฮึก ข้าเจ็บข้าเจ็บ” คำกล่าวอ้อนวอนไม่ได้ช่วยให้เขาผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย

“เจี่ยเจียช่วยข้าด้วย...ฮือๆ” นางกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาว สองมือถูกมัดรวบขึ้นด้านบนด้วยผ้าม่านในศาลากลางสวน

อึก! ปล่อยข้า!…ข้าสะดุ้งกายตื่นขึ้น ผ่อนลมหายใจออกทางจมูก และหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง คล้ายกับว่าก่อนหน้านั้นได้ออกแรงวิ่งทางระยะไกลมาอย่างไรอย่างนั้น

มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอยู่ทุกคืน เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนหลังจากคืนงานแต่งงานของเจี่ยเจียกับคุณชายเยี่ย

มือทั้งสองและต้นขากระตุกสั่นไม่หยุด เหมือนกับไม้เซียมซีที่ถูกเขย่า น้ำตาไหลหยดลงมาด้วยความผวาเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์นั้น ข้าไม่อาจบังคับให้ตัวเองหยุดอาการเหล่านี้ได้เลยทันที

มันทรมานเหลือเกิน แต่ละคืนต้องวนเวียนอยู่ในฝันร้าย ความเจ็บยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายจะหายดีแล้วก็ตามที

ข้านั่งกอดตัวเองบนเตียง กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งเหือด ภาวนาว่าจะมีสักคืนที่ฝันร้ายนี้จะจางหายไปบ้าง

“ท่านแม่...ฮือๆ” น้ำตาพรั่งพรูออกมา เรื่องน่าอับอายและเลวทรามเหล่านี้เหตุใดต้องเกิดขึ้นกับข้า

ไฉนฟ้าถึงลิขิตกำหนดให้ข้าต้องอยู่อย่างอัปยศ ไร้เกียรติ

“ท่านแม่ให้พรลูกด้วย ให้ลูกหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ที” นี่คือคำขอที่กล่าวมาตลอดหลายคืน แต่กลับไม่มีสิ่งใดลดทอนความทรงจำนั้นให้ดีขึ้นมาได้

สตรีที่ถูกข่มขืนนำมาซึ่งความอับอายของตระกูล ไม่ควรค่าที่จะแต่งเป็นภรรยาผู้ใด ผู้คนจะนินทา และมองมาอย่างเหยียดหยาม

ข้าจะอดทนแบกรับมันทั้งหมดได้อย่างไร...

จิ๊บๆ...เสียงนกร้องที่เข้ามาเกาะตรงขอบหน้าต่างดังปลุกทำให้ข้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อคืนนอนร้องไห้จนเผลอหลับไปยามไหนข้าเองก็จำไม่ได้ หัวหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินอยู่ด้านใน ทอดมองเพดานเตียงและถอดหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

ในทุกๆ เช้าข้าจะมีอาการมึนและวิงเวียนที่หัว ช่วงหลังมานี้ยังมีอาการมวนท้องคลื่นเหียน ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก มีอาเจียนออกมาบางครั้งบางครา สาเหตุเหล่านี้คงจะเกิดจากความเครียดและนอนน้อยกระมัง เล่นผวาตื่นมายามดึกทุกคืนเช่นนี้

กว่าจะข่มตาหลับก็ใช้เวลาสองชั่วยามได้

ข้ายันกายลุกขึ้นเดินออกไปเรียกบ่าวให้ยกน้ำเข้ามาล้างหน้าบ้วนปาก ตั้งใจว่าสายๆ จะไปนั่งเล่นในสวน ปักผ้าเย็บผ้าจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที ถึงแม้ว่ามันจะช่วยไม่ค่อยได้ก็ตามทีเถิด แต่อย่างน้อยๆ จะได้มีช่วงเวลาหนึ่งที่หยุดคิดถึงฝันร้ายนั่นได้บ้าง

“คุณหนูจะไปรับมื้อเช้าที่คฤหาสน์หรือในเรือนเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“สายๆ หน่อย เจ้าค่อยไปจัดสำรับมื้อเช้าให้ข้าที่ศาลาในสวนใหญ่” ข้าตอบนาง หยิบหวีขึ้นมาแปรงปลายผมที่พันกัน พินิจมองใต้ตาที่บวมแดงจนเห็นได้ชัด

เฮ้อ...สภาพดูไม่ได้เลย เหตุใดต้องเป็นข้าผู้เดียวที่ทนทุกข์จากการกระทำของเขา บุรุษคนนั้น! สมควรถูกแช่งไม่ให้ตายดียิ่งนัก!

“คนเลวทราม หากเวรกรรมมีจริง ขอให้ท่านทนทุกข์ยิ่งกว่าข้าสองเท่าสามเท่า!” ข้าลั่นวาจาสาปแช่งออกมา ภาวนาให้คำกล่าวนี้สัมฤทธิผล จะช้าจะเร็วก็ขอให้เขาพบเจอในชาตินี้

พอสายๆ ก็จัดเตรียมให้บ่าวขนผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บไปยังศาลา วันนี้อากาศค่อนข้างสดชื่น ไม่ร้อนไม่เย็นมากเกินไป เหมาะแก่การนั่งจิบชา ปักผ้าให้สบายใจมากนัก

ข้านั่งสูดอากาศดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่เริ่มโรยราผลัดกลีบลงพื้นอบอวลภายในสวนแห่งนี้ เสียงนกร้องยามสาย สายลมอ่อนๆ ล้วนแต่เป็นยาปลอบประโลมให้หัวใจรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

“คุณหนู สำรับมื้อเช้ามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินถือสำรับตรงเข้ามาในเรือน และวางลงบนตรงโต๊ะหิน ก่อนจะเปิดฝาออกทีละถ้วย

“เอามาหลายอย่างเชียว มีแต่ของมันๆ ทั้งนั้น นี่เจ้าต้องการให้ข้าอ้วนรึ” ข้ากล่าวบ่นสาวใช้ออกไป อาหารเช้าควรที่จะเป็นอะไรเบาๆ มิใช่ขาหมูตุ๋นน้ำผึ้ง แป้งทอด ซาลาเปา นกกระทาอบดิน ดูหนังของมันเข้าสิ! มันเยิ้มด้วยน้ำมันซึมออกมาจนมิน่ากิน

“ขะ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งมาใหม่” สาวใช้ตอบน้ำเสียงเลิ่กลั่ก ก้มหน้างุดจนปลายจมูกทิ่มเข้าอก

“ข้าวต้มกับปลาป่นก็พอ ไปเอามาใหม่” ข้ากล่าว ยกมือโบกไล่นางให้ไปเอามาอีกรอบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 6

    “ปากเขายังเล็ก เมื่อโตขึ้นมาหน่อยสองเดือนสามเดือนได้ เขาก็จับดูดถึงลานนม...แต่จะว่าไปแล้วนั้นเหมือนตอนที่เสี่ยวฝานดื่มนมข้าไม่มีผิด” ฮูหยินหม่านกล่าวขึ้น ทำสีน่าปลื้มปริ่มมองเอ้อเหอเสี่ยงพอสิ้นคำกล่าวของท่านแม่ ในหัวก็แล่นภาพดวงหน้าคุณชายจิ้นซ้อนทับกับลูกขึ้นมาทันที ข้าอุตส่าห์ลืมไปแล้วเพราะความเจ็บ ไฉนความคิดนี้ถึงวกกลับมาได้อีกกันเมื่อสลัดภาพคุณชายจิ้นออกจากหัว ภาพอาเอ้อยามขยับปากดูดนมกลับทำให้ข้ามีความสุขถึงแม้ว่าจะเจ็บจนร้องไห้ก็ตามทีกินเก่งเช่นนี้ต้องเหลือให้น้องอีกสองคนด้วยรู้หรือไม่ ข้าเอ่ยกับเขาในใจ แล้วเหลือบตาไปมองอาลิ่ว อาปา ที่กำลังร้องไห้อยู่ ดูท่าหนทางให้นมลูกวันนี้ยังอีกยาวไกลนัก…เรือนซิ่วของจิ้นฝานด้านข้างจะมีต้นไม้ใหญ่ ถ้ายืนใต้ต้นไม้นั้นจะมองทะลุหน้าต่างเรือนเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน และมองเห็นจิ้นฝานที่กำลังผลัดเปลี่ยนมาสวมเป็นชุดขุนนางในยามนี้ ขยับปากกล่าวกับสวี่เจียวไปด้วย ไม่รู้ว่าเขากล่าวอะไรออกมาถึงทำให้สวี่เจียวตกใจอยู่ไม่น้อยนํ้าเสียงของคนทั้งสองเบาราวกับสายลม แต่เนื้อหาของบทสนทนาน่าจะดูตกใจอยู่มาก จนทำให้สวี่เจียวที่ยืนถือเสื้อคลุมนั้นถึงกับมือไม้อ่อนทำเส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 5

    พลันเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง เสียงหยอกล้อผสมกับเสียงร้องไห้ก็ดังกระทบเข้ามาที่หูจากห้องด้านข้าง ตอนแรกที่ได้ยินก็ไม่คิดว่าจะดังถึงขั้นแสบหูเช่นนี้ “คุณชายน้อยลิ่วร้องโยเยไม่หยุดเลยเจ้าค่ะ” เสียงที่ดังลอดออกมาคือแม่นางเฉินข้าจึงผลักประตูเข้าไปในห้องเห็นคุณชายจิ้นนั่งนิ่งยกนํ้าชาขึ้นจิบอย่างสงบ ปรายตามองมาทางข้า ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาท่านแม่กล่อมเด็กอ่อนใบหน้าที่เหมือนกับคุณชายจิ้น ฮูหยินเฒ่ามีสีหน้าตระหนกไม่ต่างกัน อุ้มเด็กน้อยที่มีใบหน้าเหมือนคุณชายจิ้น แม่นางเฉินหางตาตก สีหน้าอมทุกข์ อุ้มเด็กหน้าเหมือนคุณชายจิ้นคุณชายจิ้นหนึ่ง คุณชายจิ้นสอง คุณชายจิ้นสาม คุณชายจิ้นสี่ บ้าจริง! บุตรชายแฝดสามคนได้พ่อของเขามาทั้งหมดราวกับคุณชายจิ้นแยกร่าง และย่อส่วนลงให้ตัวเล็กลงขนาดกะทัดรัด“หนี่ว์เอ๋อร์ตื่นแล้วหรือ พวกเขากำลังหิวนมพอดีเลย” ฮูหยินหม่านกล่าว ก่อนหน้านี้ก็ให้แม่นมป้อนไปแล้ว กินจุบจับไปห้าหกทีก็ไม่ยอมกินอีก“เห็นตัวเล็กหน้าซื่อๆ แต่กลับเลือกกินตั้งแต่เด็ก” ฮูหยินเฒ่ากล่าวบ่น ใช้นิ้วเขี่ยลงไปที่หน้าผากปาเหอเสี่ยง หรือเจ้าแปดที่ร้องไห้ลั่นในอ้อมแขนของนาง“เหมือนพ่อเขา

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 4

    “ดูเล็กไปหมดเลยขอรับ จมูก ปาก หู” จิ้นฝานกล่าวไปตามที่เห็น ภาพน้องสาวน้องชายของเขาที่เคยอุ้มยามเด็กเลือนรางไปตามกาลเวลา พอมาวันนี้ความรู้สึกนั้นก็ย้อนกลับมาอีกครั้งมันหอมหวานไปด้วยความสุขความยินดีอยู่ด้านในอกของเขาคล้ายจะล้นทะลักออกมาข้างนอก“อาฝาน เจ้าต้องเป็นนักคัดลอกฝีมือดีเป็นแน่” ฮูหยินเฒ่ากล่าวเย้า“ทำไมหรือเจ้าคะ” ฮูหยินหม่านเอ่ยถามอย่างสงสัยในคำกล่าวนั้น“เจ้าดูเสีย ราวกับเอาหน้าอาฝานมาแปะไว้” ฮูหยินเฒ่ากล่าว หลุบตาลงมองเหลนชายที่อุ้มเอาไว้“ฮ่าๆ” ฮูหยินหม่านได้ยินก็ลั่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ หันไปลูบหัวบุตรชายพร้อมกับกล่าวไปด้วยว่า“สงสัยว่าตอนทำ เจ้าคงจะขยันปั้นน่าดู”จิ้นฝานที่ได้ยินก็หลุบตาลงมองเอ้อเหอเสี่ยง คืนนั้นมันบางเบาราวกับหมอก พร่ามัวอยู่ในความทรงจำ ครุ่นคิดเท่าไรก็ครุ่นคิดไม่ออก ส่วนไหนของคุณหนูรองหน้าตาเป็นแบบไหนเขาเองก็จำไม่ได้ พอตื่นขึ้นมาก็รู้เพียงแค่ว่าปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ยิ่งช่วงเอวมิต้องกล่าวถึงเมื่อแวะหามาลูกแล้วนั้นก็ถึงคราไปหาแม่ของลูกชายที่ห้องนอนใหญ่ด้านข้าง เขานั่งลงบนเตียงลูบหัวฮูหยินน้อยที่นอนหลับอย่างเบามืออยู่เนิ่นนาน…สัมผัสเบาๆ ที่หัว

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 3

    “ฮึ เวลาผ่านไปเร็วนัก ยามนั้นท่านยังเป็นเด็กหนุ่ม มาบัดนี้เติบโต ดูทระนง และสง่าสมฐานะเสนาบดีฝ่ายขวาในอนาคตอย่างยิ่ง” เสนาบดีจางกล่าว สายตามองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของชายหนุ่มที่ยืนเบื้องหน้า“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” จิ้นฝานตอบเสียงนิ่ง หน้านิ่งกวาดตามองเหล่าฮูหยินของเสนาบดีจางที่นั่งตัวสั่นภายในห้องนับผ่านทางสายตาขุนนางเฒ่าผู้นี้มีภรรยาสิบคน แต่กลับมีบุตรเพียงไม่กี่คนเท่านั้น บุตรชายห้าคน บุตรสาวคนเล็กอีกหนึ่งคนที่ยังไม่แต่งออกไป“ข้าขอสนทนากับท่านในฐานะที่เคยเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันมาหลายปีหน่อยเถิด ไท่จื่อจะลงโทษตัดสินตระกูลจางถึงโทษขั้นไหน” เสนาบดีจางถามเสียงอ่อน ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหมดหวัง“โทษประหารเก้าชั่วโคตร โทษของผู้ที่คิดคดก่อกบฏไม่มีผ่อนปรน” จิ้นฝานตอบตามตรง หลุบตาลงมองชายชราที่นั่งมือสั่น วางกับพนักแขน“แต่พวกนาง และพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าจะรับโทษไว้ทั้งหมด” เสนาบดีจางที่นั่งก้มหน้าลงเอ่ยขึ้น“ท่านเป็นถึงเสนาบดี คงจะทราบดีว่าโทษนี้ไม่อาจเลือกปฏิบัติได้ เมื่อทำผิดใหญ่หลวง ย่อมต้องรับผิดชอบทั้งหมดร่วมกัน” จิ้นฝานตอบเสียงนิ่ง“คุณชายจิ้น...” เสนาบดีจางเงยหน้าขึ้นสบดวงต

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 2

    จิ้นฝานมองมือของนางที่ยกค้างกลางอากาศแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะหลับตาลงและขยับหน้าไปแนบกับฝ่ามือของนางอย่างช้าๆ นิ่งค้างสักพัก แล้วดึงหน้ากลับมาลืมตาช้าๆ มองภาพสะท้อนตัวเองบนดวงตาคู่หวานของนาง“เจอกันวันพรุ่ง” จิ้นฝานกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย หมุนกายกลับหลังแล้ววิ่งออกไปอย่างรีบร้อนข้ายืนนิ่ง และสูดลมเข้าจมูก เมื่อครู่นี้...เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น สัมผัสนั้นราวกับความฝันเสี่ยวเมิ่งยืนมองฮูหยินน้อยที่ยืนอึ้งไปครู่หนึ่ง นางจึงส่ายหน้าเบาๆ ในท่าทีของนายท่าน จะไม่ให้ฮูหยินตกใจได้อย่างไร อยู่ๆ ก็ใช้ข้ออ้างมาขอเบี้ย เพื่อมาลาภรรยาก่อนจะออกไปทำงานใหญ่ ยังมิวายหยอดสาวงามหนึ่งที แล้วรีบวิ่งหนีไปเสียดื้อๆ ลูกเล่นเขานับว่าแพรวพราวขึ้นทุกวัน“เสี่ยวเมิ่ง เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่...” ข้าเอ่ยเสียงขาดหายหันหลังกลับไปถามนางด้านหลัง“นายท่านตั้งใจจะแวะมาลาฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งกล่าวไปตามตรง“เขาต้องเพี้ยนไปเป็นแน่” ข้าเอ่ย เอามือที่สัมผัสหน้าคุณชายจิ้นก่อนหน้านี้มากุมเอาไว้ แล้วเดินเข้าเรือนไปตอนนี้คล้ายกับว่าในหัวใจเหมือนมีกลีบบุปผาเบ่งบานอยู่เต็มไปหมด จะให้บรรยายออกมานั้นข้าเองก็ไม่อาจเข

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๑ ฝูงลิง / 1

    ๑๑ฝูงลิงเมื่อดอกเหมยโรยราร่วงหล่นลงพื้นจนหมดต้นแล้วนั้น มันก็เริ่มผลิใบอ่อนขึ้นมาใหม่มีสีเขียวเต็มต้น จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงผลัดใบออก บ่งบอกถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนไปอีกหนึ่งฤดู ยามนี้ข้านั่งเล่นตรงระเบียง เอนตัวพิงหมอนด้านข้าง นั่งดูสีใบไม้ในสวนผ่านแสงจันทร์สีนวลในคืนนี้ท้องของข้าขยายใหญ่มาก ไม่ใช่มากธรรมดา มันใหญ่มากของมาก มิใช่แฝดสองที่คิดเอาไว้ ท่านหมอกล่าวบอกว่าน่าจะแฝดสามหรือไม่ก็แฝดสี่ได้ ถ้าดูจากขนาดท้องนี้ก่อนหน้านี้สองเดือนเกือบสามเดือนได้ คุณชายจิ้นมาขอยุติข้อตกลงไว้ชั่วคราวก่อน เพราะเขาติดทำภารกิจ ต้องกลับเรือนดึกดื่นเกือบเช้าทุกวัน จึงไม่อยากเข้ามากวนข้ากับลูกยามดึกข้าเองก็ไม่ติดใจอันใด เพราะรู้ว่าเขานั้นกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในวังหลวง จึงกลายเป็นว่าเห็นหน้าเขาไม่เกินสิบครั้งได้กระมังที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่เจอก็ตอนมาขอเบี้ยรายเดือนของเขา เดือนไหนเบี้ยหมดไวก็อาจจะเจอสองครั้งสามครั้งต่อเดือน ไม่รู้ว่าเอาเบี้ยไปเททิ้งหรืออย่างไร หมดเร็วยิ่งนักส่วนเจ้าโซว่ก็ตัวโตขึ้น มันเป็นพันธุ์ผสมหมาป่า รูปร่างจึงใหญ่กว่าสุนัขบ้าน มีเรียวขาที่ยาวตัวสูงปราดเปรียวสีขาวฟูฟ่อง แต่กลับมีนิสัย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status