Share

บางเบาดั่งสายหมอก
บางเบาดั่งสายหมอก
Author: LIttlelion

บทนำ ฝันร้าย 1

Author: LIttlelion
last update Last Updated: 2025-06-07 21:44:19

'ระหว่างเขาที่หยิ่งทระนง กับนางที่เขารังเกียจ

จะเกิดความรักขึ้นมาได้อย่างไรกัน

หรือมันจะเป็นเพียงความสัมพันธ์อันเลืองรางมองเห็นเป็นหมอกควันเพียงเท่านั้นหรือ'

บทนำ

ฝันร้าย

แคว้นซิ่น เมืองหลวง ณ คฤหาสน์ตระกูลไป๋

ค่ำคืนแห่งความชื่นมื่น เสียงดนตรีดังอึกทึกกลบทุกสิ่ง ใต้เสียงนั้นมีเสียงสตรีกรีดร้องขอความช่วยเหลือ หวังว่าจะมีผู้ใดเข้ามาช่วยนางให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจตรงหน้า แต่ทว่าเสียงนางมิอาจส่งถึงผู้ใดได้เลย

ปีศาจในคราบบุรุษเย่อหยิ่งทระนง รังเกียจเดียดฉันท์นางราวกับของสกปรก แทบไม่เคยย่างกรายเฉียดเข้าไปใกล้นางแม้แต่น้อย

แต่บัดนี้เขากำลังเอื้อมมือฉุดร่างนางเข้ามากอด ย่ำยีความบริสุทธิ์ เขาขยี้บีบเคล้นร่างกายนาง และกล่าวเรียกขานนางว่า ‘มี่เอ๋อร์’

นางนอนแน่นิ่งใต้เรือนร่างใหญ่ของเขา ไม่อาจสู้แรงขัดขืนได้อีก น้ำตาไหลอาบลงด้านข้างขมับ จ้องดวงตาดุดันที่เหมือนสัตว์ป่ากระหายเบื้องหน้าด้วยความกลัวจับใจ

ร่างกายนางถูกตรึงติดอยู่กับพื้นไม้ แรงมือเขาจับลงมาคล้ายกับว่าจะบีบแขนนางให้หัก รสจูบที่เขาบดเบียดผสมรสสุราที่ขมขื่นใจ

นางกำลังถูกบุรุษตรงหน้านี้หยามเกียรติ ให้นางเป็นตัวแทนของพี่สาวต่างมารดา เขาพร่ำเรียกชื่อมี่เอ๋อร์ด้วยความรักอย่างหมดใจ

เขาจะรู้หรือไม่ ว่าสตรีที่นอนใต้ร่างนั้นคือสตรีที่เขาใช้หางตามองนางอย่างนึกรังเกียจมาตลอด

“ข้ากลัวแล้ว...ปล่อยข้าเถิด ข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เสียงกล่าวอย่างหวาดกลัว น้ำตาร่วงรินตกมายังหมอน

ดวงหน้างามอาบชโลมไปด้วยเม็ดเหงื่อ สองมือเกร็งจิกลงที่นอน ริมฝีปากปริออกกล่าวขอความเมตตา คำแล้วคำเล่า

ความเจ็บนี้กรีดลึกลงหัวใจ เป็นฝันร้ายที่กัดกินนางทุกค่ำคืน ความเจ็บปวดทางร่างกายเทียบไม่ได้กับความบอบช้ำทางใจ

“คุณชายจิ้นพอเถิด…อึก ฮึก ข้าเจ็บข้าเจ็บ” คำกล่าวอ้อนวอนไม่ได้ช่วยให้เขาผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย

“เจี่ยเจียช่วยข้าด้วย...ฮือๆ” นางกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาว สองมือถูกมัดรวบขึ้นด้านบนด้วยผ้าม่านในศาลากลางสวน

อึก! ปล่อยข้า!…ข้าสะดุ้งกายตื่นขึ้น ผ่อนลมหายใจออกทางจมูก และหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง คล้ายกับว่าก่อนหน้านั้นได้ออกแรงวิ่งทางระยะไกลมาอย่างไรอย่างนั้น

มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอยู่ทุกคืน เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนหลังจากคืนงานแต่งงานของเจี่ยเจียกับคุณชายเยี่ย

มือทั้งสองและต้นขากระตุกสั่นไม่หยุด เหมือนกับไม้เซียมซีที่ถูกเขย่า น้ำตาไหลหยดลงมาด้วยความผวาเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์นั้น ข้าไม่อาจบังคับให้ตัวเองหยุดอาการเหล่านี้ได้เลยทันที

มันทรมานเหลือเกิน แต่ละคืนต้องวนเวียนอยู่ในฝันร้าย ความเจ็บยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายจะหายดีแล้วก็ตามที

ข้านั่งกอดตัวเองบนเตียง กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งเหือด ภาวนาว่าจะมีสักคืนที่ฝันร้ายนี้จะจางหายไปบ้าง

“ท่านแม่...ฮือๆ” น้ำตาพรั่งพรูออกมา เรื่องน่าอับอายและเลวทรามเหล่านี้เหตุใดต้องเกิดขึ้นกับข้า

ไฉนฟ้าถึงลิขิตกำหนดให้ข้าต้องอยู่อย่างอัปยศ ไร้เกียรติ

“ท่านแม่ให้พรลูกด้วย ให้ลูกหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ที” นี่คือคำขอที่กล่าวมาตลอดหลายคืน แต่กลับไม่มีสิ่งใดลดทอนความทรงจำนั้นให้ดีขึ้นมาได้

สตรีที่ถูกข่มขืนนำมาซึ่งความอับอายของตระกูล ไม่ควรค่าที่จะแต่งเป็นภรรยาผู้ใด ผู้คนจะนินทา และมองมาอย่างเหยียดหยาม

ข้าจะอดทนแบกรับมันทั้งหมดได้อย่างไร...

จิ๊บๆ...เสียงนกร้องที่เข้ามาเกาะตรงขอบหน้าต่างดังปลุกทำให้ข้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อคืนนอนร้องไห้จนเผลอหลับไปยามไหนข้าเองก็จำไม่ได้ หัวหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินอยู่ด้านใน ทอดมองเพดานเตียงและถอดหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

ในทุกๆ เช้าข้าจะมีอาการมึนและวิงเวียนที่หัว ช่วงหลังมานี้ยังมีอาการมวนท้องคลื่นเหียน ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก มีอาเจียนออกมาบางครั้งบางครา สาเหตุเหล่านี้คงจะเกิดจากความเครียดและนอนน้อยกระมัง เล่นผวาตื่นมายามดึกทุกคืนเช่นนี้

กว่าจะข่มตาหลับก็ใช้เวลาสองชั่วยามได้

ข้ายันกายลุกขึ้นเดินออกไปเรียกบ่าวให้ยกน้ำเข้ามาล้างหน้าบ้วนปาก ตั้งใจว่าสายๆ จะไปนั่งเล่นในสวน ปักผ้าเย็บผ้าจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที ถึงแม้ว่ามันจะช่วยไม่ค่อยได้ก็ตามทีเถิด แต่อย่างน้อยๆ จะได้มีช่วงเวลาหนึ่งที่หยุดคิดถึงฝันร้ายนั่นได้บ้าง

“คุณหนูจะไปรับมื้อเช้าที่คฤหาสน์หรือในเรือนเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“สายๆ หน่อย เจ้าค่อยไปจัดสำรับมื้อเช้าให้ข้าที่ศาลาในสวนใหญ่” ข้าตอบนาง หยิบหวีขึ้นมาแปรงปลายผมที่พันกัน พินิจมองใต้ตาที่บวมแดงจนเห็นได้ชัด

เฮ้อ...สภาพดูไม่ได้เลย เหตุใดต้องเป็นข้าผู้เดียวที่ทนทุกข์จากการกระทำของเขา บุรุษคนนั้น! สมควรถูกแช่งไม่ให้ตายดียิ่งนัก!

“คนเลวทราม หากเวรกรรมมีจริง ขอให้ท่านทนทุกข์ยิ่งกว่าข้าสองเท่าสามเท่า!” ข้าลั่นวาจาสาปแช่งออกมา ภาวนาให้คำกล่าวนี้สัมฤทธิผล จะช้าจะเร็วก็ขอให้เขาพบเจอในชาตินี้

พอสายๆ ก็จัดเตรียมให้บ่าวขนผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บไปยังศาลา วันนี้อากาศค่อนข้างสดชื่น ไม่ร้อนไม่เย็นมากเกินไป เหมาะแก่การนั่งจิบชา ปักผ้าให้สบายใจมากนัก

ข้านั่งสูดอากาศดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่เริ่มโรยราผลัดกลีบลงพื้นอบอวลภายในสวนแห่งนี้ เสียงนกร้องยามสาย สายลมอ่อนๆ ล้วนแต่เป็นยาปลอบประโลมให้หัวใจรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

“คุณหนู สำรับมื้อเช้ามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินถือสำรับตรงเข้ามาในเรือน และวางลงบนตรงโต๊ะหิน ก่อนจะเปิดฝาออกทีละถ้วย

“เอามาหลายอย่างเชียว มีแต่ของมันๆ ทั้งนั้น นี่เจ้าต้องการให้ข้าอ้วนรึ” ข้ากล่าวบ่นสาวใช้ออกไป อาหารเช้าควรที่จะเป็นอะไรเบาๆ มิใช่ขาหมูตุ๋นน้ำผึ้ง แป้งทอด ซาลาเปา นกกระทาอบดิน ดูหนังของมันเข้าสิ! มันเยิ้มด้วยน้ำมันซึมออกมาจนมิน่ากิน

“ขะ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งมาใหม่” สาวใช้ตอบน้ำเสียงเลิ่กลั่ก ก้มหน้างุดจนปลายจมูกทิ่มเข้าอก

“ข้าวต้มกับปลาป่นก็พอ ไปเอามาใหม่” ข้ากล่าว ยกมือโบกไล่นางให้ไปเอามาอีกรอบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status