/ แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่​15 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

공유

บทที่​15 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

หนิงอ้ายหลับตาลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก พลังลมปราณฟ้าดินอันบริสุทธิ์โดยรอบที่ถูกชักนำโดยจี้หยกโลหิตส่งผลให้มวลลมปราณบริเวณนี้ต่างถูกชักนำเข้าตามจุดชีพจรไปทั่วทั้งร่างกายตามสุดยอดเคล็ดวิถี ลมปราณอันอบอุ่นวิ่งวนเข้าสู่จุดใจกลางตันเถียรไม่จบสิ้น พลังลมปราณในร่างกายที่ผ่านการเคี่ยวกรำนับสิบกว่ารอบต่างถูกอัดแน่นเป็นรากฐานบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันครบรอบอายุสิบห้าปีของจางหนิงอ้าย แน่นอนว่าทางฝั่งของนทีก็นับว่าเขาเองได้อาศัยอยู่ในร่างนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วเช่นกัน

หนิงอ้ายใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเอง วันนี้เขาเลือกใส่เสื้อตัวในสีขาวล้วนและเสื้อตัวนอกเป็นสีเขียวอ่อนที่ปักด้วยลวดลายใบไผ่สีเขียวมรกต เมื่อไปถึงบริเวณห้องโถงรับรองที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีท่านแม่เยว่ซิน ท่านลุงหวังฮุ่ย ท่านลุงจางปิน ท่านน้าหรันหรูที่นั่งรออยู่ แม้จะไร้เงาบิดาสารเลวในงานเลี้ยงดังกล่าวนี้ เเต่หนิงอ้ายไม่สนใจเลยสักนิดเพราะทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ที่เขาสนิทใจทั้งสิ้น

''หนิงเอ๋อร์ปีนี้เจ้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ตามกฎของตระกูลจางที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เมื่อคุณชายใหญ่ของตระกูลสายหลักมีอายุครบสิบห้าปีจะต้องเข้ารับการสืบทอดตำแหน่งของตระกูลจางและรับตำแหน่งรองเจ้าสำนักศึกษาผิงอาน มารดาขอถามตามตรงเจ้าต้องการให้เป็นไปตามนี้หรือไม่?'' เย่วซินถามหนิงอ้ายขึ้นเมื่อทุกคนจัดการอาหารมื้อนี้กันเสร็จแล้ว

''ไม่เลยขอรับ บิดาไม่เคยสนใจหรือให้ความเป็นธรรมแก่ข้าเลยสักครั้ง แม้แต่บรรดาพี่น้องร่วมบิดาแลพวกบ่าวรับใช้ในจวนต่างคิดว่าข้าเป็นเพียงแค่เศษสวะของตระกูลคงไม่เกินจริงไปนัก...''

''ในวันนี้ที่ข้ามุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนักไม่ใช่เพื่อต้องการเข้ารับตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจาง ข้าต้องการเพียงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อสามารถปกป้องท่านแม่และสามารถปกป้องคนที่ข้ารักเพียงเท่านั้น!'' หนิงอ้ายเมื่อเรียบเรียงคำตอบในใจของตนดีแล้วจึงบอกมารดาตนไปด้วยความแน่วแน่ เย่วซินได้ยินดังนั้นจึงดึงบุตรชายของตนเข้ามากอดพร้อมกับรับปากว่านางจะจัดการในเรื่องนี้ให้ตามความต้องการ…

ในกลางดึกหลังจากจบงานเลี้ยงวันเกิดของหนิงอ้าย ด้วยความที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาวจึงทำให้บรรยากาศเย็นสบายชวนให้ผ่อนคลายยิ่ง ทว่าได้มีเงาตระคุ่มแฝงตัวเข้ามาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วได้มุ่งตรงไปยังห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปก็พบว่าบนเตียงนั้นเป็นหนิงอ้ายที่นอนหลับท่าทางดูสบาย เส้นผมสีขาวเงินเป็นประกายแปลกตารับเข้ากับใบหน้าได้รูปชวนหวั่นไหว ข่าวลือว่าคุณชายใหญ่ตระกูลจางช่างอัปลักษณ์ใบหน้าถูกผีกัดกินเเล้วที่พบเห็นตรงหน้าคืออันใดกัน?

ในใจนั้นมันนึกเสียดายคุณชายรูปงามท่านนี้เสียจริง หากว่ามันไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าและทำให้ใบหน้างามนี้เสียโฉมแล้ว คงจะนำไปเล่นกับเพื่อนฝูงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์กำหนัดแล้วค่อยฆ่าทิ้ง เเต่ก่อนที่ลงมือแทงมีดแทงที่หัวใจของเป้าหมายในคืนนี้ เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงกลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว 

เกิดเสียงดังขึ้นแม้จะไม่มากนักแต่ก็ถือเป็นการปลุกทุกคนในเรือนให้ตื่นขึ้นโดยทันที พร้อมกับอีกหนึ่งเงาด้านนอกได้รีบเข้ามาทันที  แต่ก่อนจะทำอะไรไปมากกว่านี้ชายชุดดำนั้นสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อหันหลังกลับจึงเห็นเป็นคุณชายผู้หนึ่งที่งดงามราวกับเทพเซียนบนสวรรค์ มือเรียวบางได้ถือกระบี่ด้ามยาวเข้าฟันด้วยความรวดเร็วยิ่ง

ชิ้ง! 

ฟิ้ว!

''ผู้คนต่างเล่าลือว่าคุณชายใหญ่ตระกูลจางมีหน้าตาอัปลักษณ์ อีกทั้งเป็นสวะของตระกูลไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ เหตุใดข้าไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเล่า?'' ชายชุดดำเอ่ยขึ้นคล้ายกับจะยั่วโทสะ

ชิ้ง!

ฟิ้ว!

หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่ตอบ มือเรียวบางได้กระชับด้ามกระบี่ให้มั่นแล้วเข้าต่อสู้อย่างไม่กลัวเกรง

หวังฮุ่ยรับมือชายชุดดำสามคนพร้อมกัน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถปลีกตัวช่วยหนิงอ้ายได้ในขณะนี้ อีกทั้งทุกคนที่เหลือต่างเข้าคู่รับมือเหมือนกันทั้งสิ้นเพราะชายชุดดำที่เหลือต่างบุกเข้ามาในเรือนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ชายชุดดำรับมือกับหนิงอ้ายได้แต่ก่นด่าสาบแช่งผู้ที่ว่าจ้างยิ่ง ข้อมูลระบุว่าเป้าหมายครั้งนี้มีเพียงเเค่คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอไม่เป็นวรยุทธเพราะไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณเป็นผู้ฝึกตนได้

แต่ที่เห็นตรงหน้านี้คือสิ่งใดกัน? ยิ่งต่อสู้ไปตามร่างกายมันมีแต่รอยแผลและเลือดเต็มไปหมด แม้ไม่ใช่จุดที่อันตรายแต่ก็ชวนให้หงุดหงิดใจไม่น้อย เมื่อไตร่ตรองแล้วว่าภารกิจครั้งนี้น่าจะไม่สำเร็จจึงตัดสินใจส่งสัญญาณให้ถอยกลับไปตั้งหลักเสียก่อน

หวี้ด!

เสียงสัญญาณดังขึ้น ส่งผลให้ชายชุดดำที่เหลือต่างถอยกลับออกจากเรือนหลังนี้ ด้วยร่างกายที่มีบาดแผลไม่น้อยเช่นกัน

''คิดเข้าถ้ำเสือแล้วออกไปง่าย ๆ เช่นนั้นรึ?'' หนิงอ้ายพูดออกมาด้วยความโมโหและกระโดดจากหน้าต่างตามออกไป

''เจียวซิ่นจับพวกมันมาตรงนี้ให้หมด!'' หนิงอ้ายเอ่ยพร้อมกับเรียกเจียวซิ่นออกมาจากห้วงมิติจิตของตนในทันที

ปึก!

พรึบ!

ทันทีที่สองขาของเจียวซิ่นปักลงพื้นนั้นพลันปรากฏเป็นรยางค์สีเขียวแดงเข้มหลายสายพุ่งไปจับพวกชายชุดดำโดยที่ไม่ทันตั้งตัว พวกมันพยายามใช้กระบี่รวมไปถึงไฟจากบทเวทย์เพื่อจะเผารยางค์เหล่านี้แต่ไม่สามารถทำได้

รยางค์ไม้เหล่านี้ได้ประสานก่อตัวขึ้นเป็นกรงขังพฤกษาขนาดใหญ่กักขังชายชุดดำทั้งหมดอยู่ภายใน ก่อนที่จะปรากฏบุปผาสีแดงที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกมาทั่วทั้งบริเวณส่วนนั้น บรรดาชายชุดดำทั้งหมดคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ไร้สตินึกคิด บ้างก็กรีดร้องส่งเสียงทรมาน บ้างก็ละเมอเพ้อพูดคุยกับอากาศ

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างความแปลกใจกับทุกคนในเรือนกันทั้งสิ้น ยกเว้นหนิงอ้ายที่รู้ว่านี่คืออีกหนึ่งความสามารถของเจียวซิ่นที่เป็นสัตว์อสูรปราณธาตุไม้สายควบคุม ไม่กี่ชั่วจิบชาชายชุดดำทั้งหมดต่างล้มตัวแน่นิ่งลงไปในที่สุด 

''หนิงเอ๋อร์ เจ้าบาดเจ็บตรงที่ใดบ้างหรือไม่?'' เสียงของเย่วซินดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะเข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มพร้อมกับหมุนตัวของอีกฝ่ายคล้ายกับเสาะหาร่องรอยบาดแผลที่อาจเล็ดรอดไปจากสายตาได้

''ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใดเลยขอรับท่านแม่...'' 

เมื่อทุกคนในเรือนรวมไปถึงบ่าวรับใช้ได้รวมตัวอยู่ในห้องโถงรับรองกันครบถ้วน หนิงอ้ายได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บร้ายแรง มีเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยจึงรู้ลึกโล่งใจไปไม่น้อย แสดงว่าเป้าหมายสำคัญครั้งนี้คือเขาคนเดียวเท่านั้น

''หากพวกมันตายหมดแล้วจะรู้ว่าใครเป็นคนจ้างวานมันเล่าขอรับ?'' ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นกังวล

''ในห้อยังมีอีกคนหนึ่งที่โดนข้าสกัดจุดไว้...'' ทุกคนพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไป

''ฝากเจ้าค้นตัวพวกมันด้วยนะลู่ซี เผื่อมีหลักฐานสำคัญติดตัวพอใช้เป็นหลักฐานได้ อย่าลืมให้เจียวซิ่นดูดพิษพวกมันออกมาทั้งหมดก่อนเล่า'' หนิงอ้ายเมื่อมอบหมายหน้าที่ให้กับลู่ซีแล้วจึงเดินนำทุกคนไปยังห้องนอนของตน...

''ตรงมุมห้องขอรับท่านแม่'' หนิงอ้ายบอกมารดาของตน ในขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย

เห็นสภาพภายในห้องนอนของหนิงอ้ายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือด รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้เสียหายไปเกินครึ่ง สิ่งนี้สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ต่อสู้เมื่อครู่นั้นมีความรุนแรงมากเพียงใด ร่างกายของหนิงอ้ายหากไม่นับคราบเลือดต่าง ๆ บนชุดที่สวมใส่แล้วถือได้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย เยว่ซินได้แต่มองบุตรของตนที่ตอนนี้กำลังเข้าไปปลดการสะกดจุดของนักฆ่าคนนั้นเพื่อที่จะทำการสอบถามถึงผู้ที่จ้างวานในการลอบฆ่าครั้งนี้

''นี่มันนักฆ่าระดับพลังวิญญาณขั้นใดกัน จึงไม่สามารถตรวจสอบได้?'' จางปินตรวจสอบนักฆ่าตรงด้านหน้า แต่ไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณได้แม้แต่น้อยจึงเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย

''นักฆ่าคนนี้เป็นผู้ฝึกตนจักรพรรดิวิญญาณขั้นสูงระดับที่38ขอรับ''

''ไม่แปลกที่ท่านลุงจางปินไม่สามารถตรวจสอบทราบได้ เพราะนักฆ่าเหล่านี้ล้วนใช้ของวิเศษหรือบทเวทย์ระดับสูงที่สามารถทำการปลอมแปลงหรือปกปิดพลังวิญญาณเพื่อสำหรับภารกิจลอบฆ่าโดยเฉพาะ...'' หนิงอ้ายตอบข้อสงสัยให้ทุกคนได้รับรู้

''แล้วคุณชายรู้ได้อย่างไร?'' จางปินถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะระดับพลังวิญญาณของเขาสูงกว่าเด็กหนุ่มถึงสองสามขั้นย่อย แต่ทว่าหนิงอ้ายกลับสามารถตรวจสอบระดับวิญญาณของนักฆ่าคนตรงหน้านี้ได้

''หลังจากที่ข้าได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณอายุล้านปีของอสรพิษบรรพกาล เนื่องจากเป็นการประสานกระดูกวิญญาณเข้ากับส่วนบริเวณศรีษะหลังจากที่ข้าทะลุเขตขั้นเป็นผู้ฝึกตนจักรพรรดิวิญญาณ อีกหนึ่งทักษะที่เพิ่มขึ้นคือดวงตาของข้านั้นสามารถตรวจสอบมองทะลุการปลอมแปลงทุกชนิดรวมไปถึงการใช้ของวิเศษหรือบทเวทย์ปลอมแปลงต่าง ๆ สำหรับของวิเศษและบทเวทย์ที่ถูกใช้ในการปลอมแปลง หากว่าไม่ได้อยู่ในระดับราชันขึ้นไปในตอนนี้ข้าล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น และข้าให้ชื่อมันว่าเนตรแห่งสวรรค์ขอรับ...''

"..."

"..."

"..."

''ความจริงแล้วเนตรแห่งสวรรค์นี้จะมีความแข็งแกร่งและมองทะลุการปลอมแปลงมากกว่านี้หลายเท่า แต่ด้วยเพราะหัวใจหลักคือระดับพลังวิญญาณของของข้า กล่าวได้ว่ายิ่งมีระดับพลังวิญญาณสูงเท่าใดประสิทธิภาพของเนตรแห่งสวรรค์นี้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน...'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

''นี่ถึงขั้นจ้างนักฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นสูงเชียวรึ?'' เย่วซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดใจ ดวงตาคู่งามมองไปยังเด็กหนุ่มคลอไปด้วยน้ำตาที่นางพยายามห้ามไม่ให้ไหลออกมา หากว่าบุตรของนางยังเป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ย่อมจะเป็นวันที่นางต้องเสียบุตรชายไปตลอดกาลอย่างแน่นอน

หนิงอ้ายเห็นเย่วซินร้องไห้จึงดึงมารดาเข้ามากอดทันที จริงอยู่ว่าเขาอาจไม่ได้บุตรชายแท้ ๆ ของนาง แต่ด้วยระยะหนึ่งปีที่เขาได้ทะลุมิติมายังโลกแห่งนี้ เขาย่อมสัมผัสคำว่าครอบครัวได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นที่เขาโหยหามาโดยตลอด เหตุการณ์วันนี้เกือบจะพรากความสุขของเขาไปเสียแล้ว เขาอยากจะฆ่าคนที่มันบงการเรื่องเลวทรามเหล่านี้ยิ่งนักที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มารดาของตนร้องไห้ เอาเถอะแค้นนี้ต้องได้สะสางในสักวัน

''ท่านแม่อย่าร้องไห้เลยนะขอรับ ข้าสัญญาว่าจะฝึกฝนให้หนักขึ้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้เพื่อที่จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่ได้ ข้าว่าเรามาถามมันดีกว่าว่าพวกมันสังกัดสำนักใดและคนที่จ้างวานคือใครกัน?'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาพร้อมก้าวเท้าไปยังนักฆ่าที่เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียวทันที

''ข้าให้โอกาสเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ตอบข้ามาว่าพวกเจ้าอยู่สำนักไหนใครเป็นคนจ้างวานพวกเจ้า?'' หนิงอ้ายเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้

''คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายที่ผู้คนเขาต่างร่ำลือว่าเป็นสวะของตระกูลจางไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ อีกทั้งร่างกายยังเจ็บป่วยอ่อนแอไม่สามารถฝึกฝนการต่อสู้ได้ แต่เหตุใดที่ข้าเห็นในวันนี้หาเป็นอย่างนั้นไม่เล่า?'' ชายชุดดำเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยียวนดวงตาเป็นประกาย เพราะว่ามันถูกใจคุณชายตรงหน้านี้ยิ่ง

เสียงเล่าลือที่คนทั่วแคว้นรู้เช่นเดียวกันว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลจางมีหน้าตาอัปลักษณ์เป็นสวะของตระกูล? หากมีคนกล่าวว่าความงามเช่นคุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายเป็นที่สองคงไม่มีผู้ใดในทุกแคว้นกล้าเทียบขึ้นเป็นที่หนึ่งแน่...

หนิงอ้ายเมินเฉยสายตาที่น่ารังเกียจนั่น พร้อมกับถามออกไปอีกครั้ง ''โอกาสครั้งที่สองข้าถามว่าพวกเจ้าอยู่สำนักใดใครเป็นผู้จ้างวานพวกเจ้า?''

''หากข้าตอบไป คุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายจักยอมอยู่ใต้ร่างข้าหรือไม่?'' ชายชุดดำไม่ตอบพลางเอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่น่ารังเกียจ

''จะล้ำเส้นเกินไปแล้ว!'' หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่หนิงอ้ายนั้นยังยืนอยู่ใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม

''โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว จงบอกมาว่าผู้ใดเป็นผู้จ้างวานพวกเจ้า?'' 

''ข้าไม่มีทางบอกให้เจ้ารู้หรอก หากพวกพี่ใหญ่ไม่เห็นว่าพวกข้าไม่กลับตามกำหนดเวลาไม่แคล้วคงจะจัดการพวก...''

ฉึบ!

ไม่ทันชายชุดดำได้กล่าวจบทันใดนั้นก็มีเสียงกระบี่ดังขึ้นคล้ายกับตัดบางสิ่งบางอย่างเพียงเเค่ดาบเดียวแสดงถึงความเฉียบขาดและแม่นยำ หนิงอ้ายตวัดกระบี่ของอีกฝ่ายที่อยู่ในมือตัดผ่านลำคอของนักฆ่าตรงหน้าอย่างไม่ลังเล

''...'' 

''...''

''...''

ทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ได้แต่สูดหายใจเสียงดัง จริงอยู่ที่ว่ากระบี่นั้นจะมีความบางและคมอยู่มากแต่ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องออกแรงในการใช้ จากรอยแผลของชายชุดดำนักฆ่าตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งไปแล้วนั้นได้สร้างความตกใจแก่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อย

''ข้าให้โอกาสแล้วแต่ในเมื่อไม่ตอบก็ไม่มีประโยชน์ขอรับ...'' หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ใบหน้างามไม่ปรากฏอารมณ์ใดทั้งสิ้น 

''จากฝีมือของพวกมันแล้ว ท่านลุงฮุ่ยพอทราบไหมขอรับ ว่ากลุ่มนักฆ่าเหล่านี้เป็นสังกัดใด?'' 

''กลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ล้วนมีที่มาที่ไม่แน่ชัด ที่สำคุญคือพวกมันต่างถูกฝึกมาโดยไม่อาจแพร่งพรายว่าผู้ใดเป็นผู้จ้างวานขอรับ...'' หนิงอ้ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ

''คุณชาย! ข้าเจอหลักฐานการจ้างวานฆ่าตรงช่องลับในแขนเสื้อ อีกทั้งตรงบริเวณต้นคอด้านหลังของชายคนนั้นปรากฏเป็นรอยสักโครงกระดูกลายเสือสีดำหากไม่สังเกตก็ไม่อาจเจอโดยง่าย คนอื่น ๆ ก็มีรอยสักเช่นนี้เหมือนกันขอรับ...'' ลู่ซีเมื่อจัดการเหล่าบรรดาศพนักฆ่าที่ตรงบริเวณด้านหน้าลานของเรือนตามที่คุณชายของตนให้จัดการสำเร็จแล้วจึงรีบเข้ามารายงานทันที

''เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย'' หนิงอ้ายเมื่อดูเสร็จจึงส่งต่อให้มารดาของตน

''นี่มันฝีมือของพวกสำนักเหรินซวง! ไม่คิดว่าฉากหน้าที่เป็นผู้ผดุงยุติธรรมจะรับงานต่ำทรามเช่นนี้ด้วย'' เย่วซินแม้จะคาดเดาได้ว่าเป็นฝีมือของสำนักใด เพราะนางคุ้นเคยท่าทางการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาของสำนักเหรินซวงในความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นนางได้เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ของแคว้นและไม่ได้ต่อสู้กับคนสำนักนี้โดยตรงแต่ก็พอจดจำเคล็ดวิชาที่ถูกใช้ในงานประลองได้

''ดูเหมือนฮูหยินรองจะเห็นว่าข้าอายุครบสิบห้าปีแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณได้แต่ก็ยังมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดของตระกูลจางและสำนักศึกษาผิงอานอยู่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงด้วยศักดิ์ฐานะของบุตรชายคนโตของตระกูล...''

''ถึงตอนนั้นบุตรของนางก็จะมีหน้าที่เพียงแค่เป็นผู้อาวุโสประจำตระกูล แต่หากข้าตายตกไปเนื่องจากปัญหาสุขภาพหรือถูกลอบฆ่าต่อให้จะเป็นเหตุผลอะไรก็ตามบิดาสารเลวนั่นคงไม่สนใจและไม่สืบหาความจริงเสียด้วยซ้ำ บุตรของนางก็จะขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอย่างถูกต้อง เพราะตระกูลจางสายหลักมีเพียงข้าและบุตรของนาง ถึงแม้จะมีคุณชายสามเเต่หากเทียบกับคุณชายรองแล้วคงยากที่จะรับตำแหน่งใหญ่โตของตระกูลได้ในวันข้างหน้า...'' ทุกคำที่หนิงอ้ายเอ่ยออกมาล้วนเป็นความจริงที่เป็นไปได้อย่างมาก

''ข้าไม่ต้องการเป็นผู้สืบทอดตระกูลจางนี้เลยแม้แต่น้อย พวกเรากลับไปหาท่านตาท่านยายที่ตระกูลหวังกันนะขอรับ'' หนิงอ้ายเอ่ยบอกมารดาของตนด้วยน้ำเสียงจริงจังคล้ายกับตัดสินใจแล้วอย่างถี่ถ้วนอย่างดีแล้ว...

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

관련 챕터

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​16 โชคชะตา ฟ้าลิขิต

    กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ร่างไร้วิญญาณที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงฉานมากมายชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอยู่ไม่น้อยแก่ผู้พบเห็น แต่ด้วยทุกคนในที่นี้ต่างโลดแล่นอยู่ในเส้นทางของผู้ฝึกตนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นย่อมเคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่น่าแปลกใจคือหนิงอ้ายที่เป็นผู้ลงมือกระทำนั้นกลับไร้ความตกใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้นชินเสียอย่างนั้น''นักฆ่าเหล่านี้แม้จะเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วก็จริง แต่อย่างไรขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกตนย่อมมีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในจุดชีพจรทั่วทั้งร่างกายที่ไม่แตกต่างไปจากสัตว์อสูร หากปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้คงเสียเปล่าเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะนำร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าเหล่านี้ให้กับเจียวซิ่นขอรับ...''แม้ว่าสิ่งที่หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นมาจะชวนให้ตกตะลึงในความรู้สึก เพราะการที่สัตว์อสูรในพันธะสามารถดูดซับลมปราณจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์อสูรนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วยิ่งกับร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนเช่นนี้ย่อมไม่เคยมีผู้ใดกระทำทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคำกล่าวของหนิงอ้ายก็ไม่มีผิดถูกเช่นกันหวังฮุ่ยได้สั่งการองครักษ์ทั้งสามให้แยกย้ายกันไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของนักฆ่าสังหารที

    최신 업데이트 : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​17 หย่า

    ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้นแต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูลชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่ห

    최신 업데이트 : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​18 สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้

    ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื

    최신 업데이트 : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​19 ลอบสังหาร

    ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้

    최신 업데이트 : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่20 ตระกูลหวัง

    ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่

    최신 업데이트 : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่21 รูปลักษณ์ที่แท้จริง

    หนิงอ้ายปลดผ้าคลุมที่ปกปิดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามประหนึ่งนางเซียนในเรื่องเล่า สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าของทุกคนราวกับว่ามีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ทุกสิ่งในรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ความงดงามเช่นนี้เพียงแค่ได้มองก็ทำให้ผู้คนต่างลุ่มหลงไม่อาจละสายตา ความงามของหนิงอ้ายได้ฉายชัดเหมาะสมไปตามช่วงวัยอายุสิบห้าปีที่ว่ากันว่าเป็นช่วงผันผ่านเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ หากคิดว่าใบหน้ายามเด็กนั้นฉายแววความงดงามน่าเอ็นดููแล้ว เเต่ในตอนนี้ยิ่งปรากฏเค้าโครงความงดงามกว่าเดิมหลายเท่ายิ่ง ใบหน้ายาวเรียวรูปไข่รับกับคิ้วที่เรียงเส้นโก่งดั่งคันศรสีปีกกาส่งเสริมให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสผิวกายของหนิงอ้ายกระจ่างใสไร้ซึ่งมลทินใดทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วกลิ่นอายของร่างบางที่แผ่ออกมาให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ไม่ธรรมดาสามัญ ดวงตาเรียวงามสีฟ้าราวกับอัญมณีล้ำค่าที่ดึงดูดสายตาแก่ผู้พบเห็นได้โดยง่าย เมื่อพินิจเลื่อนลงมาก็จะพบริมฝีปากที่บางเรียวเป็นรูปกระจับสีชมพูระเรื่อน่าหลงไหล เส้นผมสีขาวเงินที่ถูกปล่อยยาวสยายไปกลางหลังนั่นยิ่งทำให้สัมผัสได้ว่าเป็นความงามที่ไม่มีจริงในโลกใบนี้ทางฝั่งของหวังจิ่งหลงกับเหมยฮวาเมื่อหายตก

    최신 업데이트 : 2025-02-26
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่22 อักขระเวทย์โบราณ

    หลังจากในคืนที่ผ่านมาหนิงอ้ายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วจึงตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นตัวไม่มีร่องรอยความเมื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อวานปรากฏให้เห็น หลังจากจัดการล้างหน้าเเปรงฟันเสร็จแล้วตัวเขาจึงออกกำลังฝึกฝนวรยุทธตามความคุ้นชินตั้งเเต่ยามอยู่เรือนเล็กท้ายจวนตระกูลจาง แม้ว่าในยามปกตินั้นเขาจะวิ่งรอบจวนสักสิบรอบเสียก่อนจึงจะฝึกฝนวรยุทธการต่อสู้ต่าง ๆสำหรับเช้าของวันนี้ท่านตาหวังจิ่งหลงจะทำการสั่งสอนอีกทั้งถ่ายทอดบทเวทย์ที่เป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลหวังให้แก่เขากับลู่ซี พวกเขาทั้งสองขึ้นชื่อว่าเป็นลูกหลานของตระกูลหวังสายหลักของแคว้นเต่าดำเเล้ว เหลือเพียงกระทำให้ถูกต้องตามประเพณีที่ศาลบรรพชนของตระกูล อันเป็นสถานที่ต้องข้ามที่จะต้องมีวาระสำคัญเท่านั้นจึงจะมีการจัดทำพิธีที่ศาลบรรพชนดังกล่าวได้''หนิงอ้าย ก่อนหน้านี้หลานได้ศึกษาบทเวทย์โดยที่ยังไม่ได้เรียนรู้อักษรเวทย์พื้นฐานใช่หรือไม่?'' หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้น โดยที่พวกเขาทั้งสามคนได้ปลีกตัวกันมายังศาลากลางจวน โดยที่ที่นั่งด้านข้างหนิงอ้ายมีลู่ซีนั่งอยู่ติดกันไม่ห่างไปนัก''ขอรับท่านตา ก่อนหน้านี้ข้าได้ศึกษาเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาเป็นบทเวทย์เเรก ก

    최신 업데이트 : 2025-02-26
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่23 ตลาดเมืองหลวง

    หนิงอ้ายได้ชวนลู่ซีเดินเที่ยวตลาดเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลหวังมากนัก ด้วยระยะทางที่สั้นเพียงนี้ในตอนแรกหนิงอ้ายตั้งใจว่าจะเดินเท้าไปเพื่อที่จะได้ซึมซับเอาบรรยากาศต่าง ๆ ของมหานครแคว้นเต่าดำ เเต่ลูซีเห็นต่างไปว่าหากนั่งรถม้าไปย่อมสามารถที่จะเลือกจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเอากลับจวนตระกูลหวังอย่างไรอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานประลองของแคว้นแล้ว คาดการณ์ว่าคงมีผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศเข้ามาร่วมงานประลองมากเป็นแน่เนื่องจากว่าของรางวัลสำหรับผู้ชนะในครั้งนี้ ทางแคว้นเต่าดำที่รับเป็นเจ้าภาพจัดงานค่อนข้างที่จะทุ่มงบประมาณอย่างมหาศาลเลยทีเดียว ของรางวัลสำหรับผู้ชนะทั้งสิบอันดับเป็นไปดังนี้ผู้ชนะอันดับหนึ่งการประลองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ และบทเวทย์ระดับสูงอีกสามบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลจำนวนสองหมื่นเหรียญทองผู้ชนะอันดับที่สองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอย่างละหนึ่งบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลทั้งสิ้นจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทองผู้ชนะอันดับที่สามจะได้รับบท

    최신 업데이트 : 2025-03-06

최신 챕터

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status