"เมื่อฉันต้องทะลุเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้นิยายเรื่องนี้จบ แบบ happy ending แค่นี้ง่ายจะตาย ฉันเป็นนางเอกนะ แต่ทำไม๊ ทำไมพระเอกกลับบอกว่าฉันจีดชืด ไร้รสนิยม ไม่ต้องตาเขาเลย แต่เขากลับไปต้องใจยัยตัวร้ายของเรื่องซะงั้น อ๋ออออออ ได้สิ อยากให้ร้ายใช่มะ แม่จะร้ายให้ร้องขอชีวิตเลย"
view more“เอาล่ะ... อ่านจบภายในวันนี้แน่นอน!” หลินเข่อซิงพูดกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น มือข้างหนึ่งถือแก้วชานมไข่มุก ส่วนอีกข้างกำลังไถนิ้วผ่านหน้าจอมือถือที่แสดงหน้าแอพนิยายออนไลน์ เธอนั่งพิงโซฟานุ่มๆ ในห้องนอน พลางห่อหมอนใบใหญ่ไว้ในอ้อมแขน เสมือนเป็นอุปกรณ์เสริมในการอ่านที่ขาดไม่ได้
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธออ่านต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้วชื่อเรื่องว่า “บุปผาซ่อนใจ คุณชายไร้รัก” นิยายจีนโบราณที่หลินเข่อซิงหลงใหลตั้งแต่บทแรก นางเอกเรื่องนี้คือคุณหนูหลินผู้อ่อนหวานและบริสุทธิ์ซ้ำยังมีชื่อเหมือนกันกับเธออีกด้วย ส่วนพระเอกคืออวิ๋นเฟยหลง คุณชายสุดหล่อที่เย็นชาแต่เท่ห์เหลือเกิน นี่มันสูตรสำเร็จของนิยายจีนโบราณชัดๆ! “ฮ่า ๆ ๆ” เข่อซิงหัวเราะออกมาเมื่อถึงฉากที่นางร้าย อย่าง “หยางเฟยฮุ่ย” ทำหน้าเหมือนจะชนะนางเอก แต่ก็โดนตลบหลังอย่างงดงาม เธออดที่จะนึกขำไม่ได้ หยางเฟยฮุ่ยนะเหรอ! ตัวร้ายที่ทำทุกอย่างเพื่อพระเอก ร้ายลึกจนแทบไม่มีที่ว่างให้ความดีเข้ามาแทรก “แหม... คนแบบนี้ในชีวิตจริงนี่คงปวดหัวน่าดู แต่ก็ทำให้เรื่องสนุกใช่เล่นนะ!” หลินเข่อซิงถอนหายใจยาว เมื่อเลื่อนหน้าจอไปยังบทสุดท้าย ความตื่นเต้นเริ่มค่อยๆ ลดลงเมื่อเธอนึกถึงการจากลานิยายเรื่องนี้ เธอทั้งรักทั้งเกลียดโมเมนต์แบบนี้ นิยายเรื่องโปรดกำลังจะจบ แต่ก็อดใจไม่ไหวที่จะอ่านต่อ เพราะอยากรู้ว่ามันจะลงเอยยังไง “เอาจริงดิ... จบจริงๆ เหรอ?” เธอบ่นขณะที่นิ้วแตะหน้าจอช้าๆ ความรู้สึกที่ต้องจากนิยายเรื่องโปรดมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักอ่านตัวยงอย่างเธอ แต่พอเลื่อนจบหน้าสุดท้าย เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าจอที่แสดงคำว่า "จบบริบูรณ์" พร้อมกับความรู้สึกเหมือนโดนหักอก "ทำไมเร็วจังอ่ะ! ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย!" ทันใดนั้นดวงตาของหลินเข่อซิงก็เบิกกว้างเมื่อมีแสงสีทองสว่างจ้าออกมาจากมือถือ “อะไรเนี่ย! โทรศัพท์เสียเหรอ?” เธออุทานพลางยกมือถือขึ้นดูใกล้ๆ ทันใดนั้น แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือพลันล้อมรอบตัวเธอ มันไม่ใช่เพียงแค่โทรศัพท์เสีย แต่มันคือการถูกดูดเข้าไปในนิยายอย่างแท้จริง! หลินเข่อซิงอ้าปากค้างไม่ทันจะพูดอะไร โลกก็หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ว้ายยย!” เสียงกรี๊ดลั่นเมื่อร่างของเธอลอยขึ้นจากโซฟา ชานมไข่มุกในมือหกกระจายไปทั่ว ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงไปชั่วขณะ... เมื่อหลินเข่อซิงลืมตาขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์จีนโบราณ เพดานสูง หน้าต่างไม้แกะสลักงดงาม ผ้าม่านสีชมพูสะท้อนแสงอ่อนๆ “เฮ้ย!” หลินเข่อซิงตะลึง ลุกขึ้นนั่งบนเตียง “นี่มันฝันเหรอ? หรือเราถูกดูดเข้าไปในนิยายจริงๆ?” เธอคว้ากระจกทองคำที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมา มองดูหน้าตัวเองอย่างกังวล “โอเค ใจเย็นหลินเข่อซิง ใจเย็น... อย่างน้อยหน้าฉันก็ยังเหมือนเดิม ใช่ไหมเนี่ย?” หลังจากที่หมุนกระจกไปมาเพื่อสำรวจใบหน้า ในกระจกบานนั้นสะท้อนใบหน้าของหญิงสาวที่มีความงดงามอ่อนหวาน ดวงตากลมโต จมูกเล็กเรียว และริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผมยาวสลวยถูกจัดทรงอย่างประณีต ก่อนที่สายตาของเธอจะหยุดที่ชุดของตัวเอง “เดี๋ยวนะ... นี่มันชุดจีนโบราณแบบที่เคยเห็นในซีรี่ย์จีนบ่อย ๆ นี่นา! โอ้โห มีผ้าคาดเอว ผ้าคลุมแขนยาวๆ แบบนี้เลย? นี่มันอะไรกัน...ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย” ขณะที่หญิงสาวกำลังเอามือหยิกแก้มตัวเองอยู่หน้ากระจกเพื่อทดสอบว่าฝันอยู่หรือไม่นั้นเอง ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกมา พร้อมกับสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูหลิน! ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ?!” “อะไรนะ... คุณหนูหลินเหรอ?” หลินเข่อซิงขมวดคิ้ว “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?” แม้จะพอเดาได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมรับว่านี่คือเรื่องจริง ‘หรือว่าช่วงนี้ฉันจะอ่านนิยายมากไป’ หลินเข่อซิงคิดในใจ “คุณหนูหลินเจ้าคะ ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่?” สาวใช้ถามด้วยใบหน้าห่วงใย หลินเข่อซิงยิ้มแห้งๆ ให้กับสาวใช้ “เอ่อ... สบายดี! ดีมากเลย! ไม่มีอะไรต้องห่วง!” แต่ในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสับสน “โอย! ทำไงดีล่ะเนี่ย ฉันต้องใช้ชีวิตเป็นนางเอกแบบจืดชืดในนิยายเหรอ!?” แล้วทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว “เดี๋ยวนะ... ปกติในนิยายหรือซีรี่ย์ที่เคยดูมา นางเอกที่ทะลุมิติมาแบบนี้ จะต้องมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หรือมีระบบที่จะช่วยเราให้ผ่านเควสไปได้ แล้วอันนี้มันเป็นแบบไหนนะ?” หลินเข่อซิงพึมพำกับตัวเอง และแล้วก็ตัดสินใจพูดออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม “ระบบ!” ใบหน้าหญิงสาวยิ้มกว้าง เบิกตาโตมองจ้องไปยังกำแพงตรงหน้าตัวเอง แแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อ้าว ไม่ใช่แบบระบบหรอกเหรอ งั้นทำไงดีล่ะ?” ระหว่างที่หลินเข่อซิงกำลังคิดจนหัวคิ้วย่นเข้าหากันอย่างกลัดกลุ้ม ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ “ถ้าฉันอยากกลับไปโลกเดิม ฉันก็ต้องทำให้เรื่องนี้จบแบบเดิมสิ! แล้วนั่นก็หมายความว่าฉันต้องทำตัวเป็นคุณหนูหลินในนิยายคนเดิม! ใช่แล้ว! ต้องจืดชืด ใจดี นุ่มนวล... แหม... ชีวิตนี้คงไม่มีอะไรยากกว่านี้อีกแล้วมั้ง! ตามน้ำไปก่อนละกัน” หลินเข่อซิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่พยายามรวบรวมสติ แต่ภายในใจของหลินเข่อซิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว “ทำยังไงให้คนจืดชืดน่าสนใจขึ้นได้เนี่ย!” หลินเข่อซิงเดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวเอนตัวพิงหมอนอิง อีกเดี๋ยวก็ล้มตัวลงนอน ระหว่างที่กำลังตกลงกับตัวเองอยู่ โดยลืมไปเสียสนิทเลยว่าในห้องนั้นไม่ได้มีแต่เธอคนเดียว ยังมีสาวใช้คนสนิทนั่งมองอยู่ด้วย “แย่แล้ว คุณหนูคล้ายจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ ข้าควรทำเช่นไรดี?” หลิงเฉินพึมพำเสียงเบา ก่อนจะค่อย ๆ กระถดตัวถอยห่าง และก้าวเท้าออกไปข้างนอกโดยคนที่อยู่ในห้องไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด“เฮือก…” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังขึ้น ทำเอาทรวงอกของหญิงสาวยกขึ้นสูง ขนตางอนยาวเรียงตัวสวยเริ่มขยับไหว ในที่สุดเปลือกตาก็คอยๆเลิกขึ้น ปรากฎดวงตากลมโตสดใสที่มองไปมารอบๆ แสงไฟสีขาวนวลสว่างขึ้นในห้องเล็กๆ ของเธอมาจากหลอดฟลูออเรสเซนต์บนเพดานห้องสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เมื่อมองไปตรงมุมห้องขวามือ ก็มีโต๊ะเขียนหนังสือรกๆ ที่มีหนังสือและแก้วน้ำวางอยู่ โทรศัพท์มือถือวางแน่นิ่งบนหัวเตียง สายชาร์จรวมถึงสายสมอลทอร์คพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนกลม หลินเข่อซิงค่อยๆลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง“เรากลับมาแล้วเหรอ…” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ราวกับไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือเพียงอีกหนึ่งความฝันอันยาวนานนางลูบอกตัวเองเบาๆ เพื่อปลอบใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งเผชิญมา เป็นเพียงฝันร้ายยาวนานเท่านั้น แต่มันช่างสมจริงเหลือเกิน ความรู้สึกของสายลมในป่าลึก กลิ่นดินหลังฝนตก เสียงหัวเราะของหลิงเฉิน หรือแม้แต่สัมผัสอันอบอุ่นของอวิ๋นเฟยหลง...“เฟยหลง…”เพียงเอ่ยชื่อเขา น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้า ราวกับหัวใจถูกบีบรัด เธอรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายา
นับจากโศกนาฏกรรมนองเลือดวันนั้น ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว อวิ๋นเฟยหลงไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาทำเพียงรักษาการณ์แทน และให้เหล่าเสนาบดีเป็นที่ปรึกษาคอยชี้แนะแก่เขาย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังได้รับชัยชนะ เข้ากอบกู้วังหลวงจากคนชั่ว และทวงแค้นจากหานเจี๋ย เขากลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นเฟยหลงประกาศต่อหน้าที่ประชุมขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลาย“ข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้”คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงไปทั่วห้องประชุม เฟยหลงก้าวออกมายืนกลางห้อง สายตาแน่วแน่“ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินและต่อสู้ในสนามรบ ข้าไม่เคยมีความปรารถนาจะครอบครองบัลลังก์มังกร ข้าเชื่อว่าแคว้นนี้สมควรมีผู้นำที่ดีกว่า”นับจากวันนั้นอวิ๋นเฟยหลงก็ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดไม่ขาดตกบกพร่องอันใด จนราษฎรต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ในใจทุกคนอวิ๋นเฟยหลงคือฮ่องเต้ พ่อของแผ่นดินของพวกเขา คอยปกปักคุ้มครองให้แคว้นฉางจีอยู่รอดปลอดภัย บุ๋นก็ชำนาญ บู๊ก็คือเทพเซียนมาจุติและแล้วข่าวดีที่เขารอคอยก็มาถึง เจิ้งจู่ได้รายงานข่าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาค้น
ก่อนที่อวิ๋นเฟยหลงจะได้ปัดป้องตอบโต้ ก็มีเสียงกังวานใสของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“หยุดนะ!” หยางเฟยฮุ่ยยืนอยู่เบื้องหลังของฮ่องเต้ โดยมีทหารองครักษ์ผู้หนี่งใช้ดาบพาดคอของหานเจี๋ย“หากท่านละเว้นอวิ๋นเฟยหลง ข้าก็จะไว้ชีวิตท่าน!” สตรีผู้ได้ชื่อว่าฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน ก้าวขึ้นหน้ามาอีกก้าว หยุดยืนมองหานเจี๋ยนิ่ง“เจ้า!... นี่เจ้ากล้าก่อกบฏหรือ ดีนี่ฮองเฮา ดี … ดียิ่งนัก ทหาร! กุดหัวนางหญิงชั่วนี่ให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เงียบ มีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ ไม่มีทหารคนใดขยับ ต่างมองไปทางอวิ๋นเฟยหลงอย่างรอฟังคำสั่ง“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?!” หานเจี๋ยตื่นตระหนกแล้ว เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้“ราชโองการในฮ่องเต้พระองค์ก่อน มาถึงแล้ว! อวิ๋นเฟยหลง รับราชโองการ!”ถึงตอนนี้ทหารที่จ่อปลายดาบคุมตัวหานเจี๋ยได้เตะดาบในมือเขาจนกระเด็น ก่อนลากตัวหานเจี๋ยให้ออกห่างจากอวิ๋นเฟยหลง“กระหม่อมอวิ๋นเฟยหลงพ่ะย่ะค่ะ” อดีตแม่ทัพหนุ่มหันกายคุกเข่ามาทางกงกงที่ยืนถือพระราชโองการสีทองอร่ามในมือ“ด้วยโองการสวรรค์ ข้าโอรสสวรรค์ผู้คร
เสียงอาวุธกระทบกันดังไม่หยุด อวิ๋นเฟยหลงหอบหายใจเสียงดัง หลินเข่อซิงมองเสี้ยวหน้าของชายอันเป็นที่รักด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ท่านพี่ ทิ้งข้าไว้เถอะ หากไม่มีข้าท่านก็จะทำศึกได้อย่างเต็มที่ และปกป้องพวกเราทั้งหมดได้”“เหลวไหล! ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้ากับลูกแน่ อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน และข้าจะไม่มีวันแพ้! เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ” อวิ๋นเฟยหลงปวดใจนักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆนั่นพูด ประกอบกับบาดแผลที่ไหล่ของนาง เขายิ่งอยากจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด กระบวนท่าของอดีตแม่ทัพใหญ่แกว่งไกวดาบเข้าห้ำหั่นศัตรู ร่างกายพลิ้วไหว มือเท้าผสานกัน แม้มือซ้ายจะโอบกอดหลินเข่อซิง แต่นั่นกลับไม่อาจสร้างปัญหาให้ชายหนุ่มได้“เหล่าพี่น้องของข้า จงฟัง! พวกเจ้าทุกคน วันนี้เราจะเด็ดหัวฮ่องเต้ทรราชนั่นซะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกเจ้า ราษฎรแคว้นฉางเยว่ และเพื่อฮ่องเต้องค์ก่อนที่ต้องสวรรคตอย่างมีเงื่อนงำ จงตามข้ามา!”“เฮๆ ๆ ๆ” เหล่าทหารฝ่ายอวิ๋นเฟยหลงต่างส่งเสียงร้องกู่ก้องไปทั่วลานด้วยการนำของอวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้พวกเขาบุ
‘ท่านพี่ เมื่อท่านได้รับสารฉบับนี้ หวังเพียงว่าท่านจะยังไม่กระทำการรุนแรงกับท่านหมอประจำตัวข้าหรอกนะ’ อวิ๋นเฟยหลงเลิกคิ้วสูง ก่อนเหลือบมองไปยังใบหน้าช้ำดำเขียว และเปรอะด้วยโลหิตของหมอหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าอ่านต่อ‘ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ยกทัพมาประชิดประตูเมืองแล้ว คืนนี้ยามโหย่ว (17.00น. - 19.00น. โดยประมาณ) ข้าจะแอบมารอท่าน ขอท่านพี่ช่วยมารับข้าด้วย ข้าจะไปรอที่ประตูเมืองด้านทักษิณ หลิงเฉินบอกว่าประตูด้านนั้นค่อนข้างหละหลวม เพราะทหารไปรวมกันที่ประตูหน้าเสียส่วนใหญ่ ข้าจะรอท่านนะ’อวิ๋นเฟยหลงหรี่ตามองไปยังหมอหนุ่มที่ยังนั่งแหงนหน้ามองฟ้า ดูท่ากำเดาคงจะใกล้หยุดไหลแล้วกระมัง อวิ๋นเฟยหลงทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วต่ำ“ข้าต้องขออภัยท่านหมอแทนทหารของข้าด้วย ฝากบอกซิงเอ๋อร์ว่า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปตามนัดหมาย”เวินสือชูมองบุรุษร่างใหญ่บึกบึนตรงหน้าด้วยความยำเกรง ก่อนจะยิ้มออกมาหน่อยๆ“มิเป็นไร ข้าเข้าใจว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเขา หากมิมีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากมานานเกินไป อาจถูกสงสัยได้”อวิ๋นเฟยหลงพยัก
แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับดาบของเหล่าทหารหาญที่ตั้งทัพอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหน้าประตูเมือง เมื่ออวิ๋นเฟยหลงประสานสายตากับเหล่าทหารกล้าที่เขารวบรวมมา พวกเขาคือผู้ที่ยังภักดีต่อแผ่นดินและเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เคยกอบกู้แผ่นดิน“วันนี้มิใช่เพียงการทวงคืนวังหลวง” อวิ๋นเฟยหลงประกาศเสียงกร้าว “แต่คือการทวงคืนความยุติธรรม ทวงคืนอนาคตของบ้านเมือง และนำแสงสว่างกลับสู่แคว้นฉางจีอีกครั้ง”เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มจากทหารนับหมื่นที่เข้าร่วม ขบวนธงสีดำลายมังกรทองสะบัดปลิวไสว เสียงอาวุธกระทบกันดังก้อง ขับเคลื่อนจิตใจอันห้าวหาญของนักรบทุกคนเหล่าทหารที่คอยรักษาการณ์ประจำตำแหน่งประตูหน้าต่างตื่นตัวและคอยจับตามองทัพของอดีตแม่ทัพอวิ๋นเฟยหลง อดีตรองแม่ทัพหยางซึ่งในขณะนี้ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ทองลงไปยังอดีตผู้ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่กว่าตน ในสายตามีทั้งความกริ่งเกรง และหวาดกลัวอยู่หน่อยๆ“ท่านแม่ทัพขอรับ” นายทหารหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นมารายงานกับแม่ทัพหยาง“ว่ามา”“ข้าได้รายงานให้กับฝ่าบาททราบแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งใหม่ เห็นว่าฝ่าบา
Mga Comments