“กิ่ง...กิ่ง” เรียกหลายครั้งแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน แล้วยังจะหันหน้าไปมองอะไรก็ไม่รู้ “กิ่ง” คราวนี้กฤติการ้องเรียกพร้อมกับยกมือวางบนแขนเรียวยาวเขย่าเบา ๆ เรียกสติอีกฝ่าย
“หือ...” กิ่งแก้วละสายตาจากสองหนุ่มหน้าตาหล่อหันมองเพื่อนสาว คิ้วโก่งดกดำจากการวาดเลิกขึ้นเล็กน้อย “มีอะไร”
“ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก กลัวไม่ไหวน่ะ”
“อือ...อยากกลับก็กลับสิ ใครไปรั้งเธอไว้ล่ะ ความจริงน่าจะกลับมาไปเสียตั้งนานแล้ว เธอนี่น่ารำคาญจริง ๆ แล้วนี่ยังคิดจะเปิดร้านอีกหรือ ไม่กลัวไม่มีลูกค้าเข้าร้านหรือไง ข่าวออกจะดังขนาดนั้น”
กฤติกาส่ายศีรษะอย่างระอิดระอาที่กิ่งแก้วยังไม่วายแขวะกัด “ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่น่า คนทำเขาก็ได้รับกรรมของเขาแล้ว อีกอย่าง ไม่เปิดร้านหาเงินแล้วจะให้ฉันเอาเงินที่ไหนซื้อข้าวกินล่ะ จะให้มาทำงานอย่างเธอหรือ ฉันก็ทำไม่ได้ซะด้วย กลัวจะทนไม่ไหว เอาแก้วเหล้าสาดน้ำพวกฝรั่งชีกอแทน”
“อ้าว...แล้วเธอทำทัวร์อย่างนั้น คิดว่าจะไม่เจอหรือไง ถ้าจะเพี้ยนนะเธอนี่ คิดไปได้ อยากกลับก็ตามใจสิ ฉันไม่ได้ห้าม ไม่ได้มัดเธอไว้กับเก้าอี้สักหน่อย รีบกลับเร็ว ๆ ก็ดีนะ ขืนอยู่ดึกกว่านี้ เดี๋ยวเธออาจไม่ได้กลับ”
“ทำไม” ถามอย่างไม่เข้าใจจริง ๆ
“นี่เธอโง่ ซื่อหรือบ้ากันแน่ ไม่รู้หรือไง รูปร่างของเธอนะมันยั่วใจผู้ชาย ไม่เคยเห็นหรือไง ผู้หญิงที่ได้เป็นเมียฝรั่งนะ หุ่นนะเล็กกะทัดรัดอย่างเธอนี่แหละ แต่ความดำน่ะ...เธออาจยังสู้ไม่ได้ ต้องไปอาบแสงอาทิตย์เพิ่ม รับรองได้ เดินไปไม่ถึงร้าน โดนฝรั่งซกมกลากลากเข้ารกเข้าพงแน่นอน”
“พูดอะไรบ้า ๆ ปัญญาอ่อน” กฤติกาสะบัดหน้าอย่างรำคาญระคนหงุดหงิดใจ เธอไม่ใช่คนพูดนี่ที่จะชอบยามถูกผู้ชายลวนลามด้วยคำพูดและลวนลามด้วยการสัมผัสน่ะ ลองมาทำอย่างว่ากับเธอสิ ถึงไม่เก่งการต่อสู้ แต่ก็ไม่ยอมให้โดนลวนลามฟรีหรอกนะ แม่จะเอาให้หน้าเขียวหน้าเหลือง เดินไม่ได้เชียว “ฉันไม่คุยด้วยแล้ว” รีบลุกขึ้นออกเดินลิ่ว ๆ โดยไม่รู้เลยว่า การออกเดินของเธอไม่พ้นสายตาคู่หนึ่งที่เฝ้าจับตามองอยู่ไม่มีคลาดคลา
ถ้าหากจะให้เลือกระหว่างการต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องพัก กับการเที่ยวออกมาเดินดูนั่นดีนี่และควานหาใครบางคนที่เขามั่นใจเหลือเกินว่าจะต้องเจอภายในระยะเวลาไม่นานนี้ อย่างหลังนั้นย่อมดีกว่าเป็นแน่
เพียงแค่เดินผ่านร้านหนึ่ง แม้เพี้ยงเสี้ยววินาที่สายตาตวัดผ่าน ช่วงเวลาที่ได้เจอกันจัง ๆ เพียงแค่ไม่นาน ทว่าเขาก็จำได้ดีว่ายายผู้หญิงใส่เสื้อเก่าๆ ปอน ๆ กับกางเกงผ้าบาติกลวดลายบาดตา ท่าจะเป็นตัวเก่าตัวเก่ง เจ้าของถึงได้รับและหยิบเอามาใส่จนชายกางเกงหลุดลุ่ย คีบรองเท้าแตะเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์นางนั้น ใช่คนที่เขาตามหาตัวอยู่
แต่การจะเดินไปทายทักให้เธอรู้ตัวคงไม่เป็นการดีแน่ ตอนนี้แม่จอมซุ่มซ่ามอาจนัดพบเจอกับใครคนนั้นที่เขาตามหาตัวอยู่ก็เป็นไปได้ จึงสมควรเป็นอย่างที่เขาจะนั่งแอบดูสถานการณ์ และโชคดีของเขา เพราะตรงจุดที่ยืนอยู่นี้มีไม้ต้นสูงใหญ่ล้อมรอบด้วยอิฐบล็อก ด้านบนโบกปูนขนาดกว้างฟุตหนึ่ง พอให้ได้นั่งแอบมองเธอทุกอิริยาบถ
เพียงแค่สาวตัวแสบเอ่ยปากบอกลาเพื่อน ลุกขึ้นเดินจากไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ท่าทางหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดน้อย ๆ จนไม่ได้สังเกตสังกาสิ่งใด ยิ่งทำให้เขานั้นตามติดไปอย่างง่ายดาย
เขาปล่อยให้เธอเดินทอดน่องตามถนนที่ทอดยาวไป โดยมีแสงจากไฟฟ้าริมถนนและร้านค้าทั้งสองข้างทางส่องให้ความสว่าง แสงไฟที่ทอดตัวผ่านต้นไม้ใบหญ้าบวกกับสายลมแผ่วพลิ้วที่บัดโบกสะบัด ทำให้คนจิตนาการกว้างไกลมองเห็นเป็นรูปร่างชวนหวาดกลัว เท้าบอบบางรีบสาวเร็วขึ้นจนแทบจะเป็นวิ่ง
คนเดินตามยิ้มนัยน์ตาวาว เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว สองฝากฝั่งถนน ซึ่งประกอบด้วยร้านรวงที่ผุดขึ้นเรียงรายเป็นทิวแถว บ้างก็ปิดทำการ บ้างก็อยู่ในช่วงต้องปรับปรุง จึงทำให้ไม่มีแสงไฟหลากสีสันสาดส่องมา ชักชวนเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชม บางช่วงบางตอนมืดมิดเสียจนน่ากลัว แม้กระทั่งรถราที่ควรจะวิ่งกันขวักไขว่รับส่งผู้โดยสารอย่างลืมไปว่าเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ก็ไม่มีผ่านมาสักคัน
ผ่านพ้นอาคารพาณิชย์อันมีกิจการหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นร้านจำหน่ายและตัดเย็บเสื้อผ้า ร้านทำทัวร์ ร้านเบเกอรี่ ยังมีมินิมาร์ตและร้านจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทของมึนเมา ส่วนตัวลานกว้างด้านล่างก็เป็นร้านรวงขายอาหารตามสั่ง แม้จะมีลูกค้านั่งอยู่เพียงแค่หยิบมือ แต่ก็มีความสนุกสนานครึกครื้นด้วยเสียงเพลงอันเร้าใจ
เดินตามมาก็ไกลเอาการอยู่แล้ว แต่ไม่สบโอกาสให้เขาจับแม่ตัวแสบมารีดพิษเอาความจริงได้เลย นำพาความหงุดหงิดมาสู่คนตัวใหญ่ แต่แล้วเสียงน้ำทะเลสาดซัดเข้าหาฝั่ง ดั่งมีมนตร์เรียกความสนใจ ทำให้คนตัวเล็กสาวเท้าลงไปตามขั้นบันไดหินอย่างช้า ๆ ราวกับถูกมนตร์สะกด
แสงไฟจากด้านบนส่องลงมาไม่ถึงริมท้องทะเล เป็นโอกาสให้คนที่เดินตามมา ก้าวลิ่ว ๆ ไปกระชากแขนกลมกลึงดึงเข้าหาตัวอย่างเร็ว จนมีเสียงปะทะกันดึงปึก คนที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกทำร้ายในบ้านของตัวเอง ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ปากอิ่มก็ถูกปิดทับอย่างเร็วรี่ อะไรไม่ทำให้เธอตกใจได้เท่า
“ห้ามร้องนะ ฉันยังไม่อยากหักคอเธอทิ้ง!” ชายหนุ่มขู่สำทับเสียงแข็งกร้าว
กฤติกาตาเหลือก คำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ย้อนกลับเข้ามาในสมอง... ‘นี่เธอโง่ ซื่อหรือบ้ากันแน่ ไม่รู้หรือไง รูปร่างของเธอนะมันยั่วใจผู้ชาย ไม่เคยเห็นหรือไง ผู้หญิงที่ได้เป็นเมียฝรั่งนะ หุ่นนะเล็กกะทัดรัดอย่างเธอนี่แหละ แต่ความดำน่ะ...เธออาจยังสู้ไม่ได้ ต้องไปอาบแสงอาทิตย์เพิ่ม รับรองได้ เดินไปไม่ถึงร้าน โดนฝรั่งซกมกลากลากเข้ารกเข้าพงแน่นอน’
หวังว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้นนะ กฤติกาหนาวเย็นยะเยือกไปทั้งกายาที่สั่นระริกราวลูกสุนัขพลัดตกลงไปในแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก หัวใจหล่นวูบไปกองอยู่ตาตุ่ม น้ำตาเอ่อล้นและไหลอาบแก้มอย่างสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ได้
สองมือเล็กพยายามจะยกขึ้นแกะทึ้งมือใหญ่ที่ปิดปากอยู่ออกไป เพื่อตัวเองจะสามารถร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีโอกาสด้วยแรงที่ปิดทับลงมานั้น ทำเอาหายใจหายคอแทบไม่ออกด้วยซ้ำ เท้าเล็กสะบัดเตะไอ้ตัวร้ายไปมา จนไม่รู้ว่ารองเท้าแตะคีบหลุดลอยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และเธอก็ประทุษร้ายร่างกายคนตัวหนากว่าไม่ได้เลย ร่างเล็กยังถูกพาลิ่ว ๆ ไปอยู่ใต้ร่มไม้ต้นไม่ใหญ่ราวกับเธอเป็นปุยนุ่นไม่มีน้ำหนัก
“ฉันจะไม่ทำอะไร และจะปล่อยเธอไปโดยไม่บุบสลาย ถ้าเธอตอบคำถามอย่างไม่อิดออดและปกปิด”
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด