กฤติการู้เพียงแค่ว่าวินาทีนี้เธออยากกรีดร้องอย่างนางมารร้ายที่ถูกนางเอกแย่งแฟนอย่างในละครทีวีเสียเหลือเกิน ผู้ชายอะไรบ้าชะมัด...ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรโรงพยาบาล ต่อให้หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาราวกับพระเอกหนัง แต่อ้าปากพูดแล้วเหมือนกับเพาะพันธุ์ไอ้ด่างสี่ขาไว้จนเต็มอย่างนี้ จากคะแนนสิบเต็มที่ให้เมื่อแรกเจอ ตอนนี้น่ะหรือลดฮวบฮามแถมติดลบสิบด้วย กลายเป็นผู้ชายที่สมควรจะจรลีหลีกหนีไปให้ไกล ๆ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอามาทำพันธุ์!
“เฮ้ย!! จะทำอะไรนะ โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง ฉันเจ็บนะโว้ย ปล่อย!!” ทุบไปบนร่างหนายักษ์ที่ยังไงก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังจะเงยหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุกร้าวมองมา โดยมือยังจับอยู่ที่ข้อเท้าของเธอ
“จะหักขาทำให้เธอให้เดินไม่ได้ แทนการหาผ้าขี้ริ้วมาอุดปากเธอ” ชายหนุ่มขู่เสียงต่ำในลำคอ แยกเขี้ยวโง้งใส่
คำพูดจากปากหนายังไม่ทันจะขาดดี ความเจ็บร้าวราวกับกระดูกจะหักกร๊อบดังสะเทือนเลื่อนลั่นในหูกฤติกา
“โอ๊ย!! ไอ้คิงคอง แกจะฆ่าฉัน...หรือไงหา ไอ้บ้า!!” กลีบปากสีชมพูอิ่มระเรื่อหวีดร้องเสียงหลง น้ำตาหยดแหมะลงบนร่องแก้ม อีตาคิงคองยักษ์นี่หักขาเธอทิ้งแล้วใช่ไหม!
ดวงหน้านวลงอง้ำ ขบกัดกลีบปากที่สั่นระริกไม่ยอมให้เสียงสะอื้นหลุดออกจากปาก ‘โอ๊ย!! แล้วนี่ไอ้เพื่อนบ้าแสงกล้าไปอยู่เสียที่ไหนนี่ ทำไมถึงไม่มาช่วยเพื่อนสาวผู้แสนจะน่ารักและบอบบางอย่างเธอนะ คอยดูนะอีตาผิวหมึก จะ...จะชงกาแฟๆ ใส่ปรอทให้กิน’ หญิงสาวก่นถึงเพื่อนพร้อมฝากความอาฆาตไว้ในใจ ถ้าแสงกล้าอยู่ด้วยอีตาคิงคองยักษ์นี่คงไม่กล้าทำร้ายเธออย่างนี้หรอก
ดวงตาใสเปล่งประกายวิบวับ ทำให้เขานึกถึงดวงตะวันที่สาดทอแสงโลมไล้ล้อหลอกเล่นกับน้ำทะเลสีใส จนกลายเป็นแสงระยิบระยับ
ผู้หญิงคนนี้นัยน์ตาเหมือนจะพูดได้ บ่งบอกถึงอารมณ์ที่รู้สึก มันทำให้เขาคิดว่า ถ้าได้ตะปบเล่นบนเตียง...สีหน้าและแววตาจะเป็นแบบไหน...นี่เขาคิดอย่างนี้กับผู้หญิงที่เพิ่งจะเจอได้ยังไงกัน อันเจโล่รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในสมองทิ้งไปและหยิบเอาหน้ากากแห่งความเฉยชาขึ้นมาสวมอีกครั้ง
“ถ้าฉันจะฆ่าเธอ ป่านนี้เธอคอหักหมุนได้สามร้อยหกสิบองศา นอนแอ้งแม้งอยู่มุมไหนของสนามบินนี้แล้วก็ไม่รู้ แต่ไอ้ที่ทำไปนี่นะ ถือว่าสงเคราะห์ยายปากปลาร้าค้างปีให้กลับบ้านได้ โดยไม่ต้องเดินลากขาราวกับถูกใครเอาไม้มาดักตี”
กฤติกาอ้าปากค้าง ถ้าเปรียวดวงหน้าเธอเป็นดอกไม้ละก็ คงเป็นดอกชบาที่เบ่งบานตอนเช้าและเหี่ยวหุบเมื่อตกเย็น กลีบปากเม้มเข้าหากัน นัยน์ตาวาวจ้าสาดมองไปยังกลุ่มหนุ่มร่างใหญ่อีกสองคนที่ตามติดคิงคองยักษ์ ซึ่งตอนนี้กลั้นหัวเราะเธอจนหน้าขาววอกราวกับตูดลิงกังแดงปลั่งยิ่งกว่าผลเชอร์รี่แล้ว
ชิ...อีตาปากเสีย ฉันเจ็บขาหรอก ถึงหาคำเถียงนายไม่ทันนะ ไอ้ฝรั่งขี้นก
“เออ...ขอบคุณ แต่วันหลังไม่ต้องก็ได้นะ ฉันมันคนพื้นที่ ยังไงก็มีคนมาช่วย ผิดกับพวกคุณ...คุณและคุณ” ชี้หน้าแต่ละคนอย่างไม่หวั่นเกรงรัศมีเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านมา
“ขืนพูดมากปากอมไอ้ด่างสี่ขาไว้แบบนี้นะ นอกจากเขาจะไม่ช่วยกันแล้ว ยังจะร่วมรุมสะกรัมให้หม่ำบาทารสเบอร์เจ็ดเบอร์แปดด้วย” สะบัดข้อเท้าดูเห็นว่าดีขึ้นแล้ว กฤติกาก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างเร็วไว พร้อมคว้าเอากระเป๋าที่อยู่ในมือหนึ่งหนุ่มแล้วเดินลากลิ่วๆ ไปอย่างไม่สนใจเลยว่า...มันผิดใบ!
“บ้าจริง!” เพียงเปิดกระเป๋าจะเอาโน้ตบุ๊กขึ้นมาเพื่อเช็กและติดต่องาน แต่ปรากฏว่าตอนแรกเปิดไม่ได้ เขาสงสัยอยู่แล้วเชียว มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน แล้วเมื่อสามารถเปิดได้ สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับกลายเป็น...กล่องของขวัญขนาดเท่าแฟ้มเอกสาร ห่อด้วยกระดาษสีสันสดใสลวดลายชวนเวียนหัวตาลาย ทำเอาเพลิงโทสะในกายแกร่งพุ่งลิ่วขึ้นมา ราวกับว่าบนพื้นเตียงนุ่มๆ ที่นั่งอยู่นั้นคือกองไฟขนาดใหญ่
เสียงสบถขุ่นเขียวราวกับถูกห่อหุ้มด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ดังมาจากผู้เป็นนายจ้างที่นั่งง่วนอยู่กับกระเป๋าเดินทางในห้องส่วนตัว ทำเอาหนุ่มเดโก้และมาริโอ้ซึ่งยืนเอนกายหนาเอนอิงกับขอบระเบียง ดวงตาสีฟ้าทอดมองไปยังวิวทิวทัศน์อันสวยงามขึ้นชื่อของเมืองท่องเที่ยวนามภูเก็ตถึงกับสะดุ้ง หันมองหน้ากันดังขวับราวกับนัดไว้ ก่อนพยักหน้าจืดเจื่อน ก้าวเดินลิ่วๆ ไปหาหน้าตาตื่น
“เกิดอะไรขึ้นครับนาย” เดโก้และมาริโอ้เอ่ยถามแทบจะพร้อมเพรียงกัน
“นายสองคนจำหน้ายายผู้หญิงปากเสียได้ใช่ไหม” อันเจโล่เอ่ยถามเสียงเข้มเครียด กรามหนาขบกัดจนแก้มนูนขึ้นสัน โทษสองคนนี้ก็ได้ไม่เต็มปาก เพราะตัวเขาเองก็ประมาทเลินเล่อ ไม่ระมัดระวังข้าวของให้ดี ปล่อยให้ยายตัวเล็กจอมซุ่มซ่ามนั่นหลอกและฉกเอาไปเสียได้
“ครับ” มาริโอ้พยักหน้ารับพลางเหลือบมองเดโก้ด้วยสายตาสงสัย ทำไมจะจำแม่สาวฝีปากกล้า ที่อาจหาญต่อปากต่อคำกับผู้เป็นนายอย่างไม่กลัวเกรงคนนั้นได้เล่า ว่าแต่นายเอ่ยถามถึงแม่สาวน้อยหน้าใส่คนนั้นทำไม หรือว่าจะติดใจเข้าเสียให้แล้ว
เป็นเขาสองคนก็สนใจเหมือนกัน หน้าตาเธอน่ารักใช่เล่น หุ่นเล็กกะทัดรัด ปากนิดจมูกหน่อย แก้มป่องอิ่มใส นัยน์ตากลมใส ตอนโกรธก็เห็นประกายวาววับเจิดจ้า ตอนเจ็บก็เหมือนจะบอกด้วยสายตาได้ ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนน่าสัมผัส ถ้าเปลี่ยนจากปากจัดจ้านมาพูดจาฉอเลาะหวานๆ ท่าจะน่าฟังใช่หยอก อีกอย่างผู้หญิงบ้านเขาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่วิ่งไล่จับจะลากนาย คุณชายอันเจโล่ เด โบคันวาโร่ขึ้นเตียงท่าเดียว เรียกได้ว่าผิดกันลิบกับแม่สาวนัยน์ตาคมราวกับตาสาวแขกคนนั้น นอกจากจะไม่สนใจความหล่อเหล่าราวเทพบุตร (มาร) มาจุติแล้ว ยังด่าว่าฉอดๆ อย่างไม่กลัวจะถูกหักคอทิ้งเสียด้วย
“ตามหาตัวหล่อนให้เจอ เร็วที่สุด!” กรามหนาขบกัดจนมีเสียงดังกรอดๆ นัยน์ตาเข้มดุเปล่งประกายดุกร้าว พร้อมเพลิงแค้นเพลิงโทสะที่ลุกโชนอยู่ในใจ ให้เขาเจอตัวเถอะ จะหักคอทิ้งหมกโถส้วมเสียเลย ยายปากปลาร้าค้างปีเอ๊ย!
นับเนื่องมาจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาสืบข่าวจนได้รู้ว่าช่วงนี้มีพนักงานเดินทางไปท่องเที่ยวสองกลุ่มด้วยกัน กลุ่มหนึ่งพาครอบครัวอันประกอบด้วยภรรยาและลูกเด็กเล็กแดงอีกกลุ่มใหญ่ไปท่องเที่ยวอังกฤษ ซึ่งเขาก็ส่งลูกน้องที่ไว้ใจตามติดไปคอยจับตาและเก็บหลักฐานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ส่วนอีกสามคน...หนึ่งหนุ่มใหญ่ซึ่งตอนนี้ก็มีอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังไม่มีเมียมีลูก แต่มีสาวๆ รายล้อมไม่ขาด อีกหนึ่งหนุ่มวัยต้นสามสิบหัวหน้าฝ่ายไอที อีกคนเป็นรองหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบคุณภาพสินค้า คนนี้มีคู่หมั้นแล้ว คงไม่นานที่จะร่วมหอลงโรงกัน ซึ่งคนสุดท้ายเป็นหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ เริ่มต้นทำงานในบริษัทของเขามาตั้งแต่เรียนจบ ด้วยตำแหน่งหนึ่งในฝ่ายป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูล ไต่เต้าจากเพียงแค่พนักงานธรรมดา จนตอนนี้กินตำแหน่งผู้ช่วยมือดีของรองหัวหน้าฝ่าย ทั้งสามคนเลือกมาเที่ยวเมืองไทย
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด