“พอ ๆ ไม่ต้องเอ่ยอันใดแล้ว ในเมื่อเจ้าบอกว่าพี่ใหญ่โดนผู้อื่นวางยาปลุกกำหนัดมา ดังนั้นคงจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าก็จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และข้าก็จะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น เราสองคนจะเก็บเรื่องนี้ไม่บอกใครจนวันตายเข้าใจหรือไม่”
“แต่ว่าหากคุณชายทราบภายหลัง...”
“ข้าเชื่อว่าหากพี่ใหญ่ทราบเรื่องนี้เขาก็ต้องไม่พอใจเช่นกันที่เป็นข้า ดังนั้นข้าขอให้เจ้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“คุณหนูแต่ว่าความบริสุทธิ์ของสตรี...”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก อย่างมากก็หาบุรุษสักคนมาแต่งเข้าตระกูลหมิง”
‘หากคุณชายทราบเรื่องนี้และทราบวาจานี้ของคุณหนูในภายหลัง คุณชายคง
‘ยังไม่ทันไร ก็แปรพักตร์ไปเข้าข้างผู้อื่นเสียแล้ว’ แต่ช่างเถิด หากเป็นหมิงเจียวซือเขาจะละเว้นไว้สักคน “เจ้าไปสอบถามคังอ๋องให้ข้า ว่าคนที่วางยาปลุกกำหนัดข้า พระองค์พอจะสงสัยใครหรือไม่” “ขอรับ” เพ่ยตงตอบรับก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานออกไปจากเรือน พออยู่ตามลำพังในเรือนแล้ว เขาก็ใช้วิชาตัวเบาออกจากเรือนเช่นกัน หากเห็นสิ่งนั้นบนตัวนางย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงความฝัน เขาและนางมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วจริง ๆ เมื่อถึงเรือนของคุณหนูรองหมิง เขาก็ลอบแง้มหน้าต่างดู พอเห็นว่าภายในห้องของนางไร้เงาของสาวใช้จึงเปิดหน้าต่างแล้วลอบเข้าไป เขาก้าวฝีเท้าอย่างแ
7 ไม่รู้ไม่ชี้ ด้านหยวนลี่หมิงที่กว่าจะรู้สึกตัวก็เป็นเช้าวันต่อมา พอลืมตาตื่นขึ้นเขารู้สึกปวดหัวยิ่งนัก มือใหญ่ยกขึ้นกุมศีรษะตนมุมปากยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดถึงฝันหวานละมุนเมื่อคืน เขาไม่คิดว่าตนจะพึงใจสตรีผู้หนึ่งจนเก็บเอาไปฝันว่าได้ร่วมรักประสานเป็นหนึ่งเดียวกับนาง
“พอ ๆ ไม่ต้องเอ่ยอันใดแล้ว ในเมื่อเจ้าบอกว่าพี่ใหญ่โดนผู้อื่นวางยาปลุกกำหนัดมา ดังนั้นคงจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าก็จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และข้าก็จะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น เราสองคนจะเก็บเรื่องนี้ไม่บอกใครจนวันตายเข้าใจหรือไม่” “แต่ว่าหากคุณชายทราบภายหลัง...” “ข้าเชื่อว่าหากพี่ใหญ่ทราบเรื่องนี้เขาก็ต้องไม่พอใจเช่นกันที่เป็นข้า ดังนั้นข้าขอให้เจ้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ” “คุณหนูแต่ว่าความบริสุทธิ์ของสตรี...” “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก อย่างมากก็หาบุรุษสักคนมาแต่งเข้าตระกูลหมิง” ‘หากคุณชายทราบเรื่องนี้และทราบวาจานี้ของคุณหนูในภายหลัง คุณชายคง
“พี่ใหญ่ ตั้งสติเถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นน้องสาวท่านนะ” นางพยายามส่งเสียงเรียกสติของเขา แต่บุรุษที่กำลังซุกไซ้อยู่บริเวณลำคอนางหาได้สนใจไม่ คล้ายกับยามนี้เขาไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว อาภรณ์ของนางถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับอาภรณ์ของเขา มือใหญ่ข้างที่ว่างเลื่อนลงไปเคล้นคลึงส่วนอวบอูมตรงกลางตัวก่อนจะจับเรียวขาของนางให้อ้าออก “พี่ใหญ่ ท่านพยายามตั้งสติได้หรือไม่ ข้าเป็นน้องสาวท่านนะเจ้าคะ ต่อให้ท่านถูกวางยาปลุกกำหนัดมาท่านก็ไม่ควรทำเช่นนี้กับน้องสาวท่าน” “เจ้าไม่ใช่น้องสาวข้า” สิ้นเสียงเขาก็ถูไถแท่งหยกของตนแล้วดันเข้าไปภายในส่วนลึกของดอกเหมย เพราะไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ หมิงเจียวซือจึงรู้สึกเหมือนส่วนนั้นของนางแทบจะฉีกออกจากกัน ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาใน
“หากจะให้นุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวบ่าวคิดว่าน่าจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ เห็นท่านลุงพ่อครัวกล่าวว่ายิ่งเคี่ยวนานน้ำแกงยิ่งหอมหวานเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นข้าจะเก็บเห็ดเอง เจ้าไปต้มกระดูกหมูรอข้า” “จะดีหรือเจ้าคะ” “หรือเจ้าจะให้ข้าที่ก่อไฟยังไม่เป็นไปทำกันเล่า” “คุณหนูแค่ไปแจ้งท่านลุงพ่อครัว” “เจ้าลืมแล้วหรือวันนี้ท่านลุงอู๋ขอออกไปดูมารดาที่ป่วย ใกล้เวลารับสำรับเย็นถึงจะกลับมา” “บ่าวลืมไปเลยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปที่ครัวแล้วต้
6 สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ทันทีที่กลับถึงจวนหยวนลี่หมิงหรือที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาคือคุณชายตระกูลหมิง หมิงเลี่ยงรุ่ยก็ลอบเข้าเรือนของน้องสาวนอกไส้ เนื่องจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาลอบเข้ามาสังเกตนางอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงหาตัวนางได้ไม่ยาก ‘วันนี