LOGINเคยได้อ่าน เคยได้ฟัง หากคนเราตายแล้ว... อาจได้ข้ามมิติหรือย้อนเวลากลับมาได้ แต่เหตุไฉน... ซือเล่อคนนี้ถึงข้ามมิติมาได้ทั้งที่ยังมีลมหายใจ
View Moreตอนที่ 1 แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง
โลกปัจจุบัน
เฉินซือเล่อ เด็กน้อยวัย 5 ขวบ ที่มีผิวขาวราวน้ำนม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมทองจ้องมองเด็กน้อยอีกคนที่กำลังเล่านิทานให้เธอฟัง ซือเล่อขมวดคิ้วอย่างสงสัยทุกครั้งที่ได้ฟัง
นิทานเรื่องนี้ช่างแปลกประหลาด มีเธออยู่ในนิทานเรื่องนี้ด้วย เนื้อเรื่องบอกว่า... เธอจะสามารถข้ามไปอีกมิติหนึ่งได้ และยังบอกอีกว่า... เธอจะข้ามไปทั้งตัวและจิตวิญญาณ ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้ารับฟัง
จะเชื่อถือได้ไหมก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะคนที่บอกเล่าเรื่องนี้ก็เป็นเด็กเหมือนกันกับเธอ และเด็กคนนี้ไม่ยอมเรียกชื่อของเธอเหมือนคนอื่น แต่จะเรียกเธอว่านายหญิง!!
"นายหญิง... จำได้ไหมเจ้าคะ" ถิงถิงถามก่อนจะยื่นขนมในมือให้
"จำได้" ซือเล่อพยักหน้าอย่างดุเดือด พลางแบมือขอขนมจากอีกคน
"นายหญิงตอบก่อน... นี่ชื่ออะไร" ถิงถิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"ถิงถิง... พี่ถิงถิง" ซือเล่อยังคงทำตัวดี... ตอบทุกคำถาม เพราะต้องการขนมที่อยู่ในมืออีกคน
"กินเลยเจ้าค่ะ" ถิงถิงหยิบขนมใส่มือน้อย ๆ ของนายหญิง
เธอมาอยู่โลกนี้ตั้งแต่นายหญิงถือกำเนิด และจะแอบมาหาได้เป็นบางครั้งเท่านั้น นายหญิงไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่เลย เหมือนกับทุกอย่างได้เริ่มต้นใหม่
และที่น่าแปลกใจกว่าเรื่องอื่น เธอไม่สามารถล่วงรู้ชะตาชีวิตของผู้เป็นนาย รู้เพียงว่านายหญิงมีความสามารถพิเศษเดินทางข้ามมิติได้ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถเดินทางข้ามแบบไหน เดินทางได้เมื่อไร นี่คือสิ่งที่ถิงถิงกำลังกังวล เธอไม่สามารถพานายหญิงเข้ามิติได้ ทั้งที่นายหญิงเป็นเจ้าของมิติแท้ ๆ
เรื่องนี้ทำให้ถิงถิงกังวลใจเป็นอย่างมาก เธอไม่สามารถช่วยเหลือมารดาผู้ให้กำเนิดนายหญิงได้ นายหญิงเลยสูญเสียมารดาตั้งแต่แรกเกิด นายหญิงอาศัยอยู่กับบิดา โชคดีที่บิดารักนายหญิงมาก
นายหญิงอยู่อย่างสุขสบาย ทุกคนในบ้านดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี จึงทำให้เธอคลายกังวลลงได้บ้าง ของวิเศษบางอย่างไม่สามารถเอามาช่วยนายหญิงได้ หากให้เปรียบเทียบ... นายหญิงของเธอคือคนธรรมดาดี ๆ นี่เอง ไร้ซึ่งความสามารถพิเศษ ไร้ซึ่งพรวิเศษ
ถิงถิงใช้ชีวิตอยู่ที่โลกนี้ได้ 5 ปีตามอายุนายหญิง หาทางช่วยเหลือทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถช่วยได้ แม้แต่หยดเลือดใส่ของวิเศษ ทั้งให้ใส่ติดตัว แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น
"พี่ถิงถิง... มีอีกไหม เล่อเล่ออยากกินอีก" ซือเล่อหรือที่คนในครอบครัวเรียก เล่อเล่อ กะพริบตาปริบ ๆ อย่างเฝ้ารอ ขนมที่พี่ถิงถิงให้มานั้นอร่อยมาก
"หมดแล้วเจ้าค่ะ" ถิงถิงบอกปัด เพราะขนมที่เธอให้กินนั้นมีน้ำวิเศษเป็นส่วนผสม สามารถรักษาโรคได้ทุกอย่าง และไม่ใช่แค่รักษาเพียงอย่างเดียว ยังทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ความจริงแล้วถิงถิงไม่ได้หวงเลยสักนิดเดียว ทุกอย่างเป็นของนายหญิงอยู่แล้ว แต่ที่ห้ามเพราะหากกินในปริมาณที่มากเกินไป ร่างกายของนายหญิงจะขับมันออกมาจนหมด เธอทดลองมาหมดแล้ว จึงต้องกินปริมาณน้อยแต่สามารถกินได้ทุกวัน เธอเลยต้องเอาผสมขนมแล้วนำมาให้กินทุกวัน
“นายหญิง... ถิงถิงจะไม่อยู่... อย่าดื้ออย่าซนนะเจ้าคะ" ถิงถิงต้องเดินทางไปสถานที่อื่นเพื่อหาตัวช่วย หากเป็นแบบนี้นายหญิงจะลำบาก แค่เดินทางข้ามมิติได้ แต่ทำอย่างอื่นไม่ได้... นั่นหมายถึงไม่มีพรวิเศษอะไรติดตัว หนักกว่า ผู้ผ่านทาง ทั้งหลายที่ถิงถิงเคยช่วยไว้เสียอีก
"ขนมของเล่อเล่อล่ะคะ" เล่อเล่อไม่ได้สนใจเรื่องอื่น นอกจากเรื่องขนมที่มันอร่อยมาก ขนมที่เธอได้กินทุกวันจะหายไปด้วยไหม
"อย่ากินเยอะนะเจ้าคะ กินได้แค่วันละชิ้น" ถิงถิงเอากล่องใส่ขนมใส่ลงในกระเป๋าสะพายข้างแล้วแขวนไว้ที่ไหล่ให้นายหญิง
ถิงถิงมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เลยให้กระเป๋าผ้าที่ใส่ของจำเป็นไว้ แน่นอนว่าในนั้นมีแค่นายหญิงคนเดียวที่เห็นสิ่งของในกระเป๋า คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ หากจะบอกว่าเป็นของวิเศษมันก็ใช่ แต่มันมีข้อจำกัดของมันอยู่ ไม่ได้ดีที่สุด... แต่เป็นสิ่งของหนึ่งในไม่กี่อย่าง ที่นายหญิงสามารถใช้งานได้
ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับนายหญิงนั้น ไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้เลย หากไม่มีปานรูปดอกโบตั๋นที่กลางฝ่ามือของนายหญิง เธอก็คิดว่าไม่น่าจะใช่นายหญิงตัวจริง เพราะไม่มีความสามารถอะไรเลย...
"ขอบคุณค่ะ" เล่อเล่อส่งยิ้มหวานไปให้ ถึงแม้ว่าอีกคนจะไม่อยู่ แต่เธอยังได้กินขนมทุกวันเหมือนเดิม
จริง ๆ เธออยากกินเยอะ ๆ แต่เคยมีครั้งหนึ่ง พี่ถิงถิงให้ไว้แล้วเธอเอาใส่ปากไปสองชิ้นในวันเดียว ขนมนั้นหายไปหมดเลย จากที่จะได้กินทุกวันจนกว่าพี่ถิงถิงจะกลับมา กลับได้กินสองชิ้นเพียงเท่านั้นเอง
ถิงถิงมองดูนายหญิงด้วยความอาลัย เคยได้รู้แต่ชะตาคนอื่น แต่พอถึงเวลาคนที่ตัวเองรักกลับไม่รู้อะไรเลย การเดินทางของถิงถิงในแต่ละครั้งเหมือนไปไม่นาน แต่พอกลับมาหานายหญิงก็ผ่านไปแล้ว 6 เดือน ซึ่งถือว่าเวลาที่โลกนี้ผ่านไปเร็วมาก ๆ
"คุณหนูคะ เข้าบ้านเถอะค่ะ" แม่นมเดินออกมาตามคุณหนูที่ชอบออกมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้านในทุก ๆ เย็น เพื่อให้กลับเข้าบ้านก่อนที่นายท่านจะกลับมา
เล่อเล่อลุกขึ้นหันไปมองตามทิศทางของเสียง ก่อนจะหันมามองพี่ถิงถิง แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ พี่ถิงถิงจะไปหรือจะมาไม่มีใครเห็นนอกจากเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น และเธอก็ไม่เคยปริปากบอกเรื่องพี่ถิงถิงกับใครเลยสักคน
"ขอป้าดูก่อน ในนี้มีอะไรไหมคะ" แม่นมมองกระเป๋าที่คุณหนูชอบสะพายติดตัว แต่ของในนั้นไม่มีอะไรมาก มีแต่ของเล่นชิ้นสองชิ้นเท่านั้น แต่เพื่อความปลอดภัยเลยต้องตรวจกระเป๋าทุกครั้งก่อนเข้าบ้าน
1 ปีผ่านไป
กลางดึกสงัดที่ผู้คนต่างหลับใหล เล่อเล่อลืมตาขึ้นในความมืด หูของเธอได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันไม่ไกลจากห้องของเธอมากนัก เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงและค่อย ๆ ขยับตัวออกจากผ้าห่มที่หนานุ่ม ก่อนจะย่องไปเปิดประตูห้องนอนของตัวเองอย่างเบามือ แล้วเดินไปตามทิศทางของเสียง ใช้ความมืดบดบังไม่ให้ผู้อื่นเห็น และค่อย ๆ เอาหูแนบกับผนัง แอบฟังในสิ่งที่คนด้านในพูดคุยกัน
หากอยู่ที่ห้องของตัวเองจะได้ยินเสียงเหมือนคนกระซิบ แต่พอมาอยู่ตรงนี้กลับได้ยินเสียงคนด้านในชัดเจน มันเป็นเสียงของคนที่ทะเลาะกันเสียงดัง เสียงข้าวของด้านในหล่นกระทบพื้นเสียงดัง เล่อเล่อเริ่มกลัว เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามไรผมและหน้าผาก
ด้วยความอยากรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น เลยแอบมองตรงช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างกว่าเดิม เธอยกมือขึ้นปิดปาก ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกลับหลังหันและวิ่งทันทีที่เห็นภาพนั้น...
"เล่อเล่อลูกรัก... หากเห็นพ่อยิ้มแล้วทำตาแบบนี้ ลูกต้องวิ่งหนีสุดชีวิตและซ่อนตัวอย่าให้ใครหาลูกเจอเป็นอันขาด รับปากพ่อสิเล่อเล่อ"
เล่อเล่อจ้องมองหน้าพ่อก่อนที่จะพยักหน้ารับเหมือนเช่นทุกครั้ง พ่อบอกเธอแบบนี้ทุกคืน จากที่จำไม่ได้ก็จำได้ และวันนี้คือวันที่เธอได้ทำตามคำสั่งที่พ่อพร่ำบอกก่อนนอนทุกคืน เล่อเล่อวิ่งตรงไปที่ห้องนอน ก่อนจะคว้ากระเป๋าคู่ใจที่พี่ถิงถิงให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว จากนั้นก็มุดออกไปทางระเบียงทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งตามมา
เล่อเล่อวิ่งออกไปตรงซอกระเบียงที่เชื่อมไปยังห้องทำงานของพ่อ มีไม่กี่คนที่รู้ว่ามีทางเชื่อมเล็ก ๆ ที่มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ลอดผ่านได้
"ละ เล่อ หนี ลูก" เสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างเบาหวิว
"พ่อขา... ไปหาหมอค่ะ" เล่อเล่อในวัย 6 ขวบ ใช้แขนเรียวเล็กโอบกอดพ่อ พยายามอุ้มพ่อของเธอขึ้น เหมือนตอนที่พ่อเคยโอบกอดเธอแล้วสามารถอุ้มเธอขึ้นมาได้
"ฮึบ!! พ่อขา อดทน อดทน" เล่อเล่อพยายามอุ้มพ่อของเธอ แต่ว่าร่างกายของพ่อกลับไม่ขยับ
"หนะ... หนี ลูกรัก จำที่พ่อสอนได้ไหม รีบก่อนที่ทุกอย่างจะสาย" เฉินเสี่ยหานรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ดันตัวลูกสาวออกพร้อมทั้งย้ำเตือนให้ลูกสาวเข้าใจในสิ่งที่ตนพร่ำสอน
เล่อเล่อปล่อยมือจากร่างกายของพ่อ ก่อนจะวิ่งออกไปที่ระเบียงพร้อมกับมุดเข้าห้องนอนไปเก็บสิ่งของที่พ่อเคยบอก รวบรวมทุกอย่างเข้ากระเป๋า เล่อเล่อใส่ทุกอย่างลงไปในนั้นจนหมดตามที่พ่อเคยสอนไว้ ถึงไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอก็ยังทำตามที่พ่อเคยบอกไว้ทุกอย่าง
เล่อเล่อไม่เคยรู้เลยว่าขนมที่พี่ถิงถิงให้กินทุกวันตลอดระยะ 6 ปีนั้น ทำให้เธอมีความจำที่ดี พูดจาคล่องแคล่วชัดเจน ถึงแม้จะไม่เข้าใจในหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง แต่เธอกลับมีความจำที่ดีเลิศ ทั้งที่เด็กวัย 6 ขวบไม่น่าจะทำตามที่พ่อบอกได้ครบทุกอย่าง แต่เล่อเล่อกลับทำได้ ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุด
ดวงหน้าน้อย ๆ ขาว ๆ เลอะไปด้วยเลือดที่มาจากตัวบิดา ทุกครั้งที่ยกแขนเช็ดน้ำตา เลือดของพ่อที่เลอะอยู่ที่แขนก็มาเปรอะเปื้อนที่ใบหน้าน้อย ๆ นั้นด้วย
“พ่อขา... หนูทำทุกอย่างแล้ว เราไปหาหมอกัน" เล่อเล่อกลับไปหาพ่อแล้วเขย่าตัวแรง ๆ แต่พ่อกลับไม่กระดุกกระดิกแม้แต่นิดเดียว
"เสียงเหมือนเด็กร้องไห้ หาให้ทั่ว!! " เสียงดังขึ้นที่หน้าประตู ยิ่งทำให้มือน้อย ๆ เร่งเขย่าพ่อให้รีบตื่น
"อยู่นี่เองเด็กน้อย... เห็นหมดแล้วสินะ งั้นก็ตายตามกันไปแล้วกัน"
ปัง! ปัง! ปัง! สิ้นประโยคนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดกัน
"กรี๊ด!!! " เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยดังขึ้นทั่วบริเวณ พร้อมกับความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์
พรึบ!!! ทันทีที่แสงสว่างกลับคืนมา... คนที่เล็งปืนออกไปนั้นคิดว่าระยะใกล้เพียงนิดเดียว เขาสามารถปลิดชีพเด็กน้อยได้อย่างง่ายดาย แต่ภายในห้องกลับเหลือเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่างของทั้งสอง เหลือเพียงคราบเลือดที่กระจายอยู่เต็มพื้นห้องเท่านั้นเอง...
ตอนที่ 11 กลับมาเพื่อลาจากถิงถิงยืนมองพื้นที่โล่งแจ้งที่เหลือเพียงตอตะโกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เกิดเป็นภูตมีอายุหลายร้อยปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ อย่างน้อยก็พอจะรู้ชะตาของคนอื่นบ้าง แต่ของนายหญิงกลับเป็นข้อยกเว้น!! ไม่เคยรับรู้ ไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดถึงรับรู้อะไรไม่ได้เลยหากรู้สักนิด... เธออาจจะช่วยนายหญิงได้ตลอดชีวิตถิงถิงเสียใจอยู่ไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกตอนที่ต้องจากนายหญิง แต่เธอรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาเราจะกลับมาพบกันอีก แต่ครั้งนี้เธอเสียใจ เธอเป็นห่วง ไม่สามารถสัมผัสได้ว่านายหญิงอยู่ที่ไหน ที่น่ากังวลมากกว่าสิ่งอื่นใดคือ นายหญิงเหมือนเด็กมนุษย์คนหนึ่งเพียงเท่านั้น"ป้า ๆ คนในบ้านหลังนั้นไปอยู่ที่ไหนเหรอ" ถิงถิงหันมาถามคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ"ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีคนอยู่ใ
ตอนที่ 10 เกลือเป็นหนอนเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมา แขนขาของเธอถูกมัดติดกับเก้าอี้ เธอพยายามดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการ สายตากวาดมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว การที่มีคนรู้ที่ซ่อนได้นั้นไม่ต้องเดาให้ยากเลย ต้องมีเกลือเป็นหนอนแน่ ๆ คนนอกไม่มีทางเข้ามาถึงที่หลบภัยได้ง่าย ๆเธอไม่ได้มาอยู่ที่นี่คนเดียว ยังมีคนในทีมที่คอยดูต้นทาง มีทั้งเวรยาม กว่าจะเข้ามาถึงตัวพวกเธอต้องใช้เวลา และแน่นอนว่าคนของเธอต้องรายงานให้เธอระวังตัว แต่นี่กลับไม่มีใครรายงานเลยสักคน"พวกเขามัดเราไว้ค่ะ" เล่อเล่อบอกพี่สาวให้รู้ตัวเธอถูกจับเข้ามาอยู่ในห้องนี้พร้อมกับพี่สาว เธอตื่นมาได้สักพักแล้ว แต่ยังนั่งนิ่ง ๆ ไม่กระดุกกระดิก เธอเห็นหลายคนเดินเข้ามาในห้องนี้ ส่วนมากเป็นคนที่มากับพี่สาว ไม่มีใครไว้ใจได้อย่างที่พี่ชายหยางบอกไว้ ตำรวจเลว!!"ซือเล่อเป็
ตอนที่ 9 ไม่เหลืออะไรแล้วระหว่างเดินทางมาที่หลบภัย เฟยเทียนพยายามพูดให้เจ้าตัวเล็กเข้าใจถึงอันตรายต่าง ๆ จึงไม่สามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งกว่าจะยอมก็ต้องหาเหตุผลต่าง ๆ มาหว่านล้อม พูดคุยด้วยเหตุและผล เธอถึงบอกว่าเด็กคนนี้ฉลาดแต่ยังไร้เดียงสา เลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วง จนต้องมาดูแลด้วยตัวเองเมื่อมาถึงที่หลบภัย เฟยเทียนพาเจ้าตัวเล็กสำรวจดูที่พัก ก่อนจะสั่งงานลูกทีม มอบหมายงานให้บางคนไปสืบข่าว บางคนให้อยู่รอบ ๆ ที่พัก เพื่อดูต้นทางและตรวจสอบความปลอดภัยพอสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบประวัติของครอบครัวเฉินมาอ่านคร่าวๆ ซึ่งมันน่าแปลกที่สองพ่อลูกไม่มีญาติที่ไหน มีกันเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งธุรกิจที่ครอบครัวเฉินทำนั้นขาวสะอาด แต่กลับคบคนที่ไม่ขาวสะอาดอย่างเช่น คุณเกาหานคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อที่มีอิทธิพลที่สุดในแถบนี้เลยก็ว่าได้
ตอนที่ 8 ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆเมื่อเล่อเล่อมาถึงสถานีตำรวจก็ทำตัวไม่ถูกเพราะมีผู้คนมากมายเดินไปมา บางคนก็พูดจาเสียงดัง บางคนก็ทะเลาะกันเสียงดัง เธอจึงเริ่มมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ค่อยมีตำรวจเลย ทุกคนต่างแต่งตัวธรรมดา เธอไม่สามารถแยกได้ว่าคนไหนคือเจ้าหน้าที่ คนไหนคือผู้ร้องทุกข์"หนูคะ... มาหาใครเหรอคะ" หญิงสาวเดินเข้ามาหาเจ้าตัวเล็กพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร"มาหาคุณตำรวจค่ะ" เล่อเล่อตอบกลับไปอย่างเร็ว พี่สาวคนสวยอาจช่วยเธอได้"ตำรวจคนไหน หรือว่าตำรวจคนไหนก็ได้" เพราะสถานีตำรวจมีเจ้าหน้าที่มากมาย บางทีต้องระบุว่าจะไปหาใคร"หนูจะมาให้ตำรวจช่วยตามหาพ่อกับคนในบ้านค่ะ" ในตอนแรกตั้งใจจะบอกให้ช่วยตามหาคุณลุงด้วย แต่เธอไม่มีข้อมูลของคุณลุงเลย ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น มีเพียงรูปถ่ายที่ไม่ค่อยชั





