หลังจากค่ำคืนที่ความรู้สึกหลากหลายปะทุขึ้น และการเผชิญหน้ากับ โซเฟีย ที่สร้างความเจ็บปวดให้ แพรไหม การใช้ชีวิตในคฤหาสน์คาร์ดินัลก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้บรรยากาศจะยังคงอึมครึมด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็น แต่แพรไหมก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัว คริสเตียน
เขาไม่ได้เข้ามานอนกอดเธอทุกคืนเหมือนคืนนั้นอีก แพรไหมไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกผิดหวังหรือโล่งใจกันแน่ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่คริสเตียนมักจะมองมาที่เธอ สายตาที่อ่านไม่ออก แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่าทุกครั้งไป
วันหนึ่งขณะที่แพรไหมกำลังเรียนภาษาอิตาลีอยู่กับครูสอนพิเศษในห้องสมุด ลีโอ ก็เดินเข้ามาพร้อมกล่องกระดาษขนาดกลางที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีทองผูกริบบิ้นสวยงาม
“คุณแพรไหมครับ นี่ของขวัญจากนายครับ” ลีโอวางกล่องลงบนโต๊ะ
แพรไหมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ของขวัญ?” เธอไม่คิดว่าคริสเตียนจะให้ของขวัญเธอได้
“ครับ ท่านสั่งให้ผมนำมาให้คุณแพรไหม” ลีโอตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
แพรไหมเปิดกล่องออก ภายในนั้นเป็นชุดเดรสผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ดูหรูหราและประณีต เนื้อผ้าละเอียดอ่อนราวกับก้อนเมฆ แพรไหมรู้ได้ทันทีว่าชุดนี้มีราคาแพงลิบลิ่ว มันเป็นชุดที่สวยงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
“สวยมากเลยค่ะ” แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม แววตาของเธอเป็นประกาย
“นายเลือกด้วยตัวเองเลยนะครับ” ลีโอเอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านใช้เวลาเลือกนานทีเดียว”
คำพูดของลีโอทำให้แพรไหมรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม คริสเตียนเลือกชุดนี้ให้เธอเอง ผู้ชายที่เย็นชาและดุดันคนนั้นน่ะหรือ มันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเธออย่างสิ้นเชิง
“ขอบคุณนะคะคุณลีโอ” แพรไหมพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่เธอเคยยิ้มออกมาในคฤหาสน์แห่งนี้
ลีโอยิ้มตอบ แต่แววตาของเขากลับมีความรู้สึกบางอย่างที่แพรไหมอ่านไม่ออก มันเป็นแววตาที่เจือด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย แต่เขาก็เก็บมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน แพรไหมก็เริ่มสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแลความปลอดภัยรอบตัวเธอ เธอรู้สึกได้ว่ามีคนคุ้มกันเพิ่มขึ้น แม้จะไม่ได้แสดงตัวอย่างโจ่งแจ้ง แต่แพรไหมก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา เมื่อใดที่เธอต้องออกไปนอกคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นในสวนที่ได้รับอนุญาตแล้ว หรือการออกไปทำธุระเล็กน้อยพร้อมลีโอ เธอก็จะรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่คอยจับจ้องและคุ้มกันเธออยู่ห่างๆ
วันหนึ่งแพรไหมกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนกับลีโอ ขณะที่เธอกำลังก้มลงดมดอกกุหลาบสีแดงสด เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ลีโอรีบดึงตัวเธอหลบหลังทันที
“มีอะไรคะคุณลีโอ” แพรไหมถามด้วยความตกใจ
“ไม่มีอะไรครับคุณแพรไหม อาจจะเป็นแค่สัตว์เล็กๆ” ลีโอตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาของเขากลับสอดส่ายไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
ไม่นานนักผู้คุ้มกันสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้ พวกเขาโค้งคำนับให้ลีโอเล็กน้อย ก่อนจะเดินสำรวจบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด
“นายสั่งให้ระมัดระวังเป็นพิเศษครับ” ลีโอเอ่ยขึ้นเบาๆ
“หลังจากเรื่องคุณโซเฟีย ท่านไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีก”
คำพูดของลีโอทำให้แพรไหมรู้สึกถึงความห่วงใยที่ซ่อนเร้นจากคริสเตียน เขาอาจจะไม่ได้แสดงออกอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ดูแลความปลอดภัยของเธออย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และมันก็ทำให้หัวใจของแพรไหมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด
ลีโอเองก็เห็นความใส่ใจของคริสเตียนที่มีต่อแพรไหมทุกอย่าง เขารู้ว่านายไม่ได้เย็นชาอย่างที่แสดงออกเสมอไป และนั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดในใจของลีโอทวีคูณขึ้น เขารู้สึกถึงความรักที่เขามีต่อแพรไหม ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ต้องเก็บซ่อนมันไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉยและหน้าที่อันซื่อสัตย์ของเขา
“นายจะกลับมาช่วงเย็นครับ” ลีโอแจ้งแพรไหม “วันนี้ท่านคงจะเหนื่อยจากการประชุมใหญ่”
แพรไหมพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเธออยากจะทำให้คริสเตียนรู้สึกดีขึ้นบ้างหลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อยของเขา
“มีอะไรที่ฉันช่วยเตรียมให้นายได้ไหมคะ” แพรไหมถามลีโอ
ลีโอหันมามองแพรไหมด้วยความประหลาดใจ “คุณแพรไหมจะ”
“ใช่ค่ะ ฉันแค่อยากทำอะไรให้เขาบ้าง” แพรไหมตอบด้วยรอยยิ้ม
ลีโอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้แพรไหม “ถ้าอย่างนั้น ผมว่าอาหารที่ท่านชอบน่าจะทำให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นนะครับ”
แพรไหมใช้เวลาช่วงบ่ายอยู่ในห้องครัวกับแม่บ้าน เธอเรียนรู้วิธีทำอาหารอิตาเลียนจานโปรดของคริสเตียนอย่างตั้งใจ แม้จะทำออกมาได้ไม่ดีเท่าแม่บ้าน แต่เธอก็ตั้งใจทำทุกขั้นตอน
เมื่อคริสเตียนกลับมาถึงคฤหาสน์ในตอนเย็น เขาเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเช่นเคย แพรไหมรออยู่ในห้องรับประทานอาหารด้วยความประหม่า
ไม่นานนัก คริสเตียนก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร เขามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองแพรไหม
“นี่คุณเตรียมเองเหรอ” คริสเตียนถามเสียงเรียบ
แพรไหมพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันอยากทำให้คุณทาน”
คริสเตียนนั่งลงบนเก้าอี้ เขาตักอาหารขึ้นมาชิมเล็กน้อย ใบหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทำให้แพรไหมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ
“ใช้ได้” คริสเตียนเอ่ยขึ้นสั้นๆ
คำว่าใช้ได้ของคริสเตียนนั้นสำหรับแพรไหมแล้วมันคือคำชมที่ดีที่สุด เธอรู้สึกดีใจอย่างประหลาดที่เขาพอใจกับอาหารที่เธอทำ
ลีโอที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก มองดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขาเห็นประกายความสุขเล็กๆ ในดวงตาของแพรไหม และรอยยิ้มบางๆ ที่แทบมองไม่เห็นบนใบหน้าของคริสเตียน ลีโอรู้ว่าทั้งสองคนกำลังเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างให้กัน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด
หลังอาหารค่ำ คริสเตียนกับแพรไหมกลับขึ้นไปที่ห้องนอนของพวกเขา แพรไหมเตรียมชุดนอนไว้ให้คริสเตียน และจัดเตรียมข้าวของให้เขาอย่างเงียบเชียบ
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” คริสเตียนเอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก
แพรไหมหันมามองเขา “ฉันอยากทำค่ะ”
คริสเตียนมองแพรไหมครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป แพรไหมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอไม่รู้ว่าคริสเตียนคิดอะไรอยู่ แต่เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป
เมื่อคริสเตียนออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินตรงมาที่เตียง แพรไหมรีบขยับตัวออกห่างเพื่อให้เขานอนลง แต่คริสเตียนกลับคว้าข้อมือของเธอไว้
“คุณจะไปไหน” คริสเตียนถามเสียงทุ้มต่ำ
“ฉันจะ…นอนอีกฝั่งค่ะ” แพรไหมตอบเสียงแผ่ว
คริสเตียนดึงร่างของแพรไหมเข้ามาใกล้เขามากขึ้น แพรไหมรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาที่สัมผัสกับร่างกายของเธอ
“มานี่” คริสเตียนกระซิบ ก่อนจะดึงร่างของแพรไหมให้นอนลงข้างๆ เขา แพรไหมรู้สึกประหม่า แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืน
คริสเตียนโอบแขนรอบตัวแพรไหม ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น แพรไหมได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างสม่ำเสมอ และรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
“ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณ” คริสเตียนกระซิบข้างหูเธอ เสียงของเขาแหบพร่า “คุณอยู่กับผม คุณจะปลอดภัย”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างประหลาด อ้อมกอดของเขาแข็งแกร่งและอบอุ่น และมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
แพรไหมหลับตาลงอย่างช้าๆ เธอนอนซบหน้าลงบนอกของเขา ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในความรู้สึกที่ซับซ้อนนี้ ความรู้สึกของความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ระหว่างเธอกับคริสเตียน ความรู้สึกที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว
ค่ำคืนนั้นผ่านไปในอ้อมกอดของ คริสเตียน แพรไหมตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าของคริสเตียนดูสงบนิ่งยามหลับใหล ปราศจากความเย็นชาและดุดันที่เธอคุ้นเคย แพรไหมจ้องมองใบหน้าคมคายของเขา เผลอคิดไปว่าภายใต้เปลือกนอกที่แข็งกระด้างนี้ เขาซ่อนความรู้สึกที่อ่อนโยนไว้บ้างหรือไม่
เธอสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา และกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ตอนนี้เริ่มคุ้นชิน ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจของแพรไหมมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่มันเป็นความผูกพันที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว
คริสเตียนขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมกริบค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ สบเข้ากับดวงตาของแพรไหม แพรไหมสะดุ้งเล็กน้อย เธอพยายามจะผละออก แต่คริสเตียนกลับกอดเธอแน่นขึ้น
“อรุณสวัสดิ์” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขายังคงสะลึมสะลือ แต่แววตาที่มองมาที่แพรไหมกลับอ่อนลงกว่าปกติ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” แพรไหมตอบเสียงแผ่ว
คริสเตียนจูบลงบนหน้าผากของแพรไหมอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาทำให้แพรไหมรู้สึกวาบหวามไปทั่วทั้งร่าง
“วันนี้คุณต้องเตรียมตัวให้ดี” คริสเตียนพูดขึ้น “ช่วงบ่ายผมจะพาคุณไปงานสังคม”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอไม่เคยไปงานสังคมใหญ่ๆ แบบนั้นมาก่อน ยิ่งในฐานะภรรยาของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
“งานอะไรคะ” แพรไหมถาม
“งานเลี้ยงต้อนรับพันธมิตรทางธุรกิจของผม” คริสเตียนตอบเสียงเรียบ “คุณต้องไปในฐานะภรรยาของผม”
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่านี่คือส่วนหนึ่งของหน้าที่ที่เธอต้องทำในโลกของเขา
หลังอาหารเช้า ลีโอ ก็เข้ามาพร้อมช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์ส่วนตัว พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการแปลงโฉมแพรไหม แพรไหมถูกจับให้นั่งอยู่หน้ากระจก มองดูตัวเองที่เปลี่ยนไปทีละน้อยๆ ผมของเธอถูกจัดแต่งทรงอย่างประณีต ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างมืออาชีพ และชุดเดรสผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่คริสเตียนให้เป็นของขวัญก็ถูกนำมาให้เธอสวมใส่
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น แพรไหมมองดูตัวเองในกระจก เธอแทบจำตัวเองไม่ได้ หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอสวยสง่าราวกับเจ้าหญิง ดวงตาเป็นประกาย และมีออร่าบางอย่างที่เปล่งประกายออกมา
“คุณแพรไหมสวยมากครับ” ลีโอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม แววตาของเขาฉายแววรักใคร่ที่แพรไหมไม่ทันสังเกตเห็น
แพรไหมยิ้มบางๆ “ขอบคุณค่ะคุณลีโอ”
ลีโอหันไปสั่งคนอื่นๆ ให้เตรียมรถ แพรไหมเหลือบมองลีโออีกครั้ง เธอเห็นรอยยิ้มเศร้าๆ บนใบหน้าของเขา แต่เขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อคริสเตียนลงมาถึงห้องรับแขก เขาเห็นแพรไหมยืนรออยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อย เขามองแพรไหมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออก
“คุณสวยมาก” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ แววตาของเขาฉายแววพึงพอใจอย่างชัดเจน
คำชมของคริสเตียนทำให้แพรไหมหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอไม่เคยได้รับการชมเชยแบบนี้จากเขามาก่อน
คริสเตียนเดินเข้ามาใกล้แพรไหม เขายื่นมือมาจับมือของเธอ แพรไหมรู้สึกถึงความอบอุ่นและความแข็งแกร่งจากฝ่ามือของเขา
“ไปกันเถอะ” คริสเตียนพูด ก่อนจะพาแพรไหมเดินออกจากคฤหาสน์ไป
รถคันหรูแล่นออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าสู่สถานที่จัดงานเลี้ยง แพรไหมนั่งอยู่ข้างคริสเตียน หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความกังวลและความตื่นเต้นปนเปกันไป เธอไม่รู้ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้างในงานนี้
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงาน แพรไหมรู้สึกเหมือนตัวเองก้าวเข้ามาในโลกอีกใบหนึ่ง ผู้คนมากมายแต่งกายหรูหรา ผู้หญิงสวมชุดราตรีสวยงามระยิบระยับ ผู้ชายสวมชุดสูทสง่างาม ทุกคนดูมีฐานะและเป็นคนสำคัญ
คริสเตียนจูงมือแพรไหมเดินเข้าไปในงาน แพรไหมรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เธอ สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และประเมินค่า
“คุณต้องอยู่ข้างผมตลอดเวลา” คริสเตียนกระซิบข้างหูเธอ “อย่าห่างไปไหนเด็ดขาด”
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่างานนี้เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับคริสเตียน และเธอต้องทำตัวให้ดีที่สุด
คริสเตียนพาแพรไหมเดินทักทายแขกคนสำคัญหลายคน ทุกคนล้วนเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล หรือบุคคลสำคัญในแวดวงมืด ทุกคนให้ความเคารพคริสเตียน และมองแพรไหมด้วยความสนใจ
ในขณะที่คริสเตียนกำลังพูดคุยกับแขกคนหนึ่ง แพรไหมก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมาที่เธอ เมื่อหันไปมอง เธอก็เห็น โซเฟีย ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความริษยาและดูถูก โซเฟียแต่งกายด้วยชุดราตรีสีแดงเพลิงที่โดดเด่นสะดุดตา เธอสวยสง่า แต่ก็เต็มไปด้วยความน่ากลัว
โซเฟียเดินตรงเข้ามาหาคริสเตียนและแพรไหม ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเสแสร้ง
“คริสเตียนคะ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะพา ‘ภรรยา’ ของคุณมาด้วย” โซเฟียเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอหวานหยด แต่ก็แฝงด้วยความเย้ยหยัน
คริสเตียนมองโซเฟียด้วยสายตาเย็นชา “นี่คือภรรยาของผม โซเฟีย”
โซเฟียเหลือบมองแพรไหมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มเยาะ “ชุดสวยนะคะ ดูเหมือนคุณคริสเตียนจะใจดีกับ ‘เด็ก’ คนนี้มากเลยนะคะ”
คำพูดของโซเฟียทำให้แพรไหมรู้สึกเจ็บแปลบ เธอรู้ว่าโซเฟียกำลังจงใจดูถูกเธอ และเน้นย้ำถึงอายุที่อ่อนกว่าของเธอ
“ผมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับภรรยาของผมเสมอ” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
โซเฟียหัวเราะเบาๆ “คริสเตียนคะ คุณคิดว่าคุณจะซ่อนความจริงจากทุกคนได้นานแค่ไหนคะ”
คริสเตียนขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง”
“ฉันหมายความว่าทุกคนรู้ดีว่าใครกันแน่ที่เหมาะจะยืนอยู่ข้างๆ คุณ” โซเฟียพูดพลางเดินเข้าไปใกล้คริสเตียนมากขึ้น แขนเรียวของเธอสัมผัสกับแขนของคริสเตียนอย่างจงใจ “ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณคริสเตียนมาหลายปี”
แพรไหมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอีกครั้ง ความจริงที่ว่าโซเฟียเป็นคู่หมั้นเก่าของคริสเตียนยังคงเป็นบาดแผลในใจของเธอ
“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว โซเฟีย” คริสเตียนพูดเสียงต่ำ “และผมก็ไม่ต้องการให้คุณมายุ่งกับภรรยาของผม”
โซเฟียยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าคุณจะปกป้องเธอได้นานแค่ไหนกันคะคริสเตียน โลกของคุณมันอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงไร้เดียงสาอย่างเธอ”
ทันใดนั้น เฮนรี่ ก็เดินเข้ามาใกล้กลุ่มของพวกเขา ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคย แต่แววตาของเขากลับมีบางอย่างที่อ่านไม่ออก
“สวัสดีครับคริสเตียน โซเฟีย” เฮนรี่เอ่ยทัก “และคุณแพรไหม”
เฮนรี่ยิ้มให้แพรไหมอย่างอ่อนโยน ทำให้แพรไหมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
“เฮนรี่” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แววตาของเขากับเฮนรี่ยังคงมีอะไรบางอย่างที่ซับซ้อนจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะมาด้วยเฮนรี่” โซเฟียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “นายควรจะรู้ว่านายไม่ควรจะมายุ่งกับเรื่องของฉัน”
เฮนรี่ยักไหล่ “ฉันก็แค่อยากมางานเลี้ยง และบังเอิญมาเจอพวกคุณ” เขาเหลือบมองโซเฟียด้วยแววตาที่แฝงความหมายบางอย่าง
“คุณแพรไหมครับ ผมขอเชิญคุณเต้นรำสักเพลงได้ไหมครับ” เฮนรี่หันมาถามแพรไหมด้วยรอยยิ้ม
แพรไหมหันไปมองคริสเตียนอย่างลังเล คริสเตียนมองเฮนรี่ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหึงหวงที่แพรไหมสัมผัสได้
“แพรไหมเต้นรำไม่เป็น” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะสอนเธอเอง” เฮนรี่ยิ้มกว้าง เขายื่นมือให้แพรไหมอย่างสุภาพ
แพรไหมรู้สึกถึงความกดดันจากทั้งสามคน เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“ไปเถอะ แพรไหม” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูดุดัน
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างช้าๆ เธอยื่นมือไปจับมือของเฮนรี่ เฮนรี่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะพาเธอเดินไปยังฟลอร์เต้นรำ
คริสเตียนมองตามสองคนนั้นไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหึงหวงกำมือแน่น โซเฟียยิ้มมุมปากอย่างมีชัยชนะ เธอมองคริสเตียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
บนฟลอร์เต้นรำ เฮนรี่สอนแพรไหมเต้นรำอย่างใจเย็น แพรไหมพยายามทำตามเขาอย่างตั้งใจ เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจเมื่ออยู่กับเฮนรี่ เขาแตกต่างจากคริสเตียนอย่างสิ้นเชิง
เฮนรี่จับมือแพรไหมแน่นขึ้นเล็กน้อย “คุณแพรไหมครับ ผมรู้ว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่”
แพรไหมเงยหน้าขึ้นมองเฮนรี่ ดวงตาของเธอฉายแววประหลาดใจ
“คุณไม่ต้องกังวลนะครับ” เฮนรี่พูด “ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
คำพูดของเฮนรี่ทำให้แพรไหมรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอไม่คิดว่าจะมีใครสักคนที่จะเข้าใจเธอและอยู่ข้างเธอในโลกที่ซับซ้อนใบนี้
ขณะที่ทั้งสองกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แพรไหมก็เหลือบไปเห็นคริสเตียนกำลังจ้องมองมาที่พวกเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและหึงหวง แพรไหมรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาของเขา
เมื่อเพลงจบลง เฮนรี่พาแพรไหมเดินกลับมาหาคริสเตียน
“สนุกมากเลยครับคุณแพรไหม” เฮนรี่พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเก่งกว่าที่คิดเยอะเลย”
คริสเตียนมองเฮนรี่ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ก่อนจะหันมาจับมือแพรไหมแน่น
“เรากลับกันเถอะ” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เขาลากแพรไหมออกจากงานเลี้ยงทันที โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง
แพรไหมรู้สึกอับอายและสับสน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคริสเตียนถึงได้แสดงอาการหึงหวงออกมาชัดเจนขนาดนี้
ในรถคริสเตียนยังคงเงียบงัน แพรไหมพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่กล้าพอ
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ คริสเตียนลากแพรไหมเข้าห้องนอนทันที เขาดันร่างของเธอเข้ากับประตูห้อง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“คุณไปทำอะไรกับมัน” คริสเตียนถามเสียงต่ำ
“ฉัน…ฉันแค่เต้นรำค่ะ” แพรไหมตอบเสียงสั่น
“คุณรู้ไหมว่ามันต้องการอะไรจากคุณ” คริสเตียนถามเสียงกร้าว “มันต้องการที่จะทำลายผม!”
แพรไหมมองคริสเตียนด้วยความตกใจ เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“เฮนรี่…เขาเป็นเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอคะ” แพรไหมถาม
คริสเตียนหัวเราะในลำคอ “เพื่อนเหรอ? คุณไม่รู้จักโลกของผมดีพอ แพรไหม ทุกคนมีผลประโยชน์ของตัวเอง และทุกคนก็พร้อมจะหักหลังกันได้ทุกเมื่อ”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกหวาดกลัว เธอไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับเฮนรี่จะซับซ้อนถึงเพียงนี้
คริสเตียนบดเบียดริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากของแพรไหมอย่างรุนแรง จูบของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความต้องการที่ดิบเถื่อน แพรไหมรู้สึกเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่สามารถขัดขืนเขาได้
“คุณเป็นของผม แพรไหม” คริสเตียนกระซิบเสียงแหบพร่า “อย่าให้ผมต้องเห็นคุณอยู่กับคนอื่นอีก”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกเหมือนถูกจองจำในกรงทองที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยอันตราย เธอรู้ว่าเธอได้ก้าวเข้ามาในโลกที่ซับซ้อนและอันตรายเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ และเธอไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดในโลกนี้ได้หรือไม่
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่