"เป็นไงละสุดท้ายคุณก็ได้คนที่คุณบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาเป็นผัว" "ก็แค่พลาดมีอะไรกันเพราะเมาฉันไม่นับว่าเป็นผัว" "งั้นผมจะทำให้คุณปฏิเสธไม่ออกเลยว่าผมเป็นผัวคุณ" "อย่ามาทำอะไรทุเรศๆ กับฉันนะ" "จำไว้ผู้หญิงก็แพ้ให้กับผู้ชายวันยังค่ำเพราะฉะนั้นอย่ามาอวดดีกับผม" "ผู้หญิงคนอื่นอาจจะแพ้แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน" เดย์ มาเฟียหนุ่มในคราบนักธุรกิจเจ้าของบริษัทนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ทั้งในไทย และจีนแต่เบื้องหลังเขาคือมาเฟียที่มีธุรกิจผิดกฎหมายทั้งในไทยและจีน นิสัยแข็งกระด้าง เจ้าเล่ห์ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เสี่ยวหมี่ สาวชาวจีนวัย 24 ปี นิสัยแรงๆ แข็งกระด้างไม่ยอมคน
ดูเพิ่มเติม@ประเทศจีน
ตึก! ตึกๆ!
เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นมาแต่ไกล ก่อนจะเผยให้เห็นร่างบางระหงของเสี่ยวหมี่ที่วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากลิฟต์ด้วยความเร่งรีบ
"ตายๆ! ทำไมแกตื่นสายแบบนี้ยัยหมี่" เธอตำหนิตัวเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ขณะที่มือก็หอบหิ้วเอกสารพะรุงพะรังวิ่งไปขึ้นรถ แล้วขับออกจากคอนโดด้วยความเร็ว วันนี้เธอมีนัดคุยงานกับลูกค้าคนสำคัญแต่ดันตื่นสายเพราะเมื่อคืนไปเที่ยวผับและเผลอดื่มหนักไปหน่อย
"ว๊าย!"
โครม!!
เหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอแท้ ๆ ขณะที่กำลังขับรถด้วยความเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลาเลยไม่ทันระวังเลี้ยวออกจากซอยคอนโดโดยลืมมองซ้ายแลขวาทำให้รถที่วิ่งมาทางตรงชนเข้ากับรถของเธออย่างจัง แต่นับว่าโชคของเธอยังดีเพราะรถอีกคันไม่ได้ขับเร็วมากเลยไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
"โอ้มายก๊อด!" ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเงยขึ้นไปเห็นรถคู่กรณีเพราะมันคือรถหรู Koenigsegg Ccxr Trevita ราคาเหยียบสองร้อยล้านบาทที่มีเพียงสามคันในโลกค่าซ่อมคงสูงลิ่บลิ่วแน่นอน
"งื้อออ"
"วันซวยอะไรของฉานน" เธอโอดครวญออกมาพร้อมฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถอย่างหมดเรี่ยวแรง วันนี้เธอคงพลาดนัดสำคัญกับลูกค้าแถมยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของรถคู่กรณีอีกยังไงเธอก็เป็นฝ่ายผิดเต็ม ๆ
ก๊อก ๆ!
ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าครวญครางเสียงเคาะกระจกรถฝั่งที่เธอนั่งอยู่ก็ดังขึ้น ใบหน้าสวยค่อย ๆ ผละออกจากพวงมาลัยรถแหงนไปมองทางต้นเสียง
เธอถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ยืนเคาะกระจกรถอยู่ เขาช่างหล่อเหลาดูดีไปทุกระเบียดนิ้วไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว และหน้าตาที่ดูนิ่ง ๆ นั้นช่างน่าค้นหาเสียเหลือเกิน
เสี่ยวหมี่เผลอจ้องมองหนุ่มรูปงามผ่านกระจกรถนานนับนาที จนเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถเพื่อขอโทษ และเจรจาเรื่องค่าเสียหาย
"ฉันขอ..!"
"คุณขับรถภาษาอะไรห๊ะ! ไม่มองถนนบ้างรึไง"
เธอทำท่าจะโน้มศีรษะกล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอคำพูดแสนร้ายกาจของเจ้าของรถหรูซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เธอเป็นอย่างมาก
"พูดดี ๆ ก็ได้ทำไมต้องเสียงดัง รู้ไหมคนที่พูดแบบนี้เขาเรียกนิสัยไม่ดี ไม่มีมารยาท" จากที่จะขอโทษก็กลับกลายเป็นต่อว่าเจ้าของรถหรูแทน เพราะเหลืออดกับคนนิสัยเสียแบบนี้จริง ๆ เธอเป็นคนผิดก็จริงแต่ไม่จำเป็นต้องมาแสดงกริยาอย่างนี้ใส่สักหน่อย
"ปากดี" มาเฟียหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจับจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาเรื่องคำพูดของเธอก็สร้างความไม่พอใจให้เขาเช่นกันตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาแบบนี้เลย
"เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกันที่ขับรถไม่ระวัง" เสี่ยวหมี่ผ่อนลมหายใจเข้าออกเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองอารมณ์สงบลง ก่อนกล่าวขอโทษด้วยความจำใจ เธอไม่อยากมีปัญหากับหนุ่มคู่กรณีไปมากกว่านี้เดี๋ยวเกิดเขาอย่างกลั่นแกล้งเธอขึ้นมาจะยิ่งซวยเข้าไปอีก
"ทีหลังก็ขับรถให้มันดี ๆ หน่อยไม่ใช่ปิดตาขับจนเดือดร้อนคนอื่นเขา" ทว่าอีกฝ่ายยังคงปากร้ายไม่เลิกรา เธอได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ ก่อนเดินไปดูความเสียหายของรถคู่กรณี เลือกจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขาให้เสียเวลาเพราะคิดว่าต่อปากต่อคำไปก็เปล่าประโยชน์สู้เคลียร์ให้จบไว ๆ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดีกว่า
"คุณจะชดใช้ให้ผมยังไงรถผมไม่ใช่คันละแสนสองแสนนะ" แต่เหมือนมาเฟียหนุ่มจะหาเรื่องเธอไม่ยอมเลิกขนาดเธอเดินหนีมาดูรถเขายังจะตามมาพูดจาให้เธอโมโหอีก
"ฉันจะเรียกประกันมาคุย"
"คิดว่าประกันรับผิดชอบไหวเหรอ" เธอถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออึกใหญ่คำพูดของมาเฟียหนุ่มสร้างความหนักใจให้เธอไม่น้อย ฐานะทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวย ลำพังแค่เงินเดือนอันน้อยนิดของเธอจะไปพออะไร
เธอพยายามข่มความกังวลเอาไว้ไม่แสดงอาการใด ๆ ให้มาเฟียหนุ่มได้เห็น ก่อนตอบกลับคนตรงหน้าด้วยใบหน้าราบเรียบ "ประกันมาก็รู้เองแหละ"
"ประกันชั้นหนึ่งหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ผมว่าคุณคงต้องจ่ายเองแล้วล่ะ" คำพูดเชิงดูถูกพ่นออกจากปากมาเฟียหนุ่ม ทำให้คนฟังถึงกับอารมณ์เดือดดาล
"ถึงฉันจะไม่รวยเท่าคุณ แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ อย่าคิดว่ารวยแล้วจะพูดเหยียดใครก็ได้" เสี่ยวหมี่ต่อว่ามาเฟียหนุ่มด้วยความโมโห ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ในรถโทรเรียกประกัน
"หึ" มาเฟียหนุ่มคำรามในลำคออย่างเย้ยหยัน ดวงตาคมกริบตวัดมองผู้หญิงที่ยืนต่อว่าเขาอยู่ตรงหน้านิ่ง ๆ ความจริงหากหญิงสาวยอมอ่อนน้อมพูดจาหวาน ๆ สักนิดเขาก็ไม่คิดจะเรียกร้องค่าเสียหายจากเธอเลย
รถเสียหายแค่นี้เขาซ่อมเองก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เป็นเพราะคู่กรณีของเขาช่างหยิ่งผยอง อวดดี และปากกล้าเสียเหลือเกิน เขาจึงอยากทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้สักหน่อยเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะเจอคนที่ไม่สนใจว่าเขาจะหล่อจะรวยไหม หนำซ้ำยังกล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนมากจะพบแต่ผู้หญิงที่เข้าหาเขาเพราะเงิน ยอมศิโรราบให้แก่เขากันทั้งนั้น
หลังจากเสี่ยวหมีโทรเรียกประกันแล้วทั้งสองก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยต่างคนต่างก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไป กระทั่งประกันก็มาถึงที่เกิดเหตุ และกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เสียเวลาไปไม่น้อย
"เรียบร้อยแล้วฉันขอตัวกลับก่อน" เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเสี่ยวหมี่ก็หันมาบอกลาหนุ่มคู่กรณีตามมารยาทก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินไปเรียกแท็กซี่
"เดี๋ยว!"
ก้าวเท้าเดินได้สองสามก้าวเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโดนหนุ่มคู่กรณีเรียกไว้ เธอพ่นลมหายใจหนัก ๆ กลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนหมุนตัวกลับมาถามด้วยน้ำเสียงห้วน "อะไรอีก"
"เอาเบอร์โทรกับที่อยู่คุณมา เผื่อมีอะไรเพิ่มเติมผมจะได้ให้ลูกน้องโทรไปคุย"
"แล้วทำไมต้องเอาที่อยู่ฉันด้วย" เสี่ยวหมี่ขมวดคิ้วเป็นปมมองหน้ามาเฟียหนุ่มด้วยความสงสัยว่าเขาจะต้องการที่อยู่เธอไปทำไมกัน
"เผื่อคุณชิ่งหนีไงลูกน้องผมจะได้ตามถูก"
"นี่เบอร์ติดต่อ ส่วนที่อยู่อยากได้ก็ไปเสาะหาเอาเอง" คำตอบของมาเฟียหนุ่มทำให้เสี่ยวหมี่ไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็เลือกจะไม่ตอบโต้กลับเพียงยื่นนามบัตรให้เขา ก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดไปเรียกรถแท็กซี่
"หึ" มาเฟียหนุ่มมองตามร่างบางที่กำลังเดินจากไปด้วยสายตายากเกินคาดเดา ก่อนจะยกยิ้มร้ายออกมา แล้วเดินไปขึ้นรถหรูที่ลูกน้องมาจอดรอรับอยู่
"เสี่ยวหมี่" ดวงตาคมกริบมองนามบัตรที่สาวคู่กรณีเพิ่งให้มาอย่างใช้ความคิด แล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาลูกน้องคนสนิทอีกคน
"ไปสืบมาว่า เสี่ยวหมี่คนที่ชนท้ายรถฉันวันนี้พักอยู่ที่ไหน"
(ครับคุณเดย์)
"หึ! เสร็จฉันแน่ยัยปากดี" เขายกยิ้มร้ายออกมาหลังจากวางสายลูกน้อง ก่อนจะขับรถตรงไปยังคาสิโนของตัวเอง
@ประเทศไทย"พร้อมรึยังครับ" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้เสี่ยวหมี่ที่กำลังนั่งมองตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะลุกเดินไปหาเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามา "พร้อมแล้วค่ะ""ภูมิใจจังมีเมียสวย โดยเฉพาะวันนี้สวยเป็นพิเศษเลย" มาเฟียหนุ่มไล่สายตามองเมียสาวในชุดเดรสยาวสีขาวประดับประดาด้วยเพชรระยิบระยับอย่างชื่นชม มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวคอดเข้ามาแนบชิด แล้วกดจูบบนหน้าผากมนเบา ๆ "พี่ก็หล่อเหมือนกันค่ะ" เสี่ยวหมี่สอดมือเข้าไปกอดเอวหนาหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นมองสามีผู้เป็นที่รักด้วยแววตาสื่อความหมายทั้งสองมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะคลายวงแขนออกจากเอวคอดเปลี่ยนเป็นจับมือเล็กแทน "ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ แขกเริ่มทยอยมาแล้ว" ว่าจบเขาก็จูงเมียสาวเดินออกจากห้องพักลงไปยังริมชายหาดซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง"ว้าว! สวยจังเลยค่ะ" เสี่ยวหมี่ถึงกับตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นรอบบริเวณงานเลี้ยงถูกจัดด้วยดอกไม้นานาพันสวยงามมากเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ท่ามกลางบรรยากาศตะวันใกล้ลับขอบฟ้าโต๊ะสำหรับแขกวางเรียงรายตามแนวชายหาด และมีซุ้มที่ถูกจัดอย่างหรูหรามีตัวอักษรประดับเป็นคำว่า "เดย์ & เสี่ยวหมี่"งานเลี้ยง
หลายวันต่อมา..ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่องปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอยกมือขยี้เปลือกตาเบา ๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายแล้วกรอกน้ำเสียงงัวเงียถามปลายสายทันที "ว่าไงคะพี่เดย์โทรมาปลุกหมี่แต่เช้าเชียว"(พี่มีธุระสำคัญวันนี้ไม่ได้เข้าบริษัทที่รักช่วยดูเอกสารแทนพี่หน่อยนะครับ)"ธุระอะไรคะ"(วันนี้คุณสาธิตลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทจะบินมาคุยงานกับพี่ที่จีน พี่เลยต้องไปรับและคอยดูแลเขาครับ)"ได้ค่ะอย่าให้รู้นะว่าออกนอกลู่นอกทาง"(เมียดุขนาดนี้ใครจะกล้าละครับ)"ให้มันจริงเถอะ"(ค่าบบ พี่รักหมี่นะ)"หมี่ก็รักพี่ค่ะ บ๊ายบาย" นิ้วเรียวกดวางสายทันทีเมื่อบอกลาปลายสายจบ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาแล้วจึงก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปทำงานเหมือนทุกวันที่ผ่านมา@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"ทำไมวันนี้ทุกคนมองฉันแปลก ๆ" เสี่ยวหมี่พึมพำด้วยความสงสัยพลางมองสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อพนักงานในบริษัทต่างพากันอมยิ้มเมื่อเธอเดินผ่าน แต่ก็ไม่พบอะไรที่แปลกไปเพราะเธอก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสเร
"ปล่อยนะฉันจะไปทำงานต่อ" เสี่ยวหมี่ร้องท้วงด้วยความเคอะเขินเมื่อเห็นสายตาทอประกายหยาดเยิ้มที่แฟนหนุ่มใช้มองเธอพลางยกขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง"คุณเป็นถึงเมียเจ้าของบริษัทไม่ต้องทำก็ได้ แค่นั่งชี้นิ้วสั่งยังได้เลย""งั้นหมี่ขอสั่งให้คุณปล่อยหมี่เดี่ยวนี้" สิ้นเสียงแฟนหนุ่มเสี่ยวหมี่ก็ชี้นิ้วสั่งเขาทันที "ผมหมายถึงพนักงานในบริษทไม่ใช่ผม" มาเฟียหนุ่มถึงกับระบายยิ้มออกมากับความฉลาดของแฟนสาว แต่เขาหาได้ปล่อยตามคำสั่งไหมกลับอุ้มเธอเดินไปวางลงบนโต๊ะทำงานพร้อมใช้มือยันขอบโต๊ะกักเธอไว้ในวงแขน"คุณจะทำอะไรปล่อยเลยนะ" ร่างบางร้องท้วงด้วยน้ำเสียงงอน ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่ทำให้ร่างสูงขยับเขยื้อนเลยสักนิด"บอกว่าอย่าไงเดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เธอร้องห้ามเสียงหลงในตอนที่ร่างสูงแทรกตัวยืนกลางหว่างขาทำให้กระโปรงที่สั้นเหนือเข่าร่อนขึ้นมาจนเห็นแพนตี้สีแดงสด ก่อนใบหน้าคมคายจะโน้มลงซุกไซ้ขบเม้มสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอขาว มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาวเนียนทำเอาร่างบางถึงกับขนลุกชูชันรู้สึกม่วนท้องน้อยไปหมดเธอกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคออึกใหญ่พร้อมถอนหายใจหนัก ๆ ก่
@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"มอนิ่งครับที่รัก" เสียงของมาเฟียหนุ่มเอ่ยทักแฟนสาวหลังจากเปิดประตูเข้าห้องทำงานมาแล้วเห็นแฟนสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง "ก็บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ไงมันเลี่ยน หมี่ไม่ชอบ" คนถูกเรียกตวัดสายตามองค้อนแฟนหนุ่มอย่างไม่ชอบใจเพราะเธอพยายามบอกเขาครั้งเล่าครั้งเล่าว่าให้เรียกเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้ทั้งสองจะคบกันอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามสุดเลี่ยนที่แฟนหนุ่มสรรหามาเรียกเธอไม่ซ้ำแต่ละวัน มาเฟียหนุ่มหาได้เก็บคำพูดของแฟนสาวมาใส่ใจไม่ การได้เย้าแหย่ให้เธองอนเป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขจริง ๆ เขาระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมเดินอ้อมไปสวมกอดแฟนสาวจากด้านหลัง แล้วโน้มลงกระซิบชิดกกหูเล็ก "งั้นเรียกเมียแทน"สิ้นสุดคำพูดเขาก็ฝังจมูกบนแก้มนิ่มของแฟนสาวฟอดใหญ่"ไปทำงานของตัวเองได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เจ้าของแก้มนิ่มเอ็ดแฟนหนุ่มเบา ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันหน้าเขาออกห่าง "ขอกอดเมียแบบนี้สักแป๊บได้ไหม เติมพลังก่อนทำงาน" มาเฟียหนุ่มยังตีหน้ามึนเหมือนเดิมหาได้สนใจเสียงพูดแฟนสาวไม่ เกยคางลงบนไหล่มนพร้อมทำตาปริบ ๆ เว้าวอนคนในอ้อมกอดสุดฤทธิ์
"ออกไปคุยกันสะนานเลยมีอะไรกันหรือเปล่าลูก" ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะอาหารเสี่ยวหลานก็เปล่งเสียงถามบุตรสาวด้วยความสงสัยมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเป็นคนเอ่ยขึ้น "ผมมีเรื่องจะบอกคุณป้า กับคุณลุงครับ"สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่มประมุขของบ้านกับเสี่ยวหลานก็หันมองหน้ากันระคนสงสัย ก่อนประมุขของบ้านจะหันมองหน้าถามเขา "เรื่องอะไรล่ะ"คนถูกถามสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเองพรืดใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาทอประกาย "ผมรักลูกสาวคุณลุง คุณป้าครับ หากผมจะขอคบกับเสี่ยวหมี่คุณลุง คุณป้าคงไม่ว่าอะไรนะครับ""ในสุดก็พูดออกมาสักทีนะคุณเดย์" ประมุขของบ้านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากเสี่ยวหลานผู้เป็นภรรยาเลย ทั้งสองพอจะเดาออกนานแล้วว่าเด็กหนุ่มมีใจให้บุตรสาวตัวเอง ทว่ากลับไม่ยอมพูดออกมาสักที"คุณลุง คุณป้ารู้เหรอครับ" ดวงตาคมกริบมองหน้าพ่อแม่ของหญิงสาวอย่างงง ๆ"ป้ากับลุงอาบน้ำร้อนมาก่อนเรานะทำไมจะมองไม่ออก" เสี่ยวหลานเอ่ยด้วยใบเปื้อนยิ้ม ก่อนประมุขของบ้านจะเอ่ยต่อ "ลุงพอจะเดาออกตั้งแต่คุณมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้ว เสี่ยวหมี่ไม่เคยมีผู้ชายเข้ามาวนเว
เสี่ยวหมี่ลากมาเฟียหนุ่มมาหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนปล่อยมือจากเขาแล้วหันไปมองหน้าเปล่งเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ "คุณคิดจะทำอะไรถึงมาตีสนิทกับป๊าม๊าฉัน""ผมไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นก็แค่ทำความคุ้นชินกับพ่อตาแม่ยาย เพราะในอนาคตผมก็จะมาเป็นลูกเขยท่านแล้ว" มาเฟียหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจมากนักพร้อมกับจ้องหน้าตอบหญิงสาวไปตามความจริงเขาไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้นที่ทำไปเพราะอยากทำความรู้จัก ทำความสนิทสนมกับครอบครัวผู้หญิงที่เขารักและเลือกจะมาเป็นคู่ชีวิตก็แค่นั้น และเป็นการแสดงความจริงใจหากผู้ใหญ่เห็นชอบด้วยยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว"ฮืม" คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้ยินคำพูดทึกทักเอาเองของเขา ทว่าในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ดวงตากลมเสสายมองไปทางอื่นพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสียอาการ ก่อนจะตวัดสายตามองเขาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน "ฉันบอกแล้วหรือไงว่าจะแต่งงานกับคุณ" มาเฟียหนุ่มหาได้สนใจไม่ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรยังคงยิ้มระรื่นพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ แล้วตีเนียนถามไปเพื่อจะได้ผล "แล้วตกลงแต่งไหม" "ไม่ต้องมาตีเนียนเลยนะฉันไม่หลงกลคุณหรอก"
วันต่อมา..ครืด! ครืด!เสียงโทรศัพท์ปลุกร่างบางที่กำลังนอนหลับอย่างสบายให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มือเล็กเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์มาเฟียหนุ่ม เธอจึงกดปิดเสียงแล้ววางไว้ที่เดิม ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง แต่เธอก็ต้องเบิกตาโพลงในนาทีต่อมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องไปทำงาน และต้องเจอหน้าเขา“โอ๊ย!”“บ้าจริง” เธอโอดครวญออกมาเบา ๆ พร้อมยกมือขึ้นยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงด้วยความหัวเสีย ก่อนลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้ในใจจะไม่อยากไปก็ตาม@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์เสี่ยวหมี่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องทำงานมาเฟียหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่าจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาทีเธอจึงค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปคิ้วสวยขมวดเป็นปมเชิงสงสัยเมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องปกติเวลานี้เขาจะเข้าบริษัทแล้ว การที่เขาไม่อยู่ความจริงน่าจะเป็นเรื่องดี ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ดวงตากลมจับจ้องโต๊ะทำงานของเขานิ่ง ๆ ขณะครุ่นคิดหาสาเหตุที่เขายังไม่มาทำงานไปด้วย"เฮ้อ พอ ๆ เลิกคิด ๆ" เธอยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้นนานนับนาทที ก่อนรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออก แล้วเดินไปหย่อนสะโพกนั่งที่โต๊ะลงมือทำ
"เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ" เสี่ยวหมี่มองตามหลังคนที่เดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไปด้วยความงุนงงพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะเขาแปลกไปมากจริง ๆ ไม่คิดว่าเขาก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ทว่าเธอกลับไม่ชอบเขาในมุมแบบนี้เอาเสียเลยมันดูหวานเลี่ยนจนน่าขนลุกขนพอง "หึ่ยย" เพียงแค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง ก่อนลุกลงจากเตียงเดินไปหย่อนสะโพกนั่งรอเขาบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแกร็ก!ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกก่อนร่างสูงจะเดินออกมา เสี่ยวหมี่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยขึ้นมองร่างสูง และพลันนึกขึ้นได้ว่าทำไมเธอต้องรอเขาทั้งที่สามารถกลับเองได้ "บ้าหรือไงเสี่ยวหมี่ แกจะนั่งรอตามคำสั่งเขาทำไมเนี่ย" เธอบ่นอุบอิบนึกหงุดหงิดตัวเอง ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนตามสไตล์ตัวเอง "คุณไม่ต้องไปส่ง ฉันกลับเองได้""อะไรของคุณนั่งรอมาได้ตั้งนานพอผมจะไปส่งคุณกลับปฏิเสธ" มาเฟียหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาเดาว่าเธอคงรู้สึกเสียฟอร์มที่นั่งรอตามคำพูดของเขาอย่างว่าง่ายทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอแข็งข้อกับเขามา
@คอนโดเดย์รถหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่ด้านในเคลื่อนมาจอดลงยังลานจอดรถของคอนโดหรู ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ แล้วออกคำสั่งเสียงแข็ง “ลงมา” “...” เสี่ยวหมี่หาได้ทำตามคำสั่งของมาเฟียหนุ่มไม่เธอยังคงนั่งนิ่งยกมือกอดอก ใบหน้าเชิดขึ้นอย่างท้าทายแค่เขาลากเธอมาถึงที่นี่เธอก็รู้สึกโกรธมากแล้วเธอจะไม่ยอมขึ้นไปบนห้องเขาเด็ดขาดเพราะมีแต่เสียกับเสีย คนตัวสูงถึงกับถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาระคนเหนื่อยหน่าย ตั้งแต่ที่คลับจนถึงคอนโดคนตัวเล็กก็แผลงฤทธิ์ใส่เขามาตลอดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไหนจะเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก ถ้าไม่ติดว่าตัวเองมีความผิดอยู่เขาอยากจะจับเธอฟาดให้รู้แล้ววรู้รอดไป“ลงมา” มือหนาเอื้อมไปปลดสายเบลส์ออกจากร่างบางแล้วดึงให้เธอลงมาจากรถ ทว่าหญิงสาวกลับขืนตัวไว้ ก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมมากอดอกเหมือนเดิม ดวงตากลมจับจ้องคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง“ฤทธิ์เยอะจริงแม่คูณณ” มาเฟียหนุ่มถึงกับยกมือกุมขมับกับความดื้อรั้นของหญิงสาว ลมหายใจหนัก ๆถูกพ่นออกจากจมูกโด่งครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของตัวเอง ก่อนจะโน้มลงไปช้อนร่างบางขึ้นอุ้มใ
ความคิดเห็น