สงครามที่ถูกก่อขึ้นด้วยความมิชอบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัด " เขา " คือมาเฟียผู้น่าเกรงขาม มีแต่คนยำเกรง กลับต้องเอาตัวเข้าแรก เพียงเพราะผู้หญิงคนนึง หากมีแค่เพียงความเอ็นดู ในสถานะ " น้องสาวกำมะลอ " ที่ผู้เป็นแม่ ได้ฝากฝังไว้ก่อนตายเท่านั้น ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้สิ่งที่เขากำลังพบพาน หรือเหตุการณ์นี้ เขาต้องเป็นผู้แก้ไขเล่าก็ สิ่งนี้... "คงไม่มีวันเกิดขึ้น!"
View Moreโบสถ์ไม้เก่าแก่ มีแพลนจะทุบทิ้งแหล่ไม่ทุบแหล่ หวังสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิม ถูกยับยั้งไว้ด้วยปากคนคนเดียว ซึ่งทรงอำนาจที่สุดและรวยที่สุดในเมืองนี้
เรกาโด ครูซัส หรือ ฉายาในหมู่คนสนิทเรียกว่า ' บิ๊กครูซ ' เดินช้า ย่างกรายเข้ามาในเขตข้างใน เขาหาได้รุกล้ำไม่ ทว่าที่พากันแปลกใจ เนื่องจากสามปีที่แล้ว วันนี้ เพิ่งจะโผล่หน้าเข้ามา ดอกลิลลี่ช่อใหญ่ถูกวางไว้กลางหลุมศพ ร่างผู้หญิงใต้พื้นดินนั่น คงจะย่อยสลาย เนื้อหายกลายเป็นธุรีผง เหลือเพียงกระดูกไปแล้วกระมัง บ่งบอกให้รู้หล่อนตายมานาน มีเพียงดินนูนยกสูงให้ระลึกถึงเท่านั้น
ครูซัสไม่ได้เศร้าดั่งแต่ก่อน หน้าเขาแค่เรียบเฉยสัมพันธ์กับบุคลิก ที่คนสนิทมักรู้ดี เขานั้นไร้อารมณ์สุนทรีย์มากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
ใช่ ขณะที่ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกงราคาแพง ตามองหลุมศพอยู่นั้น เขายังไม่เอ่ยวาจาใดออกมาสักคำเดียว ได้แต่นึกถึงใบหน้าจืดซีด ที่เคยป่วยกระเซาะกระแซะ ไอเป็นเลือดสดๆ จนตาย และ อาลัยในใจ
...ผมยังรักษาคำสัญญา
...ผมจะดูแลเธอ เท่าที่ผมจะทำได้ ...
...หลับให้สบายนะครับแม่
รถซุปเปอร์คาร์สีดำแล่นเรื่อยมาจอดเทียบฟุตบาท ร่างสูงเดินลงจากเบาะหลัง พยักหน้าให้คนขับรถ ขับออกไป บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเล็กๆ เล็กมาก ถึงขนาดไม่มีที่ให้รถจอด มีรั้วไม้ต่ำๆ สีขาวล้อมรอบให้ดูเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าไร้คนดูแล ไม่ได้ดูหรูมากมายนัก ทว่าอบอุ่นใจสำหรบคนพักพิง
เรกาโด ครูซัส ในคราบชุดดำทั้งชุดเดินเข้ามา ความลึกลับในตัวเขาดึงดูดความยำเกรงต่อผู้พบเห็น ทำเด็กซึ่งวิ่งเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าถอยกรูดกันเป็นพรวน เขาดูเป็นผู้ใหญ่ และน่ากลัวกว่าคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาทำทาน หรือเพื่ออุปการะอย่างสิ้นเชิง พร้อมประโยคเรียบทุ้ม ทำหญิงวัยกลางคนกำลังเดินผ่านชะงักกลางคัน
"สวัสดีครับซิสเตอร์ ผมมารับเด็กคนนั้น ที่ครอบครัวทำเรื่องอุปการะไว้เมื่อสามปีก่อน"
โต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง มีโคมไฟชนิดหักคอได้ วางตระหง่านชิดมุม ข้างกันมีหนังสือนิยายแนวลึกลับกองสูงเป็นเนินภูเขา ซ้อนทับกันไม่เป็นระเบียบนัก เสี่ยงหล่นลงมาทับหัวคนอ่านตายหลายรอบ แม้จะดูเก่ากึก ทรุดโทรม แต่มันก็คือมุมโปรดของเธอ
เอมิเลีย หรือเอมี่ สาวร่างบางอายุสิบแปดปีเศษ ฟุบโต๊ะรออะไรบางอย่าง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เธอต้องเตรียมพร้อม เธอไม่รู้มาก่อน แต่หากเสื้อไหมพรมตัวหลวมโคล่งสีชมพู ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายที่มาดามเรกาโด เกรชมอบให้ ถูกเก็บไว้นานเกือบลืมมาสวมใส่นั้น นั่นหมายความว่าเธอจะต้องไปจากที่นี่
แน่นอน เธอไม่อยากก้าวพ้นเขตนี้ออกไปแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกใจหาย เศร้าสลด กลัวจะคิดถึง ถูกกักเก็บไว้แค่ในใจ และแววตาหวานฉ่ำเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องออกมาได้
"เอมี่ เสร็จหรือยัง"
ยิ่งต่อหน้าซิสเตอร์แล้วยิ่งแล้วใหญ่ อย่าหวังให้น้ำตาเอ่อล้นออกมาแม้แต่หยดเดียว!
"ค่ะ..."
"ลูกกำลังมีปีก มีโอกาส"
"แต่หนู..."
"หลุดจากกรงแล้ว ควรจะบินไปให้ไกลที่สุด อย่าได้หวนกลับมา"
"....."
"มหาลัยที่ผู้อุปถัมภ์เลือก คงจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับลูก"
"ฮึก... "
"เอมี่... "
"หนูรู้ค่ะ คนร้องไห้มันดูโง่"
เธอช้อนตาขึ้นแทรก หลังก้มงุนสลดอยู่นาน ซิสเตอร์มองเข้าไปในตานั้นด้วยความอาลัยรัก อยากจะร้องไห้สั่งลาไม่น้อยไปกว่าเธอ ทว่า นี่คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสักเท่าไหร่ โลกภายนอกมันช่างโหดร้าย อันตราย และมีอีกหลายอย่างที่หญิงสาวยังไม่รู้ เข้ามาสอนสั่งให้มนุษย์มีบทเรียนกันทุกคน หล่อนบอกศิษย์คนนี้เสมอ เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งซึ่งไม่รู้พ่อแม่คือใครมาก่อน มักจะอาภัพมากกว่าคนอื่น
ฉะนั้นคำสั่งสอนที่หล่อนฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก หวังให้เธอเข้มแข็งนั้น คือเกราะปกป้องกันที่ดี และจะได้ใช้จริงๆนับแต่วันนี้
ซิสเตอร์บีบมือเธอเป็นการบอกลาแทนคำพูด พลางหันไปตามเสียงฝีเท้าหนัก ซึ่งเดินเป็นจังหวะเข้ามาหยุดตรงหน้าของคนทั้งคู่
"ได้เวลาแล้ว"
หันไปบอกเธอเสียงแผ่ว แค่สายตาหวานชำเลืองปะทะเข้ากับดวงตานิ่ง ไม่ทันได้เห็นมันชัดเจน เอมิเลียก้มหน้างุนรนราน เปลี่ยนภาพนั้นเป็นรองเท้าคอมแบตสีดำราคาแพงทันที
ภายในรถ กว้างพอจะบรรจุคนเป็นสิบ กลับทำหญิงสาวอึดอัด ทัศนียภาพบรรยากาศวิวข้างทางสวยงาม เปี่ยมไปด้วยสีสัน ที่อาจจะทำให้คนไม่เคยเห็นเฉกเช่นเธอมาก่อน น่าจะตื่นเต้น และยินดีที่ได้พานพบกับมัน กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอเอาแต่มองนอกกระจก ในตาสลด กะพริบถี่นับครั้งไม่ถ้วน สร้างความหนักใจให้แก่ผู้ปกครอง ที่ชำเลืองมองมานานๆครั้งไม่น้อย ทว่า แสร้งทำเป็นไม่สนใจเธอ เลือกที่จะเงียบขรึม ตามแบบฉบับของเขา ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้ตัว การกระทำแบบนี้ ทำหญิงสาวเกร็งจนเท้าชาไปหมด
จนกระทั่งถึง....
คฤหาสน์ใหญ่โอ่อ่า ทำด้วยอิฐหินแท้แข็งแรง บริเวณข้างๆกว้างขวางเหลือคณานับ พอๆกับบริวารของเขา ที่วิ่งกรูกันเข้ามา ยามเห็นรถคันนี้วิ่งผ่านรั้วเข้าไป เอมิเลียทึ่งจนยิ้มไม่ออก เธอไม่ได้ดีใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่กลับห่อไหล่เกรงกลัวอำนาจของคนข้างๆมากยิ่งขึ้น เพราะคาดไม่ถึง ครอบครัวที่อุปถัมภ์เธอ จะรวยล้นฟ้าเช่นนี้
"ถึงแล้ว บ้านของเธอ"
และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่เธอได้ยินเสียงเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันคือเสียงทุ้ม นุ่มแฝงสุขุม ใครได้ยินคิดจะเถียง เป็นอันต้องกลืนคำพูดนั้นๆ กลับลงคอกันเลยทีเดียว
"ค่ะ..."
เอมิเลียพยักหน้า เปิดประตูยืนรอกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
"รออะไร "
"กะ กระเป๋าหนู"
"ลูกน้องฉันจะยกให้ เธอไปแต่ตัวก็พอ"
เธอหลบตา ยอมทำอย่างที่เขาว่าแต่โดยดี แม้การเดินของเธอในแต่ละก้าว มันจะแข็งแทบพาเธอล้ม
ใช่ เธอประหม่า กลัวจนเหงื่อตก สูญเสียความควบคุมบางอย่างในร่างกาย ครูซัสมองเธอจนทิ้งห่างไปพอสมควร ก่อนพยักหน้าให้สาวใช้อีกคนเพื่อเดินตาม
"อย่าให้มีปัญหากับเคลที่ "
"ได้ค่ะ นาย"
เอมิเลียเดินห่อไหล่ก่อนหยุดชะงักเมื่อมาถึง บานประตูสลักสีทองโบราณ และรูปปั้นซีเมนต์สิงโตสองฝั่ง ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเท่ากับภายในบ้านเลย เบื้องหน้าของเธอนั้นเสมือนอุโมงค์ลึกลับ หากเข้าไปแล้วยากจะออกมาได้
ใช่ บรรยากาศทำให้เธอรู้สึกว่า ข้างในนั้น มันยากแท้จะหยั่งถึง กว่าจะตัดสินใจก้าวเดินต่อ ก็ตอนชำเลืองไปเห็นสาวใช้ร่างอวบเดินตามมา พร้อมกระเป๋าซึ่งถูกยกนำหน้าเธอไป เอมิเลียเปลี่ยนเป็นชะลอตามหลังหล่อนแทน
"ที่นี่คือ..."
"ห้องนอนของคุณค่ะ"
หน้าสวยจิ้มลิ้ม กวาดตามองไปทั่ว หลังเข้ามายืนอยู่ภายใน
"หวังว่าคุณจะชอบ"
สาวใช้บอก หญิงสาวก้มหน้างุด ดวงตาสลด
"ขอบคุณค่ะ"
"ฉันชื่อซีอาร์นะคะ เป็นคนใช้ที่นี่มานานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของคุณท่าน มีหน้าที่อยู่ในครัว แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดูแลคุณแทน"
น้ำเสียงราบเรียบ ทำหญิงสาวสนใจใคร่รู้ เธอหันไปตั้งใจฟัง ก่อนแนะนำตัวเองบ้าง
"หนู.. เอมิเลียค่ะ"
"ค่ะ ดิฉันทราบ"
หล่อนยิ้มกว้าง เจ้าของชื่อยิ้มตอบ ทว่าดูอย่างไรก็ฝืนเต็มที สาวใช้รู้ดี แต่หล่อนเลือกที่จะนิ่ง ให้กำลังใจผ่านแววตาคู่แขกนั้น บ่งบอกถึงมิตรภาพที่ดี
"ทำไมต้องดูแลหนู เขาสั่งหรือ"
"ใช่ค่ะ นายท่าน คือผู้มีอำนาจที่สุดในคฤหาสน์นี้"
".... "
เธอเลิกคิ้ว ไม่คิดจะถามอะไรอีก ทั้งที่ในใจอยากรู้แทบแย่ ผู้อุปภัมภ์ที่แท้จริงคือใคร และมีหน้าตาเป็นยังไง เธอจำได้แค่ว่า ชื่อของหล่อนคือผู้หญิง...
ทำไมตอนนี้ กลับกลายเป็นผู้ชาย คนที่รับเธอมา และดูเย็นชาที่สุดแทน
ในขณะหญิงสาวกำลังเงียบ เอาแต่ก้มหน้า กลับต้องเงยขึ้นด้วยเสียงทุ้มนี้
"ออกไป"
เขาสั่งซีอาร์ สาวใช้คำนับรับ
"ค่ะ "
ซึ่งคราวนี้ เหลือแค่เขากับเธอเพียงสองคน เอมิเลียใจสั่น มือชาวาบ ก้มหน้ามองพื้นมากกว่าเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เดินผ่านหน้าเธอ ไปเปิดหน้าต่างให้
"ซิสเตอร์บอก เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ฉันเลยจัดมุมนี้ไว้"
เขาใช้นิ้วเคาะสันโต๊ะสองสามที หวังให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตุเห็น ว่าบนนั้นเต็มไปด้วยหนังสือ ซึ่งเป็นแนวที่เธอชื่นชอบ หญิงสาวเม้มปากแน่น ปากหนักไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดี ได้แต่โน้มตัวคำนับแบบซีอาร์ ความรู้สึกบอกคลื่นเขานั้นหนาเหลือเกิน หนาจนหญิงสาวเกร็งไปหมด และเสมือนโชคเข้าข้าง เสียงสมาร์ทโฟนของเขาดังขึ้นช่วยชีวิตเธอพอดี ครูซัสละสายตาจากการจ้องหน้าเธอ มากดรับสาย เดินเลี่ยงไปคุยข้างนอก โดยไม่สนใจจะบอกลาเธอสักคำ
"ฮัลโหล ใช่ ผมไม่ได้ลืม กำลังจะไป"
กับคำสรรพนามที่เปลี่ยนไป ระหว่างคู่สนทนาปลาสาย ที่ต่างกับ.. เธอ
เรกาโดเดินทางถึงคฤหาสน์ใหญ่ตอนตีห้า การปรากฏตัวกะทันหันของเขา ทำลูกน้องสับปะหงก บ้างก็คอพับ รนรานต้อนรับกันพัลวัน" นายท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่บอก พวกผมจะได้ไปรับ "" บอกมึง กูก็ไม่ต้องทำมากินกันพอดี ไอ้ลูแคนกับโทมัสไปไหน "ฟึ่บ" โอะ "เสื้อโค้ทหนาใหญ่ถูกยิงไปพร้อมกับคำถาม ถึงบอดี้การ์ดเวรยามจะรับแทบไม่ทัน แต่คงไม่ใจหายเท่ากับการหาคำตอบ" หูตึง? "" เปล่าครับท่าน ผมเห็นออกไปข้างนอก "" ฟัค "" ผมจะโทรตามเดี๋ยวนี้เลยครับ"เพียงแค่กรามขบดังกรอด แยกเขี้ยวเตรียมเขมือบคนรับหน้า บอดี้การ์ดดวงซวยก็รีบหาโอกาสทันที มันถอยร่อนไปตั้งหลัก อย่าทันให้เจ้านายหงุดหงิดไปมากกว่านี้ เรกาโดเดินหัวเสียมายังห้องนอน เขาเก็บตัวอยู่ในนั้นจนถึงเช้า กระทั่งมีเสียงเคาะประตูจากลูกน้องคนสนิท" ฮึ กว่าจะโผล่กันมา พวกมึงต้องรอฤกษ์ก่อนสินะ "เขาเหน็บ หมุนเก้าอี้ไปทางตะวันดวงสีส้มที่กำลังทอแสง และเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า" แหะๆ "ลูแคนกับโทมัสพากันยิ้มแฉ่งพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พลางยกมือเกาหัว" ขอโทษครับนาย พวกผมเห็นนายไม่ติดต่อกลับมา ก็เลยคิดไปเองว่า นายคงจะพักผ่อนที่นั่นหลายวัน "มาเฟียหนุ่มลุกยืนเต็มความส
ขายาวก้าวสวบๆ รุดหน้าอย่างไม่รอใคร หลังลงจากรถ เรกาโดเปิดประตูคันสุดท้ายของขบวนอย่างรนราน เขารีบเดาะสลักผนึกกุญแจ ด้วยรหัสหลายหลักปึงๆเสียงเคาะของคนในนั้นทำเขาใจสั่น หงุดหงิดตัวเองที่ทิ้งเธอไว้แบบนี้ และนานเกินไปพาลเคืองเพื่อนๆ ที่ไม่รีบตัดบททำเวลาให้เขาเก็ก!ดวงตาดำทมิฬเบิกกว้างอย่างพอใจ ที่ไม่มีอุปสรรคต่อการกดรหัสให้หงุดหงิดอีกระลอก" เอมิเลีย เธอโอเคไหม? "" ฮึก! คุณครูซ!! "หมับวินาทีแรกเขาเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่ ก่อนจะผุดลุกถลาขึ้นมากอดคอเขาอย่างแรง การกระทำของเธอครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองสูงสุด" ฮือๆๆ คุณไปไหนมาคะ "น้ำหูน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้นคือของจริง ซึ่งกลั่นออกมาจากความรู้สึกของเธอ หญิงสาวคงกลัวจนลืมไปแล้วหมดสิ้น การเข้าไปอยู่ในกล่องกะทัดรัดนั่น เป็นฝีมือใคร เรกาโดนึกแล้วหน้าสลด เลือกที่จะไม่ตอบอะไรก่อนในตอนนี้ เขายืนนิ่งปล่อยให้เธอกอดเสียให้พอ กระทั่งผละออกไปเอง" คุณไปไหนมาคะ "แล้วก็ยังจะถามคำถามเดิม ปราศจากการหาคำตอบว่าใครเป็นคนพาเธอมาขังไว้ เขามองหน้าตาไม่กระพริบ จ้องเข้าไปในดวงตาลึก เป็นฝ่ายดึงร่างบางเข้ามากอดใหม่ " ไปกันเถอะ "ถึงรู้ว่าเธอต้องงง เขาก็คง
ร่างบางถูกอุ้มเข้ามาในกระโจม ก่อนค่อยๆวางลงอย่างเชื่องช้าเมื่อถึง เอมิเลียดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่เคยคุ้นชินกับกิจกรรมแบบนี้ ยิ่งตั้งใจร่วมด้วยช่วยกันแล้ว ก็ยิ่งแล้วใหญ่ มือหนาถอยออกห่างจากแผ่นหลังเนียนขาว ก่อนลูบไล้ไปทั่วพวงแก้มใส ลามเรื่อยลงมายังซอกคอหอมกรุ่น แล้วจึงหยุดตรงเนินหน้าอก" อ๊าส์ "หญิงสาวแหงนหน้าซู้ดปาก ปล่อยกรอบหน้าสวยยับยู่ยี่ ยามถูกนิ้วร้ายเคล้าคลึงโอบเค้นก้อนเต้านั่น กับอีกข้างแตะเบาๆไปทั่วเนินเนื้ออวบอูม หญิงสาวตะปบมือสากเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูด พร้อมยกสะโพกหนี ทว่า ยิ่งย้าย เสมือนยิ่งแสดงความยั่วยวนต่อเขา เรกาโดยกยิ้ม กดข้อมือน้อยจมฟูก เลื่อนร่างหนาถึก ขึ้นคร่อมทาบทับเต็มตัว" อยู่เฉยๆ "กรอบหน้าแดงระเรื่อเกาะกุมไปทั่วพวงแก้ม คงหนีไม่พ้นเอมิเลีย ดวงตาหวานถูกบังคับให้หลับพริ้ม ยามหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร โน้มลงมาใกล้ ใช้ความร้อนจากริมฝีปากบดขยี้ปากเธอ เบาบาง อ่อนโยน เสมือนสัมผัสปุยนุ่น ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าเคลิบเคลิ้มของเธอในยามเผลอ ก่อนใช้โอกาสนี้ แหย่นิ้วร้ายถูไปมาตามรอยแยก" ไม่..ได้ไหมคะ" เธอยกกำปั้นทุบ เมื่อจุดนั้นคือแผลฉีกเก่าที่ยังไม่หายดี" ทำไม? "" ยะ
ข้างกระโจมเรียงรายหลายหลัง บริเวณกว้างรอบล้อมไปด้วยทะเลทราย นับว่าเป็นครั้งแรกที่แก็งค์อัลฟามาเหยียบที่นี่ และเป็นครั้งเลอค่าไม่เสียแรงที่ยอมเหนื่อยเพื่อได้ไต่เต้า พวกเขาทำสำเร็จ เพียงเพราะการต่อลองของเรกาโด แลกกับการอารักขาหัวโขนผู้ยิ่งใหญ่ใช่ เขาช่างเป็นผู้ที่เสียสละแน่นอนภายหลังของภารกิจพรรคพวกเขาต้องร่วมและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นหมายถึงบ่อเกิดของการต้องประนีประนอม บ่อยครั้งที่ต้องเย็นกว่า เพื่อสยบร้อนให้มากที่สุด ยามเรกาโดกระฟัดกระเฟียด ดุจนิสัยหญิงมีประจำเดือนเป็นระลอกแบบไม่ดูเวล่ำเวลา หรือจะเรียกว่าสามวันดี สี่วันไข้ก็ยังได้ แลนิสัยเหล่านี้ มักจะทำงานใหญ่พังประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พรรคพวกนอกชายแดนแบบไม่สนิทเท่าไหร่นัก ทว่ายอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันจนงานสำเร็จ แม้ว่าเจตนาที่เข้ามาช่วยนั้นจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมด กระนั้นเรื่องแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าวงการตลาดมืด หามีใครมาถือสากันไม่แต่แล้ว...กลับถูกยิงตายด้วยเงื้อมมือของเรกาโด เพียงแค่ถกเถียง และออกความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยเรื่องไร้สาระแค่นั้นเปรียบเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนในทีมได้ดีเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนสนิ
แผ่นหลังบางถูกสัมผัสเข้ากับพรมหนา พร้อมร่างใหญ่โน้มลงมาคร่อม นิ้วเรียวแตะจึ้กทาบริมฝีปาก ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในจังหวะเขาลดหน้าเตรียมจะจูบ" หืม ..."" อย่าทำแบบนี้ "" อะไร ก็แค่จูบ "เรกาโดเลิกคิ้วหนา" ขอพักได้ไหมคะ เหนื่อยจะแย่"ส่วนเธอร้องขอเสียงกระท่อนกระแท่นเอากับเขาสิ ทีแรกบอกจะนอนเอาแรง คนกะล่อนอย่างเขา หากเธอรู้ไม่ทันก็แย่เต็มทีแล้ว" เอมิเลีย ฉันแค่จะจูบ.."" ฉันอยากคุยกับคุณมากกว่านะคะ"" ........."หัวไหล่แกร่งยักขึ้น หลังก้มมองพวงแก้มเธอนิ่ง ลากสายตามายังลำคอระหง ที่กำลังลอบกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อน แล้วยันตัวลุก" มีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ "ทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ เธออย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน พลางหันมาหาในท่าเท้าคางนอนตะแคง พร้อมถอนหายใจ" จะคุยเรื่องอะไร ก็ว่ามา .."" เรื่อง.."เธอก้มหน้างุด ประโยคทิ้งท้ายเอ่ยเสียงแผ่ว" ซิสเตอร์และเด็กๆ "" ฟู่ววว "ว่าแล้ว เดาไม่เคยผิด ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางยันตัวลุก เขาไม่พร้อมจะเจรจาเรื่องเครียดตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอม" ถามว่า? "" คุณพาศพพวกเขาไปไว้ที่ไหน "" ฝากบาทหลวงทำพิธี ฝังในพื้นที่ของฉัน"ชายหนุ่
เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวล่อนลงแตะพื้น ก่อนออฟโรดมากกว่าสิบคันจะมารอรับ เอมิเลียเริ่มหายใจไม่ออก ท้องไส้ปั่นป่วน เมื่อเห็นความใหญ่อลังการของแก็งค์เขา มันคงยากมากหากจะเชื่อ ทว่า ก็ต้องเชื่อ หลังเธอมายืนอยู่จุดนี้ กับรอยยิ้มที่เจื่อนสนิท เมื่อเทียบชุดที่เขาสวมใส่กับชุดนอนบางเบาของเธอ ทำไมเรกาโดถึงไม่ให้เวลาเธอได้เตรียมตัวบ้าง" ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย "เข้าภวังค์ได้ไม่นาน เสียงทุ้มร่างสูงข้างกายก็โพล่งขึ้น เขาติเตือนเธอในขณะใบหน้าและดวงตายังจ้องมองไปยังบอดี้การ์ด ที่พากันลำเลียงของลงจาก ฮ. สู่หลังรถ" คุณพาฉันมาด้วยทำไม ไหนว่ามาพักผ่อน นี่มันผจญภัยชัดๆ ..."" แฮ่มมม" เขาชะงักก่อนยกกำปั้นกระแอมยามเธอหันมาฉอดๆใส่เขา" คุณนี่มัน..."" เฮ้บิ๊กครูซ "แต่แล้ว...กลับต้องปิดปากเงียบหันไปหาเสียงผู้มาใหม่แทน ในขณะสีหน้ายังคงกระเง้ากระงอดอยู่แมททริกยื่นกระเป๋าเดินทางฝากการ์ดที่เดินผ่าน ก่อนวิ่งเร็วมาหาคนทั้งคู่ เขายิ้มทักทาย ในขณะเธอทำได้แค่หลุบหน้าต่ำ เพราะปรับอารมณ์ไม่ทัน" ไง "" โทษทีว่ะ ที่มาช้ากว่าคนอื่น พอดีติดภารกิจที่บ่อน "" ช้าที่ไหน มึงก็มาแล้วนี่ ""เออ ว่าแต่นี่..."" เอมิเลียไง"และนั่
ดวงตาอิดโรยหลุบหลบต่ำ ไซร่าเลือกที่จะไม่ตอบ สมองเริ่มบีบเพราะต้องหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แขนเรียวเปอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผสมเลือด กวาดกอดตัวเองอีกระลอก ตัวสั่นสะท้าน สติเลอะเลือน เรกาโดอมลมในปาก เริ่มวิตกกังวล ก่อนผละร่างออกห่างยืดอกยืนเต็มความสูง หันไปหาลูกน้อง" เอาน้ำมาสาดเธอ "ซ่า!สิ้นสุดคำสั่ง น้ำถังใหญ่ถูกสาดราดลงกลางหัว ผ่านตัวไปนองพื้น หญิงสาวไม่สะท้กสะท้าน ยิ่งทวีคูณความกลัวด้วยการกอดตัวเองแน่น และแรงกว่าเดิม" ฮึกๆๆ"ก่อนจะล้มลงหมดสติไป' รุ่นเดียวกัน ชะตาเหมือนกัน รักกันให้มากๆนะรู้ไหม 'เสียงเรียบแสนจะอบอุ่นของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น มือคู่บางจับมือเด็กน้อยทั้งสามคนไว้ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความใจดี' ค่ะซิสเตอร์ '' เอมี่ ในสถานะที่ลูกอยู่ที่นี่มานาน ดูแลเพื่อนๆด้วยนะ ว่าแต่แม่จะตั้งชื่อลูกสองคนว่ายังไงดี .. '' สเปชี่กับไซร่าไหมคะซิสเตอร์ เอมี่ชอบ 'เด็กน้อยวัยสิบขวบยิ้มตาหยี หันมองหน้าคนข้างๆสลับกับซิสเตอร์ของเธอ' เอางั้นเรอะ ก็ได้ๆ '' ว่าแต่ ทำไมสเปชี่ไม่คุยเลยล่ะ 'เด็กหญิงถามสีหน้าฉงน พร้อมดวงตากลมโตจะเผลอถ่างขึ้นทุกคราที่เธอสงสัย ซิสเตอร์เม้มปากแน่น
ตาหวานเคลือบความใสดุจน้ำมันเบิกออก ร่างถึกอมยิ้ม เกลี่ยพวงแก้มสาวด้วยความหลงใหล ค่อยๆ โน้มหน้าปลายจมูกจ่อใกล้ เธอประหม่า เตรียมหลบ ทว่า มือใหญ่คว้าไว้กลางคัน" อยู่ที่นี่ คงเบื่อแย่ "ชวนสนทนาน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะมืออีกข้างไถถูไปรอบเอวคอดกิ่ว หน้าขาแกร่งเบียดหน้าขาเล็ก ท่อนเอ็นถูเสียดเข้ากับเนื้อนูน เอมิเลียตัวเกร็ง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ ที่กำลังขยายตัว" อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า "" อยากออกห่างจากตัวคุณค่ะ "" หืม.."ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขำขันต่อคำพูดตรงไปตรงมา ไร้ความแอบแฝงใดๆ นั่น เธอคงกลัว ทว่า กลับท้าทายต่อเขา" เพราะอะไร "" มันอึดอัด "" ไหน ตรงไหน บอกสิ ฉันจะแก้ให้ "เขาล้อเลียน นิ้วใหญ่เลื่อนไปนาบตรงกลางกาย หญิงสาวสะดุ้งโหยง รนรานหลบหลีก ทว่า เรี่ยวแรงกลับไม่เท่าเขา" อย่าค่ะ "ปลายนิ้วเกลี่ยถูไปทั่ว ก่อนจะค่อยล้วงเข้าไปใต้กระโปรงบานผ้าลื่นของเธอ" อย่าอะไร "ขนหน้าขาเรียวขนลุกชู ยามนิ้วเย็นลากยาวทาบทับ พร้อมเสียงกระซิบ ริมฝีปากเหน็บเม้มติ่งหู" คุณครูซ..."" อยู่เฉยๆ สิ อย่าขัดความสุขของฉัน "มาถึงตอนนี้ต่อให้ฝ่ามือเล็กตะปบ ยื้อยึดมือเขา เรกาโดผู้เปี่ยมไปด้วยความเผด็จการ คงไม่
เรกาโดหันขวับ เปลี่ยนติดทางไปยังคนพูดทันที พลางยกกระบอกปืนชี้ ไซร่าเห็นยิ่งตัวสั่น ก้มหน้างุนกว่าเดิม" เธอว่าอะไรนะ" เขาถามย้ำนาทีนี้คงไม่มีใครสนใจคนเจ็บที่นั่งเลือดอาบแขนอยู่บนพื้น" ฉันไม่ทราบค่ะ เธอเอาข้อเสนอมาให้พวกเรา"หล่อนตอบตะกุกตะกัก ไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก สายตาเบือนต่ำไปหาเพื่อนสาว ก่อนเบือนหน้าหนี" ข้อเสนออะไร"" ขะ ข้อเสนอ.... "" บอกมาเถอะน่า ถ้าเธอบอก ฉันจะไว้ชีวิตเธอ"เขาเก็บปืนเหน็บเอวสอบ ก่อนเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้า อย่างใจเย็น ไซร่ากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ คอแห้งเผือด กลัวเสียจนกระหายน้ำ" เธอบอกว่า จะดูแลพวกเราอย่างดี เพราะเป็นนายหญิงของที่นี่"" แลกกับอะไร? "" อย่าบอกนะไซร่า... ""หุบปาก! "นิ้วเรียวชี้หน้าคนที่นั่งกับพื้น สายตาดุดัน ในจังหวะเขาถามแล้วหล่อนแทรกขึ้นมา สเปชี่เห็นอย่างนั้น จึงรีบหลบตา .... สำหรับเรกาโดตอนนี้ หล่อนคือคนกลัวไม่เกรง และร้ายที่สุด" หรือฉันจะฆ่าเพื่อนเธอก่อนดีไซร่า " เขากระซิบ " แล้วเรามาคุยกันสองคน... เอาแบบว่า เนื้อแนบเนื้อเลยดีไหม..."เขาหยั่งเชิง เลิกคิ้วเข้ม โน้มหน้าเข้าไปใกล้ เพราะดูออก เด็กพวกนี้หวังสูงเอาการ คงเห็นแบบอย่างเป็นเอ
Comments