จี้ทองคำเม็ดนั้นตกลงบนหลังเท้าของมาเดลีนอย่างไม่ทันตั้งตัวแรงกระทบของมันทำให้ตัวจี้นั้นกระเด็นก่อนจะตกลงมาข้างรถเข็นของเอโลอิสมาเดลีนมีอาการไอขณะที่ใบหน้าและลำคอของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในการแสดงออกของเมเรดิธและโรส แต่เธอกลับได้ยินเสียงตะโกนที่ดูประหลาดใจของเอโลอิส“นี่มัน! จี้ทองคำนี้!”เสียงของเอโลอิสดังลั่นมันทั้งสั่น และติดอ่างในเวลาเดียวกันมาเดลีนมองไปทางนั้นด้วยความสงสัยและเธอเห็นเอโลอิสกุมแผลจุดที่เธอได้รับการผ่าตัดก่อนจะลุกขึ้นจากรถเข็นเพื่อหยิบจี้นั้นขึ้นมา“ฌอน! ฌอน!” เอโลอิสร้องหาฌอน ด้วยความรนรานเมื่อฌอนได้ยินเสียงร้องของเอโลอิส เขารีบร้อนที่จะวิ่งไปหาต้นเสียง ในทันทีที่เขาเห็นจี้ในมือของเอโลอิส เขาดูตกใจมาก ราวกับว่าเขาได้พบกับสิ่งที่หายไปนาน“นี่มัน! นี่คือจี้ที่เราสั่งทำเพื่อเอวลีนสุดที่รักของเราเมื่อหลายปีก่อน! ในที่สุดคุณก็หามันเจองั้นเหรอ?”อะไรกัน?มาเดลีนไม่มีเวลาแม้แต่จะจับจังหวะหายใจของตัวเองให้เป็นปกติเธอได้ยินฌอนกล่าวถึงจี้อันนั้น จิตใจของเธอก็ว่างเปล่าในทันทีกับหัวใจของเธอที่เต้นสูงขึ้นแทบพุ่งออกมาจากอก“ม
มาเดลีนมองฌอนที่สวมจี้ที่คอของเมเรดิธอย่างตั้งใจ และดวงตาของเมเรดิธเต็มไปด้วยน้ำตาพร้อมกับสัมผัสที่ใบหน้าของเธอเบาๆ“ช่างวิเศษจริงๆ ในที่สุดจี้ก็กลับมาหาลูกสาวที่เลอค่าของเราแล้ว” เอโลอิสกล่าวอย่างอิ่มเอมใจ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักของแม่ขณะที่เธอมองไปยังเมเรดิธฉากนั้น ทำให้มาเดลีนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้เพราะความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้กำลังพุ่งผ่านหัวใจของเธอเธอก้าวไปข้างหน้าและพยายามอธิบาย “ฉันไม่ได้ขโมยจี้นั้น ปู่ของฉันทิ้งมันไว้ให้…”“มาเดลีน เธอกำลังพยายามทำอะไร?!” โรสเข้ามาขัดจังหวะเธอทันที ไหล่ของมาเดลีนถูกผลักอย่างแรง “ออกไปจากที่นี่เดี่ยวนี้! อย่าคิดว่าเมเรดิธเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย!”โรสยังคงตะโกนต่อเนื่องในขณะที่เธอดึงมาเดลีนให้ห่างออกไปจากพวกเขามาเดลีนต้องการตอบโต้กลับ แต่ร่างกายของเธออ่อนแอลงมาก ภาพที่เคยมองเห็นของเธอดูมืดสลัวมากขึ้นเมื่อเธอมองไปที่ฉากของครอบครัวที่อยู่ตรงหน้าเธอ ความเจ็บปวดในใจของเธอเพิ่มความรุนแรงขึ้นเมื่อมองไปที่ฌอนและเอโลอิสกำลังสวมกอดเมเรดิธอย่างอ่อนโยนเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอโลอิสและฌอนจะหันกลับมามองเธอ และในที่สุดเธอก็สมหวัง เอโลอิส ปลายส
มาเดลีนพยายามขัดขืนเพื่อที่จะหนี แต่เธอไม่สามารถต้านแรงของชายร่างใหญ่คนนั้นได้ เธอถูกบังคับให้ขึ้นรถ“พวกนายเป็นใคร?! จะพาฉันไปไหน!” มาเดลีนตะโกน แต่ไม่มีใครตอบกลับเธอเลยสักคน เธอไม่สามารถกระโดดออกจากรถได้ เพราะมีคนจับมือเธอตลอดทางผ่านไปสิบกว่านาที รถหยุดตัวลงที่สถานรกร้างนอกเมือง“ออกไป!” ชายคนนั้นดึงเธอออกจากรถอย่างดุเดือด เขาผลักเธอลงบนพื้นจังหวะที่มาเดลีนล้มลงบนพื้น ฝ่ามือของเธอได้ยันพื้นประคองร่างกายเธอไว้ หินแหลมคมบนพื้นทะลุบาดผิวหนังเธอในทันที เลือดเริ่มซึมออกมา แต่เธอไม่สนใจความเจ็บปวดนั้น เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อหาคำตอบของสิ่งที่ถูกกระทำจากชายพวกนั้น“พวกนายจะทำอะไร?! ใครส่งพวกนายมาที่นี่ มันคือเมเรดิธใช่ไหม?!” เธอเอ่ยถามขึ้น หลังจากจบคำถาม เมเรดิธได้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอแทบจะในทันทีเมเรดิธมาด้วยใบหน้าที่เต็มแต่งไปด้วยเครื่องสำอางสวมเสื้อคลุมขนสัตว์แบรนด์เนมราคาแพงเธอมองมาเดลีนอย่างหยิ่งผยอง“เมเรดิธ เป็นเธอจริงๆ!” มาเดลีนกัดฟันแน่นขณะเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เลวทรามคนนี้ “พาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร? นี่กำลังวางแผนจะทำอะไร?!”มาเดลีนพยายามยืนขึ้นหลังจากพูดแบบนั้น แต่ในขณะที่เธอขยั
หลังจากคำเตือนที่เหมือนเป็นพิษร้าย เมเรดิธดึงผมของมาเดลีนขึ้นอย่างรุนแรง โดยการเอาหัวเธอไปชนกับต้นไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมาเดลีนมีแผลเหวอะที่ศีรษะมาเดลีนเข้าใจแล้วว่าทำไมเมเรดิธถึงสั่งให้พวกอันธพาลพวกนั้นมาทุบตีเธอก่อน เพราะตอนนี้เมเรดิธจะได้ทรมานเธอได้ง่ายขึ้น มาเดลีนไม่มีแรงเหลือพอที่จะโต้กลับอย่างแน่นอน แผลที่หน้าผากของมาเดลีนเพิ่งจะเริ่มหายดี แต่กลับมีเลือดไหลออกมาอีกครั้งความเจ็บปวดที่เมเรดิธทำห้เธอไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ขณะนี้ มาเดลีนทรุดตัวลงบนพื้น แนบนิ่งบนตอไม้แห้งเหี่ยวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยคราบสกปรกและเลือด ช่างดูน่ากลัวอย่างยิ่งขณะนี้เมเรดิธ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้ามาเดลีน เพื่อจับคางของเธอขึ้น “โอ้ ดูสิว่าตอนนี้เธอน่าสมเพชแค่ไหน เลิกฝันที่จะยั่วยวนผู้ชายมากไแกว่านี้เถอะนะ เธอสามารถลืมเจเรมี่ เพื่อเฟลิเป้ …”หล่อนหยุดคำเสียดสีเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“มาเดลีน เธอคิดว่าผู้ชายชั้นสูงอย่างเฟลิเป้จะชายตามองอดีตนักโทษอย่างเธอหรือไงกัน?” เมเรดิธเอ่ยด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยการแสดงความรู้สึกที่เหนือกว่าในขณะพูดดูถูกมาเดลีนตลอดเวลาเธอมักจะอิจฉาในรู
เพียงแค่นึกย้อนไปถึงสายตาและท่าทีของเอโลอิสและฌอนมีให้กับเธอแล้วนั้น มาเดลีนรู้สึกคล้ายบางอย่างทับอกมันหนักจนทำให้หายใจไม่ออกเมเรดิธรู้สึกตัวได้ว่ามีบางอย่างผิดไปจากแผนที่เธอวางไว้ เธอรีบคว้ากระดาษออกจากมือของ มาเดลีนทันที เธอไม่แปลกใจเลยสักนิดเมื่อเห็นผลลัพธ์บนกระดาษใบนั้น แต่กลับกัน เธอฉีกกระดาษออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความโกรธ แค่เพียงสะบัดมือ เศษกระดาษพวกนั้นได้กระจัดกระจายไปในสายลมทันที“มาเดลีน ยัยผู้หญิงเลวทรามชั้นต่ำ!”เมเรดิธใช้เเรงทั้งหมดที่มีในการคว้าเข้าที่คอเสื้อของมาเดลีน ดวงตาของเธอดูมีพิษสงที่ร้ายกาจมากราวกับว่าเธอต้องการถลกหนังมาเดลีนทั้งเป็นแต่อย่างไรก็ตาม มาเดลีนไม่เกรงกลัวเธอเลยสักนิดในตอนนี้ เธอหัวเราะออกมาฟันขาวของเธอเปื้อนเลือดสดที่ทำให้ริมฝีปากซีดของเธอเป็นสีแดง“เมเรดิธ คนอย่างเธอเป็นได้แค่ของปลอมเท่านั้น” คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากเธออย่างแผ่วเบา แต่มันกลับทำให้รู้สึกเสียดสีแก้วหูเมเรดิธเมื่อเธอได้ยินมันเมเรดิธไม่รอที่จะได้ยินอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว เธอตบหน้าข้างที่มีบาดเเผลมากมายของมาเดลีน ตาของเธอเบิกกว้างขึ้นอย่างดุร้ายต่อหน้ามาเดลีน “มาเดลีน ระวังป
เมเรดิธมองไปที่ใครบางคนที่เพิ่งปรากฏตัวด้วยความประหลาดใจ เมเรดิธเริ่มคิดอุบายในใจ แต่เมื่อเธอตระหนักอย่างถี่ถ้วนเป็นไปได้ว่าคนนั้นได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับมาเดลีนไปหมดแล้วก็ได้“เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด เธอไม่ใช่ลูกสาวที่พ่อกับแม่ให้กำเนิด! แต่มันเป็นมาเดลีนมาเสมอ!” บริทนีย์ มอนต์โกเมอรี ตะโกนใส่เมเรดิธด้วยความโกรธว่า “ฉันปฏิบัติกับเธอเช่นน้องสาว แต่เธอกลับโลภที่จะขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งของฉันตลอดเวลา!”เมเรดิธได้ยินเช่นนั้น เธอรู้ว่ามันจะมีปัญหาตามมาแน่ แต่อย่างนั้น เธอยังคงแสดงบทบาทจอมปลอมได้ดีขณะที่แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวอย่างรวดเร็ว “ไม่บริทนีย์ อย่าเข้าใจผิด ฉันเป็นลูกสาวของแม่กับพ่อจริงๆ…”“เมเรดิธเลิกโกหกได้แล้ว ฉันบันทึกทุกอย่างที่เธอพูดเมื่อกี้ทั้งหมด! ฉันจะกลับไปบอกพวกเขาทันทีจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอเป็นใคร!” บริทนีย์ยกมือถือในมือของเธอขึ้นมาขณะที่เธอมองดูมาเดลีนซึ่งนอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน“แล้วต่อให้ฉันจะต้องเป็นพี่น้องกับลูกเป็ดขี้เหร่ตัวนี้ มันอาจจะดีกว่าปล่อยให้ผู้หญิงจอมปลอมอย่างเธอเดินวางแผนโสโครกนี้ต่อไปในอนาคต!” บริทนีย์หันหลังจากไปขณะที่เธอพูดเมเรดิธไล่ตามเธอไ
มาเดลีนเบิกตากว้าง มือของเธอสั่นขณะที่เอื้อมไปอังจมูกของคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอต้องการตรวจสอบลมหายใจและชีพจรของบริทนีย์ แต่เธอไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งสิ้น ร่างกายของบริทนีย์ไม่หลงเหลือความอุ่นเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังแข็งผิดปกติสภาพจิตใจของมาเดลีนว่างเปล่าเมื่อเธอเริ่มมีอาการทางประสาท เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอเป็นลมไป มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะรู้ว่าทำไมมีดเล่มนี้ถึงมาอยู่ในมือของเธอขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน เธอได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจในระยะไกลดังเข้ามา ขณะที่มองไปยังตำรวจที่ลงจากรถ ตัวเธอเริ่มสั่นความเย็นจากทั่วร่างกายวิ่งตรงลงไปที่กระดูกสันหลังของเธอทันทีเธอไม่คาดคิดว่าเธอจะต้องถูกไปที่สถานกักกันนั่นอีกครั้ง มันเป็นฉากที่คุ้นเคย โดยมีหลักฐานมัดตัวและปฏิเสธไม่ได้ตรงหน้าเธอเพื่อตอบโต้สิ่งที่เธอจะพูดว่าเธอไม่ได้ทำมีเพียงลายนิ้วมือของมาเดลีนเท่านั้นที่อยู่บนมีดและพวกเขาสามารถหาร่องรอยของเศษผิวหนังของบริทนีย์ที่หลังมือของมาเดลีน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าบริทนีย์ต่อสู้กับเธอก่อนที่เธอจะเสียชีวิตมาเดลีนไม่รู้ว่าเธอมีการสัมผัสร่างกายกับบริทนีย์ได้อย่างไร ทั้งหมดที่เธอรู้ก็คื
สำหรับบริทย์ คือลูกสาว ลูกสาวที่แสนล้ำค่าของเธอแต่ในสายตาของเอโลอิส มาเดลีนเป็นเพียงฆาตรกรชั่วร้ายเท่านั้นสำหรับมาเดลีน การได้ยินคำพูดเหล่านั้นเหมือนมีดคมแทงเข้าไปในหัวใจของเธออย่างโหดร้ายไม่มีใครมองเห็นบาดแผล แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลมานานแสนนานแล้ว เลือดไหลรินออกมาจากทุกที่มาเดลีนอดทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรง ขณะที่มือของเธอสั่นเธอพยายามบังคับให้ตัวเองพูดอย่างใจเย็น “นายท่านและคุณหญิง มอนต์โกเมอรี ฉันไม่เคยทำร้ายบริทนีย์ และฉันจะไม่ฆ่าเธอ คุณต้องเชื่อฉันและตรวจสอบสิ่งนี้ อย่าปล่อยให้ฆาตกรตัวจริงลอยนวล”“เธอกล้ามากที่จะปัดความผิดนี้ออกจากตัวเอง!” ฌอนทุบกำปั้นของเขาลงบนโต๊ะ “หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ แล้วยังบอกได้ยังไงว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ! ไม่พอใจอะไรครอบครัวของเรา? เธอมุ่งเป้าไปที่เมเรดิธ และตอนนี้เธอยังฆ่าบริทย์ มาเดลีน ฟังให้ชัดๆ ผมจะบอกให้ว่าผมจะทำทุกทางเพื่อให้เธอได้รับกรรมอย่าสาสมที่สุด!”คำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของฌอนถูกตะโกนออกไป หัวใจของมาเดลีนดิ่งลงเหวที่ไม่มีที่สิ้นสุดในชั่วขณะ ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถแบกรับมันไหวอีกแล้วเธอเริ่มร้องไห้ เขาถามเธอว่าเธอมีความขุ่