เด็กน้อยรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มเขาอยู่ ดวงตากลมโตจึงค่อย ๆ ลืมขึ้นมองชายที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น เขารู้สึกหัวใจละลายเมื่อได้จ้องมองดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้น“พุดดิ้งใช่ไหม?” เจเรมี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ขณะที่นิ้วเรียวก็ลูบไล้ไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ อย่างทะนุถนอมเด็กน้อยมองเจเรมี่แล้วปากเล็กๆ ก็คลี่ยิ้มออกอย่างน่ารักน่าชังเจเรมี่สัมผัสได้ถึงลูกกระเดือกที่คอของตนเองเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้น เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไปภาพในตอนที่เมเดลีนต้องเจ็บปวดทรมานเพราะคลอดลูกชายด้วยวิธีธรรมชาติยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเธอพยุงร่างกายที่อ่อนแอผ่านความเจ็บปวด ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง นั่นจึงเป็นวิธีที่ทำให้เธอสามารถให้กำเนิดทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ตอนนั้นเสื้อผ้าและผมของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่ใบหน้าซีดเซียว เธออยากจะยื่นมือไปหาเขาและเรียกหาอย่างไรก็ตาม เขากลับเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึกและยื่นมือไปหาเธอในวินาทีสุดท้ายจากนั้นเขาก็รู้สึกบีบหัวใจเมื่อนึกถึงว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่ในตู้อบเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะมีชี
หญิงสาววางเด็กน้อยลงแล้วเช็กที่แพมเพิส แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเมเดลีนเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ เธอจึงอุ้มลูกขึ้นมาแล้วจะรีบพาเขาไปที่โรงพยาบาล“ลินนี่ ขอโอกาสให้ผมนะ” เจเรมี่ขอร้อง “เมื่อกี้ที่ผมอุ้ม เขาไม่ร้อง”เมเดลีนมองเขาด้วยความเย็นชา “ถ้าคุณไม่เข้ามา ลูกก็คงไม่ตื่น รู้ไหมว่าฉันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกล่อมให้ลูกหลับได้ คุณเข้ามาทำไมกัน?”เมเดลีนบ่นพึมพำ แม้เธอจะรู้ว่าทารกอาจร้องไห้ด้วยเหตุผลอื่น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับชายคนนี้ได้“ลินนี่ ให้ผมอุ้มลูกเถอะนะ จริง ๆ นะ เมื่อกี้ตอนที่ผมอุ้มเขาไม่ร้อง” เจเรมี่ร้องขออีกครั้งถึงอย่างนั้นเมเดลีนก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาอุ้มพุดดิ้งน้อย ตรงกันข้ามเธอกลับเอ่ยเย้ยหยัน“ตอนนี้คุณรู้แล้วเหรอว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ?”“ลินนี่”“เจเรมี่ ฉันไม่โทษคุณหรอกนะ ฉันไม่เคยโทษคุณเลยที่คุณสูญเสียความทรงจำไป ฉันแค่เกลียดที่คุณสูญเสียความเป็นคนไปด้วยหลังจากที่เสียความทรงจำไปก็แค่นั้น” เธอพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมความรู้สึกของตัวเอง“พยาบาลบอกกับฉันว่า หลังจากที่คุณเข้าไปในห้อง หน้าของลูกก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจนน่าตกใจ
ในตอนนั้นเองที่เมเดลีนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจต่อมาเธอก็เปิดประตูรถแล้วเรียกรถพยายามด้วยมืออันสั่นเทาหญิงสาววิ่งไปที่ข้างรถ เธอมองตามมือที่เต็มไปด้วยเลือดเข้าไปข้างในรถ“ลินนี่ เรามาเริ่มใหม่...”เธอได้ยินเจเรมี่พึมพำขณะที่หมดสติไปน้ำตาของเมเดลีนค่อย ๆ ไหลนองหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกถึงความคิดที่ขัดแย้งของตนเองเธอไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาทั้งนั้น แต่ก็ไม่อาจมองข้ามการตายของพ่อกับแม่เธอไปได้รถพยาบาลมาถึงและรีบนำตัวเจเรมี่ไปอย่างรวดเร็วอวัยวะภายในของเขาไม่ได้รับความเสียหาย อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นแผลที่ผิวภายนอก แต่มือซ้ายของเขาค่อนข้างบาดเจ็บสาหัส ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ยกของหนักได้ นอกจากนี้ที่น่องซ้ายของเขาก็ยังมีบาดแผลขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เขามีเลือดไหลออกมามากเจเรมี่เริ่มฝันขมุกขมัวอีกครั้ง เขาฝันว่าเรือระเบิดและเมเดลีนก็กำลังจะจากเขาไปเขาจึงยื่นมือออกไปจับมือของเมเดลีน และในตอนนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนใจว่า “ลินนี่ อย่าทิ้งผมไป”เขาตะโกนแล้วเบิกตาโพลงในขณะเดียวกันจากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าตกใจของเคน “คุณวิทแมน คุณฟื้นแล้ว”เจเรมี่เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังจับมือของเค
“เดี๋ยวคุณแม่ก็มาถึงแล้วล่ะ” แจ็คมองไปที่ถนน ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับรู้สึกผิดหวัง “ไม่รู้เมื่อไหร่ แดดดี้จะกลับบ้านนะ”“แดดดี้? หนูไม่เห็นแดดดี้นานแล้วเหมือนกัน” ลิเลียนหน้ามุ่ย เธอยังคงคิดว่าพ่อของเธอคือเฟลิเป้ ภายในดวงตากลมโตแอบซ่อนความอ้างว้างไว้แต่ในทันใดนั้นเองดวงตากลมก็กลับมาสดใสเป็นประกายอีกครั้งจู่ ๆ ก็มีช่อดอกไม้ที่ทำมาจากลูกกวาดหลากสีปรากฏขึ้นต่อหน้าลิเลียน“เอ๋?” ลิเลียนสับสน แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงเป็นประกายด้วยความสนใจกับสิ่งตรงหน้า “ว้าว สวยจังเลย!”แจ็คสันมองไปยังมือที่ถือช่อดอกไม้และเห็นใบหน้าที่ดูเป็นคนเจ้าสำราญ"คุณเป็นใคร?" แจ็คสันดึงลิเลียนไปข้างหลังและถามฟาเบียนด้วยความระแวงฟาเบียนยังคงดูเหมือนเป็นคนขี้เล่นไม่เอาจริงเอาจัง จากนั้นเขาก็มองไปที่แจ็คสันด้วยท่าทางที่ไม่พอใจและพูดอย่างอวดดีว่า “ฉันเป็นเพื่อนของลิลลี่”แจ็คสันมองฟาเบียนอย่างสงสัย จากนั้นเขาก็ได้ยินลิเลียนตะโกนว่า “นายผมขาว!”ลิเลียนจำฟาเบียนได้ฟาเบียนขมวดคิ้ว เขาย้อมผมสีเงินเป็นสีน้ำตาลแล้วแจ็คสันจำได้ว่าลิเลียนเคยพูดถึงนายผมขาวคนนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงลดการป้องกันลงเล็กน้อย“แจ็ดกี้ นายผมข
อะไรนะ?ลาน่าสับสน ในขณะที่เธอพยายามคิดว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จู่ ๆ เธอก็หายใจไม่ออก???เมเดลีนยกมือขวาคว้าคอของลาน่าไว้แน่นลาน่าไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำเช่นนี้เธอใช้กำลังทั้งหมดที่มีโต้กลับ แต่เมเดลีนดูจะแข็งแกร่งเกินไป"ปล่อย… นะ! เอวลีน ยัยบ้า ปล่อยฉันนะ! อั่ก!"ลาน่าขู่ แต่เมเดลีนกลับจับเธอไว้แน่น ทั้งยังกดลาน่าเข้ากับกำแพงขณะที่เธอพยายามดิ้นดวงตาสีแดงก่ำของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์อาฆาตพยาบาท ราวกับว่ามีพายุกำลังก่อตัวอยู่เบื้องหลังของพวกเธอเมื่อนึกถึงการตายของเอโลอิสและฌอน เธอก็ยิ่งกำมือแน่นยิ่งขึ้นเมเดลีนไม่ได้พูดอะไร เพียงเฝ้าดูใบหน้าของลาน่าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอหายใจไม่ออก เธอดูเหมือนเริ่มจะเจ็บปวดในทางกลับกัน ดวงตาของเมเดลีนเองก็เปียกชื้นและแดงขึ้น‘พ่อคะ แม่คะ...’เธอโหยหาความรักของพ่อและแม่มานานหลายปีนั่นเป็นบ้านที่เธอได้กลับคืนมาหลังจากผ่านความยากลำบากมากมายอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ถูกทำลายโดยผู้หญิงชั่วร้ายและวิกลจริตคนนี้ที่คอยชักใยผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดดวงตาของลาน่าเบิกกว้าง เธอรู้สึกว่ามือและเท้าเริ่มเย็น และหายใจไม่ออกไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตามหลัง
เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำอะไรแบบนั้น และนั่นทำให้เธอตกใจมากทีเดียวหลังจากนั้นไม่นาน เมเดลีนก็ผลักชายหนุ่มออกไปอย่างรู้สึกไม่สบอารมณ์ ปรากฏแววตาดูเหยียดหยามในดวงตาขณะที่เธอพูดว่า “อย่าแตะต้องฉันอีก”หัวใจของเจเรมี่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมื่อเขาต้องเผชิญกับความว่างเปล่าเฉยชา เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกกรีดเปิดออก“ลินนี่”“ฉันจะให้เวลาคุณห้านาที อีกห้านาทีฉันจะมารับลิลลี่และแจ็คกลับ”เมเดลีนหันหลังแล้วเดินออกไป ในขณะนี้เด็กทั้งสองโผล่หัวออกมาจากห้อง แจ็คสันถามอย่างเป็นกังวล “คุณแม่ แดดดี้ ทะเลาะกันเหรอครับ?”เจเรมี่ยิ้มให้ลูกชายอย่างอบอุ่นและจับไหล่ของเมเดลีน “เปล่าเลย แดดดี้ไม่เคยทะเลาะกันครับ อย่าคิดอะไรแบบนั้น”เมเดลีนมองเจเรมี่ด้วยความรังเกียจ แต่เพื่อที่จะหยุดลูกชายของเธอไม่ให้คิดมากเกินไปจนเกิดความกังวล เธอจึงยิ้มรับ“ตรงนั้นแดงมากเลยนะคะ คุณสุดหล่อ” ลิเลียนชี้ไปที่น่องซ้ายของเจเรมี่เมเดลีนก้มลงดูบาดแผลของเจเรมี่ และพบว่ามันฉีกออกจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาเปื้อนผ้าก๊อซเธออยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ในท้ายที่สุดเธอเรียกหาหมอให้เข้ามาดูบาดแผลข
เมเดลีนพูดออกมาด้วยความสงบ แต่คำพูดของเธอเปรียบเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ทับถมอยู่ในใจของเจเรมี่เขามองไปที่แผ่นหลังของเมเดลีนและฝืนทนกับความเจ็บปวดแล้วเดินตามเธอไปยังประตูเขาเห็นไรอันเปิดประตูให้เธอ จากนั้นเธอก็ยิ้มและเข้าไปข้างในก่อนจะจากไปพร้อมกันภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สายตาของเจเรมี่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง'ลินนี่ พวกเราไม่ได้ถูกลิขิตให้มาคู่กันใช่ไหม?‘ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดพระเจ้าจึงปล่อยให้เราพบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปีล่ะ?‘ทำไมเขาถึงปล่อยให้เรารักกันและทำลายกัน?'บางทีสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้คุณได้ ก็คงเป็นสิ่งนี้'เขาก้มศีรษะลงเพื่อมองดูแหวนที่นิ้วนางของตัวเอง ขณะที่ความเย็นยะเยือกปรากฏอยู่ภายในแววตาของเขา…ภายในรถเมเดลีนมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรเธอมองไปยังนิ้วที่ปราศจากแหวนของเธอและแตะมันเบา ๆเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง ไรอันสังเกตเห็นว่าเมเดลีนดูซึมไปเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงถามเบา ๆ ด้วยความกังวลว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณนายวิทแมน”"คุณโจนส์ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร คุณเรียกฉันว่าเอวลีนหรือมิสมอนต์โกเมอรี่ก็ได้นะคะ”ไรอันครุ่นคิดอยู่สองสามวินาทีก่อ
“ดูเหมือนว่าไรย์ของเราจะสนใจคุณมอนต์โกเมอรี่นะ ตอนเขาพานาโอมิมาบ้านตอนนั้น เขาไม่เคยตักอาหารให้เธอเลย แต่เขาตักอาหารให้คุณมอนต์โกเมอรี่ไปตั้งห้าครั้งแล้ว!”“คุณมอนต์โกเมอรี่งดงามนะ แต่เธอแต่งงานมีลูกตั้งสามคนแล้ว”“ค่ะ ฉันคิดว่าไรย์ควรรักษาระยะห่างกับคุณมอนต์โกเมอรี่ กลัวว่าจะมีคนแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขาอีก”มาดามโจนส์พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเธอก็ส่งข้อความถึงไรอันเพื่อบอกให้เขารู้ เมื่อไรอันเห็นข้อความของผู้เป็นแม่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกท่านหวังดี แต่เขาก็รู้เหมือนกันว่าเมเดลีนกำลังจะหย่ากับเจเรมี่เมเดลีนไม่สามารถบอกคนนอกได้ว่าทำไมเธอถึงต้องการหย่ากับเจเรมี่เธอทำได้เพียงกล้ำกลืนความสิ้นหวังและความคับแค้นใจของตัวเองเอาไว้…เจเรมี่ที่นั่งอยู่เงียบ ๆ และมองดูเวลาผ่านไป ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่เมเดลีนยังกลับมาไม่ถึงบ้านเขาไม่รู้จักไรอันและเพิ่งได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายเมื่อไม่นานมานี้เอง ไรอันเป็นจิตรกรหนุ่มฝีมือดีและเรียนต่างประเทศมาตลอด และสุดท้ายก็กลับมาที่นี่ไรอันดูไร้ที่ติและเหมือนว่าเขาจะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่องจุดด่างพร้อยเดียวเกี่ยวกับไรอันคือค