รสรินเอ่ยเสียงหวานนุ่ม กายโปร่งขนาดส่วนสูงน้อยกว่านันทิยาเล็กน้อยโถมตัวเข้ากอดร่างโปร่งบาง แนบซบใบหน้ากับลาดไหล่กว้าง
“โอ๋...พี่ไทนี่ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวน้องรสจัดการพี่ภามให้เองค่ะ” วงหน้ารูปไข่ตวัดมองไปที่ชานนท์พร้อมทำหน้าตาบึ้งตึงเครียดขึงใส่
“พี่นนท์ดูแลพี่สาวน้องรสยังไง ถึงปล่อยให้พี่ภามรังแกเอาน่ะ” เธอยังพ่วงความโกรธมาใส่ชานนท์ที่ไม่ยอมดูแลพี่สาว ปล่อยให้ถูกพี่ชายเธอรังแกทางด้านจิตใจบ่อย ๆ อีกด้วย
“พี่เปล่านะ” ชานนท์รีบปฏิเสธทันทีและรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องให้มันห่างไกลจากตัวเองมากที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะถูกหางเลขหนักจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหาทางเล่นงานเขายังไงถึงให้สาสมกับโทษทัณฑ์
“น้องรสเพิ่งมาถึงใช่ไหม ดูซิหน้าตาแดงเชียวและมันแผลบเชียว แถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงด้วย พี่ว่าไปพักก่อนดีกว่าไหม”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยพี่นนท์ มาให้น้องรสชำระความเสียดี ๆ เลยนะ”
รสรินตอบกลับอย่างรวดเร็ว มือเล็กเรียวคว้ามือใหญ่ของชานนท์ข้างหนึ่งและอีกมือคว้าแขนเรียวยาวของนันทิยามุ่งเดินไปห้องพี่ชายเพื่อชำระความผิดในทันที
เพราะหลงมัวในตัวหญิงที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ภามไม่ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานที่มันเปิดออก สองมือใหญ่ลากไล้ฟอนเฟ้นอกสาวอวบอิ่ม ปลายนิ้วยาวเรียวกดขยี้คลึงเคล้นปลายยอดทรวงนูนเด่นที่ดุนดันตัวเสื้อชั้นในลูกไม้สีบานเย็นบางเบาจนปกปิดอะไรไว้ไม่มิด
ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับดูดเม้มยอดปทุมถันตวัดไล้จนชลดาถึงกับส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างสะกดกลั้นความวาบหวิวไว้ไม่ไหว สองมือเล็กเรียววาดไล้สะเปะสะปะไปตามเรือนกายแข็งแกร่ง สอดแทรกเข้าไปในตัวเสื้อ เพื่อจะได้สัมผัสถึงผิวกายแข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แหงนหงายศีรษะไปด้านหลังด้วยลมหายใจที่มันหอบสะท้าน ในช่องท้องปั่นป่วนด้วยคลื่นปรารถนาที่มันโจมตีอย่างไม่มีหยุดยั้งให้ได้หายใจหายคอ
“ว้าย!! ตายแล้ว”
มือเล็กเรียวยกขึ้นปิดปากก่อนอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า โกรธแทนนันทิยาและอายกับความใจกล้าหน้าด้านของสองหนุ่มสาวที่ยังซุกไซ้คลอเคลียกันอยู่ตรงหน้า แดงก่ำจากทั้งวงหน้าไล่ไปถึงใบหูและลำคอ ฟันขาวสะอาดขบกัดจนพวงแก้มนิ่มนูนเด่น ประกายในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเจิดจ้า
ถึงว่าซิ ปล่อยให้เธอเคาะประตูจนมือหงิกแล้วนะ ภามก็ยังไม่มีคำอนุญาต จนต้องเสียมารยาเปิดเข้ามาเอง ก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับยัยผู้หญิงหน้าด้านที่ปล่อยให้ผู้ชายเชยชมอยู่นี่เอง
สองมือเล็กเกือบจะกระชากศีรษะทุยที่ซุกไซ้อยู่กับอกแล้วเชียว แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ มันต้องมีวิธีการที่ดีกว่านั้น
ขนาดเธอยังรู้สึกโกรธและเสียใจถึงเพียงนี้ แล้วนันทิยาเล่า จะโกรธจะเจ็บปวดสักเพียงไหน ไม่ต้องเหลือบสายตาไปมองก็รู้ว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงคงจะน้ำตาคลอเบ้า เรือนกายสั่นเทาและซบซุกกับอกน้องชายเพื่อขอความเข้มแข็งมาช่วยให้ผ่านพ้นมันไปได้ โดยที่ไม่ทำอะไรเสี่ยง ๆ ให้ภามโกรธจนหักคอทิ้ง
สองมือเล็กเรียวยกขึ้นเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เห็นสุด ๆ สูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ อยากจะหาอะไรทุบหัวพี่ชายให้แบะแตกจนเลือดอาบ นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าจะกลับบ้านก่อนกำหนด อย่างหนึ่งเพราะต้องการมาจับผิดชานนท์ด้วยว่ามั่วกับผู้หญิงคนไหนอยู่ในตอนนี้ และอยากที่จะเซอร์ไพรส์พี่ชายด้วย เลยเลือกที่จะโทรหานันทิยาและขอร้องให้อีกฝ่ายไปรับเธอ พร้อมเก็บมันไว้เป็นความลับก็คงจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้
รสรินหันรีหันขวางด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านระคนสงสารนันทิยาที่ต้องมาพบเจอกับภาพนี้ มือเล็กยกขึ้นจับขมับด้านหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้วกับสิ่งที่ได้เห็น เรื่องที่ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของพี่ชายที่ไม่เคยจะสนใจความรู้สึกของว่าที่พี่สะใภ้คนนี้เลย แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ต่อให้รักสักเพียงไหน แต่ถ้าหากว่ามันเจ็บช้ำมาก ๆ เข้า วันหนึ่งนันทิยาอาจทนรับไม่ไหวหนีหายไป แล้วพี่ภามนั่นแหละจะนั่งร้องไห้ มีเพชรอยู่กับตัวแต่ไม่คิดจะสนใจ กลับไปสนใจก้อนกรวด
ปลายลิ้นยาวกระทุ้งกระพุ้งแก้ม เดินนำหน้าคนอื่น ๆ เข้าไปในห้อง ก็เธอมันหนังหน้าหนานี่นา ไม่อายหรอกนะที่จะเดินเข้าไปดูให้มันชัด ๆ พร้อมกับ...
“น้องรส...จะทำอะไรน่ะ” ชานนท์ที่ก้าวเดินตามมาติด ๆ แขนหนึ่งโอบกอดพี่สาวไว้ไม่ให้ล้มลงกลางคัน อีกมือก็ยื่นไปคว้าแขนเรียวยาวเอาไว้และกระซิบถามด้วยความกลัวว่าภามจะโกรธเอา
รสรินสะบัดแขนออกจากการจับกุม และหันไปชักสีหน้าใส่ชานนท์ที่ไม่คิดจะช่วยเหลือแล้วยังคิดจะห้ามเธอด้วยการดึงรั้งออกไปจากห้องอีกด้วย
“ไม่คิดจะทำอะไรก็อยู่เฉย ๆ เถอะน่า เดี๋ยวน้องรสก็เล่นงานพี่นนท์ด้วยอีกคนหรอก” หญิงสาวส่งเสียงแว้ดใส่ ขณะควานหาโทรศัพท์มือถือราคาแพงที่มีกล้องตัวจิ๋วแต่คุณภาพกลับไม่น้อยนิด เพราะภาพถ่ายคมชัดแจ๋วเหมือนกับถ่ายจากกล้องถ่ายรูปราคาแพง
“พี่ไทนี่ห้ามน้องรสหน่อยซิครับ” ชานนท์ขอร้องพี่สาว “ไม่เป็นไรนะครับพี่ไทนี่ ไม่เป็นไรครับพี่ ผมอยู่กับพี่ตรงนี้ครับ”
ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มอย่างปลอบประโลม เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่โกรธที่ภามทำอย่างนี้ แต่ก็จำต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ คนบางคนจะต้องให้สูญเสียก่อนถึงจะรู้ซึ้งว่าตัวเองต้องการสิ่งใด
ชานนท์โอบประคองรอบกายโปร่งที่สั่นเทาและเย็นจัดเหมือนกับคนซึ่งแช่อยู่ในกองน้ำแข็งไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม มือใหญ่จับรั้งใบหน้าซีดเผือดแนบชิดอกกว้างไม่ให้มองภาพที่ทำให้หัวใจปวดร้าวและอ่อนล้า
อยากจะบอกกับน้องชายว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร...ไม่ได้เป็นอะไรเลย มันก็แค่เจ็บเหมือนที่เคยเจ็บมา แต่มันพูดไม่ออก ไม่มีเสียงใด ๆ หลุดออกจากริมฝีปากที่ขบกัดจนแดงก่ำเหมือนเลือดจะปริออก
มือเล็กยกขึ้นกำสาบเสื้อเอาไว้จนเส้นเอ็นปูดโปน เจ็บจนน้ำตาหยุดไหลไปโดยปริยาย
ดวงตาคู่สวยที่มันปิดลง ด้วยไม่อยากได้เห็นใบหน้าคนใจร้าย ด้วยน้ำตามันปรี่ไหลชโลมหัวใจจนเต้นอ่อนเหมือนคนไข้หนักที่กำลังจะสิ้นลมหายใจอยู่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว
รสรินจับภาพไว้อย่างเรียบร้อยทุกช็อตทุกมุมไม่มีพลาด ก่อนเคลื่อนกายออกจากโต๊ะพี่ชาย พร้อมทำหน้าเป็น นัยน์ตาเป็นประกายไว้ต้อนรับอีกฝ่าย
“ตายแล้ว!” เสียงแหลมปรี๊ดดังจากกลีบปากอวบอิ่ม
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...