“บัดสีบัดเถลิงจริงเชียว เดี๋ยวนี้เขาใช้ห้องทำงานเป็นห้องระบายความใคร่กันแล้วหรือคะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตา ฉันไม่เชื่อนะคะเนี่ย”
“หือ...” ภามออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะสำราญ แม้เสียงที่ดังมาจะหวานนุ่มคุ้นหู แต่เขาก็ไม่คิดถึงคนใกล้ คนที่กล้าทำอย่างนี้ก็นันทิยานั่นแหละ ใบหน้าคมคร้ามจึงบึ้งตึงพร้อมดวงตาคมกริบเป็นประกายเกรี้ยวกราดมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่า...
“ว้าย ตายแล้ว หล่อนเป็นใครยะ มาเสนอหน้าอะไรในห้องนี้”
ชลดาที่เห็นคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานก่อนภามตวาดแว้ดใส่ พร้อมสายตาไม่เป็นมิตรตามไปอีกระลอก
ถ้ามีเพียงแค่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่จ้องมองเหมือนกับไม่เคยพบเคยเห็น เธอจะโชว์ออฟให้เห็นไปเลยว่าภามชอบเธอขนาดไหน เชื่อว่าอีกไม่นานชายหนุ่มจะหลงรักและขอเธอแต่งงานแน่นอน
“เฮ้ย!” ภามร้องเสียงดังลั่นอีกครั้งด้วยความตกใจจนสะดุ้งเกือบจะพลัดตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว เมื่อเห็นคนที่ก้าวมายืนเท้าสองศอกบนโต๊ะทำงาน มืออยู่ที่ปลายคาง จ้องมองเขาและชลดาตาไม่กะพริบ จนเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายอาย เพราะอีกฝ่ายไม่คิดอายจนต้องรีบจัดเสื้อผ้าของชลดาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนโอบกอดร่างนุ่มนิ่มอวบอัดขอคู่นอนสาวที่เพิ่งจะได้ลิ้มชิมรสเพียงไม่กี่ครั้ง มันเลยยังไม่เบื่อในรสชาติจัดจ้านที่เสิร์ฟถึงปากอย่างถึงพริกถึงขิง และอีกทั้งจะใช้คนในอ้อมแขนไล่คนบางคนออกไปจากชีวิต
“น้องรส มะ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ ทำไมถึงไม่บอกไม่กล่าวเลย พี่จะได้ไปรับ”
ภามถามอย่างคนที่ยังเรียกสติกลับคืนมาได้ไม่ครบ เหมือนถูกผีหลอกกลางวันแสก ๆ พร้อมสมองที่คิดไปไกลถึงความยุ่งยากที่จะตามมาไม่รู้จักสิ้น เพียงแค่นันทิยาคนเดียวที่ได้รับทั้งไฟเขียวและลูกยุจากบิดามารดาเขาก็แทบจะเอาไม่อยู่มือแล้ว นี่ดันพ่วงด้วยแม่ตัวแสบน้องสาวที่ทำตัวยิ่งกว่าแม่อีก วงหน้าคร้ามแกร่งเบ้เล็กน้อย พร้อมตวัดสายตาเกรี้ยวกราดคาดโทษส่งไปให้อีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งส่งยิ้มแหย ๆ มาให้
“ผมไม่เกี่ยวนะครับพี่ภาม ผมเองก็ถูกลากมาเหมือนกัน” ชานนท์รีบบอก
ภามเลยตวัดสายตาเหมือนกับคมมีดไปมองนันทิยาที่ซุกหน้ากับอกน้องชาย ราวกับต้องการให้ชานนท์กางปีกปกป้องเหมือนกับพ่อนกปกป้องลูกสาว แต่คิดหรือว่าเขาจะกลัว ได้เลยแม่ตัวดี คิดจะใช้รสรินเป็นเครื่องมือเพื่อให้ตัวเองได้สมความตั้งใจใช่ไหม เธอจะต้องเจอดีแน่นอน
กรามหนาขบจนแก้มนูน ความอึดอัดคับแค้นแน่นอยู่ในอก พร้อมกับความโกรธและเกลียดที่พุ่งลิ่วๆ มาตั้งแต่แรกที่ได้เห็นหน้านันทิยา
สายตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด รังเกียจเหมือนกับเธอเป็นตัวอะไรที่น่าขยะแขยงทอดมองมาแน่วนิ่ง บอกว่าเธอนั่นแหละคือคนที่ผิด แล้วยังจะฝากความอาฆาตแค้นเอาไว้อีก ทำเอานันทิยาถึงกับกลัวจนเส้นขนตามเรือนกายลุกชัน ตัวสั่นเทาจนต้องรีบหาที่พึ่งพิงก็เป็นอกกว้างและล่ำสันของน้องชายนั่นเอง อย่างน้อยถึงชานนท์จะให้ความเคารพรักนับถือภามเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ย่อมที่จะยอมให้อีกฝ่ายหันมาทำร้ายคนสายเลือดเดียวกันไม่ได้
กายหนาใหญ่เอนตัวอิงเก้าอี้ทำงานตัวนุ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนลาดไหล่เนียนนุ่มไล่ลงไปถึงต้นแขนกลมกลึง
“ว่าไงจ๊ะ มาทำไมไม่บอกพี่ล่ะ จะได้ไปรับ”
“ถ้าน้องรสบอก พี่ภามจะเคลียร์คิวจากผู้หญิงหน้าหนาที่มาให้ท่าพี่ถึงห้องทำงานไปรับน้องรสได้หรือคะ ถ้าน้องรสบอกก็อดได้เห็นของดีแบบนี้ซิคะ” รสรินโต้กลับอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ จิกสายตาคมกริบเหมือนเหล็กแหลมพุ่งไปยังแม่สาวหน้าหนาที่เชิดหน้าไม่คิดจะมองพื้น
หญิงสาวเบะเบ้หน้าอย่างสงสาร นี่คงยังไม่รู้ตัวว่าถูกเธอด่าว่ากระทบ และคงไม่รู้ถึงนิสัยขี้เบื่อของพี่ชายเธอ ที่ตอนแรกก็หวานใส่เสียจนมดยังต้องชักแถวหนี แต่ถ้าเบื่อขึ้นมาเมื่อไหร่ พ่อเจ้าประคุณสรรหาวิธีการมาไล่ทั้งนุ่มนวลสำหรับคนที่รู้ตัวและพูดง่ายโดยไม่ต้องบอก พร้อมของกำนัลเล็ก น้อย ๆ ที่เกือบจะตั้งตัวได้ ส่วนคนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าเขาเบื่อและถูกโละทิ้ง ตามตื๊ออย่างน่าเกลียดก็จะถูกไล่ด้วยยุทธวิธีต่าง ๆ อย่างไม่กลัวจะถูกเขาตราหน้าว่ารังแกผู้หญิง
“ไม่ใช่จะว่านะพี่ชาย แต่ช่วยเอาผู้หญิงของพี่ไปเก็บไกล ๆ น้องรสเร็ว ๆ นะคะ เห็นแล้วมันรำคาญขัดลูกหูลูกตา”
ไม่ใช่ความรู้สึกของเธอเพียงคนเดียว แต่เป็นอีกคนที่เธอนั้นเข้าใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บร้าวปวดแปลบที่อัดแน่นสุมอยู่ในทรวง
ดวงตากลมโตปรายไปมองนันทิยาแล้วก็ยิ่งทวีความสงสาร ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำที่มองภามอย่างเศร้าสร้อยน้อยใจ แล้วพอหันกลับมามองพี่ชายซึ่งดูเหมือนจะพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น จมูกโด่งได้รูปกดลงบนพวงแก้มแม่ผู้หญิงหน้าหนาที่ดูจะพอใจเป็นอย่างมาก ถึงกับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก มันคงเป็นเหมือนกับคมมีดบาดหัวใจอีก
มันน่านัก มันน่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อกับแม่ให้ช่วยกันหาไม้หน้าสามตีพี่ภามให้หัวแตกเลือดอาบซิบเชียว รสรินตวัดค้อนส่งให้พี่ชายวงโต พร้อมจมูกโด่งเป็นสันที่มันยู่ย่น
‘คอยดูนะ ถ้าพี่ไทนี่ทนไม่ไหวเมื่อไหร่และตัดสินใจถอนหมั้นพี่ภามแล้วก็หนีไปละก็ อย่ามาให้น้องรสช่วยนะ จะสมน้ำหน้าให้เข็ดเลย’
“ทำไมล่ะ นี่มันความสุขของพี่นี่นา แทนที่น้องจะเอาเวลามาสนใจพี่ สู้เอาเวลาไปสนใจเจ้านนท์ดีกว่าไหม รายนั้นก็ไม่ได้ต่างจากพี่สักเท่าไหร่นะ” ภามโยนกลองร้อน ๆ ไปให้ชานนท์ที่สะดุ้งเฮือกและกำลังจะอ้าปากเถียงว่าไม่จริง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันยัยน้องสาวตัวดีของเขานั่นแหละ ปากไวเหลือเกิน ตอบกลับมาก็ฉะฉาน น่าจะให้ไปทำงานในฝ่ายการตลาดหรือไม่ก็เร่งรัดหนี้สินเสียเหลือเกิน
“โห...พี่ภามเล่นกันอย่างนี้ได้ไงนะ พี่เองนั่นแหละที่เป็นคนชวนผม” ชานนท์ตอบกลับ ก่อนดวงตาคมกริบจะเลิกขึ้นลงเมื่อรู้ว่าหลุดปากพูดอะไรออกไป และอย่างร้อนตัวก็รีบต้องเคลียร์กับรสรินเสียก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายดึงจนหูยาน
“น้องรสครับ น้องรสอย่าไปเชื่อพี่ภามนะ พี่ไม่เค้ยไม่เคยเลยที่จะทำอย่างที่พี่ภามว่า”
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...