ใครจะคิดว่าแค่มะเขือเทศที่ปลูกเอาไว้เก็บกิน จะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต จากภารโรงประจำโรงเรียนเล็ก ๆ ในหมู่บ้านที่แทบจะไม่มีคนรู้จัก กลับถูกมะเขือเทศนำพาให้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศรายใหญ่ ระดับพันล้าน ที่มีผู้คนรู้จักมากมาย!
View Moreช่วงสายของทุกวันที่โรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา หลังจากที่เด็กนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยและขึ้นเรียนกันแล้ว ลุงเหมือง ชายวัย 49 ปี ภารโรงประจำโรงเรียนแห่งนี้ก็จะทำงานของตนเองต่อไปอย่างขยันขันแข็ง วันนี้เองก็เช่นกัน ลุงเหมืองเดินถืออุปกรณ์สำหรับกวาดพื้นไปกวาดพื้นที่โรงประชุมของโรงเรียน ด้านหลังของโรงประชุมคือแปลงผักริมรั้วขนาดไม่ใหญ่มากที่ลุงเหมืองได้ปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้กิน
“บ้านดอนแดงพัฒนา” เป็นหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 38 กิโลเมตร ในหมู่บ้านแห่งนี้ ชาวบ้านอาศัยอยู่ร่วมกันแบบพี่แบบน้อง พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันดั่งน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อาชีพส่วนใหญ่ของคนในหมู่บ้านก็คือทำการเกษตรที่เน้นหนักไปที่การปลูกข้าว
โรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนาเป็นโรงเรียนประจำชุมชนขนาดเล็ก ซึ่งมีตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ไปจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เด็ก ๆ ที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ก็จะไปเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนในตัวอำเภอ
ลุงเหมืองยืนกวาดพื้นโรงประชุม มือหนึ่งจับไม้กวาด มืออีกข้างจับที่ตักขยะ เขาเป็นภารโรงที่โรงเรียนแห่งนี้มา 12 ปีแล้ว กิจวัตรของลุงเหมืองในแต่ละวัน นอกจากจะทำงานต่าง ๆ ในโรงเรียนตามหน้าที่แล้ว เขายังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ นั่นก็คือการปลูกผักตามริมรั้ว เพราะนอกจากลุงเหมืองจะได้เก็บผักพวกนั้นไปประกอบอาหารที่บ้านหลังเลิกเรียนได้แล้ว บางวันแม่ครัวประจำของโรงเรียนก็ยังเก็บผักเหล่านี้ไปทำอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ ได้อีกด้วย
“วันนี้อากาศดีจัง แดดไม่ค่อยร้อน” ลุงเหมืองพำพึมกับตัวเองขณะที่กวาดพื้นไปด้วย
“คะน้ากับผักบุ้งที่แปลงน่าจะพอเก็บแล้ว”
เขาพูดพร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่ด้านหลังโรงประชุม มือที่หยาบกร้านรีบกวาดพื้นอย่างขะมักเขม้นจนเสร็จสรรพ เมื่อเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ลุงเหมืองจึงเดินตรงดิ่งไปที่แปลงผักที่อยู่ด้านหลังโรงประชุม บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ว่าง ลุงเหมืองจึงขุดแปลงผักขึ้นมาและล้อมรั้วไม้ไผ่เอาไว้ปลูกผัก
“โอ้โห ผักบุ้งแตกยอดสวยเชียว ดีเลยหลังเลิกเรียนแวะมาเก็บไปทำผัดผักบุ้งดีกว่า”
ลุงเหมืองตาโตเมื่อเดินมาถึงแปลงผักและเห็นว่าผักบุ้งที่ตนได้หว่านเมล็ดเอาไว้เมื่อหลายวันก่อนนั้นแตกยอดเติบโตพอที่จะเก็บกินได้แล้ว
“อ้าวลุงเหมือง มาดูผักเหรอจ๊ะ”
“ใช่ ผักบุ้งแตกยอดพอเก็บแล้ว เย็นนี้จะเก็บไปผัดสักหน่อย เอ็งมีอะไรเรอะนังสา”
“ฉันว่าจะมาเอากวางตุ้งไปทำผัดกวางตุ้งใส่หมูให้เด็ก ๆ เพิ่มน่ะลุง ขอเก็บหน่อยนะ”
“เอาสิ กวางตุ้งอยู่ด้านโน้นน่ะ เอ็งไปเลือกเก็บเอาเลย”
“ขอบคุณจ้ะลุง”
ลุงเหมืองตอบสาไปเท่านั้นก็หันกลับไปสนใจผักในแปลงต่อ ในใจพลางคิดว่าหลังเลิกเรียนจะมาเก็บผักไปขายที่ตลาดตอนเย็นด้วย หลังจากดูผักในแปลงเสร็จ ลุงเหมืองก็กลับไปทำงานของตนต่อ เริ่มจากกวาดพื้นอาคาร กวาดเศษใบไม้แห้ง และตัดหญ้าที่บริเวณสนาม
เวลาบ่ายสามครึ่ง
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนแล้ว จะเหลือเพียงเด็กบางคนที่เล่นเตะฟุตบอลอยู่ตามสนามเท่านั้น ลุงเหมืองเดินไล่ตรวจสอบห้องเรียนทุกห้องและปิดล็อกห้องเรียนอย่างเรียบร้อย เมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้นลงและเก็บของทุกอย่างเสร็จแล้ว ลุงเหมืองก็ถือตระกร้าไม้ไผ่สานคู่ใจเดินตรงไปยังแปลงผักหลังโรงประชุม
“โอ้ ได้หลายกำเลย เอาไปขายที่ตลาดด้วยดีกว่า” ลุงเหมืองพึมพำกับตัวเอง
ในตระกร้าไม้ไผ่สานเต็มไปด้วยผักหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง ผักชี ทั้งยังมีมะเขือเปราะ และตำลึงจากริมรั้ว
ตลาดประจำหมู่บ้าน ตอนเย็น
ลุงเหมืองเดินตรงไปยังแคร่ไม้ไผ่เก่า ๆ ซึ่งเป็นแผงขายผักประจำของเขาเอง บรรจงวางผักลงเรียงรายบนแคร่ไม้ไผ่ ปากก็ร้องตะโกนเรียกลูกค้า
“ผักจ้า ผักสวย ๆ เก็บมาสด ๆ กำละ 5 บาท 10 บาท ผักจ้า”
“นังหนู เอาผักไหม สวย ๆ สด ๆ เลยนะ เพิ่งเก็บมาเลย”
“ผักชีกำเท่าไหร่ลุง”
“ผักชีกำละ 5 บาท”
“แล้วคะน้าล่ะลุง”
“คะน้า 10 บาท เอากี่กำนังหนู”
“งั้นหนูเอาผักชี 2 กำ คะน้า 2 กำนะลุง นี่เงินจ้ะ 30 บาทนะ”
“ขอบใจมากนังหนู วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ”นี่คือรายได้เสริมของลุงเหมืองและยังเป็นกิจวัตรที่เขาทำอยู่เป็นประจำในช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ที่เป็นวันทำงาน นอกจากนั้นในช่วงเสาร์และอาทิตย์ที่เป็นวันหยุด ลุงเหมืองก็จะเก็บผักไปขายที่ตลาดประจำสัปดาห์ในตัวอำเภอด้วย บางครั้งก็ยังมีปู มีหอย มีปลา ที่หาได้จากทุ่งนาไปขายเพิ่ม
กลับจากตลาดมาถึงบ้าน
“เหมือง เอ็งไปขายผักมาเรอะ”
ยายคำแดง หญิงชราวัย 82 ปี เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกชายคนเดียวของตนปั่นจักรยานมาจอดอยู่ตรงใต้ถุงบ้านแล้ว
“ใช่แม่ วันนี้เก็บผักได้หลายกำเลย ได้เงินมาหลายตังค์ด้วยนะ อ่ะนี่ แม่เก็บไว้นะ”
“เอ็งเก็บไว้เถอะ แม่แก่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรอก”
“แม่ก็ต้องเก็บไว้บ้าง เผื่อตอนฉันไปทำงาน เขามาเก็บค่าน้ำค่าไฟ”
“เออ ๆ แล้ววันนี้จะทำอะไรกินเย็นล่ะ”
“นี่แม่ ฉันแบ่งผักบุ้งมาผัดกินกำหนึ่ง และซื้อหมูมาจากตลาดด้วย ฉันไปทำกับข้าวก่อนนะ”
กิจวัตรการงานของวันได้เสร็จสิ้นลง ซึ่งในทุก ๆ วันของลุงเหมืองก็ประมาณนี้ ไปทำงานหน้าที่ภารโรงประจำโรงเรียน เก็บผักไปขายที่ตลาด และกลับบ้านมาทำอาหารกินกับแม่สองคน
ฐานะทางบ้านของลุงเหมืองไม่ได้ร่ำรวย ต้องทำงานดิ้นรนหากินเลี้ยงชีพ นับตั้งแต่ที่พ่อของลุงเหมืองเสียชีวิตไปตั้งแต่ลุงเหมืองอายุ 15 ปี ลุงเหมืองก็ช่วยทำงานแบ่งเบาภาระของผู้เป็นแม่มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้ลุงเหมืองจะเป็นเพียงภารโรงของโรงเรียนประจำชุมชนเล็ก ๆ แต่เขาก็มีความฝัน ซึ่งเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก
ลุงเหมืองใฝ่ฝันมาเสมอ ว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ทางบ้านดีขึ้น ได้เป็นเจ้าของโรงงานหรือธุรกิจอะไรสักอย่างที่จะทำให้ทั้งเขาและยายคำแดงผู้เป็นแม่มีชีวิตที่ดีขึ้นได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้ลุงเหมืองจะเป็นเพียงภารโรงธรรมดาในโรงเรียนประจำหมู่บ้านขนาดเล็ก แต่เขาก็ไม่เคยหยุดฝัน และยังคงทำหน้าที่ของตัวเองทุกอย่างได้ดีมาเสมอโดยไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย...
เช้าวันใหม่ที่บ้านดอนแดงพัฒนา สายลมอ่อนพัดไหวผ่านยอดไม้ เสียงนกเอี้ยงร้องระงมรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอุ่นพาดผ่านบ้านไม้หลังเก่าที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเดิมของลุงเหมืองถึงแม้จะมีบ้านหลังใหม่ทันสมัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แต่ลุงเหมืองก็ยังคงเก็บบ้านไม้หลังนี้ไว้ด้วยความรัก ที่แห่งนี้เป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของเขา เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต บ้านที่ไม่ว่าจะมองไปที่ตรงมุมไหน ก็จะเห็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอเสียงรถกระบะคันใหม่สีแดงเข้มแล่นผ่านถนนลูกรังหน้าโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายกมือไหว้ทักทายลุงเหมืองด้วยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย “กลับมากวาดโรงเรียนอีกแล้วเหรอลุงเหมือง”เสียงของคำชัยที่ยืนพิงเสาไม้หน้าร้านขายของชำเอ่ยทักขึ้นมาลุงเหมืองยิ้มกว้างตอบกลับ “ใช่ ต่อให้ก้าวหน้าไปได้ไกลก็ไม่ลืมจุดยืนเดิมของตัวเองหรอกคำชัย”โรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เด็กนักเรียนยังใส่ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดเดินเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กบางคนเหลียวมองชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ก้มหน้ากวาดพื้นทาง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ลานหน้าบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีแดงอิฐเดินเข้าออฟฟิศกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงพูดคุยทักทายเบา ๆ ดังคลอท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นดินหลังฝนเมื่อคืนที่เพิ่งหยุดตกโชยมาแตะจมูกภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ลุงเหมืองยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ด มีแพรและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ล้อมวงนั่งอยู่ด้านหน้า“อาทิตย์หน้าลุงจะต้องไปญี่ปุ่นเพื่อบรรยายที่เวทีระดับโลกนะครับลุงเหมือง”หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพูดพลางเปิดแฟ้มงาน ลุงเหมืองพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง“แต่ก่อนที่ลุงจะไป ลุงอยากให้พวกเรากลับมาทบทวนว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง และเราจะเดินต่อไปแบบไหน”แพรเสริมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ ลุงเหมืองพูดถูกที่สุด ทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่ฟาร์มเล็ก ๆ แล้ว แต่เป็นบริษัทส่งออกที่มีพันธมิตรในหลายประเทศ มีคนไว้วางใจในคุณภาพมะเขือเทศของเรา นอกจากมะเขือเทศแล้ว เรายังมีผักอื่น ๆ อีกปลูกเพิ่มอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าเราเริ่มจากตรงไหน”ลุงเหมืองหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งที่ปกข้างหน้ามีคำเขียนด้วยลายมือว่า “แผนชีวิตจากแปลงด
เช้าวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานของลุงเหมืองภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยแฟ้มงาน ปากกา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่แสนยุ่งของบริษัท ในเช้าวันนี้กลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษแพรเปิดซองจดหมายนั้นแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"ลุง เป็นจดหมายเชิญจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เขาเชิญลุงไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานมหกรรมเกษตรประจำจังหวัดปีนี้ค่ะ"ลุงเหมืองเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน"เขาเชิญจริงเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะเห็นค่าคนบ้านนอกอย่างลุง รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"แพรยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบกลับ "เขาไม่ใช่แค่เห็นนะคะลุง เขายังแนบมาด้วยว่า จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ลุงในฐานะบุคคลต้นแบบเกษตรกรของจังหวัด และมอบโล่เกียรติคุณให้กับบริษัทของเรา ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรงต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ"ลุงเหมืองวางปากกาในมือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความภูมิใจ ทั้งความซาบ
เช้าวันจันทร์อันเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ในบ้านหลังเดิมที่ในตอนนี้เพิ่มเติมคือมีบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บ้างกัน แม้จะปลูกบ้านหลังใหม่แล้ว แต่ลุงเหมืองก็ไม่ต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าออก นั่นก็เพราะที่นี่คือทุกความทรงจำวันนี้ลุงเหมืองตื่นขึ้นแต่เช้าตามนิสัยเดิม เขาเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตสีซีดที่รีดเรียบไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกมายังเฉลียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ"อีกวันแล้วสินะ อีกวันของการได้สู้ต่อ"ถึงแม้วันนี้ลุงเหมืองจะไม่ต้องตอกบัตรเข้าโรงเรียนเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังเป็นภารโรง แต่กิจวัตรของเขากลับยุ่งยากกว่าเดิมนับสิบเท่า ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์มะเขือเทศที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก เป็นแรงบันดาลใจของชาวบ้าน และก็ยังเป็นคนของชุมชนเสมอลุงเหมืองเดินไปยังกระถางต้นมะเขือเทศที่ตั้งเรียงไว้ข้างเฉลียง ยื่นมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบเขียวชอุ่มและยิ้มอย่างพอใจ“ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าพวกนี้สินะ”เช้าวันนั้น ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด สาขา
เสียงเครื่องคัดแยกผลผลิตดังกึกก้องอยู่ในโรงงานบรรจุมะเขือเทศของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด ลุงเหมืองในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนก้าวเท้าเข้าไปตรวจดูผลผลิตที่เพิ่งถูกบรรจุลงกล่องส่งออกล็อตใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจจากแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้าน หลังโรงประชุมของโรงเรียน จากฟาร์มขนาด 1 ไร่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก วันนี้ชื่อของ "เหมืองแดง" ถูกพูดถึงในวงการเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายเมืองใหญ่ของโลกเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ปลูกด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นอดีตภารโรงจากบ้านดอนแดงพัฒนา ผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ผู้คนต่างรู้จัก“ลุงเหมืองครับ ออเดอร์จากดูไบรอบใหม่น่าจะส่งได้สัปดาห์หน้า ทีมคัดแยกอยากขอเพิ่มคนหน่อยครับ”เสียงของหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลุงเหมืองพยักหน้าแล้วหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจ่อปาก“ฝ่ายบุคคลครับ ช่วยจัดคนเพิ่มที่ไลน์คัดแยกดูไบรอบใหม่ด้วยนะครับ”พูดจบ เขาก็หันไปยิ้มกับพนักงานคัดแยกคนหนึ่ง“ขอบใจมากนะ ขยันขันแข็งกันจริง ๆ ขอบคุณที่สู้ด้วยกัน”“ด้วยความยิ
เสียงรถตู้ของทีมงานจากต่างประเทศแล่นเข้ามาจอดที่หน้าฟาร์มเหมืองแดงในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อนของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ลิบ ๆ แต่เสียงนั้นกลับเบาไปถนัดตา เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาในตอนนี้“ลุงเหมืองมาแล้ว สารคดีต่างประเทศมาแล้ว”เด็ก ๆ วิ่งกรูมาตามถนนดินแดงที่เคยเงียบเหงา ส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านลุงเหมืองใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ตัดกับกางเกงผ้าสีเข้มยืนรออยู่หน้าฟาร์ม และมีแพรอยู่ข้าง ๆ ในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เรียบง่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลงดิน“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้” แพรพูดเบา ๆ“ลุงก็ไม่คิดเหมือนกัน แค่คิดว่าจะปลูกกินเอง ขายได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว”ทีมงานสื่อสารคดีจากญี่ปุ่นก้าวลงจากรถ เคย์โกะอยู่ข้างหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเหมือง คุณแพร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”“ยินดีต้อนรับครับคุณเคย์โกะ ยินดีต้อนรับทุกคน เชิญทางนี้ครับ”ลุงเหมืองกล่าวน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แม้ภายในจะยัง
Comments