CHAPTER 9
ความช่วยเหลือ
สัปดาห์ต่อมา
การย้ายที่อยู่กะทันหันอาจทำให้คนส่วนใหญ่ต้องเสียเวลาในหลายเรื่อง แต่สำหรับเรนไม่คิดว่าเป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด…
แม้ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนร่วมชั้นปีหน้าใหม่ กระทั่งว่าต้องตามหาร้านอาหารอร่อยเพื่อฝากท้องเป็นประจำ คนพลังเยอะก็ยังกระตือรือร้นทำทุกสิ่งอย่างชนิดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคน… ที่เหนื่อยหนักยิ่งกว่าใคร…
“ไม่ไป”
“พาไปหน่อยสิ ร้านนั้นอร่อยเหมือนร้านประจำที่เชียงใหม่เลย”
“…” เพลิงรู้สึกพลาดท่าเสียทีที่เขารู้ใจคนตรงหน้ามากเกินไป
เพราะรู้ว่าเรนชอบกินขนมหวาน และเขาเองที่เสนอหน้าพาเจ้าตัวไปกินมาเมื่อหลายวันก่อน แค่วันเดียวเท่านั้นก็จำต้องรับกรรมแว้นมอเตอร์ไซค์พาคนโหยน้ำตาลไปจัดเบาหวานลงกระเพาะในทุกเย็น
“ไม่กลัวอ้วนบ้างรึไงถามจริง?”
เพลิงนึกแปลกใจอยู่ทุกวัน เรนกินเก่งยิ่งกว่าแชมป์กินจุสิบสมัยซ้อนแต่ตัวกระเปี๊ยกเท่าลูกหมาเตะทีเดียวก็กระเด็น ไม่รู้ว่าเอาไอ้ที่ยัดเข้าปากในแต่ละวันไปเก็บไว้ที่ไหน ขนาดเพิ่งซื้อลูกชิ้นให้กินตั้งหลายไม้ เจ้าตัวก็ยังไม่วายมารบเร้าหาเรื่องจะกินอีก
“ก็เราชอบกิน อ้วนก็ช่าง”
“…”
“เพลิงพาไปหน่อยสิ”
“…” เสียงถอนหายใจดังตอบกลับการเร้าหรือของหญิงสาว
เพลิงคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดสุดท้ายจึงจำใจคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์พาคนหิวไปหาอะไรกินแม้เพิ่งกลับมาถึงห้องไม่ทันไรก็ตามที
“เพลิงใจดีจัง” เรนส่งเสียงเสียงฉอเลาะเอาใจ
ขณะที่สารถีจำเป็นได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา มองตามหลังคนช่างประจบประแจงที่บัดนี้เดินนำลิ่วทิ้งระยะห่างชนิดไม่หันมองกลับมาแม้แต่ชายตาเดียว
ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เรนก็สมใจปรารถนาไม่ต่างจากทุกที
ร้านขนมหวานข้างตัวมหา’ลัยในช่วงเย็นเต็มไปด้วยบรรดานิสิตชายหญิงที่พากันมานั่งพักผ่อนสนทนาหลังเลิกเรียน จำนวนคนในร้านแน่นขนัดส่งผลให้เสียงจอแจดังคลอผสานไปกับเสียงเพลงจังหวะเพลินใจ
ที่เชียงใหม่มีร้านแบบเดียวกันที่เรนมักจะไปนั่งเป็นประจำช่วงหัวค่ำ หากชายหนุ่มยังอยู่ที่นู่นคงได้ไปด้วยกันทุกวัน แต่เพราะเขาไม่อยู่เธอจึงต้องปั่นจักรยานไปกินเพียงลำพัง
ทว่าทุกเย็นในช่วงนี้ เรนรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก…
การได้กินซาหริ่มหอมกะทิอบควันเทียน พร้อมกับได้จดจ้องใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิทไปด้วยราวกับจะทำให้บรรยากาศเก่า ๆ หวนคืน ถึงตอนนี้เพลิงก็ยังคงชอบกินทับทิมกรอบไม่เปลี่ยนแปลง
“อร่อยไหม?” หญิงสาวเป็นฝ่ายชวนคุย
“ดี” เพลิงละความสนใจรอบตัวหันมองกลับมา ใบหน้าคมคายกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อได้ยินคนนั่งฝั่งตรงข้ามส่งเสียงสั่งขนมถ้วยที่สอง ทั้งที่ยังกินถ้วยแรกไม่หมดด้วยซ้ำไป
“ยิ้มอะไร?” เรนเลิกคิ้วจ้องตอบ ชายหนุ่มยิ้มทีไรก็หล่อใจละลายเกินจะบรรยายทุกที แต่นานทีปีหนเท่านั้นเธอถึงจะเห็นสักครั้ง
ทว่าทั้งสองไม่ทันได้โต้บทสนทนาใด ๆ ต่างก็ต้องละจากการประสานสายตา เมื่อใครบางคนลากเก้าอี้เข้านั่งร่วมวงโดยไม่ได้รับเชิญ
เรนหันมองอย่างประหลาดใจ แต่เมื่อคนมาใหม่ตบเข้าบ่าของเพลิงเอ่ยคำทักทายด้วยท่าทางสนิทสนมก็ราวกับเป็นการเฉลยข้อข้องใจไปในตัว
“ช่วงนี้หายหัวไปไหนวะ?”
“อยู่นี่แหละพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง”
“กูเจอไอ้พวกนั้นข้างนอกบ่อย แต่ไม่ยักเห็นหน้ามึง” บุคคลที่สามชำเลืองมองหญิงสาว ก่อนจะป้องปากกระซิบที่ข้างหูของเพลิง “ใครวะ?”
“…” เพลิงไม่ได้ตอบในทันที
นัยน์ตาคมชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่ยังคงเอร็ดอร่อยอยู่กับของกิน แม้รู้ดีแก่ใจว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ แต่ดูเหมือนว่าหน้าขาว ๆ แก้มแดง ๆ กับยิ้มแป้น ๆ ของเพื่อนชาวดอยจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของชาวคณะวิศวะที่นี่เป็นพิเศษ
หลายวันที่ผ่านมาเพลิงตอบคำถามเรื่องนี้จนหน่ายที่จะตอบ จะรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือกระทั่งเพื่อนร่วมชั้นปี ต่างก็มาวอแวถามว่าเขาเป็นอะไรกับหญิงสาว แม้จะรำคาญใจเต็มทีแต่สุดท้ายก็จำต้องให้คำตอบไม่ต่างจากทุกที
“นี่เรนเพื่อนผม มาจากเชียงใหม่”
“เหรอ?” แค่ได้ฟังคำตอบ คนตั้งคำถามก็ยิ้มกว้าง
“อืม” เพลิงเบนสายตาไปทางอื่น เมื่อได้เห็นการตอบสนองของรุ่นพี่ปีสี่ที่สนิทสนมกัน อาการที่ได้เห็นไม่ต่างจากทุกคนที่เข้ามาถามเขา
ที่ต่างคือ พี่กั้ง ไม่ใช่ผู้ชายจำพวกเจ้าชู้ชอบเล่นหูเล่นตากับรุ่นน้อง แต่แม้ไม่ทำเช่นนั้นเจ้าตัวก็ได้รับความนิยมจากผู้หญิงทั้งในคณะและนอกคณะจากบุคลิกท่าทางเป็นกันเองเข้าถึงได้ง่าย รูปร่างหน้าตาก็สะอาดสะอ้านแบบที่สาวชอบ และตอนนี้คนที่ว่าก็ดูจะสนใจยายเด็กดอยอย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีครับน้องเรน”
“สวัสดีค่ะ” คนตัวเล็กจำต้องหยุดสวาปาม ยิ้มรับคำทักทายจากคนไม่คุ้นหน้า
“พี่ชื่อกั้งครับ เป็นรุ่นพี่ไอ้เพลิง”
“รุ่นพี่ปีสี่” เพลิงขยายความ สายตาไม่แสดงอารมณ์สลับมองระหว่างสองคนที่กำลังทำความรู้จักกัน
“มีไรมาปรึกษาพี่ได้ หรือว่างเมื่อไหร่ไว้เจอกันข้างนอกจะพาไปเลี้ยงหนม” พี่กั้งเอ่ยคำชักชวนอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หญิงสาวก็ตอบกลับด้วยท่าทางเกรงใจ
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เรนเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” คนเสนอตัวไม่พูดเปล่าแต่รีบดึงกระเป๋าสตางค์ออกมา “ถือว่าเลี้ยงต้อนรับ อุตส่าห์มาเรียนตั้งไกล”
“จะดีเหรอคะ?” เรนยังคงแสดงสีหน้าไม่แน่ใจ ตากลมโตชำเลืองมองคนที่มาด้วยกันก็ตอนนี้
แม้จะไม่ใช่คนขี้งก แต่เพลิงไม่อยากขัดศรัทธาคนอื่น รวมถึงพอรู้ใจผู้ชายด้วยกันจึงแสร้งพยักพเยิดสมทบเสียง
“เอาดิพี่ จ่ายให้ผมด้วยละกัน”
“เออกูจ่ายให้เอง” คนอาสาออกค่าขนมตบบ่าเพลิงแต่ไม่ยักหันมอง สายตาให้ความสนใจของพี่กั้งจดจ้องอยู่ที่หญิงสาวเท่านั้น
“งั้นก็ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ให้เลี้ยงบ่อย ๆ ก็ได้”
“เรนเกรงใจค่ะ”
“…” เพลิงเริ่มเคี้ยวได้ช้าลง หัวคิ้วเลื่อนขมวดเข้าหากันกับท่าทางอ่อนหวานที่ได้เห็น เห็นทีคนที่ไม่ได้รับความเกรงใจคงมีแค่ไอ้เพลิงคนเดียว
ในระหว่างทั้งสองคนที่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักสนทนากันอย่างคนมีอัธยาศัย เพลิงได้แต่ฟังเงียบ ๆ มีบางจังหวะที่รุ่นพี่จะหันถามความเห็นเขา ทั้งมีหลายจังหวะที่เพื่อนตัวเล็กหันมองสบตา แต่จากสถานการณ์ก็คล้ายกับว่าเพลิงกลายเป็นตัวประกอบฉากอย่างไรก็อย่างนั้น
แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่ก็ราวกับว่าวันนี้หูเขาจะดีเป็นพิเศษ…
และแม้ไม่ตั้งใจจะมอง ทว่าเงยหน้ากี่ทีก็จะได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของยายเด็กดอยระรื่นหนักยิ่งกว่าทุกที ทั้งยังขยันแจกยิ้มเรี่ยราดยิ่งกว่าทุกวัน
วันต่อมา
“สปอนเซอร์เข้า?”
“เออ!”
“แค่จะถ่ายคอนเทนต์ผีเนี่ยนะ?”
“เออ!”
“ถามจริง?”
“จริง!”
“มีคนสนอะไรกาก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอวะ?”
“จริง! เอ้ย! ไอ้เหี้ยเทมป์!”
ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะโบกหัวเพื่อนไปหนึ่งที เติร์กทำหน้าบอกบุญไม่รับ ใช้ก้นเบียดเพื่อนเพื่อที่จะได้นั่งร่วมวง ก่อนเริ่มสาธยายอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“เขาเพิ่งติดต่อมาว่าสนใจเป็นสปอนเซอร์ให้รอบนี้ คราวก่อนกูเห็นเขาไปเป็นให้อีกช่องที่ทำเรื่องพวกนี้เนี่ยแหละ และไอ้ช่องนั้นแม่งดันเจอของดี ยอดวิวงี้ติดอันดับมาแรงเป็นกระแสอยู่เกือบเดือน!”
“แล้วทำไมเขามาสนช่องมึง?” คะนิ้งที่กำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากถามด้วยความสนใจ ก่อนเติร์กจะทำตาโตละล่ำละลักบอก
“พวกมึงไม่รู้อะไร ตอนนี้ยอดวิวช่องกูกำลังพุ่งนะเว้ย! คราวก่อนที่ไอ้เพลิงเอาหน้ามันเข้าเฟรม สาว ๆ แห่คอมเมนต์กันบาน แถมยอดแชร์พุ่งกระฉูด คนติดตามงี้เพิ่มรัว ๆ”
“เพราะหน้าไอ้เพลิงว่างั้น?” นิ้งหัวเราะขัน ๆ ทุกคู่สายตาพากันหันมองไปยังคนซึ่งถูกอ้างถึง
เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ ส่ายหัวไปมาอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วถ้ารอบนี้กูไม่เอาด้วยมึงจะทำไง?”
“ได้ไง!” เติร์กร้องเสียงหลง ท่าทางตื่นตกใจเรียกเสียงฮาครืนได้เป็นอย่างดี กระนั้นทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเพลิงแค่พูดเล่น
“เขารีเควสต์มาหรือไง?” ไฉตั้งคำถามใหม่ ส่งผลให้เจ้าของช่องถูมือไปมาอย่างหมายมั่น เอ่ยในสีหน้าจริงจัง
“นี่แหละที่กูจะมาบอกพวกมึง”
“ว่า?”
“เขาอยากให้มีคนไปด้วยกันหลาย ๆ คน”
“…”
“เพราะงั้นพวกมึงช่วยกูเถอะน่า!” คนต้องการความช่วยเหลือแทบจะก้มลงกราบกราน เติร์กยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว “กูแบ่งเงินให้พวกมึงเท่ากันเลยก็ได้”
“กูว่าละ” เทมป์ยิ้มเครียด “มิน่าถึงได้ซื้อข้าวมาประเคนให้ถึงที่”
อาหารทุกจานบนโต๊ะในขณะนี้ ได้รับน้ำใจจากคนซึ่งปรากฏชัดว่าทำดีหวังผล แม้ทุกคนจะทำหน้าเอือมระอา แต่ครั้งนี้ต่างไปจากทุกที
สายตาซึ่งสลับมองหน้ากันไปมาราวกับกำลังทำการตัดสินใจ แม้ตอนแรกจะไม่มีใครสน แต่เมื่อได้เห็นท่าทีจริงจังยิ่งกว่าทุกทีของเติร์ก ทั้งยังเสียงพร่ำร้องขอความเห็นใจไม่หยุดปาก ต่างก็เริ่มพากันใจอ่อน
“คอนเทนต์อื่นไม่ได้?” ไฉถามในสีหน้าหนักใจ เขาไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ยิ่งเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงโดยใช่เหตุก็ยิ่งไม่คิดที่จะยุ่ง
ในขณะที่เติร์กยกมือขึ้นเกาหัวด้วยท่าทางคิดหนักไม่แพ้กัน
“กูดันบอกเขาไปแล้วนี่ดิ เขาถึงเพิ่มเงินให้”
“ควายจริง” เทมป์อดไม่ได้ที่จะด่า “สรรหาจะทำนัก”
“ถ้าพวกมึงไม่เอาด้วยมีหวังกูชวดเงินแน่”
เติร์กปั้นหน้าเศร้าทำตาละห้อยเรียกคะแนนสงสาร ขยับเข้าคว้ามือเขย่าแขนเพื่อนเพื่อขอความเห็นใจทีละคน ก่อนท้ายที่สุดจะยกสองมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างหมดอาลัย ตะโกนร้องย้ำคำขอเสียงดัง
“เถอะน่า!”