CHAPTER 1
ตามหัวใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หากจะถามว่าเขาเกลียดอะไรที่สุด…
คงไม่พ้นการมีใครสักคนโผล่หัวมาเคาะห้องตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันพักผ่อนหลังจากคร่ำเคร่งจากการเรียนมาทั้งสัปดาห์ ประกอบกับเพิ่งเมาหัวทิ่มตลอดคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ด้วย
และอาจเพราะเป็นสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย เหตุการณ์ประเภทแข่งกันดวดเหล้าระหว่างเพื่อนร่วมคณะฯ รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องจากคณะอื่นที่ร้านเหล้าละแวกมหา’ลัยจึงดุเดือดเป็นพิเศษ ส่งผลให้ตอนนี้เขาไม่คิดอยากที่จะขยับเขยื้อนตัวแม้แต่นิด แต่ก็ราวกับสวรรค์จะไม่เห็นใจเมื่อเสียงรบกวนยังคงดัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แม่ง…”
เสียงแหบพร่าลอดผ่านริมฝีปาก คิ้วเข้มตัดกับผิวหน้าขาวจัดขมวดผูกเป็นปม ร่างกำยำสมสัดส่วนในสภาพกึ่งเปลือยจำต้องสะบัดผ้าห่มออกจากการคลุมโปงในที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อะไรนักวะ…” เครื่องหน้าคมคายบ่งบอกถึงความรำคาญใจเมื่อคนด้านนอกยังคงเคาะไม่หยุดคล้ายกับว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไรก็อย่างนั้น
แกร๊ก!
“ครับ”
ในทันทีที่บานประตูเปิดออก นัยน์ตาคมดำขลับก็ประสานสบเข้ากับสายตาของแขกไม่ได้รับเชิญ ความหงุดหงิดรำคาญใจพลันแปรเปลี่ยนเป็นอีกความรู้สึก เพลิง ไม่คิดว่าเขาฝัน กระทั่งสติพร่าเบลอเพราะพิษสุราคั่งค้างก็ไม่ใช่ ใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายทำเอาม่านตาดำขยาย สติสัมปชัญญะตื่นตัวในทันที
“เรน” สุ้มเสียงที่พร่าแหบอยู่ก่อนแล้ว นาทีนี้แทบเปล่งเสียงไม่ออก ขณะที่เขาตื่นงงชนิดจับต้นชนปลายไม่ถูกก็โดนร่างผอมบางของผู้มาเยือนกระโดดกอดเข้าเต็มรัก
“เซอร์ไพรส์!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวล้ม!” คนซึ่งตัวสูงกว่าจับเอวอีกฝ่ายดันออกห่างจากตัว สายตาระแวดระวังหันมองทางเดินระหว่างชั้นของหอพัก ทว่าเจ้าของกลิ่นหอมคุ้นเคยก็ยังคงดื้อด้านกระแซะเข้ากอด
“คิดถึงจังเลย” ใบหน้าขาวใสหมดจดของคนซึ่งสูงแค่ระดับอกเงยหน้าขึ้นมอง ตากลมโตกะพริบปริบ “ไม่ได้เจอเพลิงตั้งหลายเดือน”
เพลิงไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ได้แต่ยกนิ้วขึ้นคลึงนวดระหว่างหัวคิ้ว พลางก็ผลักศีรษะคนตัวเล็กเบา ๆ “เข้าห้องไป”
“แหม…”
น้ำเสียงหยอกล้อยานคางของหญิงสาวบ่งบอกถึงความหมั่นไส้ เมื่อโดนดันหลังให้เข้าสู่ด้านใน กระเป๋าเดินทางใบโตถูกกระชากตามเข้ามา ก่อนประตูจะถูกกระแทกปิดลงอย่างรวดเร็ว
เรน รู้สึกขบขันกับท่าทางที่ได้เห็น เพลิงทำราวกับว่ากำลังซุกซ่อนเมียน้อยไม่ให้หลวงเห็นอย่างไรก็อย่างนั้น แต่เธอไม่ใช่น้อย ไม่ใช่กิ๊ก ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ซี้กันมาตั้งแต่เด็กเลยต่างหาก
แม้ภายนอกเพลิงจะเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิมกับในวันวาน ทั้งความกำยำแบบผู้ชาย ทั้งเครื่องหน้าหล่อเหลาที่ยิ่งโตก็ยิ่งดูดี แต่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลง ยี่สิบปีผ่านไปก็ไม่สามารถลบภาพเด็กตัวน้อยสองคนที่จูงมือกันวิ่งเล่นได้อยู่ดี
“ทำไม? กลัวคนอื่นเห็นเหรอ?” คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบถูกถามขึ้นลอย ๆ “ทำไมไม่รับสายล่ะ? เราโทรมาหลายรอบแล้วก็ไม่มีใครรับ”
“…” เพลิงไม่ตอบ
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเท้าสะเอวมองตามร่างผอมบางในชุดสีสันสดใสซึ่งหมุนกายผละห่างออกไป พร้อมกันก็ต้องยกมือขึ้นเสยผม สะบัดศีรษะเรียกสติตัวเองไปด้วย
เรนที่ยังคงตัวเล็กเหมือนหมากระเป๋าไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกำลังทอดน่องเดินสำรวจห้องหับชายโสดโดยไม่คิดเกรงใจ เห็นอีกทีเจ้าตัวก็หย่อนกายนั่งลงบนเตียงชนิดไม่ขออนุญาตให้เสียเวลา ถึงตัวเพลิงก็ไม่คิดถือสาเพราะสนิทสนมคุ้นเคยกันดี
“ทำไมถึงมาที่นี่? มหา’ลัยเปิดแล้วไม่ใช่รึไง?” ร่างสูงลากกระเป๋าใบโตเข้าเก็บที่มุมหนึ่ง “รอบนี้จะมาอยู่กี่วัน?”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรนมาหาเขาถึงชลบุรี และไม่ใช่หนแรกที่มากินนอนอยู่นานกว่าสัปดาห์ ได้เห็นกระเป๋าสัมภาระเพลิงจึงไม่แปลกใจ แต่การตอบกลับของเพื่อนสนิทกลับทำให้ต้องชะงักหันมอง
“เราจะย้ายมาเรียนที่เดียวกับเพลิง”
“ย้าย?” คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากัน เพลิงคิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่น หากแต่ท่าทางจริงจัง ประกอบกับกุญแจพร้อมคีย์การ์ดซึ่งหญิงสาวชูขึ้นบ่งชัดว่าเจ้าตัวพูดจริง
“เราตัดสินใจซิ่วมาเข้าปีหนึ่งใหม่”
“…”
“ย้ายมาเรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน แถมยังอยู่หอเดียวกับเพลิงด้วย”
แววตาสุกใสของเรนเหมือนเดิมกับที่เคยได้เห็น รอยยิ้มก็ยังคงเดิม กระทั่งผมทรงกะลาครอบที่เขาเป็นคนพาไปตัดหลังจากทั้งคู่เรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายก็ยังเหมือนเดิม ต่างแค่บัดนี้มันยาวเหยียดตรงถึงบั้นเอว
“เธอจะมาเรียนที่นี่?”
“เราจะเรียนที่นี่”
“คณะเดียวกับเรา?”
“คณะเดียวกับเพลิง”
“อยู่หอนี้?”
“หอนี้”
“หอนี้ไม่ได้เต็มหมดแล้วรึไง?” ข้อหลังนี้เองที่ทำให้เพลิงเอ่ยทั้งน้ำเสียงไม่แน่ใจ “เห็นรุ่นพี่ว่าหอนี้เต็มตลอด”
“ก็นี่ไง” คนให้คำตอบชูกุญแจประกอบคำ เรนไม่ใส่ใจอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ได้เห็น ถึงอย่างไรเธอก็ตื๊อเจ้าของหอจนได้ห้องสุดท้ายมาไว้ในการครอบครอง พลันรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏในสีหน้า “อยู่หอเดียวกันไม่ดีเหรอ?”
เพลิงที่ยังคงสับสนมึนงงพยักหน้าส่ง ๆ แม้ยังไม่เข้าใจอะไรแน่ชัดก็ตามที “ก็ดี ไม่อยู่กับเรา เธอจะไปอยู่กับใคร?”
หญิงสาวได้แต่ยิ้ม เมินสายตามองไปอีกทาง
การที่เธอตัดสินใจเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าย้ายจากเชียงใหม่มาเรียนไกลถึงชลบุรีมีเหตุผลหลัก ๆ เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ…
“ทำไมปล่อยให้ห้องรกขนาดนี้” ร่างผอมบางเริ่มออกเดิน จับได้ถุงพลาสติกหนึ่งใบก็คว้าเอาของที่ในสายตาเธอจัดว่าเป็นขยะยัดใส่ถุงโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต “ตอนนั้นเราเก็บห้องให้รอบนึงแล้ว ไม่กี่เดือนทำไมของถึงได้เยอะขนาดนี้?”
“…” คนโดนบ่นทำหูทวนลมหย่อนกายนั่งลงบนเตียง มีเพียงสายตาที่เลื่อนมองตามการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เห็นมานาน
หญิงสาวยังคงติดนิสัยจัดการทุกอย่างให้เพลิงไม่ต่างจากเดิม เก็บไปก็บ่นไปไม่หยุดปาก กระทั่งเดินถึงชั้นวางของที่มีกล่องถุงยางอนามัยวางอยู่เป็นตั้ง เสียงบ่นก็เริ่มอึกอัก เสี้ยวหน้าด้านข้างฝาดแดงลามถึงใบหู
เพลิงหรี่สายตามองเมื่อมือน้อย ๆ คว้าเอากล่องหนึ่งมาดู พลันร่างสูงก็ผุดลุกเดินไปจนใกล้ ทันเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังอ่านข้อมูลซึ่งระบุอยู่บนกล่อง แม้ไม่จำเป็นต้องอายเรื่องขนาดไซซ์เพราะไม่มีอะไรให้ต้องอาย กระนั้นของกลางก็ถูกคว้าคืน
“อย่าซน”
“กล่องนึงตั้งสามชิ้น มีกองเป็นตั้งแบบนี้จะใช้หมดเหรอ?” คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากลอยหน้าลอยตาถาม ทั้งที่ผิวแก้มก็ยังปลั่งแดงเหมือนเดิม
เพลิงคิดว่าช่างเป็นคำถามที่ไม่เข้าท่า จะให้บอกได้อย่างไรว่าใช้ไม่นานก็หมด ทำได้แค่เพียงกดสายตามองเท่านั้น
“สนใจอย่างอื่นดีกว่าไหม?”
“ก็สนใจเรื่องนี้ไง”
“สนใจ?”
“คุณป้าเป็นห่วงสุขภาพเพลิง ฝากเรามาบอกว่าตรวจโรคบ้างก็ดีนะ”
แค่ได้ฟังคำอธิบาย เพลิงก็ถึงกับถอนหายใจทั้งสีหน้าโคตรเซ็ง
นอกจากแม่จะโทรมาสอนสุขศึกษาเขาเดือนละหลายรอบทั้งที่ก็โตขนาดนี้ นี่ยังฝากเพื่อนสนิทมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเข้าไปอีก แถมเพื่อนคนที่ว่ายังเป็นผู้หญิง… ถามจริง…
“ถ้าแม่เราพูดอะไรพวกนี้เธอทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน” เขาบอกปัด
แต่หญิงสาวก็เอ่ยต่อด้วยแววตาที่คล้ายจะใสซื่อ “แต่คุณป้าบอกให้เราแอบรายงานความประพฤติเพลิงด้วยนะ”
“…”
เพลิงมองตามเจ้าของน้ำเสียงประหลาดหูที่จงใจบิดก้นเดินห่างออกไปด้วยสายตารู้ทัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ประเภทนี้ และตัวคนพูดก็รู้ดีว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
ร่างบางหันมองกลับมา ก่อนจะเริ่มยกนิ้วขึ้นนับ “แต่ถ้ามีคนยอมกินข้าวเย็นด้วยทุกวัน ยอมกินข้าวเที่ยงกับเราที่มอบ้าง พาเราไปเที่ยวบ้าง…”
“เธอได้ทั้งหมดที่ต้องการ” เพลิงคร้านจะฟังให้เสียเวลา เรื่องพวกนั้นไม่ต้องบอก เขาก็รู้ว่าต้องทำ “ไม่อยู่กับเราแล้วเธอจะอยู่กับใคร?”
“ใครจะไปรู้? เพลิงอาจมีเพื่อนใหม่แล้วไม่สนใจเราก็ได้”
“คิดไร้สาระ” เพลิงผลักหัวคนเจ้าแผนการที่กำลังลอบยิ้มไปหนึ่งที ก่อนจะคว้าเสื้อมาสวมใส่ปกปิดกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้า “สรุปอยู่ห้องไหน? พาเราไปดู”
“เรายังไม่ได้บอกเหรอ?” ร่างบางคว้ากุญแจที่โยนทิ้งไว้บนเตียงมาถือ ก่อนเดินนำไปทางประตู
“อะไร?”
“ห้องเราหมายเลข 13”
“ชั้นไหน?”
“ชั้นนี้
“413?”
“ใช่ ก็ห้องที่อยู่ตรงข้ามกับเพลิงไง”
ประตูห้องเปิดออก พร้อมกันประตูอีกบานที่หมายเลขระบุห้องเหลือแค่เลข 13 เพราะเลข 4 หลุดหายไปก็ปรากฏแก่สายตา
“ลักกี้นัมเบอร์”
เสียงของคนคิดบวกดังมาจากทางหน้าห้อง ขณะที่เจ้าตัวเดินไปไขกุญแจห้องที่ว่า เพลิงก็คว้ากระเป๋าเดินตาม พึมพำค้านเสียงอยู่ในลำคอ
“เลขเป็นมงคลฉิบหายเลย”
Comments