CHAPTER 8
ดาบสองคม
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“พอ”
“ได้อยู่”
“เรน”
“เราโอเค”
เพลิงคิดผิดเสียเมื่อไร…
ต่อเวลาให้แค่ชั่วโมงเดียว คนข้างกายเขาก็นั่งตัวตรงไม่ได้เสียแล้ว
นอกจากจะต้องระวังไม่ให้หญิงสาวล้มคว่ำเพราะทรงตัวนั่งไม่ได้ เพลิงยังต้องคอยคว้าแก้วออกจากมือเจ้าตัวด้วยอีกอย่าง หากเขาจะประเมินสถานการณ์ผิดไป คงเป็นเรื่องที่คิดว่าจะมีคนขอให้พากลับห้อง แต่เมาจนผิวกายแดงไปทั้งตัว ยายเด็กดอยยังบ้าจี้ตอบรับคำท้าชนจากคนอื่นอยู่ได้
ในที่นี้เพลิงไม่จำเป็นต้องห่วงใคร เพื่อนเขาคุ้นเคยกับเหล้าเสียยิ่งกว่าน้ำ ทั้งต้องร่วมสังสรรค์เนื่องในโอกาสเลี้ยงต้อนรับน้องปีหนึ่ง บ้างก็เลี้ยงส่งลารุ่นพี่ปีสี่ที่แม่งก็ยังเรียนอยู่ ไหนจะฉลองวันเกิดเพื่อนที่คณะ ไม่นับรวมวันเกิดอยากจะแดกก็อีก เอาเป็นว่าไม่มีใครน่าเป็นห่วงเท่าคนบางคนอีกแล้ว
“เพลิงเอามาสิ” นัยน์ตากลมโตกะพริบมองหน้าเขา ทั้งตั้งท่าจะแย่งแก้วกลับคืน แต่เพลิงที่พยายามใจดีมานานก็ส่งแก้วเจ้าปัญหาให้กับไฉซึ่งจำเป็นต้องรับไม้ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้
ไฉดูจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจสถานการณ์ของหญิงสาว ทั้งยังเข้าใจในสีหน้าหนักใจของผู้ปกครองกิตติมศักดิ์ก็ด้วย
เรนค้อนเคืองเพลิงได้ก็จริง แต่ไม่สามารถทำแบบเดียวกันกับอีกคน สุดท้ายจึงตวัดสายตาหันมองที่คนแรก
“เพลิงจะให้ไฉกินแทนเราทำไม?”
“มันอยากแดก ไปโวยมันดิ” เพลิงบุ้ยใบ้โยนขี้เพราะรำคาญเสียงบ่น ยายเด็กดอยเก่งได้แค่กับไอ้เพลิงเท่านั้นแหละ กับคนอื่นจะหือจะอือสักคำยังไม่มี
“เรากินไหวจริง ๆ” เสียงอ้อแอ้เริ่มส่อเค้างอแง แต่รอบนี้เพลิงไม่คิดใจอ่อน ทำทีกดหัวคิ้วมองอย่างเอาจริง
“พูดให้มันรู้เรื่อง ตามใจมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่พอ?”
“ก็ได้” เรนยอมยกธงขาวขึ้นโบกอย่างง่าย ๆ เมื่อเจอกับท่าทางจริงจังของคนตัวโต เธอดื้อจริงแต่ใช่ว่าจะเป็นคนพูดไม่รู้ฟัง ทว่าหงอหงอยเพียงอึดใจ ขาอ่อนขาวเนียนก็เริ่มขยับเบียดเข้าหากัน “เพลิง เราปวดฉี่”
“สมควรปวด” เพลิงไม่แปลกใจ หญิงสาวเล่นดื่มไปขนาดนั้นจะกลั้นปัสสาวะไหวได้อย่างไร พลันร่างสูงก็หยัดกายขึ้นยืน ส่งเสียงบอกข้อมูลแค่กับไฉเพียงคนเดียว “กูจะพาเรนไปเข้าห้องน้ำ”
“ไปเข้าข้างใน ข้างนอกคนต่อคิวเยอะ” ไฉพยักพเยิดไปทางห้องพักสำหรับเจ้าของร้านซึ่งสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
“จะไปไหน?” ขณะที่เทมป์ก็ตั้งคำถามเมื่อสังเกตเห็นถึงสถานการณ์เข้าพอดี ทว่าเมื่อได้เห็นร่างผอมบางในวงแขนของเพื่อนยืนอย่างไม่มั่นคงก็พยักหน้าเข้าใจ “เพื่อนมึงเมาแล้วดิ?”
“เราเปล่า” มีคนส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็โดนเพลิงผลักหัวไปหนึ่งที
“สภาพแบบนี้บ้านเราเรียกเมา”
“บ้านเรากับบ้านเพลิงก็ที่เดียวกัน” คนเมาเถียง แต่เสียงอ้อแอ้ก็ไม่ได้รับความสนใจ
“กูน่าจะกลับก่อน”
“มึงจอดรถไกล ให้กูขับไปส่งไหม?” เทมป์คนดีอดไม่ได้ที่จะเสนอตัว แต่ความหวังดีก็ถูกปัดตกในทันที
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง”
เพลิงไม่สนใจจะต่อความสาวความยืดกับใครอีก ร่างสูงวุ่นวายอยู่กับพาคนเมาเดินไปยังทิศทางหนึ่งของตัวร้าน ผ่านคนจำนวนมากที่ก็เมาไม่แพ้คนในการดูแลของเขา ยิ่งดึกสภาพลูกค้าร้านก็เริ่มเปลี่ยนไปตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม
ส่วนมากก็ดวดเหล้ากันที่โต๊ะส่งเสียงเฮโลตะโกนก้อง ส่วนน้อยนักที่จะรับบทนางนอน บ้างก็รับบทสส.เดินพบปะประชาชน หลายคนกำลังส่ายสะโพกโยกก้นเต้นเหมือนจะเข้าชิงรางวัล แน่นอนว่าประเภทหลังสมาคมคนนิยมเมาตูดแบบไอ้เติร์กคงชอบใจ
“เฮีย ขอเข้าห้องน้ำข้างในหน่อย”
เพลิงร้องขออนุญาตเฮียโตเจ้าของร้านที่ซี้กันดีเนื่องด้วยเป็นลูกค้าประจำมาตลอดทั้งปี ก่อนเจ้าของร้านคนที่ว่าจะโบกมือตอบรับด้วยความเคยชิน
“เออ มึงเข้าไปเลย” เฮียโตไม่ได้ให้ความสนใจอีก เพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับการสั่งงานเด็กร้าน ปล่อยให้ลูกค้าชั้นอภิสิทธิ์เข้าใช้ห้องน้ำสำหรับเจ้าของได้เหมือนทุกที
เพียงบานประตูของห้องทึบเก็บเสียงปิดสนิทลง เสียงเพลงกับเสียงผู้คนด้านนอกก็ลดระดับ เพลิงปล่อยคนในการดูแลให้เป็นอิสระ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องเตือน
“ยืนให้มันดี ๆ”
“นี่ก็ดีแล้ว” ร่างผอมบางซึ่งยืนโงนเงนร้องเถียงอย่างไม่ยอมรับ
เพลิงหน่ายจะพูด ได้แต่เท้าสะเอวพยักพเยิดไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่บริเวณมุมห้อง “เข้าไปฉี่ให้เรียบร้อย”
“อือ”
“เฮ้ย ๆ”
ทว่าไม่ทันไรร่างสูงก็ต้องถลาตัวเข้าหาคนที่หวิดจะล้มลงกองแค่เพราะเขาปล่อยให้เดินเอาเอง แต่เจ้าตัวก็ดื้อแสนดื้อร้องสวนเสียงดัง
“ยืนได้ เราโอเค!”
โอเคก็เหี้ยแล้ว!
เพลิงสบถได้แค่ในใจ!
ตาคมหรี่สายตามองตามจังหวะการก้าวอย่างตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทางของหญิงสาว ทั้งยังต้องพยายามประคองตามหลังไปด้วย หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง เพลิงก็นึกอยากจะตามเข้าห้องน้ำไปด้วยให้รู้แล้วรู้รอด แต่แน่นอนว่าส่งเรียบร้อยเขาก็ยืนรอด้านนอกอย่างใจเย็น
ในเวลาไม่นาน บานประตูก็เปิดออก…
“เสร็จแล้ว” คนตัวเล็กแย้มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
ส่วนเพลิงก็กำลังพิจารณาสภาพผิวแก้มแดงก่ำกับนัยน์ตาหวานเยิ้มของเจ้าตัว ก่อนจะออกคำสั่งโดยไม่รอลงความเห็น
“เสร็จแล้วก็กลับ” เขาตั้งท่าจะฉวยคว้ามือ แต่เพื่อนชาวดอยก็เบี่ยงตัวหนีในทันที
“กลับเลยเหรอ?” ปากอิ่มโค้งคว่ำอย่างเอาแต่ใจ “กำลังสนุกเลย อยู่ต่อไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้” เพลิงตัดบท คว้ามือคนดื้อได้ก็ตั้งท่าลากกลับทันที
แต่ฝีเท้าก็ต้องชะงักหยุดลง เมื่อคนด้านหลังกระตุกดึงชายเสื้อเขาไว้
หากหญิงสาวเพียงแต่เหนี่ยวรั้งคงไม่กระไรนัก ทว่าสายตาที่ช้อนขึ้นมอง รวมถึงการคว้ามือกระด้างขึ้นนวดคลึงแบบนี้ ทำให้ชายแท้แมนเต็มร้อยเริ่มจะปั้นหน้าไม่ถูก
“ขอต่ออีกนิดสิ” เรนขยับตัวเข้าจนใกล้ ใบหน้าเนียนใสที่อยู่ตรงกับระดับอกกว้างเริ่มใช้ลูกอ้อนเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ
“อย่าดื้อได้ไหม?” เพลิงตอบกลับอย่างใจเย็น พยายามอย่างหนักที่จะไม่สนใจเรือนร่างนุ่มนิ่มที่ซวนเซเอนตัวเข้าซบ “วันหลังมีอีกเยอะ เธอค่อยมาไม่เสียหาย”
“เพลิงจะพามาอีกเหรอ?” คนฟังได้ทีร้องถามเสียงใส ยิ้มหวานผุดพรายเมื่อได้อย่างใจต้องการ ก่อนจะเริ่มถูข้างแก้มเข้ากับอกกว้างเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ “เพลิงพูดแล้วนะ”
“ก็ถ้าเธอไม่ดื้อ” เครื่องหน้าคมคายแสดงสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ หากเป็นคนอื่นดื้อด้านขนาดนี้เขาคงไม่เสวนาด้วยแน่ ๆ แต่กลับต้องใจอ่อนให้กับตาใส ๆ ของยายเด็กดอยแทบทุกที
“เราเนี่ยนะ?” คนตัวเล็กชี้นิ้วเข้าที่กลางอกตัวเอง ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอมรับ “เราไม่ดื้อสักหน่อย”
“…” เพลิงหมดคำจะพูดกับท่าทางที่ได้เห็นมาจนชินชา
ใครจะว่าหญิงสาวน่ารักเรียบร้อยอย่างไรก็ตาม แต่เพลิงที่รู้จักกันมายี่สิบปีย่อมรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นแสนจะดื้อรั้น ทั้งยังเอาแต่ใจ ไม่เคยฟังคำเตือนจากเขาเลยสักอย่าง หากเรนจะอ่อนข้อให้ใครก็คงเป็นคนอื่น ไม่ใช่กับไอ้เพลิงคนนี้
“อันที่จริงวันนี้ก็ยังพอไหวอยู่นะ” ถึงตอนนี้เสียงอ้อแอ้ก็ยังคงพึมพำกับตัวเอง
“นี่คือดื้อ” เพลิงหลุบสายตามองอย่างคาดโทษ “ถ้าพูดไม่ฟังทีหลังก็ไม่ต้องมา”
ทว่าคนพูดไม่รู้ฟังก็เมินมองไปอีกทางราวกับจะคิดหาคำพูด
เพลิงเห็นแล้วรำคาญจึงจับศีรษะของเจ้าตัวให้หันมองกลับมา
“จะกลับไม่กลับ?”
“กะ… กลับสิ” จังหวะนี้เองที่การตอบสนองของหญิงสาวเปลี่ยนไป
เมื่อจู่ ๆ ร่างสูงก็ก้มหน้าลงมองในระยะที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจ บัดนี้ใบหน้าหล่อแสนหล่ออยู่ห่างจากปลายจมูกเชิดรั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร
สายตาที่ไม่ต่างไปจากเดิมของเพลิงแสดงออกชัดว่าเป็นการกระทำเพียงเพื่อข่มขู่ให้กลัว แม้ความชิดใกล้ไร้ความหมายประเภทนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำ ทว่าสำหรับฝ่ายตั้งรับไม่เคยคุ้นชินได้เลยสักที
“เพลิงอยากให้กลับก็กลับ” เรนพยักหน้าอย่างว่าง่ายในที่สุด ตากลมโตจ้องตอบอย่างเชื่อฟัง “เราพูดไปอย่างนั้นเอง”
ร่างบางพยายามละสัมผัสต่าง ๆ ออกห่างเมื่อสติที่เหลือเพียงน้อยนิดพึงตระหนักได้ถึงความชิดใกล้ที่มากเกินพอดี ทว่าก้อนเนื้อที่กลางอกกลับยิ่งกระหน่ำเต้นรัวไปกันใหญ่เมื่อเอวคอดถูกรวบกอดเข้าประชิดร่างสูงด้วยแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียว
“ระ… เราเดินเองได้” เสียงตะกุกตะกักละล่ำละลักบอก
“เดินจะล้มทุกสามก้าวแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เข่าแหก” เพลิงหมายความตามที่พูด เขานึกรำคาญอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งเรนตัวแค่นี้กระเตงเดินออกจากร้านคงไม่กระไรนัก ดีกว่าต้องลุ้นว่าจะมีคนล้มคว่ำคะมำหงายทุกสองวินาที
“เราไม่ได้เมาขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไม่เมา?” เพลิงแค่นหัวเราะ “ไม่เมาแบบไหน กระโปรงเปิดไปถึงไหนต่อไหนยังไม่รู้ตัว”
“หา!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลง แต่ยังไม่ทันได้สำรวจสภาพตัวเอง ชายกระโปรงด้านหลังก็ถูกกระตุกดึงให้หลุดจากขอบกางเกงชั้นใน
ขณะที่สองข้างแก้มของคนเมาผ่าวร้อนแทบระเบิด เพลิงกลับไม่ใส่ใจจะขยายความ ปุบปับก็กระชับร่างผอมบางพาเดินออกด้านนอกโดยไม่รีรอ
เสียงจังหวะของเพลง เสียงจอแจของคน รวมถึงแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่กระแสเลือดแทบไม่ส่งผลกระทบต่อโสตประสาทของเพลิงแม้แต่น้อย ทว่าที่ทำให้เขาต้องจัดการอารมณ์ตัวเองอย่างหนักคงไม่พ้นภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่
ใช่ว่าเพลิงจะไม่เคยเห็นผิวกายใต้ร่มผ้าของเพื่อนสนิท…
คลุกคลีด้วยกันมานาน แน่นอนว่าต้องได้เห็นบ้างอย่างน้อยก็วับแวม หากแต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะได้เห็นบั้นท้ายกลมกลึงแสนจะขาวเนียน ไม่มีครั้งไหนจะได้เห็นชั้นในซีทรูเว้าลึกที่ปกปิดอะไรแทบไม่มิด
แม้หญิงสาวจะยังเป็นคนคนเดิมที่อยู่บ้านข้างกันมาร่วมยี่สิบปี แต่เพลิงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเพื่อนตัวน้อยของเขามีสภาพกายพรั่งพร้อมบริบูรณ์สมเป็นสาวสะพรั่งเต็มวัยแล้วจริง ๆ
ถึงตอนนี้เพลิงก็นึกอยากจะแวะที่โต๊ะคนรู้จักสักโต๊ะ ยกเหล้าขึ้นซดให้หมดขวดเพื่อเรียกสมาธิของตัวเองกลับคืนมา เขาเห็นนมมาตั้งกี่เต้า เมาตูดเป็นเพื่อนไอ้เติร์กก็บ่อย ๆ แต่เกิดจะมาเป็นไก่อ่อนแค่ได้เห็นก้นเนียน ๆ ที่แม่งโคตรจะเนียนของเพื่อนสนิท โคตรกากฉิบหาย ก็ถ้าไอ้เติร์กรู้เข้ามีหวังไอ้เพลิงคงถูกเตะออกจากสมาคมแน่ ๆ
หอพัก
“เดินไม่ไหว ขอขี่หลัง”
“…”
“ขี่หลังได้ไหม?”
“…”
เพลิงให้คำตอบเจ้าของคำร้องขอด้วยการย่อตัวลงเพื่อให้คนที่ว่าได้เหนี่ยวกายขึ้นแผ่นหลัง ก่อนแขนแข็งแรงจะตวัดรองรับน้ำหนักใต้ข้อพับขาเริ่มออกเดินขึ้นบันได
“ทำไมวันนี้ทำตัวดี” เสียงเรียบเรื่อยของหญิงสาวชวนคุย กระแสเสียงบ่งชัดว่าอารมณ์ดีเพราะกำลังสบายตัว “ฮืม… ฮืม…”
“รอบหน้าอย่าหวังว่าจะยอมแบก” เพลิงขัดจังหวะคนที่กำลังฮัมเสียงทำนองเพลงพื้นเมือง ทำนองคุ้นหูจึงชะงักหยุดลง
“ถ้าเพลิงไม่ช่วยแบก เราก็เดินเอาเองไม่เห็นจะยาก”
ใบหน้าหวานซึ่งวางคางเหนือบ่ากว้างพึมพำตอบอย่างไม่ยี่หระ และท่าทางไร้สำนึกที่ว่าก็ดึงนัยน์ตาคมให้หันมอง ทันทีทันใดคนปากเก่งก็อ้อมแอ้มเสียงเบา
“แต่ถ้าเพลิงให้ขี่หลังบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนก็ดี”
“ให้แค่รอบนี้รอบเดียว”
“ถ้าเราเดินไม่ไหวล่ะ?”
“เดินไม่ไหวก็คลานเอา คลานไม่ไหวก็นอนมันหน้าตึก”
“ตัวก็ตั้งโต น้ำใจไปไหนหมด?” คนตัวเล็กตะแคงคอจ้อง ขณะที่เพลิงก็จ้องตอบด้วยสายตาประเภทเดียวกัน
“ปากดีแบบนี้ น่าจะปล่อยให้นอนเป็นเพื่อนไอ้ด่างหน้าหอซะให้เข็ด”
“ถ้าเพลิงทำงั้นจริง เราจะฟ้องคุณป้า”
“ถ้าเรารู้ว่าเธอจะขี้ฟ้อง คงเอาเวลาไปส่งสาวคนอื่น”
“ใจร้ายอีกละ” คนฟังเบือนหน้าไปทางอื่นแสร้งเฉยชากับคำที่ได้ยิน
สถานะความสัมพันธ์รวมถึงสิ่งที่หญิงสาวได้รับมาโดยตลอดไม่ต่างอะไรกับดาบสองคม…
ประโยชน์ข้อเดียวของการแอบรักเพื่อนสนิท คงไม่พ้นการได้อยู่ชิดใกล้โดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุเพียงเพื่อจะได้ใกล้ แต่ข้อเสียคือต้องอดทนยอมรับดาบคมที่สอง… คม ที่ขยันบาดหัวใจซ้ำไปซ้ำมา
คนบางคนไม่เคยล่วงรู้ถึงความรู้สึกในส่วนลึก กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบอกความลับภายในใจ และเพราะอีกฝ่ายไม่เคยรับรู้ทำให้บทสนทนาประชดประชันที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นไปในรูปแบบที่เพื่อนสนิทพึงพูดคุย คนที่ต้องทำใจรับให้ได้ เห็นจะมีแค่เจ้าของความลับเพียงคนเดียว
ความเงียบซึ่งเข้าครอบครองการสนทนา ประกอบตาคมที่ชำเลืองมอง ทำให้เรนนึกกลัวเหลือเกินว่าความรู้สึกซึ่งมากล้นอยู่ในอกอาจเผยให้อีกฝ่ายได้เห็น สุดท้ายจึงกลบเกลื่อนอาการด้วยเสียงบ่น
“มีอย่างที่ไหนใจร้ายกับเพื่อนสนิทได้ลงคอ”
“ใครที่กำลังแบกเธอเดินขึ้นบันไดตั้งสี่ชั้น” เพลิงหันมองเจ้าของผิวแก้มแดงเรื่อที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ตั้งท่าแจกแจงเผื่อมีคนน้อยใจเป็นจริงเป็นจัง “ถ้าเราเลือกสาว ๆ เธอคงไม่ได้ไปด้วยตั้งแต่แรก”
“…”
“ถ้าใจร้ายนักคงไม่ตามใจสารพัดขนาดนี้” เขาพูดเรื่องจริงทั้งนั้น
นอกจากยายน้อยแล้ว ใช่ว่าไอ้เพลิงจะต้องเอาใจใครขนาดนี้ ตามใจก็เท่านั้น ยายเด็กดอยได้อภิสิทธิ์เหนือใครไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่ชอบทำน้อยใจอยู่เรื่อย นับว่ายังดีที่รอบนี้ไม่มีใครเถียงเขาเหมือนเช่นตลอดชั่วโมงที่ผ่านมา ร่างสูงจึงเริ่มก้าวขาขึ้นบันไดอีกครั้ง
ส่วนคนที่ซบคางเหนือบ่ากว้างก็สงบปากสงบคำเงียบเชียบ เสียงการโต้เถียงชะงักหยุดลง มีเพียงสัมผัสชิดใกล้เท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไป…