Share

chapter 5

last update Last Updated: 2025-01-03 14:22:30

“คือ...ต้องหาผ้าชิ้นใหญ่ ๆ มาใช้ห่อผักพวกนี้ให้สดชื่นให้มากที่สุดนะ ข้าทำคนเดียวคงจะต้องใช้เวลานาน หากพวกท่านต้องการให้รีบไป ก็ต้องช่วย”

รองแม่ทัพพยักหน้า นายทหารสองคนก็รีบตามเก้าเทียนรุ่ยไปที่หลังบ้าน

“ท่านรอข้าตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอไปหาท่านแม่ ขอผ้าชิ้นใหญ่ ๆ มาใช้ก่อน อ๋อ...ข้าลืมไปเลย ท่านช่วยไปเอารถที่ข้าใส่ผักที่ยังอยู่หน้าบ้านมาให้ด้วยนะขอรับ”

สั่งความเสร็จเก้าเทียนรุ่ยก็รีบเดินไปหาท่านแม่เพื่อค้นหาสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ ก่อนจะออกมาจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นโดยเร็วไวและมิลืมที่จะไปบอกกล่าวเจ้าของบ้านที่ให้เขากับท่านแม่เช่าอยู่ด้วยอัตราค่าเช่าที่ถูกมากเพื่อให้มาเก็บผักที่เหลือไปกินและแจกจ่ายเพื่อนบ้าน เพราะเขามิรู้เลยว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า...มิได้คิดไปเอง แต่โอกาสที่ได้กลับมาที่นี่มีน้อยมาก เมื่อคิดดูแล้ว ถึงอยู่ห่างไกลเช่นนี้ยังมีคนตามหาตัวจนเจอ มินานคนพวกนั้นก็อาจจะล่วงรู้ก็เป็นไปได้ เสร็จเรื่องนี้แล้วเก้าเทียนรุ่ยคิดว่าจะต้องปรึกษากับท่านแม่เรื่องหาที่อยู่ใหม่ให้ห่างไกลจากคนพวกนั้น...มากเท่าไหร่ยิ่งดี

“เจ้ายังมีสิ่งใดที่ต้องนำไปอีกไหม”

“มิ...มิมีแล้วขอรับท่ารองแม่ทัพ” เก้าเทียนรุ่ยรีบเดินไปประคองท่านแม่เดินตามหลังนายทหารไป

“เราไปกับเถอะขอรับท่านแม่” หากยังมิทันจะได้ออกเดินทาง ก็ต้องหยุดเพราะวาจาของรองแม่ทัพ

“อย่างไรเจ้าก็จะไปทำการรักษาคน ข้ามิใจดำให้ท่านหมอเช่นเจ้าเดินเท้าตามไปหรอกนะ”

มิต้องมองเช่นนั้น เก้าเทียนรุ่ยรู้ดีว่ารูปร่างผอมบางที่เจอลมแรงสักหน่อยก็อาจจะปลิวไปได้ ให้เดินทางไกลคงจะป่วยก่อนไปถึง แล้วยังไงล่ะ จะให้เขาไปอย่างไรในเมื่อมีทหารเพียงแค่สามคนกับตัวรองแม่ทัพและม้าอีกหนึ่งตัวเท่านั้น

เก้าเทียนรุ่ยมองคนกล่าวด้วยความสงสัย ก่อนที่ปากมันจะไวเผลอถามออกไปว่า

“ให้นั่งบนม้ากับท่านหรือ...ข้าขี่ม้ามิเป็นหรอกนะขอรับ อีกทั้งข้าก็มิอาจปล่อยให้ท่านแม่เดินเท้าในขณะที่ข้าขี่ม้ามิได้ด้วย”

หากคำตอบที่ได้รับนะหรือ...เขาได้ขี่ม้าจริง ๆ หากเป็นการขี่ร่วมกับท่านแม่ ขณะที่รองแม่ทัพที่มีเพียงหน้าเดียว...นิ่งสนิทราวกับมีหน้ากากสวมไว้เดินจูงม้า

มีหลายเรื่องที่เก้าเทียนรุ่ยอยากจะไถ่ถามออกไป หากเมื่อเจอกับความนิ่งเงียบของรองแม่ทัพและนายทหารผู้ติดตาม ก็เลยคิดว่า...ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ต้องเป็นละกัน!

“เอ่อ...ท่านรองแม่ทัพขอรับ” บุรุษตรงหน้ารีบยื่นมือมาห้ามเหมือนจะรู้ว่าเขานั้นคิดไถ่ถามอันใด แต่เพราะจำเป็นต้องรู้จึงต้องไถ่ถาม

“ถึงอย่างไรเราก็ต้องรู้ขอรับท่านแม่ อย่างน้อยข้าก็ควรจะได้รู้ไปบ้างว่า เขาผู้นั้นเป็นใครและป่วยมานานเท่าใดแล้ว อีกทั้งป่วยด้วยโรคประหลาดอันใด ไยท่านแม่ทัพถึงได้ดั้นด้นติดตามหาตัวข้าที่ก็ไร้ชื่อเสียงอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้เพื่อไปทำการรักษาทั้งที่มิรู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่”

“ไยต้องรู้ในยามนี้ ไปถึงก็ได้รู้”

เก้าเทียนรุ่ยได้แต่กลอกตาไปมา “จะรู้ช้าหรือเร็วก็รู้เหมือนกันมิใช่หรือขอรับ การที่ข้ารู้เร็วอาการ รู้ระยะเวลาที่ป่วยเร็วเท่าไหร่ จะยิ่งเป็นการดีกับการคิดหาหนทางช่วยเหลือได้เร็วมิใช่หรืออย่างไร...รู้ช้า เกิดรักษามิได้ ข้าก็ยังพอจะได้มีเวลาคิดว่าทำอย่างไร หัวข้ากับท่านแม่จะยังอยู่ที่เดิม มิถูกตัดจนแยกห่างจากกัน” กล่าวออกไปแล้วเก้าเทียนรุ่ยก็เพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ จะยกมือปิดปากในตอนนี้ก็มิทันแล้ว ก็เลยได้แต่กลอกตาและถูกมือท่านแม่เพื่อบอกให้ท่านใจเย็นที่สุด

“ข้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้ที่มีความสำคัญมาก...มิเช่นนั้นคงจะมิทำให้ท่านที่เป็นถึงรองแม่ทัพจะต้องมาเชิญข้าด้วยตนเอง...ถึงแม้จะมิเต็มใจที่จะมาก็ตาม” หากมิใช่ว่าเร่งรีบให้ไปทำการรักษาและปรุงอาหารให้คนผู้นั้นได้กินเพื่อจะได้ให้หายจากการเจ็บป่วยโดยเร็วละก็...ท่านรองแม่ทัพคงจะมิยินยอมทำตามความต้องการของเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้หรอกนะ

อย่างไรนะหรือ...ครั้งแรกจะพาเก้าเทียนรุ่ยผู้นี้ไปเพียงลำพังนะสิ หากเมื่อเขายืนยัน...นอนยัน อย่างไรก็มิยอมไป หากมิพาท่านแม่และข้าวของทั้งหมดไปด้วย จากที่ต้องเดินทางกันเลยก็ต้องรอคอยเพื่อจัดเตรียมรถม้าและรถที่สามารถพาผักของเขาไปด้วยนะสิ

“เหลียนซีฮัน...เสวียนลิ่วหลาง”

“มีอันใดหรือขอรับท่านแม่” ยังมิทันจะสิ้นวาจาของรองแม่ทัพ ท่านแม่ก็ใบหน้าซีดเผือดแล้ว เหมือนอยากจะพูดอันใดกับเขา หากก็มิกล้าหรืออาจจะตกใจและหวาดกลัวเกินกว่าจะกล่าวออกมา

หากเก้าเทียนรุ่ยคิดมิผิด นามที่ถูกกล่าวถึงดูท่าจะเป็นบุรุษ...ที่น่าจะเป็นบุรุษที่มีความสำคัญยิ่ง

“ท่านแม่เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ เขาผู้นั้นเป็นใคร...มิต้องกลัวขอรับ หากเรามิทำสิ่งใดผิด เขาก็เอาผิดเรามิได้” ก็กล่าวไปอย่างนั้นเองแหละ ด้วยรู้ว่าสำหรับบางคนแล้ว...อำนาจอยู่ในมือ จะทำอันใดก็ทำได้ทั้งนั้น ชีวิตตนเองคือที่สุด ส่วนชีวิตผู้อื่นนะหรือ...ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น จะเป็นจะตายไม่มีค่าให้สนใจ

“เกิดอันใดขึ้น” ด้วยว่าท่านแม่ยังมิทันจะได้กล่าวอันใด ด้านนอกรถม้าก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้เก้าเทียนรุ่ยรีบยื่นมือออกไปเปิดผ้าม่านออกดู ก็เหมือนจะพบว่ามิมีสิ่งใดผิดปกติไป

“ท่านแม่รอในนี้นะขอรับ ข้าจะลงไปดูว่าด้านล่างนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น ”

“อย่าเลยเอ้อร์เอ๋อร์ อันตราย”

“มิเป็นไรขอรับ ตัวข้ายังมีความสำคัญอยู่ ท่านแม่ทัพหน้าตายผู้นั้นมิยอมให้ข้าเป็นอันใดไปเด็ดขาด...มิเป็นไรขอรับ ข้าเอาตัวรอดได้” เก้าเทียนรุ่ยส่งยิ้มให้กับท่านแม่ที่พยายามห้ามมิให้ลงจากรถม้า

“เชื่อใจข้านะขอรับ มิว่าเกิดอันใดขึ้น ข้าเอาตัวรอดได้และยังจะพาท่านแม่หนีไปได้ด้วย” มิได้เชื่อมั่นในพลังของตนเองหรอกนะ หากเชื่อในบางสิ่งบางอย่างที่คนผู้นั้นให้ติดตัวมากับการมาอยู่อาศัยในร่าง...เก้าเทียนรุ่ย

“ระวังตัวด้วยนะเอ้อร์เอ๋อร์”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 124 - จบ

    “แล้วเด็กสองคนนั้น” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยถามเพราะหนานชวนส่งข่าวให้รู้บ้างแล้ว“ดูเป็นเด็กดีอยู่ขอรับ” นับตั้งแต่ที่เขาอยู่กับเสวียนลิ่วหลางมา มิเพียงแค่ร่างกายที่เปลี่ยนไป หากรับรู้ว่าภายในกายเริ่มมีพลังลมปราณมากพอที่จะสัมผัสได้ว่าใครมีวรยุทธ์และพอจะมองออกว่าผู้ใดมาดีหรือร้าย ทำให้มองออกว่าเด็กน้อยสองคนเป็นเด็กดีจริง ๆ จึงยินดีเป็นอย่างมากที่มารดามีคนดี ๆ มาคอยดูแล“แล้วท่านพี่ละขอรับ พบเจอเรื่องใดหรือไม่”หากเสวียนลิ่วหลางมิทันจะได้บอกกล่าวเรื่องที่ได้ไปตรวจสอบมา...มิได้มีสิ่งใดร้ายแรง ก็เป็นพวกมารปลายแถวกับเผ่าปีศาจที่มิชอบหน้ากันมาทะเลาะกัน แล้วกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นใหม่เขาอยากแสดงว่าตนมีฝีมือเท่านั้น ก็มีบางคนเดินเข้ามา“มาทำไม” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยเสียงเข้มดุ หากเด็กน้อยตรงหน้ากลับมิสนใจแล้วยังจะส่งยิ้มให้กับเก้าเทียนรุ่ยเพื่อยั่วโทสะยักษ์ใหญ่ตรงหน้าอีกด้วย“มิได้มาหาเจ้าเสียหน่อย มาหานั่น...” ปากเล็กสีแดงสดบุ้ยใบ้ไปทางเก้าเทียนรุ่ย “ต่างหากล่ะ...คิดถึงมากเลย”“ที่นี่เรือนข้า...ไปคิดถึงไกล ๆ หากมิอยากถูกจับโยนออกไป”“กล้ารึ...ข้าพี่ชายสองนะ เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายเมียเจ้ารึ”“ฮึ! พี่ชายที่นอก

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 123

    “อึก...อ้ายฉี!” ชิงชวนร้องเรียกด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะยังมิทันได้เตรียมกายรับอ้ายฉีก็แทรกแท่งใหญ่ร้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังจะหัวเราะร่าพร้อมกับกลั่นแกล้งเขาด้วยการขยับกายออกแล้วเคลื่อนกลับเข้าไปใหม่จนสุด“ไอ้เจ้าบ้าอ้ายฉี!”“อา...ข้ามันคนบ้านี่น่า เขาว่าคนบ้าทำอะไรก็มิผิด” ว่าแล้วอ้ายฉีก็เร่งเคลื่อนกายจู่โจมเข้าในพื้นที่เร้นลับของชิงชวนอย่างหนักหน่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จากนุ่มนวลกลับเป็นรุนแรงเมื่อถูกผนังอ่อนนุ่มบีบรัด“เจ้าว่า...ข้าจะบ้าได้มากกว่านี้ไหมอาชวน”“หยุดทำอย่างที่เจ้าคิดเลยนะอ้ายฉี” ชิงชวนห้ามปรามเมื่อพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำการสิ่งใด เขามิอยากเดินออกจากห้องพักอย่างอับอายเพราะถูกอีกฝ่ายจับกดจนเตียงพังอย่างเช่นโรงเตี้ยมที่ก่อนหน้าอ้ายฉีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะกล่าวออกไป “ข้ายังมิได้คิดอะไรสักหน่อย”“ฮึ! เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะมิล่วงรู้ ข้าอยู่กับเจ้ามานานเท่าใดแล้ว ยามนี้หากมิใช่เพราะคิดว่าเดินทางกันพอแล้วกับในยุทธภพมีเรื่องมากมายชวนปวดหัว คิดว่าเจ้ากับข้าจะคิดกลับไปหาท่านแม่ทัพ...นายท่านกับคุณชายหรือไงกัน”“ครั้งนี้ข้ายอมก็ได้” หากมิใช่เพราะจะทำให้ชิงชวนอับอาย แต่เขาสัมผัสได้ว

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 122

    “ใบหน้าเมียข้ายามนี้ช่างงดงามเหลือเกิน เร่งอีกหน่อยสิท่านพี่ ข้าอยากได้ยินเสียงร้องของอาเหว่ย” จวินต้าเกอเอ่ยยามทอดสายตามองใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขสมยามถูกกระแทกด้วยความต้องการ“ได้สิน้องข้า” เฮยต้าเกอตอบรับ ผนังอ่อนนุ่มช่างบีบรัดเสียจนเขาถึงหายใจหอบแรงทำให้เขาขยับโยกกายด้วยความหนักหน่วงรุนแรงตามความต้องการที่มันเพิ่มมากขึ้น...และมากขึ้นจางเหว่ยสัมผัสได้ถึงกระแสความร้อนที่ไหลพุ่งเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับเสียงครางของเฮยต้าเกอ ก่อนคลื่นความร้อนครั้งใหม่จะถาโถมเข้าหา“ข้าถูกพี่ใหญ่กลั่นแกล้ง แล้วยังจะต้องพาหมูป่ากลับมา ระหว่างทางก็ยังจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำด้วย กว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยมิใช่น้อย เมียข้าช่วยปลอบโยนข้าหน่อยนะ” จวินต้าเกอเอ่ยขณะสองมือใหญ่ลูบคลำไปทั่วร่างกายพร้อมกับใช้แท่งใหญ่ยักษ์ของตนเองกดรุกล้ำเข้าไปในร่องทางด้านหลังของจางเหว่ยยามถูกผนังอบอุ่นห่อหุ้มและรัด ความต้องการของจวินต้าเกอก็เพิ่มมากขึ้น เขาขยับกายตัวราวกับพายุฝนที่กำลังกระหน่ำสาดซัดอย่างรุนแรง“หากเมียข้ายังจะทำสีหน้าเช่นนั้น...วันนี้เราคงจะมิได้ไปหานายท่านกับคุณชายเป็นแน่” เฮยต้าเกอกล่าวขณะวางมือลูบไล้บนอกเมียรัก“ข้า

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 121

    “ท่าน...ท่านพี่” จางเหว่ยเอ่ยทักสองบุรุษที่เดินเข้ามาในบ้านเสียงแผ่วเบา ด้วยอย่างไรเขาก็ยังมิชินกับการเป็นฟูเหรินของบุรุษด้วยกัน แต่มิใช่เพราะเขาจำต้องผูกพันธสัญญาหรือมิเต็มใจอยู่กับกระทิงสองพี่น้องหรอกนะ แต่เพราะใจของเขาก็รู้สึกดีกับทั้งสองคนอยู่มิน้อย ยิ่งเมื่อผ่านพ้นค่ำคืนผูกพันธสัญญาไปแล้ว เฮยต้าเกอและจวินต้าเกอก็ดูแลเขาอย่างดี“มิสบายหรือเมียข้า” เฮยต้าเกอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ามิได้เป็นอะไร หากแต่ท่านพี่กับท่านพี่จวิน เหตุใดถึงได้กลับมาเรือนเร็วเช่นนี้ ยังมิทันจะเที่ยงเลย ท่านมิสบาย...บาดเจ็บใช่หรือไม่” จางเหว่ยเอ่ยถามพลางมองดูว่าบุรุษตรงหน้ามีบาดแผลที่ส่วนใดของร่างกายบ้าง“มิได้เป็นเช่นนั้น วันนี้โชคดี ได้หมูป่าตัวใหญ่มา เลยคิดกันว่ารีบกลับบ้านจะดีกว่า หมูป่าตัวใหญ่เช่นนี้ถ้าได้นั่งล้อมวงกินกันหลาย ๆ คนคงจะดีมิใช่น้อย อาเหว่ยอยากพามันไปกินกับนายท่านกับคุณชายหรือไม่” เฮยต้าเกอกล่าวถึงเสวียนลิ่วหลางกับเก้าเทียนรุ่ย“แต่กว่าท่านพี่จะจับมันได้...มิง่ายเลยนะขอรับ” แม้จะดีใจที่กระทิงสองพี่น้องยังคิดถึงความรู้สึกของเขา“สัตว์มีอยู่เต็มป่า จะจับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นายที่ดีอย่างนายท่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 120

    “อ่า...รอค่ำคืนนี้ก่อนนะเมียรักของข้า รุ่งสางแล้วเราต้องเร่งทำเวลา” ยามนี้จวนแม่ทัพยังมีงานให้เขาทำอยู่ อีกทั้งยังบางคนที่มิอยากให้เขาออกไปใช้ชีวิตที่อื่นก็มาคอยอ้อนวอนขอร้อง“อื้อ...” เก้าเทียนรุ่ยรับคำก่อนจะยกตนเองขึ้นเพื่อตอบรับเจ้ายักษ์ใหญ่ที่ค่อย ๆ สอดดันเข้ามาในร่างก่อนจะถอนออกอย่างเชื่องช้า แล้วย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งจะลึกขึ้นเรื่อย ๆร่างเล็กบางไหวโยกตามแรงเคลื่อนไหว ผนังด้านในรับรู้สึกแท่งร้อนที่บุกรุกเข้ามาในกายครั้งแล้วครั้งเล่า บ้างก็เชื่องช้า บ้างก็รวดเร็ว“ท่านพี่”ใบหน้าแดงระเรื่อของเก้าเทียนรุ่ย ดวงตากลมใสที่ยามนี้ฉายแววปรารถนาอย่างชัดเจนทำให้เสวียนลิ่วหลางยิ่งถาโถมแท่งร้อนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามด้วยความปรารถนาที่รุนแรง เสียงสะท้อนของร่างกายที่กระทบกันดังทั่วห้องเช่นเดียวกับเสียงหอบของสองคนที่ดำดิ่งกับความใกล้ชิดเสวียนลิ่วหลางพลิกกายบางให้ลงนอนคว่ำ ใบหน้าเก้าเทียนรุ่ยแนบกับหมอนหนุน แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็กขณะกดสะโพกพาแท่งเหล็กร้อนให้ดำดิ่งสอดแทรกไปในช่องทางที่อ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนเสียงคำรามจะแผดดังขึ้นพร้อมกระแสความร้อนไหลพุ่งเข้าสู่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 119

    “เอาเป็นข้า...” เด็กน้อยเคลื่อนไหวกายเพียงเล็กน้อยแต่กลับรวดเร็วเสียจนแทบจะมองมิทัน เพียงแค่มิถึงหนึ่งจิบชาดูเหมือนว่าทุกคนที่ยังคงอ่อนแรงยกเว้นเสวียนลิ่วหลางก็ดีขึ้น“ข้าช่วยพวกเจ้าได้เพียงแค่นี้ ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าเองแล้ว”“เดี๋ยว!” เก้าเทียนรุ่ยร้องเรียกเด็กน้อยตรงหน้าที่หันกายจะจากไป“มีอะไรอีก ข้ามิได้คิดร้ายกับพวกเจ้านะ”“เปล่า ข้ามิได้คิดเช่นนั้น แต่...” เก้าเทียนรุ่ยขบเม้มปากเข้าหากัน มิรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกของเขาเองหรือเปล่าที่รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กน้อยตรงหน้าประมาณหนึ่ง จนมันอดที่จะคิดมิได้“หากเจ้ามิพูดอะไร ข้าจะไปแล้วนะ”“เจ้า...คุณเป็นหนึ่ง” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา“หือ...” คิ้วของเด็กน้อยเลิกขึ้น“ใช่หรือไม่”เด็กน้อยคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “จะใช่หรือมิใช่ จะมีสิ่งใดแตกต่างไปล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว เจ้านั่นแหละ...ได้โอกาสแล้วก็ใช้ชีวิตนับจากนี้ไปให้มีความสุขเถอะ” กล่าวจบเด็กน้อยที่มิบอกกล่าวให้ทุกคนรู้เป็นผู้ใดจากไปพร้อมกับร่างของเสวียนลิ่วหลางที่ทรุดล้มลงศีรษะแนบชิดกับลำคอเก้าเทียนรุ่ย“ท่านพี่!”“ท่านแม่ทัพ!”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status