ตูม! จางเฉิงหลงถูกฮว่าจิ่วหยางซักถามจนสมองดังวิ้ง ๆสถานการณ์ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าเขากล้าสงสัยฉู่เฉินอีกก็เท่ากับว่ากำลังสงสัยฮว่าจิ่วหยาง จางเฉิงหลงรู้สึกขมขื่นในใจ! เขาไม่ยอมรับ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮว่าจิ่วหยาง เขากลับทำได้เพียงสะกดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว “เปล่านะครับ ผู้อาวุโสฮว่า ผะ...ผม...” “เลิกพูดไร้สาระ ก่อนหน้านี้คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าเกิดคุณฉู่รักษาโรคของเธอให้หายได้ คุณจะกินขี้ชามใหญ่? ตอนนี้คุณทำตามที่เดิมพันไว้ได้แล้ว” พอได้ยินฮว่าจิ่วหยางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จางเฉิงหลงก็ตะลึงงันนั่นเป็นคำพูดที่เขาเอ่ยเพราะความโกรธไปชั่วขณะโอเคไหมใครจะเอาการเดิมพันแบบนี้มาคิดเป็นจริงเป็นจังกันล่ะ? “เชี่ย คราวนี้รองผู้อำนวยการจางจะบุกเบิกอาหารของมนุษย์แล้ว” “จากนี้ไป รองผู้อำนวยการจางจะเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของห่วงโว่อาหาร รองผู้อำนวยการ มาเลย เขมือบขี้ชามนี้เลย” “รองผู้อำนวยการ อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ ก็แค่กินขี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราสนับสนุนคุณ!” ข้อความนับไม่ถ้วนลอยผ่านในช่องไลฟ์สด ดวงหน้าของจางเฉิงหลงซีดเผือด
เมื่อเห็นเสียงซักถามเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ในช่องไลฟ์สด หลิ่วหรูเยียนก็ลุกขึ้นพรวดแล้วพูดกับซูซูว่า “คุณซูคะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันยังมีประชุมสำคัญที่ต้องเข้าร่วมในบริษัท ขอตัวก่อนนะคะ” หลิ่วหรูเยียนพูดจบก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วหันตัวหมายจะเดินออกไป“อะไรกัน นี่ก็คือความซื่อสัตย์ของผู้จัดการใหญ่หลิ่วเหรอ?” ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเอ่ยถามอย่างเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากทางด้านหลังเท้าของหลิ่วหรูเยียนที่ก้าวออกไปพลันหยุดชะงัก จากนั้นเธอก็หันตัวกลับมาทันทีแล้วยิ้มหยันให้ฉู่เฉินก่อนจะพูดว่า “ฮึ ฉู่เฉิน นายอย่าคิดว่าโชคดีแล้วจะมีความหมายอะไรนะ?”“นายอวดว่าวิชาแพทย์สูงส่งไม่ใช่หรือไง? ถ้ามีความสามารถ นายก็เข้าร่วมการแข่งแพทย์แผนจีนระดับมณฑลในเดือนหน้าสิ!”“ฉันจะส่งตัวแทนจากบริษัทไปแข่งกับนายเอง!” “ถ้าไม่มีความกล้าพอก็เลิกพูดพล่ามซะ!” หลังจากทิ้งท้ายคำพูดไว้แล้ว หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งออกไปจากสตูดิโอเหมือนหนีเอาตัวรอด ในช่องไลฟ์สดเต็มไปด้วยเสียงด่าทอหลิ่วหรูเยียนอยู่ชั่วขณะ ซูซูขมวดคิ้ว พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเลยรีบเอ่ยปากตอนที่ยังมีโอกาสว่า “เฮ้อ จริง ๆ แล้วด้วยวิชาแพทย์ของคุณฉ
หืม?จินเจิ้นหลงอดอึ้งไม่ได้ ฉู่เฉินรู้ชื่อลูกชายของเขาได้อย่างไร? ไอ้เด็กนี่คงไม่ได้หาเรื่องฉู่เฉินหรอกใช่ไหม? พอคิดถึงความเป็นไปไปได้เช่นนี้ จินเจิ้นหลงก็ตกใจกลัวจนกลืนน้ำลาย เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ฉู่มีอะไรจะชี้แนะ?” “ไม่อย่างนั้นให้ผมพาเขามาเยี่ยมคุณวันหลังไหม?” ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมแล้ว ผมกะดูแล้วว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะมาถึงแล้ว” ว่าไงนะ? จินเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของฉู่เฉินมีเจตนาอะไรกันแน่ จินหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ทางด้านข้างก็มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน .....เวลานี้เอง ห่างจากบ้านเก่าของตระกูลฉู่ออกไปหลายร้อยเมตร จินอ้าวเทียนที่พันผ้าพันแผลเต็มมือกำลังเดินมาทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่อย่างคุกคาม ความจริงแล้ว ตอนกลางวันเขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่บังเอิญว่าตอนนั้นฉู่เฉินกำลังจัดวางค่ายกลซ่อนงำไว้รอบ ๆ บ้านเก่าของตระกูลฉู่ จินอ้าวเทียนพาคนของสำนักมวยวนอยู่รอบบ้านเก่าของตระกูลฉู่ครึ่งค่อนวันก็หาตำแหน่งที่แน่ชัดของบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอ ท้ายที่สุดก็
แม้แต่แขนที่ยกก้อนอิฐก็ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เห็นจินเจิ้นหลงเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ดวงตาสองข้างจ้องมองจินอ้าวเทียนด้วยแววตาเย็นชา มืออีกข้างยังสั่นไม่หยุด “พะ...พ่อ? พ่อมาอยู่นี่ได้ยังไง?” จินอ้าวเทียนสะบัดมือโยนก้อนอิฐทิ้งไปทางด้านข้าง มองจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ“ไอ้เด็กเวร แกจะทำให้ใครพิการ?!” จินเจิ้นหลงโกรธจนหนวดเบี้ยว มองจินอ้าวเทียนด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางทำหน้าบูดบึ้งสุดขีด“พ่อ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นพ่อ ผะ...ผมมาหาคนแซ่ฉู่เพื่อคิดบัญชี พ่อดูสิ คนแซ่ฉู่ทำมือของผมหักไปข้างหนึ่ง ผมจะทำให้มันพิการให้ได้...” เพียะ!จินอ้าวเทียนยังพูดไม่จบ ใบหน้าอีกข้างก็โดนตบอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เพียงแต่ว่าคนที่ลงมือครั้งนี้เป็นจินหลิงเอ๋อร์ สองพ่อลูกตบหน้าติดต่อกันสองที ตบจนจินอ้าวเทียนมึนงงโดยสิ้นเชิง “พะ...พี่ ทะ...ทำไมพี่ถึงตบผม?”จินอ้าวเทียนจะร้องไห้แล้ว เขายังไม่ได้ทำอะไรฉู่เฉินก็โดนตบหน้าไปก่อนสองฉาดพวกลูกศิษย์สำนักมวยที่อยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นก็พากันหลบออกไปไกล ๆ ขอเพียงเป็นคนที่มีสายตาแหลมคม แค่มองก็รู้ว่าคราวนี้จินอ้าวเทียนเตะโดนแ
ที่จริงฉู่เฉินเพิ่งเข้าใจคำว่าคนจนเรียนหนังสือคนรวยเรียนยุทธ์จากชื่อเสียงของจินเจิ้นหลงก็คงมีเพื่อนร่วมสายอาชีพแต่ยาบำรุงปราณของเขาสำหรับนักสู้แล้ว ก็มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เช่นกัน ไม่เพียงแต่สามารถทำให้อายุวัฒนะ แต่ยังทำให้พลังแข็งแกร่งอีกด้วยแม้แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้นักสู้ทะลวงคอขวด ส่งผลให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นสำหรับนักสู้แล้ว ยาบำรุงปราณมีความดึงดูดที่สุดแต่เห็นได้ชัดว่าจงอาหู่ไม่มีคอนเนคชั่นทางด้านนี้ ถ้าเทียบกันแล้วจินเจิ้นหลงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ฉู่เฉินตอบตกลงรักษาจินเจิ้นหลงจินเจิ้นหลงยกเท้าขึ้นมาถีบเข้าไปที่ก้นของจินอ้าวเทียน พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่รีบขอบคุณคุณฉู่อีกเหรอ?”ต้องขอบคุณมันด้วยเหรอ?ใบหน้าจินอ้าวเทียนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจตรงดิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ขอบคุณความมีน้ำใจและใจกว้างของคุณฉู่”“ไสหัวไปได้แล้ว!”จินเจิ้นหลงเตะจินอ้าวเทียนอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็รีบคลานหนีออกไปเมื่อจินอ้าวเทียนออกไปไกลแล้ว ใบหน้าของจินเจิ้นหลงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูดขึ้นมาว่า “คุณฉู่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาได้เลยนะคร
ฉู่เฉินครุ่นคิดก่อนแล้วจึงพูดหยั่งเชิงว่า “หากต้องการรักษาโรคของคุณหนูจิน จำเป็นต้องใช้หญ้าเทียนหลิง ต้องใช้เวลาซึ่งหาได้ยาก รอให้ผมเจอวัตถุดิบยานี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้ครับ”จินเจิ้นหลงก็ไม่กล้าขัด จึงทำได้แค่พยักหน้ารัวๆคุยกับฉู่เฉินอีกไม่กี่ประโยค จินเจิ้นหลงก็พาลูกสาวเขากลับไปหลังจากที่ออกจากประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนรถถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ ทำไมเมื่อกี้พ่อไม่ตอบรับคุณฉู่ล่ะคะ?”“ยาลูกกลอนเป็นทรัพยากรที่หายากในวงการยุทธ์นะคะ บางทีหากตระกูลจินของเราพึ่งพาอำนาจของคุณฉู่ เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้นะคะ”จินเจิ้นหลงส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมาว่า “หลิงเอ๋อร์ ลูกมองปัญหาง่ายเกินไปแล้ว”“เอ๋?”จินหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ หนูไม่เข้าใจความหมายของพ่อ จากทักษะการแพทย์ของคุณฉู่ ยาลูกกลอนที่เขาให้ต้องยอดเยี่ยมแน่นอนค่ะ”จินเจิ้นหลงถอนหายใจยาวออกมา พร้อมอธิบายว่า “นั่นก็ถูก นักสู้ที่ระดับพลังยิ่งสูง ความต้องการที่มีต่อยาลูกกลอนก็ยิ่งสูง แต่ทว่าลูกเคยคิดไหม ว่าคนที่สามารถจ่ายให้กับของพวกนี้ได้เป็นใครกันบ้าง?”“หากยาลูกกลอนมีปัญหา แ
เมื่อเห็นว่าจินอ้าวเทียนและจินหลิงเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จินเจิ้นหลงจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังตามจริงเมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินสามารถสังหารซ่งหู่ได้เพียงคราวเดียว สองพี่น้องตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมทั้งร่างโดยเฉพาะจินอ้าวเทียน เขาแอบดีใจยิ่งกว่าที่ได้พบกับพ่อของเขาที่ประตูบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ ไม่อย่างนั้น...ซี้ดๆ!ไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย!หลิ่วหรูเยียนผู้หญิงพวกนี้ นี่แม่งเป็นการส่งกูไปตายชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?จินอ้าวเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ก่นด่าหลิ่วหรูเยียนในใจเป็นหลายสิบครั้ง!แม้ว่าเขาจะต้องการเรือนร่างของหลิ่วหรูเยียน แต่ผู้หญิงแค่คนหนึ่งไม่มีค่าพอที่จะให้เขาเสี่ยงชีวิตหรอกสำหรับจินหลิงเอ๋อร์ เธอก็กลัวจนเหงื่อเย็นท่วมตัวเช่นกัน!เมื่อกี้ที่เธอลงมือกับฉู่เฉิน หากไม่ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามออมมือให้ เธอเกรงว่าชีวิตเล็กๆ ของเธอคงจะไม่เหลือแล้วมั้ง?“ดังนั้นถึงบอกว่าฉู่เฉินคนนี้ ทำได้แค่ประจบประแจง และอย่ายั่วโมโหเขาเด็ดขาด อย่างน้อยตระกูลจินของเราไม่มีกำลังนั้น เข้าใจไหม?”จินเจิ้นหลงกล่าวอย่างจริงจังจินหลิงเอ๋อร์และจินอ้าวเทียนสองพี่น้องพยักหน้ารั
…อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินเพิ่งส่งคนตระกูลจินกลับไปได้ไม่นาน โจวเทียนเฟิ่งก็ส่งรูปมาให้เขารูปหนึ่งรูปนั้นเป็นรูปของโจวเทียนเฟิ่งเองเพียงแต่โจวเทียนเฟิ่งที่อยู่ในรูป แทบจะทำให้เห็นความที่สุดของคำว่ายั่วยวน ผมลอนใหญ่ม้วนยาวสง่า สวมหมวกพยาบาลแบบเฉียงๆ อีกด้วยท่อนบนสวมชุดพยาบาลซีทรู เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งครึ่งวงกลมสีขาวสองส่วนกระโปรงซีทรูปกปิดท้องน้อยที่กระชับและเรียบเนียนไว้ มองขึ้นไปตามกระโปรงซีทรู หน้าอกอวบอิ่มคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นราง ๆกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ กึ่งปิดกึ่งเปิด เห็นขอบลูกไม้ด้านในได้ชัดเจน เข็มขัดถูกผูกเป็นโบสีชมพู แล้วมัดไว้ด้านข้างขาเรียวยาวสองข้างยังสวมใส่ถุงน่องตาข่ายสุดเซ็กซี่ไว้ เท้าเล็กๆ สีชมพูคู่นั้นยังสวมใส่รองเท้าแก้วไว้อีกด้วยเชี่ยเอ๊ย!เป็นชุดเครื่องแบบที่ยั่วสวาทจริงๆ !ฉู่เฉินที่ผ่านการรบติดต่อมาเป็นเวลานาน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ“เฉินเฉิน... วันนี้อยากจะมานอนบนเตียงกับฉันไหมคะ?”ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังดื่มด่ำกับวิวสวยตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา“เป็นอะไรไป ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียวเอง คุณอยากอีกแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินส่งข้อ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า