“ท่านหลง!”ปรมาจารย์วัยกลางคนรีบพยุงเจิ้งหู่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ามาใกล้ ๆ จางหลง เมื่อมองจางหลงที่ทำหน้าขรึมราวกับน้ำ เจิ้งหู่ก็ปาดเหงื่อเย็น ๆ บนใบหน้า เขากำลังคิดอยู่ว่าจะแจ้งข่าวให้ท่านหลงอย่างไรดี แต่ไม่คิดว่าท่านหลงจะมาเองนี่ทำให้เขาดีใจอย่างเหนือความคาดหมาย จางหลงขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบปกป้องคนใกล้ชิดในวงการใต้ดินของเจียงจงเจิ้งหู่ติดตามจางหลงมาสิบกว่าปี เขาโดนหักขา จางหลงย่อมไม่มีทางปล่อยฉู่เฉินให้มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองเอ็นเตอร์เทนเมนต์ตี้ตูอย่างแน่นอน นอกจากนี้เจิ้งหู่คลุกคลีอยู่ในวงการใต้ดินมาหลายปีขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความสูญเสียใหญ่หลวงขนาดนี้ในเงื้อมมือของคนรุ่นเยาว์ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไป เขายังจะอยู่ในวงการใต้ดินของเจียงจงได้อีกอย่างไร?เมื่อสังเกตเห็นชายวัยกลางคนที่ถือกระบี่ยาวตามหลังจางหลง เจิ้งหู่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเป็นมหาปรมาจารย์ยุทธ์เชียวนะ มองไปทั่วทั้งเจียงจงก็หาคนที่สองไม่ได้ เพียงแต่ว่าสถานะของคนผู้นี้ซับซ้อนนิดหน่อย ดังนั้นจางหลงถึงให้เขาลงมือน้อยมาก แต่ว่าขอเพียงคนผู้นี้ลงมือก็ไม่มีทางรอดชีวิตไป
ทั้งหมดที่เขามีล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท่านหลงมอบให้ทั้งนั้นแต่ตอนนี้เขากลับทำให้จางหลงซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่ต้องปฏิบัติด้วยความเคารพไม่พอใจ อย่างนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่คือหนทางแห่งความตายใช่หรือไม่?“ท่านหลง... ฟังผมก่อนนะครับ เรื่องนี้มันเป็นเจ้าอาคุนนั่น...”เจิ้งหู่ร้อนรน เขาเล่าอย่างสั้นๆ ถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งเดียวจางหลงมองไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จ้องอย่างเยือกเย็นไปที่เจิ้งหู่ “แหกตาหมาๆ ของแกดูให้ดี คุณฉู่ผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของฉันจางหลง!”“ฉันไม่ได้บอกไปเพียงครั้งเดียว ใครไม่เคารพคุณฉู่แสดงว่าไม่เห็นหัวฉันจางหลง!”ซี้ดๆ !เจิ้งหู่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ตอนกลางวัน จางหลงได้ส่งข้อความพร้อมกับรูปภาพมาในกลุ่มจริงๆเพียงแต่ว่าตอนนั้นเจิ้งหู่เพิ่งดื่มกับเหล่าลูกน้อง เขาไม่ได้ดูอย่างละเอียดด้วยซ้ำแย่แล้วล่ะ!เจิ้งหู่ต้องทนกับความเจ็บปวด คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตึง ก้มหัวแล้วพูดซ้ำๆ ว่า “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับที่ตาของผมหามีแววไม่ บังอาจไปปะทะกับคุณฉู่ คุณฉู่ลงโทษผมเถอะครับ”เจิ้งหู่ในตอนนี้ยอมจำนนเป็นอย่างมาก เขาไม่แม้แต่จะกล้าร้องขอชีวิตเขา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถโคโรล่าสีชมพูก็ค่อยๆ จอดตรงหน้าประตูบ้านใหญ่ เซี่ยฉีฉีรวบรวมความกล้าของเธอ ค่อยๆ หอมไปที่แก้มของฉู่เฉินเบาๆ ราวกับแมลงปอที่บินมาเกาะตรงหน้าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่ค่อยๆ ประทับลงมาบนหน้าของเขาเบาๆ เขาหันไปมองเซี่ยฉีฉีอย่างอดไม่ได้“ขอบคุณนะที่วันนี้นายช่วยฉันไว้”ใบหน้าของเซี่ยฉีฉีแดงก่ำ นำศีรษะของเธอมุดเข้าไปที่หน้าอกของเขา ไม่แม้แต่จะกล้ามองฉู่เฉิน“มันสมควรอยู่แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนไงครับ”ฉู่เฉินยื่นมือลูบไปที่หน้าผากของเซี่ยฉีฉี แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เดินไปทางบ้านใหญ่ตระกูลฉู่จนกระทั่งฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้ว หัวใจดวงน้อยๆ ของเซี่ยฉีฉีก็ยังเต้นไม่หยุดพูดจริงๆ เลยนะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใจเต้นกับผู้ชาย อีกทั้งจูบเมื่อกี้นับว่าเป็นจูบครั้งแรกของเธออีกด้วยภายในหัวของเธอยังจินตนาการว่าฉู่เฉินจะให้กอดเธอหรือทำอะไรอย่างอื่นไหมแต่ผ่านไปได้สักพักแล้ว ก็ไม่เห็นท่าทีว่าฉู่เฉินจะทำอะไร เซี่ยฉีฉีถึงพบว่าฉู่เฉินได้เดินจากไปไกลตั้งนานแล้ว“ฉู่เฉิน...”ฉู่เฉินได้ยินเสียงตะโกนร้องของเซี่ยฉีฉี ก็หันกลับมายิ้มพร้อมกับโบกมือให้เซี่ยฉีฉีเซี่ยฉีฉีสูดหายใจล
แต่เมื่อดูได้แค่แป๊บเดียว สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราดเธอเห็นแต่วิดีโอที่วันนั้นฉู่เฉินรักษาโรคร้ายแรงของเน็ตไอดอลสาวเสี่ยวหลินต่อหน้าสาธารณชน โดยที่คอมเมนต์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวิดีโอแต่ประเด็นกลับเอาแต่พูดถึงฉู่เฉินและหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกโดยเฉพาะประโยคที่ฉู่เฉินพูดในช่องไลฟ์สดวันนั้น ผมมั่วกับใครก็คงต้องให้หลิ่วหรูเยียนไปถามแม่ของเธอแล้วล่ะครับยิ่งทำให้ชาวเน็ตคิดกันไปต่างๆ นานากระทั่งที่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูก“ทำไมเป็นแบบนี้!”หลิ่วชิงเหอร้อนรนไปหมดเรื่องไลฟ์สดตอนนั้นผ่านไปก็เกือบสี่ห้าวันแล้ว ทำไมยังมีคนไม่ยอมปล่อยผ่านไปอีกนะ?อีกทั้งที่สำคัญก็คือคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูกว่าระหว่างเธอและฉู่เฉินมีความเป็นไปได้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เธอถูกฉู่เฉินบังคับและข่มขู่นะหากฉู่เฉินไม่บังคับให้เธอยอมจำนน เธอจะยอมให้ไอ้สัตว์เดรัจฉานแบบฉู่เฉินฉวยโอกาสเธอได้อย่างไร“พึ่บ!”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมากะทันหัน ไม่สนใจหยดน้ำที่ไหลตามร่างกาย สวมใส่รองเท้าแตะแล้วรีบออกไปจากห้องอาบน้ำ“ฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่สามา
ประโยคนั้นของหลิ่วชิงเหอจบลง แววตาประหลาดใจของป้าอู๋ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “คุณผู้หญิง ฉัน... ฉันเป็นแค่คนรับใช้ทั่วไปนะคะ”เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลิ่วชิงเหอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “สมาคมจันทราโลหิต!”ซี้ดๆ !ป้าอู๋ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที“ยังต้องให้ฉันพูดอะไรอีกไหม?”หลิ่วชิงเหอเอามือกอดอกไว้ กอดลูกกลมอวบอ้วนสองลูกบนหน้าอกของเธอ ดูเหมือนตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แล้วเดินไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ป้าอู๋ แกเป็นนักฆ่าระดับบีของสมาคมจันทราโลหิตใช่ไหม?”“ชื่อเดิมของแกไม่ได้ชื่ออู๋ซุ่ยเหลียน แต่เป็นอู๋อวิ๋นเซียง!”“ที่ฉันพูดน่าจะไม่ผิดใช่ไหม?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของป้าอู๋ซีดกว่าเดิมหลายเท่าสมาคมจันทราโลหิตเป็นสมาคมนักฆ่าที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ภายในมีนักฆ่ากี่คนไม่มีใครรู้แต่ในสมาคมจันทราโลหิต นักฆ่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้หญิง!ขอเพียงแค่มีรายชื่อในลิสต์สังหาร ก็แทบจะไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากความตายได้สมัยที่ป้าอู๋ยังอายุน้อย เธอเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมาคมจันทราโลหิตเพียงแต่ว่าตั้งแต่เธอติดตามสองแม่ลูกตระกูลหลิ่ว ก็
“คุณผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้อันตรายมากๆ นะคะ ว่ากันว่าเธอยังได้ลอบสังหารประมุขแห่งรัฐของประเทศใดประเทศหนึ่งในแอฟริกา และหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย หลังจากนั้นเธอก็สังหารนายจ้างของเธอ”ป้าอู๋เพียงแค่แวบเดียวก็จำกุหลาบเพลิงได้แล้ว จึงเตือนด้วยความหวังดีหลิ่วชิงเหอหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองดูรูปลักษณ์อันน่ารักและน่าดึงดูดใจในภาพถ่าย กุหลาบเพลิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน มุมปากของเธอก็เผยรอยยิ้มเยือกเย็นขึ้นมานี่มันสเปคไอ้เลวฉู่เฉินไม่ใช่เหรอ?ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่นั้น ใช้โอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัวใช้มีดปาดคอเขา นั่นมันเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? “เธอนี่แหละ ฉันโอนเงินให้แก รีบไปจัดการให้เร็ว ความอดทนของฉันมีจำกัด”หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างไม่สงสัยป้าอู๋ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำตามที่หลิ่วชิงเหอสั่ง จ่ายเงินมัดจำอีกทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องของฉู่เฉินส่งให้ฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่ทุกอย่างจัดการเสร็จสิ้นแล้ว หลิ่วชิงเหอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉาน อย่าได้คิดจะแม้จะแตะต้องเส้นผมของเธอ!หลิ่วชิงเหอที่
ผ่านไปไม่นาน กู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่าทั้งสองก็มาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่วันนี้หลินชือหย่าสวมชุดเดรสสีขาว ที่เอวของเธอตั้งใจสวมเข็มขัดสีดำที่กว้างเท่าฝ่ามือ ขาสวยขาวเนียนสวมรองเท้าแตะคริสตัล ดูสดชื่นและน่ารื่นรมย์กู้รั่วเสวี่ยสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว ท่อนล่างสวมใส่กระโปรงเอวสูงรัดแน่น ตามมาด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงที่ได้ยินอย่างชัดเจน ทำเอาบั้นท้ายที่อวบอั๋นนั้นสวยงามน่าหลงใหลมากกว่าเดิมระหว่างที่รอทั้งสองสาวเดินเข้าไปในห้อง กู้รั่วเสวี่ยก็มองไปที่อินซู่ซู่ด้วยความสงสัย“เธอเป็นสาวใช้ของผมครับ”ฉู่เฉินไม่รอให้กู้รั่วเสวี่ยถาม ก็รีบชิงแนะนำขึ้นมาเสียก่อนอินซู่ซู่ก็ยิ้มให้กับกู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่า จากนั้นเธอก็ชงชาหอมให้ทุกคนแล้วออกจากห้องไปกู้รั่วเสวี่ยแม้ว่าภายในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในเมื่อก่อนฉู่เฉินก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฉู่ เป็นธรรมดาของคนทั่วไปที่จะมีสาวใช้ข้างกาย เธอคงไม่คาดหวังให้คุณชายใหญ่ฉู่ซักผ้า ทำกับข้าวเองหรอกใช่ไหม?เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ต้องมีคนดูแลถึงจะถูกเมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยสายตาเปลี่ยนไปมองหลินชือหย่าพร้อมพูดว่า “เสี
“อ๊ะ!”ในตอนนั้นเอง หลินชือหย่าก็กรีดร้องออกมา เอามือกุมไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเธอ เธอเจ็บจนล้มนั่งลงไป ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกมาตามผิวหนังของหลินชือหย่าอีกทั้งทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่เยือกเย็นเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฉู่เฉินก็หลับตาลง หลังจากนั้นเขาชี้นิ้วของเขาเหมือนกระบี่ พลังวิญญาณก็เข้าสู่ร่างกายของหลินชือหย่าทันที หลังจากที่พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายแล้ว สถานการณ์ของหลินชือหย่าก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ บรรเทาลงไปฉู่เฉินถึงโบกมือให้หลินชือหย่า “คุณหลิน ใส่เสื้อผ้าเถอะครับ”หลินชือหย่าลังเลไปครู่หนึ่ง เธอที่สวมแค่ชุดเดรสเพียงชิ้นเดียว ข้างในโล่งไปหมด สีหน้ากระวนกระวายนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ดวงตางดงามมองไปที่ฉู่เฉิน ถามขึ้นมาว่า “คุณฉู่คะ ฉันจัดอยู่ในสถานการณ์ไหนเหรอคะ?” ฉู่เฉินจิบชาเข้าไปหนึ่งอึก ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณหลินไปมีเรื่องกับใครมาไหมครับ? ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงใช้หนอนกู่ที่ร้ายแรงแบบนี้มาทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้”หนอนกู่งั้นเหรอ?!หลินชือหย่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก ขนลุก
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ