ฉู่เฉินเหยียบคันเร่ง ไม่ถึงสิบนาทีก็ไปถึงโรงแรมที่หลิวฉางเจียงเคยพักอยู่เขาขึ้นลิฟต์ไปยังถึงยังหน้าประตูห้องสวีตบนดาดฟ้า ฉู่เฉินกดรหัสตามที่ปี้เวยเคยบอกไว้ ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือเขาเพิ่งก้าวขาเข้าไป ภายในห้องก็มีเสียงหวานดังออกมาประดุจฟ้าร้องฉู่เฉินปิดประตู ก้าวเดินเข้าไปในห้อง ในตอนที่เปิดประตู ไฟหัวเตียงแสงสีเหลืองก็สาดส่องมาเห็นแค่เตียงใหญ่ที่กว้างประมาณสองเมตร ปี้เวยได้มานั่งบนเตียงนั้นแล้วเท้าเล็กๆ คู่หนึ่งวางอยู่บนเตียง บิดเอวเล็กๆ ของเธอขึ้นลงเมื่อมองผ่านแสงสลัว ก็จะเห็นใต้กระโปรงเธอที่โล่งโจ้งวิวที่สวยทั้งหมดมองเห็นได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นปี้เวยสายตาพร่ามัว ใบหน้าแดงระเรื่อสบตาเข้ากับฉู่เฉินที่อยู่ตรงประตู เธอรีบกระโดดลงมาจากเตียงอย่างคล่องแคล่วราวกับแมวที่ได้กลิ่นปลาทู รีบวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉิน“ทำไมช้าแบบนี้ล่ะคะ!”ปี้เวยหอบหายใจ เธอแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปปลดกระดุมของฉู่เฉินออก มือเล็กของเธอสะบัดเล็กน้อย หัวเข็มขัดก็หลุดออกไปด้วย“รีบเหรอครับ?”ฉู่เฉินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไร้สาระน่า ไม่รีบได้ด้วยเหรอคะ? รอตั้งแต่ตอนบ
เธอไม่เคยเห็นใครเดินเล่นกับนกเขาของเขาขณะนอนหลับมาก่อนเลยเมื่อเวลาผ่านไป ปี้เวยก็ได้ทำการปลดปล่อยตัวเองแล้ว เธอพิงตัวไปที่ร่างของหลิวฉางเจียง เพื่อรองรับการกระทำต่อไปของฉู่เฉินเธอยังโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหลิวฉางเจียงและครวญครางเสียงดังตามมาด้วยเสียงต่ำของผู้หญิงที่กลายเป็นเสียงร้องครวญครางสูง ห้องหลายสิบห้องทั้งชั้นล้วนแต่เปิดไฟสว่างผู้ที่ชื่นชอบการร้องเพลงหลายคนก็ฮัมเพลงและร้องตามไปด้วย แต่ก็ไม่นานนัก ภายในเวลาไม่กี่นาที นักร้องประสานเสียงก็กลายเป็นการแสดงเดี่ยวของปี้เวย“เวยเวย...”ในขณะที่ปี้เวยกำลังจะปลดปล่อยตัวเองนั้น ก็มีเสียงหลิวฉางเจียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง ทำเอาปี้เวยตกใจตนตัวแข็งทื่อ เธอชนเข้ากับร่างของฉู่เฉินอย่างแรง และเด้งกลับไปข้างๆ ร่างของหลิวฉางเจียงหลังจากความโกลาหลทั้งหมดนั้น หลิวฉางเจียงถึงกับลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงงชั่วขณะหนึ่ง อากาศดูเหมือนจะแข็งตัวฉู่เฉินและปี้เวยยังอยู่ในท่าเดิม แววตาของพวกเขาจ้องมองไปที่หลิวฉางเจียง“ฉาง... ฉางเจียง คุณ... คุณตื่นแล้วเหรอคะ?”ใบหน้าเล็กของปี้เวยซีดเผือด เธอรีบผลักฉู่เฉินออกอย่างรีบร้อน แล้วนั่งตัวตรง จากนั้นเธอใ
ฉู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาตอบกลับไปอีกไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็ไม่สนใจปี้เวยอีกหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงจะถูกเธอสูบจนแห้งใช่ไหม?อีกอย่างหนึ่งของดีๆ จะกินให้หมดในครั้งเดียวมันไม่พอหรอกนะ เขาต้องวางเส้นเอ็นเส้นใหญ่ไว้ถึงจะสามารถตกปลาตัวใหญ่ได้ในคืนนั้นไม่ได้มีบทสนทนาใดๆ อีก เช้าวันที่สองกู้รั่วเสวี่ยโทรศัพท์มาหาเขา“ฉู่เฉินวันนี้มีงานเลี้ยงสำคัญเข้ามาด่วน พี่ต้องไปกับฉันนะคะ”กู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ปลายสายพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นฉู่เฉินถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ทำไมครับ? เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”กู้รั่วเสวี่ยหัวเราะออกและพูดกับฉู่เฉินว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”“งานคัดเลือกการแข่งขันแพทย์แผนจีนใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ก่อนจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการ เราก็ต้องไปพบเจอและกินข้าวกับกรรมการอะไรก่อนสิคะ”“ฉันได้นัดเหล่ากรรมการคนสำคัญไว้แล้ว พรุ่งนี้ทุกคนเจอกันที่ตึกเจียงซิน ให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันก่อน ดังนั้นพี่ต้องเคลียร์งานเลี้ยงทั้งหมดนะคะ”นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องการเดิมพันระหว่างฉู่เฉินกับหลิ่วหรูเยียนผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาในอนาคตของ ซินฉู่ฟาร์มาติคอลอีกด้
“แม่กลัวว่าแม่จะช่วยพูดอะไรไม่ได้น่ะสิ นอกจากประธานฟางแล้วยังมีคนอื่นที่ช่วยพูดอีกไหม?”ฟางอวี่เจิ้งเป็นประธานของสภาแพทย์ เป็นที่รู้จักในเจียงจงในฐานะคนเจ้าชู้ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แทบทุกคนแทบจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาครั้งก่อนที่ฟางอวี่เจิ้งเรียกหลิ่วชิงเหอออกไปกินข้าวตอนสี่ทุ่ม แค่ให้ใช้หัวแม่เท้าทายเธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ฟางอวี่เจิ้งวางแผนจะให้เธอกินไส้กรอกร้อนเมื่อพิจารณาถึงอิทธิพลและสถานะของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเจียงจง หลิ่วชิงเหอเชื่อว่าเธอคงไม่มีวันขอความช่วยเหลือจากฟางอวี่เจิ้งได้ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดในเมื่อจะกินไส้กรอกร้อนแล้ว เธอก็ต้องกินเหมือนของฉู่เฉินกินครั้งหนึ่งอิ่มไปอีกนาน เธอจะปล่อยให้ร่างกายขาวราวกับหิมะของเธอให้ฟางอวี่เจิ้งตาแก่ที่อายุอานามสี่สิบห้าสิบมาล่วงละเมิดเธอได้อย่างไร?“นอกจากประธานฟางแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยพูดได้เลยค่ะ แบบนี้ทำอย่างไรดีคะ?”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าวิตกกังวลขณะเดินไปมาแต่ในไม่ช้า ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น เมื่อตระหนักว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการสนองความสนใจของเขา!ด้วยความสวยของเธอ ถ้าเธอแต่งตัวให้ดูภูมิฐานหน่อยๆ และขอเข้าพบ
“หลิ่วชิงเหอรู้ไหมว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ออกมา?”ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า“ฉันแต่งตัวอย่างไรมันเกี่ยวอะไรกับแก! อีกอย่างที่นี่เป็นที่ที่แกควรมาเหรอ? ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!”ระหว่างที่พูด หลิ่วหรูเยียนรีบเดินขึ้นไปที่บันได เธอกำลังยื่นเมื่อเข้าไปผลักประตูตึกเจียงซิน“คุณผู้หญิงขออภัยด้วยนะคะ วันนี้ทางร้านงดให้บริการค่ะ หากใครที่ไม่ได้นัดไว้จะไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนยื่นมือเข้าไปขวางหลิ่วหรูเยียนไว้ที่หน้าประตูใบหน้าอันงดงามของหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อยขณะที่เธอหันไปมองที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง และพูดคุยกับชายผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว “สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรมาหาประธานฟางแล้วค่ะ ฉันคือหลิ่วหรูเยียนแห่งฉู่ซื่อกรุ๊ป รบกวนแจ้งประธานฟางให้ด้วยค่ะ”สายตาของชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมองผ่านไปที่หน้าอกของหลิ่วหรูเยียน แล้วเขาก็ส่ายหน้าพูดขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงครับ ขออภัยจริงๆ ตอนนี้ประธานฟางมีแขกคนสำคัญที่ต้องพบไม่ว่างเลยครับ”“ถ้าคุณรอได้ก็รอไปก่อนสักพัก ถ้ารอไม่ได้ก็เชิญกลับไปก่อนได้เลยครับ”เมื่อได้ยินปร
อ๊าๆๆ !หลิ่วหรูเยียนโกรธจนกัดหมัดสีชมพูแน่น ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้หลี่จวิ้นเฟิงมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าสับสนและพูดว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณถูกวางยาพิษงั้นเหรอครับ?”หลิ่วหรูเยียนที่ถูกหลี่จวิ้นเฟิงถามขึ้น เธอก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนเธอตอบปฏิเสธไปว่า “อย่าฟังมันพูดไปเรื่อยสิคะ! มันนั่นแหละที่ถูกวางยาพิษ ตระกูลของมันทั้งหมดถูกวางยาพิษหมด!”เรื่องแบบนี้มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอนะหากเรื่องนี้ถูกหลี่จวิ้นเฟิงรู้เข้าว่าฉู่เฉินถอนพิษให้เธออย่างไร อย่างนั้นเธอจะมีหน้าไปพบเจอคนอื่นได้อย่างไร?“จริงเหรอ? เธออย่าลืมสิว่าหมอเทวดาซุนก็เคยมารักษาให้เธอ”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาซี้ดๆ!หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเล็กก็ซีดทันที เธอกัดฟันกล่าวขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน แก...”เมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนหงุดหงิดอย่างมาก ฉู่เฉินก็หัวเราะออกมาและเดินเข้าไปโดยผลักประตูเข้าไปแต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหรูเยียนไม่เข้าใจอย่างมากนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั่น และชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างไม่สนใจฉู่เฉินเลย และพวกเขาก็ไม่ท่าทีที่จะหยุดเขาด้วยนี่มันเกิดอะไรขึ้น
เดินเข้าไปในตึกเจียงซิน ฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยก็เดินตรงไปตามทางเดินยาวไปยังห้องอาหารที่สร้างขึ้นกลางแม่น้ำซงในขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงที่กว้างขวาง มีศาสตราจารย์ผมหงอกเพียงสามคนอายุประมาณห้าสิบ และมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะหัวหน้าที่ปลายเบาะนั่งด้านข้าง ยังมีหญิงสาวผมหยิกใหญ่คนหนึ่งซึ่งน่าจะมีอายุราวสามสิบต้นๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยเห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนที่นั่งตรงกลางน่าจะเป็นประธานฟางอวี่เจิ้งในตำนานเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากข้างนอก ฟางอวี่เจิ้งและชายอีกสามคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา โบกมือให้กับกู้รั่วเสวี่ย “คุณหนูใหญ่กู้ ยินดีต้อนรับ”กู้รั่วเสวี่ยก็ยิ้มทักทายทุกคน “ลุงฟาง ศาสตราจารย์หลิน ศาสตราจารย์จาง ศาสตราจารย์เฝิงสวัสดีค่ะ”หลังจากนั้นเธอก็ผายมือไปที่ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แนะนำเขาให้กับฉู่เฉิน “ท่านนี้คือประธานฟางอวี่เจิ้งค่ะ”“ประธานฟางสวัสดีครับ” ฉู่เฉินกล่าวขึ้นมาฟางอวี่เจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาหลังจากที่กู้รั่วเสวี่ยได้แนะนำหลินจื้อหง จางเสวี่ยเหยียน เฝิงว่านชางทั้งสามคนเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปจับแ
ตอนนี้จะไม่พูดถึงขนาดของรังนกว่ากว้างแค่ไหนแต่ขาทั้งสองข้างนั้นหนีบเอวของฟางอวี่เจิ้งไว้แน่นชนิดที่ว่าเขย่าก็ไม่ออกกู้รั่วเสวี่ยจึงบีบเอวฉู่เฉินไปหนึ่งที แล้วกระซิบขึ้นมาเบาๆ ว่า “พี่ดูให้ดีๆ สิ”ฉู่เฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมทั้งกระซิบข้างหูกู้รั่วเสวี่ยว่า “ไม่งั้นเขาจะบอกเหรอว่า ไม่ใช่การเล่นสนุกของผู้หญิงบางคนที่น่ากลัว แต่เป็นเสน่ห์และความเย้ายวนของหญิงสาววัยสามสิบกว่าที่มักมีความรู้และทักษะมากมาย ทำให้พวกเธอน่าดึงดูดและน่าหลงใหล”“ผมว่าตอนนี้ประธานฟางของเราน่าจะโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”ตู้ม!เมื่อได้ยินประโยคนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยกับฉู่เฉินหัวเราะอย่างมีความสุข เหล่าศาสตราจารย์ทั้งหลายก็ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดหากจะให้พูด รุ่นน้องแบบฉู่เฉินเห็นได้ชัดเลยว่ากู้รั่วเสวี่ยพามาให้รู้จักหน้าตาแต่เมื่อนั่งลงแล้ว แม้แต่แก้วน้ำชาเขาก็ยังไม่ดื่มเพื่อแสดงความเคารพต่อพวกเขาเลย เอาแต่ยิ้มหัวเราะกับกู้รั่วเสวี่ยนี่มันหมายความว่าไม่เห็นพวกเขาสามคนในสายตาทั้งสามคนสบตากัน สุดท้ายก็เป็นเฝิงว่านชางเป็นคนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนว่า “พ่อห
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่