ที่จริงกระถางเก้าดารานอกจากสามารถใช้เป็นหัวใจค่ายกลแล้ว ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นก็คือใช้ยันต์เก้าดาราเดือนฉายเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาวุธวิเศษที่ใช้โจมตีศัตรูได้เพียงแต่ตอนนี้ระดับพลังของฉู่เฉินต่ำเกินไป อย่างมากก็ทำได้เพียงใช้มันมาข่มขู่เท่านั้นถึงแม้พลานุภาพจะน้อยมาก แต่กลับทำให้คนตกใจได้ไม่น้อยพอเห็นแสงสว่างสีขาวดวงใหญ่ขนาดนั้นถูกขว้างตรงมาที่หน้าผากของตัวเอง หลี่ว์เจิ้งหยางตกใจเหงื่อแตกไปทั้งตัวสำนักนางในยังไงก็เป็นสำนักบำเพ็ญพรต มีความรู้ด้านคาถาอาคมอยู่บ้าง และท่ามกลางคาถาอาคมหรือยันต์ต่างๆ ยันต์ที่สามารถเปล่งแสงได้นั้นอันตรายที่สุดพลังโจมตีเรียกได้ว่าน่ากลัวสุดขีดด้วยเหตุนี้ ความคิดแรกของหลี่ว์เจิ้งหยางก็คือหนีเสี้ยววินาทีที่แสงสว่างดวงนั้นกำลังจะกระแทกโดนหลี่ว์เจิ้งหยาง ร่างกายของเขาลอยถลาไปข้างหลังในแนวตรงราวกับว่าวลมตัวหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ตวัดกระบี่ยาวในมือร่ายรำเพลงกระบี่สิบกว่าครั้ง“ชิ้งๆๆ!”เงากระบี่มากมายสานตัวกันเป็นตาข่ายกระบี่อันแน่นขนัดจนลมแทบผ่านไม่ได้ ปกป้องเขาไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนาแต่แรงกระแทกที่เขาคาดว่ามันจะรุนแรงสุดขีดกลับไม่เกิดขึ้น แ
หลี่ว์เจิ้งหยางแค่นเสียงตาข่ายกระบี่ที่เขาวาดกระบวนท่าออกไปเมื่อกี้เป็นถึงหนึ่งในสุดยอดกระบวนท่าของสำนักนางในเชียวนะผู้ฝึกปราณชั้นเจ็ดโดยทั่วไปอย่าว่าแต่ทะลวงตาข่ายกระบี่เข้าใกล้เขาเลย แค่ไม่ถูกฟันร่างขาดเป็นสองท่อนก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วแต่ฉู่เฉินกลับสามารถย่างกรายเข้ามาทีละก้าวๆ นั่นแสดงว่าพลังของฉู่เฉินไม่ใช่แค่ผู้ฝึกปราณชั้นเจ็ดทั่วไปแน่นอนแต่ถึงแม้อย่างนั้น ผู้ฝึกปราณชั้นแปดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ฉู่เฉินจะจินตนาการได้อย่างแน่นอนหลี่ว์เจิ้งหยางเงื้อมือขึ้นโบก พลันนั้น ประกายสีแดงก็พลันเรืองแสงออกมาจากฝ่ามือของเขาหลี่ว์เจิ้งหยางพึมพำเคล็ดวิชาประโยคหนึ่ง จากนั้นประกายแสงเส้นนั้นก็พุ่งตรงมาที่หว่างคิ้วของฉู่เฉิน!ตูม!ลำแสงเส้นนั้นเพิ่งจะพวยพุ่งมาทางฉู่เฉิน เสียงดังเลื่อนลั่นสะเทือนแก้วหูก็พลันดังขึ้นการโจมตีที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจนั่น กลับเต็มไปด้วยอานุภาพร้ายแรงน่าพรั่นพรึงพริบตาเดียว ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วรัศมีรอบๆ โดยมีฉู่เฉินเป็นศูนย์กลาง แผ่ปกคลุมถนนหลวงทั้งเส้นเข้าไปในพายุฝุ่นด้วยหลิวจิ่งหงยิ้มเย็น ไอ้หนูแซ่ฉู่นั่นต้องตายแน่นอนหลี่ว์เจิ้งหยางแค่นยิ้มอย่างเย็นช
“กร๊อบ!”หลิวจิ่งหงยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้นอีกครั้ง ขาอีกข้างของเขาก็ถูกฉู่เฉินเตะจนหักไปด้วยหลิวจิ่งหงในตอนนี้เจ็บจนร้องไม่ออกแล้วเขาเบิกตากว้างจนเหมือนก้นระฆัง เส้นเลือดฝอยในตาแตก จ้องหน้าฉู่เฉินอย่างเคียดแค้น“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ? จะเอาผู้หญิงของฉันต่อหน้าฉันงั้นเหรอ?”พูดจบ ฉู่เฉินก็โยนร่างของหลิวจิ่งหงออกไปไกลหลายเมตร จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปหาเฉียนเจียวเจียวที่ตกใจสติหลุดไปแต่แรกแล้วพอเห็นฉู่เฉินโอบเฉียนเจียวเจียวไว้ในอ้อมแขน ดวงตาของหลิวจิ่งหงแดงก่ำไปทั้งดวงแม้เขากับเฉียนเจียวเจียวต่างคนต่างมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่เฉียนเจียวเจียวก็ยังเป็นแฟนและว่าที่คู่หมั้นในนามของเขาฉู่เฉินไม่ได้แค่กำลังสวมหมวกเขียว[1]ให้เขา แต่กำลังปลูกหญ้าบนหัวเขาเลยต่างหาก“อา…”เฉียนเจียวเจียวพลันได้สติกลับคืนมา พบว่ามือใหญ่ของฉู่เฉินล้วงเข้ามาในบ่อปลาของเธอแล้ว เพียงแต่เธอขัดขืนตามสัญชาตญาณเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะจมสู่ภวังค์ภายในเวลาไม่นานเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องน้ำของบริษัทประมูล เฉียนเจียวเจียวยังไม่ถึงจุดสูงสุด ถ้าหากไม่ได้ถูกอวี้ลู่ขัดจังหวะ เธออาจสวมหมวกเขียวให
เมื่อเส้นผมยาวอันยุ่งเหยิงของเธอสั่นสะเทือนตามแรงเขย่าเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานฉู่เฉินก็จู่โจมจนถึงขีดสุดยอด“อ๊าก!”ร่างกายของหลิวจิ่งหงเขย่าตามไปด้วย เพราะมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวกำไหล่เขาไว้แน่น เขาเจ็บจนแทบบ้าต้องบอกก่อนว่าขาทั้งสองข้างของเขาหักหมดแล้ว และตอนนี้เลือดก็กำลังไหลอยู่ด้วยนังชั้นต่ำเฉียนเจียวเจียวกลับคว้าไหล่ของเขาแล้วสั่นไม่หยุด จุดนี้แหละที่ทำให้เขาสติแตก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ตึก!พอฉู่เฉินจู่โจมอย่างรุนแรงเป็นครั้งสุดท้าย ร่างของเฉียนเจียวเจียวก็ถลาพุ่งไปด้านหน้า ล้มทับบนตัวหลิวจิ่งหงเต็มๆ คนถูกทับกรีดร้องโหยหวน ก่อนที่จะเงียบไปในเวลาไม่นานหลิวจิ่งหงหมดสติไปแล้ว!และเฉียนเจียวเจียวกับฉู่เฉินก็ถึงจุดสุดยอดพร้อมกันในเวลานี้“คะ… คุณฉู่ คุณ… คุณจะไปไหน?”พอเห็นฉู่เฉินใส่กางเกงเสร็จก็เปิดประตูรถทำท่าจะสตาร์ตรถขับออกไป เฉียนเจียวเจียวที่อ่อนแรงไปทั้งตัวก็ลนลานขึ้นมาเธอถูกฉู่เฉินทำเรื่องอย่างว่าต่อหน้าหลิวจิ่งหง หลิวจิ่งหงไม่มีทางยอมรับเธออีก ยิ่งไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ๆถ้าหากฉู่เฉินปล่อยกระสุนเสร็จก็คิดจะชิ่ง งั้นเธอก็ซวยน่ะสิ?“ก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วสิ ไม่งั
“อ้อ?”หลิวฉางอันยักคิ้ว ก่อนจะหันไปสั่งชายชุดสูทคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังว่า “ฉันให้เวลาสามวัน ไปสืบประวัติของไอ้แซ่ฉู่มารายงานฉันให้เร็วที่สุด!”“ครับ!”ชายชุดสูทคนนั้นรับคำสั่ง ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็วหลี่ว์เจิ้งหยางที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยพยายามหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เขาบอกหลิวฉางอันว่า “ผู้นำตระกูลหลิว รบกวนคุณช่วยแจ้งสำนักของผมที บอกพวกเขาว่าต้องแก้แค้นให้ผมกับศิษย์น้องสองคนที่ถูกฆ่าให้ได้”หลิวฉางอันมองหน้าหลี่ว์เจิ้งหยาง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “อาวุโสหลี่ว์วางใจ ผมให้คนไปส่งข่าวที่เขามังกรคู่แล้ว ขอเพียงสืบประวัติไอ้แซ่ฉู่นั่นได้ ทางเขามังกรคู่จะต้องส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปฆ่ามันแน่นอน!”ครั้งนี้ เขามังกรคู่เสียยอดฝีมือที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นแปดไปถึงสามคน พวกเขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่แต่ก่อนหน้านั้น หลิวฉางอันต้องสืบประวัติของฉู่เฉินให้แน่ชัดก่อนถึงยังไงก็ไม่มีทางที่ยอดฝีมืออายุยี่สิบกว่าปีที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ดระดับสูงสุดคนหนึ่งจะไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเลยถ้าเกิดไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย ไม่เพียงตระกูลหลิวเท่านั้นที่จะซวยไปด้วย แ
ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของตัวเองแล้วคนจากสำนักนางในอาจมาแก้แค้นได้ทุกเมื่อ ฉู่เฉินจำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุดพอดูนาฬิกาก็เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะถึงเวลานัดกับเจียงไห่ตงแล้ว ฉู่เฉินจึงกำชับอินซู่ซู่สองสามคำ พร้อมกับบอกสูตรเปิดค่ายกลเก้าดาราสังหารให้เธอด้วย จากนั้นจึงค่อยขับรถออกจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่สถานที่ที่เจียงไห่ตงเลือกเป็นร้านอาหารที่น่าประทับใจแห่งหนึ่งชื่อว่าเรือนเจียงสุ่ยถึงไม่ใช่ร้านอาหารระดับสูงของเมืองเจียงจง แต่ก็ไม่ใช่ที่ที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าออกได้อีกอย่างคนที่มากินข้าวที่นี่ได้ แทบจะมีแต่คนใหญ่คนโต หรือคนดังในแวดวงการเมืองทั้งนั้นหลังจากจอดรถในลานจอดรถด้านหน้าเรือนเจียงสุ่ยเสร็จ ฉู่เฉินก็ก้าวเท้าลงจากรถเวลานี้ มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดหน้าประตูขวางทางฉู่เฉินอยู่พอดีเหมือนรถมีปัญหาอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยขับออกไปช้าๆกระทั่งแท็กซี่ขับออกไป ฉู่เฉินถึงค่อยสาวเท้าเดินไปทางเรือนเจียงสุ่ย“ฉู่เฉิน?!”ในเวลานี้เอง เสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังมาจากข้างหลังฉู่เฉินหันกลับไปมองอย่างสงสัย เห็นเพียงชายชุดสูทคนหนึ่งเดินมาทางฉู่เฉินพร้อ
ฉู่เฉินขี้คร้านจะเสวนากับคนทัศนคติคับแคบอย่างเฉินปิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถดูถูกฉู่เฉินได้เหมือนกันชีเสวี่ยมองแผ่นหลังของฉู่เฉินที่เดินออกไปไกลแล้ว ก่อนจะขมวดคิ้วบอกว่า “เขาคงไม่ได้มากินข้าวที่นี่จริงๆ หรอกนะ?”ที่จริงเธอกับเฉินปินไม่ได้มากินข้าว แต่มาทำงานต่างหากชีเสวี่ยเป็นหัวหน้าพนักงานบริการของร้านอาหารแห่งนี้ ส่วนเฉินปินก็ช่วยงานอยู่หลังครัวถึงยังไงคนที่มากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งนี้ได้ หากไม่ใช่คนรวยก็เป็นพวกเจ้าขุนมูลนายกันทั้งนั้นปกติแล้วเฉินปินก็อาศัยหน้าตาภายนอกที่หล่อเหลาดึงดูดผู้หญิงรวยอายุสี่สิบห้าสิบปีส่วนชีเสวี่ยก็อาศัยเรียวขายาวขาวคู่นั้น กับหน้าอกหน้าใจขนาดใหญ่สองลูกนั่นยั่วยวนแขกที่มากินข้าวหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็จะเงินหลายหมื่นบาทเป็นทิปแทบทุกครั้งทั้งสองต่างก็เข้าขากันดี ต่างคนต่างก็ไม่ว่าอะไรที่อีกฝ่ายทำแบบนั้น“เหอะ ตัวเองดูมันแต่งตัวสิ เหมือนคนที่มากินข้าวเหรอ?”เฉินปินแค่นยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าอย่างดูถูก“งั้นเขาก็มา…”ชีเสวี่ยมองฉู่เฉินอย่างไม่เข้าใจต้องบอกก่อนว่า ร้านอาหารแห่งนี้ที่พวกเขามาทำงานเข้มงวดมาก ถ้าหากไม่ได้จองห้องส่วนตัวก่อน ก็จะถ
เห็นได้ชัดว่า เมื่อกี้เธอถูกใครบางคนจับปลาเค็มมาแล้ว“เฉินปิน ทำอะไรอยู่น่ะ?”ชีเสวี่ยจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง พลางขมวดคิ้วถาม“ฉันกำลังเล่าเรื่องตลกที่ฉู่เฉินทำหน้าใหญ่ใจโตเพื่อนในห้องเราฟังอยู่น่ะสิ”เฉินปินยิ้มกว้าง ก่อนตอบพลางกวาดมองหน้าอกอวบอิ่มขาวเนียนของชีเสวี่ยแวบหนึ่ง“โธ่ พอได้แล้ว ห้องส่วนตัวเบอร์หนึ่งกำลังเรียกพนักงานบริการอยู่ พวกเราสองคนรีบไปกันเถอะ”ชีเสวี่ยกระซิบบอก เหมือนกลัวเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้ยินเฉินปินขมวดคิ้วถามว่า “ห้องส่วนตัวเบอร์หนึ่งมีคนใหญ่คนโตมาอีกแล้วเหรอ? ครั้งนี้ใครล่ะ?”เฉินปินเดินตามชีเสวี่ยไป พลางถามอย่างสงสัยครั้งก่อนก็เป็นแขกในห้องเบอร์หนึ่งนี่แหละที่ถูกใจพวกเขาสองคน พวกเขาสองคนได้ทิปคนละหลายหมื่น เพียงสิบนาทีพวกเขาก็ได้เงินสิบแสนมาครอง ความฝันที่จะได้ซื้อเรือนหอก็ใกล้เข้ามาอีกหนึ่งก้าวแล้ว“เจียงไห่ตง!”ชีเสวี่ยกระซิบบอกเบาๆ“เชี่ย นี่มันโอกาสหายากชัดๆ ถ้าเธอปีนขึ้นเตียงเจียงไห่ตงได้ พวกเราก็สบายแล้ว”เฉินปินบอก พร้อมกับเปลี่ยนชุดพนักงานให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบตามชีเสวี่ยไปพร้อมกันถึงยังไงคู่หมั้นของเขาก็ถูกคนอื่นเล่นอยู่ทุกวันอยู่แล้
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก